บางบทของการเมือง

กฤตศิลป์ ชินบุตร

ประชามติชน		
บนเล่ห์กลสรรพสิ่ง
คงคาเสมือนนิ่ง			
ท้ายที่จริงนั้นเชี่ยวแรง
รัฐธรรมนูญใหม่		
ที่เท่าไหร่มหาแพง 
ฉีกเขียนโดยเปลี่ยนแปลง		
อำนาจแฝงไว้คงมือ
ผ่านรับใช่ผ่านชอบ	
ใช่คำตอบประเทศหรือ
เสียงต้านอึงมี่คือ			
เสียงใบ้บื้อหรืออย่างไร
		
 รับก่อนแล้วค่อยแก้	
โอ้ล่ะแม่สันดานใคร 
ปาหี่โดยชอบใจ			
มติได้มหาชน
ชอบธรรมกรรมที่ก่อ	
ชอบชูคอวอเมืองบน
ชอบอ้างนิรมล		
ชอบฉ้อฉลคนเดินดิน
เห็นว่าไร้เดียงสา		
จมปลักนาเป็นอาจินต์
หยาดเลือดที่รดริน		
ดูดซดกินจนสิ้นคาว
อำนาจมันเผือกร้อน	
ผ่องถ่ายก่อนคดีฉาว 				
ดื่นดวงดารกพราว		
มิยืดยาวเพียงตะวัน
			
เลือกตั้งหลังปฏิวัติ	
นี้ชี้ชัดศรัทธาฝัน
แสงวาบมิดับพลัน		
สถิตมั่นในใจชน
			
การเมืองเสียงข้างมาก	
ใช่จูงลากไม่กี่คน
ชั่วดีประจักษ์ผล			
กลไกนิติธรรม 
อำนาจย่อมมีได้		
แต่ครองใจพิสุทธิ์ล้ำ
ฟ้ากว้างแล้วสีดำ			
ก็หมายจำมณีจาง
เมฆาจะบังแสง		
ยังเสียดแทงอุษาสาง
ยิ่งมืดกลับรุ่งราง			
ยังท่ามกลางประชาคม
คืนผ่านการเลือกตั้ง	
คืนความหวังกลับมาหน
คืนวันประชาชน			
คืนฉ้อฉลเผด็จการ
และแล้วก็ปรากฏ  	
อัปยศพญามาร
พร้อมทั้งบริวาร			
กำเริบหาญเป็นไพรี
เรือเริ่มทะยานเคลื่อน	
ก็บิดเบือนและป้ายสี
ลวงพรางจรลี			
เป็นฉันนี้มาช้านาน
เพื่อนบ้านไปไกลโพ้น	
เราย่ำโคลนบนดินลาน
ทั่วโลกดุจพิมาน			
เราคะคานในโลกันตร์ 	
ดีคือท่านเสพสุข		
ร้ายคือทุกข์ประชาศัลย์
ดีคือท่านเมามัน			
ร้ายคือฝันประชาวาย
เสพสุขเสวยราษฎร์ 	
บริภาษทาสเจ้านาย 
บฤงคพในบั้นปลาย		
สำคัญหมายให้ยืนยง
เมามันเกมอำนาจ	
ดารดาษพันธุ์ยูงหงส์
ฆ่าช้างเพื่อธำรง			
บนผืนธงสามัคคี
ฟ้าสูงดึงลงต่ำ		
ยิ่งตองย้ำความกาลี
ใส่ร้ายและป้ายสี			
ดัชนีมฤตยู			
		
กี่ศพที่เข่นฆ่า		
กี่เวลาที่อดสู
กี่การณ์ ที่ทนดู			
กี่รับรู้ที่ชินชา 
สักศพจักลบเลือน	
จากปีเดือนพันธนา
สักถ้อยจำนรรจา			
ประกาศกล้าการเปลี่ยนแปลง
ไพร่ทาสไม่มีแล้ว	
เสนาแก้วไยแอบแฝง
อิงอ้างบทแสดง			
ทั้งจำแลงคราบนักบุญ
			
ประชายังไม่พร้อม	
คำหว่านล้อม ฟังคุ้นคุ้น
อำมาตย์สิขาดทุน		
แย้มอรุณประชาชน
ประชาธิปไตย		
ย่อมข้าไทยประจักษ์ผล
อำมาตย์ทุรชน			
ย่อมทุรนทุรายลาญ
นักบุญไม่รู้บาป		
แต่รู้ทราบวิชามาร
ยืนตนอันธพาล			
เพื่อประจานสันดานตัว
	
เคยสุขสโมสร		
ดัสกรขยาดกลัว
เสพสมในเมามัว			
จนเกลือกกลั้วไม่รู้อาย
เคยเห็นมิได้ดู	
ยอดโฉมตรูมาเร้นหาย
ของรักสิ้นมลาย			
ความเสียดายธรรมดา
		
รู้เช่นจนเห็นชาติ		
เหล่าอำมาตย์วาสนา
เพลินลิ้นภุญชนา			
เปรมปรีดาหลังบ่าคน
สางแสงจะปรากฏ	
อนิยตในเมืองบน
เสรีมหาชน			
จักหลุดพ้นอนธการ
ต้นเค้าแห่งรุ่งราง		
คือแสงสางก่อผสาน
ต้านเค้าบริวาร		
คือสามานย์เงาทมิฬ 
บางบทจาก กวีเสียดสีการเมือง
"สังเวชประเทศศยาม"
บันทึกฝัน บรรณอาศรม ชมรมฅนเศร้า				
comments powered by Disqus
  • ปอ ประตูหลัง ชอบกินถั่วดำ

    24 สิงหาคม 2552 09:47 น. - comment id 1030887

    อำมาตย์ชั่วเกาะกินชาติ  มพวกมันไม่มีทางเห็นความทุกข์ยากของประชาชนหรอกครับ  มันเสพสุขจนเคยชิน ฟังแต่คำยกยอปอปั้น  
    พวกมันมีแต่กดขี่ข่มเหง  ประชาชน  
          ขนาดพวกเขาจะแต่งดำให้สำนึก พวกบริวารมันยังมาเห่าหอนว่า  ผิดกฏหมาย  จะจับเข้าคุก  มีหรือกฏหมายมันเขียนไว้แบบนี้  พวกมันเกาะบารมีฟ้า หากิน จนพุงกาง  
    
    รออย่างเดียวครับ  รอวันฟ้าสีทองผ่องอำไพครับ
  • เรียกผมสมชาย

    24 สิงหาคม 2552 14:27 น. - comment id 1031001

    วรรคทองครับ.
    ...
    ชอบธรรมกรรมที่ก่อ 
    ชอบชูคอวอเมืองบน
    ชอบอ้างนิรมล 
    ชอบฉ้อฉลคนเดินดิน
    ...
    กี่ศพที่เข่นฆ่า 
    กี่เวลาที่อดสู
    กี่การณ์ ที่ทนดู 
    กี่รับรู้ที่ชินชา
    ...
  • กิตติกานต์

    24 สิงหาคม 2552 14:55 น. - comment id 1031014

    มาอ่านผลงานค่ะ...
    
    36.gif11.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน