::ฮาว::

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์


1.   เมื่อวานผมเข้าไปในร้านหนังสือใหญ่ในเมือง
      วันนี้ก็เหมือนกัน
      ความจริงผมก็แวะไปที่นั่นบ่อย
      หนังสือบนแผงในร้านแลลานตาไปหมด
      หลากหลายแนวและหลากสีสัน
       ผมตั้งใจหาหนังสือกวีนิพนธ์ซักเล่ม
       
       น่าแปลกที่ร้านหนังสือใหญ่ไม่มีแผงสำหรับกวีนิพนธ์
       แต่ช่างเถอะ   แม้หนังสือจะแทรกอยู่กับแนวไหนๆ 
       ผมก็จะเสาะ  เสาะไปทีละซอก
       ดนตรีที่ได้ยินเบาๆในตอนแรก
      ไม่สามารถดึงความสนใจของผมไปได้
       แต่พอเปียโนขึ้นและไล่เมโลดี้คุ้น
       กับมีเบสล้อแบบไม่ถึงกับรุกไล่ เป็นระยะ
       ความสนใจของผมกลับผละไปจากหนังสือบนแผง 
       และตามสำเนียงของแนวดนตรีนั้นไปอย่างจดจ่อ
       อืม...
       ท่วงทำนองกับลีลาการล้อกันนั้นผมรู้สึกคุ้นมาก
       แต่ก็จำไม่ได้ว่าเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน
       ก็เหมือนเพื่อนบางคน
       ที่อาจไม่สนิทนักในวันที่ผ่านไปแล้ว
       ครั้นมาพบอีกครั้งก็คุ้นมากกว่าคลับคล้าย
       ถ้าคนใดคนหนึ่งไม่เข้าไปทักถามถึงความหนหลัง
       บางทีการพบกันหนใหม่
       ก็ไม่มีอะไรที่จะคลี่คลายเป็นมิตรภาพใดๆได้
       ในที่สุดผมก็จำท่วงทำนองนั้นได้
       เพลงบทคุ้นที่ผมเคยเขียน ก็มาจากท่วงทำนองนั้น
       ผมไม่หยิบหนังสือเล่มใดๆจากร้านหนังสือใหญ่แห่งนั้น
       เว้นก็แต่ปากกากับสมุดบันทึก
       ผมกำลังต้องการมุมสงบสักแห่ง
       เพื่อเขียนสิ่งที่กำลังกรุ่นอยู่ในความรู้สึกตอนนี้
       ใช่แล้ว
        ผมอยากกลับไปหาเพลงบทคุ้นอีกครั้ง
        .....
     
       
				
comments powered by Disqus
  • ทะเลใจ

    3 ตุลาคม 2548 13:57 น. - comment id 522391

    เพลงที่คุ้นเคย สำหรับเอม  ..
    
    
    \" ย้ำ \"  และหนังสือเล่มโปรด  \"ดั่วดวงหฤทัย\" 
    
    ไม่ว่านานแค่ไหนก็ยังจำได้เสมอ
  • ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

    3 ตุลาคม 2548 14:04 น. - comment id 522392

    2.  เนื้อเพลง ของเพลงบทคุ้น ผมเขียนแด่ 
         มิตรคนหนึ่ง กับช่วงเวลาหนึ่งของเธอ
       
         เธอจะรับรู้หรือไม่ก็ไม่เป็นไร
    
         เวลานี้ผมจินตนาการ ว่ากำลังพรมนิ้ว
         บนเปียโนเล่นเพลงนั้น ทบทวนความรู้สึก
    
          เพลงบทคุ้น..
    
          1.   หากแม้นเธอเหงาถึงเคว้งคว้าง
          ค่ำคืนอ้างว้างถึงฝันร้าย
          ฝากเพลงกล่อมใจหายเดียวดาย
          ฝากดาวเรียงรายมาอุ่นใจ
    
    2.   แม้นเหงาเศร้าซึมถึงสุดโศก
          ต่อโลกอันฉ้อฉลคนเฉไฉ
          ต่อสังคมที่เห็นและเป็นไป
          ต่อบางสิ่งที่เปลี่ยนไวในราววัน
    
    3.   แลดาวที่ฉายแม้บ่ฉาน
          คงการเดินทางบ่บิดผัน
          นั่นแลแรงใจที่หมายปัน
          เอื้อกันในคราวที่ร้าวรอน
    
    4.   ฝากเพลงบทคุ้นมาอุ่นเอื้อ
          ฝากดาวอีกเพื่อคลายเหนื่อยอ่อน
          ฝากจันทร์บอกว่ายังอาทร
          ขอเธอแกร่งเหมือนก่อนและก้าวเดิน
    
    ฯ
    
          ----
    
    
          หรือว่าบางที   
          เป็นผมเอง
          ที่ต้องการได้ยินเพลงนี้
          จากใครซักคน
  • ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

    3 ตุลาคม 2548 14:12 น. - comment id 522393

    สวัสดีครับคุณเอม
    ขอบคุณครับผมที่เข้ามาพูดคุยด้วย
    
    ผมเพิ่งกินกาแฟบ่ายครับ
    ตาโพลงอยากอ่านอยากเขียนมากเชียวครับ
  • -ร้อยแปดพันเก้า-

    3 ตุลาคม 2548 15:04 น. - comment id 522402

    สวัสดียามบ่ายครับ คุณก่อพงษ์
    
    วันนี้ที่เชียงใหม่ร้อนมาก น้ำลดลงบ้างแล้ว การสัญจรก็ดีกว่าเก่า แต่..ก็นั่นแหละยังไม่หมดหน้าฝนครับ ใจก็ยังตุ๊มๆต่อมๆ วางใจกับภัยธรรมชาติไม่ได้
    
    อาการแบบคุณผมเคยเป็นบ่อยๆ คุ้นชินกับอะไรที่ผ่านเข้ามาง่ายๆ เอ๋ หรือว่าเราแก่แล้วหือ ความคุ้นชินกับสิ่งนั้นสิ่งนี้ถึงมีบ่อยๆ เคลิบเคลิ้ม แต่ก็ไม่สามารถเขียนอะไรออกมาได้ หรือถ่ายทอดอะไรต่อมิอะไรเป็นตัวอักษร เหมือนที่คุณกำลังทำอยู่
    
    คุณก่อพงษ์ก่อจินตนาการออกมาได้ ชอบครับ ชอบวรรคนี้..ฝากเพลงบทคุ้นมาอุ่นเอื้อ..
    
    59.gif59.gif
  • อัลมิตรา

    3 ตุลาคม 2548 15:13 น. - comment id 522404

    หาว ... เสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา ช่วงบ่ายเป็นช่วงที่หลับ ..
    
    เมื่อวานก็ไปร้านหนังสือซีเอ็ดเหมือนกันนะ 
    เห็น the last fantasy ภาค 4 ออกมาแล้ว  ตอนนี้เพิ่งไล่อ่านถึงเล่มสองเอง  ช่วงกลางเดือนนี้ แอบรู้มาว่า มีงานสัปดาห์หนังสือที่ศูนย์ประชุมสิริกิต์ ก็เลยคิดว่า ไปซื้อเอาที่งานดีกว่า อาจมีของแถม ( ฮา..ประหยัดคุ้ม)
    
    พูดถึงเพลงบทคุ้น ..  เพิ่งลงโคลงที่ถอดความจากเพลงผิงดาว สองวันก่อน ร้องเพลงนี้ให้เพื่อนฟัง เพื่อนถามว่า เพลงนี้ต้นฉบับใครร้อง นึกตั้งนาน นึกไม่ออก .. เพราะว่าอัลมิตราไม่เคยฟังจากต้นฉบับ เพื่อนร้องให้ฟังอีกที เขาดีดกีตาร์ให้ฟังด้วยนะ ทำตาซึ้งเชียวตอนนั้น .. ฮา ..  ทีนี้ก็บอกเพื่อนว่า เอาน่า เชื่อเถอะว่าร้องถูกใจ ถึงจะไม่ถูกทำนองก็ตามเหอะ .. จากนั้น ก็หุ้นกันเขียนเป็นโคลงค่ะ
    
    นาน ๆ จะแชร์ความคิดบางอย่างจากสมองให้ร่วมผจญภัยกับตัวหนังสือด้วยกัน .. มันก็ให้บรรยากาศแปลกไปอีกอย่างเนอะ คุณก่อพงษ์
  • อัลมิตรา

    3 ตุลาคม 2548 15:21 น. - comment id 522407

    อ้อ เกือบลืม .. คุณร้อยแปดพันเก้า ดูแลตัวเองด้วยนะคะ ข่าวว่า ..ฝนฟ้ายังคงกระหน่ำเชียงใหม่..อยู่ค่ะ
  • บินเดี่ยวหมื่นลี้

    3 ตุลาคม 2548 15:25 น. - comment id 522411

    แวะมาทักทายครับผม...กำลังแต่งเพลงให้เพื่อนดีเจ...ช่วงว่างก็เลยแว๊ปมาเยี่ยมครับ
    31.gif
  • -ร้อยแปดพันเก้า-

    3 ตุลาคม 2548 15:37 น. - comment id 522421

    
    
    ผมเพิ่งอ่านเดี๋ยวนี้เองครับ คุณก่อพงษ์ เสน่ห์เมืองเหนือมีจริงนะครับ ไว้คุยกันเรื่อยๆผมมีอะไรจะเล่าให้ฟังเยอะอะครับ
    46.gif
    ถึงกระนั้นก็เถอะ คุณมีครอบครัวที่น่าอบอุ่นจนผมอิจฉาเลยครับ หมอกเมืองเหนือคงไม่ทำให้หนาวกายหนาวใจหรอกครับ มีคนข้างกายอยู่ทั้งคน62.gif
    
    ผมอยู่บ้านนอกมากกว่าที่คุณคิดอีกนะครับ มีความสุขสุดก็คือเข้าเมือง ไปสุริวงศ์เลือกหนังสือที่อยากได้ แต่ไม่บ่อยครับ ขลุกอยู่บ้านนอกเป็นส่วนใหญ่ มีหนังสืออะไรน่าสนใจก็ช่วยบอกกล่าวตรงนี้ก็ดี ถือว่าแนะนำกันอ่านนะครับ
  • -ร้อยแปดพันเก้า-

    3 ตุลาคม 2548 15:40 น. - comment id 522427

    ขอบคุณครับ คุณอัลมิตรา46.gif
  • ผู้หญิงไร้เงา

    3 ตุลาคม 2548 15:58 น. - comment id 522455

    แสดงบทเพลงนั้นคงมีความหมายที่ดีมากแน่เลย
    
    จริง ๆ ผู้หญิงไร้เงาชอบเสียงเปียโนนะ  ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงชอบ แต่ก็ชอบมาก
  • บินเดี่ยวหมื่นลี้

    3 ตุลาคม 2548 16:00 น. - comment id 522457

    คุณร้อยแปดพันเก้า..ไม่ทราบว่าอยู่อำเภอไหนครับ..เผื่อเข้ามาในเวียงจะได้ทักทายกันครับผม...
    31.gif
  • ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

    3 ตุลาคม 2548 17:24 น. - comment id 522494

    สวัสดีครับคุณร้อยแปดพันเก้า
    
    เรื่องแก่หรือไม่แก่นี่ผมไม่เคยเชื่อกระจกที่ส่องหน้าอยู่ทุกวัน   ผมรู้สึกเหมือนตัวเองมีอายุหยุดไว้ที่  29-30 เท่านั้นเอง ทั้งที่ความจริงมันเลยเลขที่ว่ามาแล้วสิบปี   
    
    สิ่งที่พอทำให้ฉุกคิดก็มีอยู่บ้าง เช่นความเลอะเลือน ในกิจบางอย่าง  กับคำทักทายของรุ่นที่ที่แก่กว่า  แต่เขาทักว่า   \"ดูแก่ไปเยอะเลย\"รวมทั้งกิจวัตรประจำวันบางอย่างเช่นต้องให้ลูกขึ้นไต่หลังคลายปวดเอ็นเส้นสายตัว อะไรแบบนั้น
    
    ผมไม่รู้สึกว่าตัวเองแก่เลย นี่เป็นความจริง
    
    ไม่นานมานี้ผมซื้อหนังสือ เกมลูกแก้ว หนังสือแปล โดยสดใส  จากหนังสือชื่อ The  Glass Bead Game  ของ Hermann  Hesse เป็นหนังสือหน้า 700 กว่าหน้า  ยังไม่ได้อ่านเป็นชิ้นเป็นอันนะครับ  แต่เลือกอ่านหน้า  538 ขึ้นไปก่อน  ตรงนั้นมีกวีนิพนธ์ที่แหม ซึ้งมาก   มีเรื่องเกี่ยวกับวัยที่เรากำลังพูดถึงกันอยู่ด้วย  ผมอ่านแล้วชอบมาก
    
        ความจริงผมเคยอ่านรอสฮันด์ ของเฮสเสมาก่อนนหน้านี้แล้วครับ  เล่มนั้นก็ยังฝังจิตฝังใจ  งานของโนเบลท่านนี้ตรึงผมอยู่ติดกับที่เลยครับ
    
        ผมพูดกับลูกว่าชีวิตพ่อคงไปไหนได้ไม่ไกลกว่าซีไรต์หรอก   แต่สำหรับลูกพ่ออยากให้เขียนงานระดับโนเบล   นี่ก็เป็นความฝันที่ทำให้ชีวิตของผมกับลูกเพลิดเพลินอยู่เรื่อยๆนะครับ   ผมสะสมหนังสือแปลไว้เยอะ  ให้อยู่ใกล้ไม้ใกล้มือลูกเข้าไว้   แค่เขาพลิกดูรูปผมก็แอบพอใจแล้วนะครับ
    
        ผมขอบคุณคำชมจากคุณร้อยแปดพันเก้านะครับ
  • ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

    3 ตุลาคม 2548 17:35 น. - comment id 522498

    ทักทายคุณอัลมิตราครับ
    
        เพลงบทคุ้น ที่ชื่อ  ผิงดาว นี่ผมชอบมากที่สุดในบรรดาเพลงที่มีความหมายลึกซึ้งกินใจ
    ผมได้ยินครั้งแรกสมัยทำงานด้านพัฒนาชนบทอยู่ที่จังหวัดนครสวรรค์ มิตรรุ่นน้องเอาเทปมาเปิดให้ฟัง  และเขาก็ให้เทปแก่ผมด้วย  ผมฟังจนจำได้ขึ้นใจ   ช่วงหลายเดือนมานี้ผมกับนักเรียนก็ได้ร้องเพลงนี้ด้วยกัน  นักเรียน ม.ต้น ซึ่งเริ่มวัยแสวงหาของเขาแล้ว ชอบเพลงนี้มากเหมือนผม
        หลายเพลงนะครับมราผมเอาไปสอนนักเรียนในชุมนุมศิลปะร้อง เช่น
       
        กำลังใจ  ของฤทธิพร  อินสว่าง
        นกเขาน้อย  ของโฮป
        มือเรียวเกี่ยวรวง  ของพงษ์เทพ กระโดนชำนาญ
        ยิ้มดาลใจ  ของ ก่อพงษ์  พงษพรชาญวิชช์
    
        เป็นต้น
    
        ก็เพลิดเพลินดีครับ
        
         เด็ก ๆ มีจิตใจอ่อนโยนดีงาม  นั่นเป็นความต้องการของสังคมของเรา  ถูกต้องไหมครับ
    
         ผมมีความสุขมากกับภาระหน้าที่ของการเป็นครูในโรงเรียนเล็กๆที่ผมอยู่ครับ
         แต่ผมคิดว่าครูใหญ่โรงเรียนเล็กคงมีความสุขมากกว่าผมอีกล่ะ
    
        ขอบคุณคุณอัลมิตราครับผม
  • ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

    3 ตุลาคม 2548 17:47 น. - comment id 522502

    ทักทายคุณผู้หญิงไร้เงานะครับ
    
       ผมได้ยินเขาเล่นเปียโนสดๆก็ตอนที่ไปเรียนมข.นี่เอง  ที่ตึกกิจกรรมของมข.ตอนนั้นมีชมรมร้องประสานเสียงครับ(ชื่อชมรมนี่ผมไม่แน่ใจว่าเรียกถูกต้อง)  เขาร้องเพลงเพราะมาก มีเสียงสูงเสียงต่ำ  เวลาเขาแสดงในกิจกรรมต่างๆผมก็ชอบฟัง  ตอนที่เขาซ้อมนี่ไปนั่งฟังเสียงเปียโน  โอ้โฮ ทำไมมันเพราะอย่างนี้... ผมแอบชอบเปียโนตั้งแต่นั้นมาก็คงว่าได้
    
        แต่เครื่องดนตรีที่ฝังในสายเลือดของผมกลับเป็น แคน ครับ  ได้ยินมาตั้งแต่หัวเท่ากำปั้น  เป่าได้บ้าง  แคนมีหลายลีลาครับ  เศร้าสร้อยก็มี  ครึกครื้นก็มี   แต่ส่วนใหญ่ก็เศร้าขื่นในความรู้สึกของผม
    
       ผมเป่าแคนลายใหญ่และสุดสายแนนได้นิดหน่อยครับ   แต่ที่ชอบคือลายล่องโขง  ชอบจนผมเขียนกลอนเกี่ยวกับเสียงแคนและแม่โขงออกมาได้บทหนึ่งชื่อว่า ตอยแล่นแตร  เคยโพสต์ในไทยโพเอ็มไว้นานแล้วครับ
    
       ขอบคุณคุณผู้หญิงไร้เงาครับผม
  • ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

    3 ตุลาคม 2548 17:49 น. - comment id 522504

    และทักทายคุณบินเดี่ยวหมื่นลี้
    
     แหมผมรู้สึกดีใจนะครับที่ได้รู้ว่าคุณบินเดี่ยวเขียนเพลงด้วย
    
    คงได้มีโอกาสขอความช่วยเหลือเรื่องโน้ตครับ
    ขอบคุณล่วงหน้าครับผม
  • สุญญะกาศ (ลืมล็อคอิน)

    3 ตุลาคม 2548 21:36 น. - comment id 522572

    29.gif
    
            รุ่นของกระผมอายุน้อยกว่าขอรับ  สิ่งสะกิดใจคือภาพยนต์เรื่องหนึ่ง36.gif \"แฟนฉัน\"36.gif
    พอเข้าใจเลยครับ  
             เหมือนดูหนังแล้วกลายเป็นภาพซ้อนสองเรื่องคือ เรื่องของเค้า ซ้อนกับภาพอดีตของเรา  
             ไม่น่าเชื่อเลยนะครับว่า  เพลงท่อนนึง  กระดาษเก่าๆสักแผ่น  ลมเย็นสักวูบ จะทำให้มโนภาพของเราลอยไปตามมัน แล้วกลายเป็นหนังฉายซ้ำ  มีทั้งสุข  เศร้า  ต่างๆนานา
    
    16.gif16.gif16.gif
    
            ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่มีความอ่อนโยนในใจขอรับ  ^_^
  • ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

    3 ตุลาคม 2548 22:20 น. - comment id 522583

    ทักทายกันรอบสี่ทุ่มครับคุณสุญญะกาศ
    
    ประสบการณ์ทางอารมณ์
    ประสบการณ์ทางสังคม
    ประสบการณ์ทางความนึกคิด
    ของคนเราคงมีส่วนคล้ายรวมทั้งอาจมีส่วนร่วมกันอยู่ อาจมากบ้างน้อยบ้างมั้งครับ  จึงทำให้รับรู้และเข้าใจความรู้สึกของกันและกันได้
    
       กระดาษเก่าๆบางแผ่น  
       เพลงบางท่อน บางเพลง
       กลิ่นหรือลมวูบกิ่งไม้ไหว
       หรือแม้แต่เสี้ยวความฝันยามค่ำคืน
       เหล่านั้นเป็นต้น
       ก็สามารถไปกระตุ้นเตือนความจำ  และสำนึกบางอย่างด้วยมั้ง  ให้ขยับไหวรู้ว่ามันยังอยู่
    
       งานเขียนหลายชิ้นที่ผมเวียนไปอ่านหลายรอบ  ปฏิเสธไม่ได้เลยครับว่า  ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเรารู้สึกว่า เราก็คิดเช่นนั้น  เราก็เคยเป็นเช่นนั้น  หรือเราอยากให้เป็นอย่างนั้น
    
       แต่จะอย่างไรก็เถอะ   ผมว่านี่เป็นความรู้สึกสุนทรีย์ในการมีชีวิตอยู่ในโลกนะครับ
  • ภาวิดา

    4 ตุลาคม 2548 00:26 น. - comment id 522617

    อ่าน ๆ เหมือนกับเดินตามไปด้วยเลยค่ะ 12.gif
  • ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

    4 ตุลาคม 2548 01:48 น. - comment id 522655

    ครับผม

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน