นาฏกรรมชีวิต บทที่3 ฉากที่1

กฤตศิลป์ ชินบุตร

บทที่ 3 
ฉากที่ 1 	เมืองที่ได้ชื่อว่าสวรรค์บนโลกมนุษย์ นามกรุงเทพมหานคร		
อีกฟากฝั่งสังคมเป็นเมืองใหญ่		
เสียงร่ำลือขจรไกลทั่วทิศา
คือเมืองหลวงของเหล่ามวลประชา		
ที่ไหลบ่าเพื่อหาชีวิตงาม
บางคนทอดทิ้งแม่เพียงลำพัง		
ด้วยวาดหวังสูงใหญ่จะใฝ่ข้าม
บ้างลูกน้อยงอแงระงมตาม			
ประกายตาวาบหวามสะท้านทรวง
หากไม่จากตรากตรำทำนาไร่		
รังเปลวไฟไหม้ตัวให้ลับล่วง
ใช่ชีวิตอ่อนแองานทั้งปวง			
แต่เพื่อดวงหัวใจจึงจากจร
ทั้งไม่รู้อยู่ไปก็ไร้ค่า			
สู้จากนาเพียงเสื่อและใบหนอน
เผชิญโชคชะตามหานคร				
ดีกว่านอนรอวันมรณา
พระอินทร์จำแลง
เมืองกรุงคงรุ่งเรืองเมืองสวรรค์		
พลิกชีวันผู้คนเยี่ยงเมืองฟ้า
ด้วยไอทิพย์น้ำใจในธรา				
ผองชาวนาย่อมลืมตาประกายวาว
แม้นไม่อาจอยู่สุขในนาไร่		
เพราะผองภัยมากมีในรอยเท้า
ช่างเจ็บปวดความจริงในเรื่องราว			
ช่างอาดูรแท้ชาวนาไทย
หวังว่าชีวิตเจ้าคงพูนสุข			
ขจัดทุกข์เร้ารุมเส้นทางใหม่
ถึงยามท้อเรามีไม่เป็นไร				
เถิดแรงใจอีกดวงจะนำทาง
ชานเมืองใหญ่ปรากฏชายผิวคล้ำ		
เสื้อเก่าดำขาดวิ่นยามฟ้าสาง
ย่านการค้ามากมายคนเลือนร่าง			
ที่ละร่างที่ละร่างค่อยลับตา
อินทร์จำแลงทรงนั่งเพื่อพักผ่อน		
สุริยันร้อนตอนเช้าไคลอาบหน้า
ลมคาวคลุ้งจากคลองโชยกลิ่นมา			
ล้ากายาเอนกายไม่รู้ตัว
		
ยิ่งฟ้าเปิดอาทิตย์ยิ่งแผดกล้า		
เสียงอึงอลวาจาฝันสลัว
คือฝันร้ายบาดลึกอันหน้ากลัว			
จึงรู้ตัวรู้ตนบนความจริง
เมืองสวรรค์เทียบเท่าเมืองนรก		
สกปรกรกตาทุกสรรพสิ่ง
เมืองสวรรค์วาดฝันช่างแอบอิง			
พินิจยิ่งโสมมในไกวัล				
comments powered by Disqus
  • รัมณีย์

    27 กรกฎาคม 2551 10:00 น. - comment id 879332

    6.gif6.gif6.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน