13 ธันวาคม 2552 23:16 น.

24/104 เพราะรักเพราะรอ....(ว่าด้วยกลบท นกกางปีก แบบที่ 1)

กวีน้อยเจ้าสำราญครับ

*เป็นเพราะรักเพราะรอจึงขอบอก
ที่เอ่ยออกใช่ออกเย้าหยอกเล่น
หมดจิตหมดใจจดไร้กฎเกณฑ์
เช้ายันเพลเย็นย่ำเย็นค่ำคืน

*ด้วยมีหนึ่งซึ่งเธอซึ่งเผลอใฝ่
อาจห่างไกลห่างกันจนฉันฝืน
แต่หวังแต่วาดและอาจกล้ำกลืน
ขอนั่งยืนนอนยืนไม่คืนคำ

*หากแม้เราแม้ร้างเพื่อทางใหม่
ยิ่งปวดในข้างในดวงใจช้ำ
เจ็บอีกหนทนไปทนให้จำ
คิดแล้วคิดร่ำตอกย้ำเสียจริง

*เมื่อไรเมื่อรักสลักปักจิต
ขอชีวิตชีวาน้องยาหญิง
อย่าแปรปลี่ยนเวียนแนบเวียนแอบอิง
เกินทุกสิ่งล้านสิ่งยิ่งรำพัน

*เพราะรักเพราะรอเธอคล้ายเพ้อพร่ำ
หวานน้ำคำถ้อยคำยามเสกสรรค์
ท่ามร้อยปีร้อยเดือนเลื่อนหมื่นวัน
ภักดิ์คงมั่นคนหนึ่งคนซึ้งใจ

คำอธิบาย ของคุณญามี่

กลบทนกกางปีกแบบที่๑
เป็นกลบทที่บังคับซ้ำคำเดิม ๑ คู่(๒คำ)
โดยมีคำอื่นคั่นกลางทุกวรรค
โดยคำซ้ำจะต้องสลับที่กันไปมาเรื่อยๆเหมือนนกกางปีกบิน

กลบทนกกางปีกแบบที่๒

เป็นกลบทซ้ำคำ๒คู่(๔คำ)โดยคำซ้ำคู่ที่๒ต้องถอยหลัง
ตลอดทุกวรรค โดยซ้ำคำสลับที่ไปมาเช่นกัน


ตัวอย่างบทกลอนที่เกี่ยวข้อง

24	จิตท้อควรเสริมสู้(ด้วยกลบทนกกางปีก๑-๒)  โอเลี้ยง

นกกางปีกแบบที่๑

เมื่อจิตท้อพ้อแพ้แพร่แพ้ทั่ว
ร้อนรุกรัวรุกลามตามทับนิ่ง
ฝันหวามวาบพลันวาบมีพรั่นพิง
ทุกข์อวลอิงอวลอาบซ่านเคียงคลอ

จิตซ่อนหวังสรรค์ใฝ่สรรค์ลานฝัน
เริ่มรอรั้งกั้นดันกั้นฝันก่อ
ท่ามตะวันสาดแสงสาดหยอกล้อ
จิตร่ำพ้อร่ำย่ำย้ำกรำกลัว

ท้อลามรุกปลุกเร้าปลุกขมขื่น
จิตเก็บผ่าวเก็บฝืนไหลหล่นรั่ว
หวังยืนหยัดยั้งหยุดยั้งหมองมัว
คิดตั้งตัวตั้งใจดันหลุดท้อ


นกกางปีกแบบที่๒

เพียรบอกตนแพ้พ่ายพ่ายแพ้บ้าง
ได้สร้างเสริมเสริมสร้างรอยฝันต่อ
ทุกข์มารุกรุกมาอย่าพร่ำพ้อ
ต้องกล้าก่อแรงสู้สู้แรงรอน

เพื่อสร้างลานไต่ใฝ่ใฝ่ไต่ฝัน
พาคืนวันวันคืนผ่านเหม่อหลอน
เป็นคนใหม่กล้าแกร่งแกร่งกล้าย้อน
กล้ากร่อนกดกดกร่อนปัดแผลแพ้

ไม่มีใครพานพบพบพานสุข
โดยไม่ทุกข์ทุกข์ไม่เหยียบย่ำแย่
แต่เมื่อพ่ายกล้าเดินเดินกล้าแล
ทุกข์ท้อแพ้แพ้ท้อก็หมดแรง

แค่ล้มล้มแค่ครั้งอย่ามัวช้ำ
คิดประจำย้ำย้อนย้อนย้ำแฝง
ทุกข์ลดถอยถอยลดหมั่นเปลี่ยนแปลง
กล้าตัดแต่งดันท้อท้อดันไกล


///////////////////////////////////////////////

http://www.praphansarn.com/new/forum/forum_posts.asp?TID=8731&PN=30

คิดถึง...ด้วยกลบท...นกกางปีก
ใจนั่งนึกคอยนึกดุจน้ำไหล
ถึงคนไกลคนที่ถวิลหา
ได้จากกันจากไปที่ไกลตา
หลายเวลาที่ลาห่างจากกัน
 
ใจระลึกระรุ่มเฝ้าแต่กลุ้ม
งานประชุมประสาน ณ ที่นั่น
ทั้งเธอทั้งฉันร่าเริงเกินรำพัน
มองแสงจันทร์แสงดาวเพ้อวุ่นวาย
 
แต่วันนี้คืนนี้เธออยู่ไหน
รู้ไหมคิดไหมเราต่างห่างหาย
ฟากฟ้านั้นเธอนั้นสุขหรือร้าย
มีใครกลายใครใกล้มาดูแล
 
*--อารตี--*				
10 ธันวาคม 2552 22:54 น.

23 - 2 /104 วันวาน...ยังหวานอยู่ (ว่าด้วยกลบทอักษรล้วน แบบที่ 2 )

กวีน้อยเจ้าสำราญครับ

*สายลมแผ่วผิวผ่านยังซ่านซึ้ง
สบตาหนึ่งเนื้อนวลชวนหวั่นไหว
ฤา รักแว่วแววหวานสะท้านใจ
อุราไยหยอกเย้าให้เฝ้าคอย

*อยากพบอีกอกเอ๋ยฝันเคยค้าง
ถึงแต่นางแน่งน้องแอบปองสอย
ในความฝันฝากฝังยังเลื่อนลอย
กลัวเจ้าปล่อยปละเปลี่ยนวกเวียนวน

*พี่คิดถึงถามไถ่ด้วยใจรัก
ยากเกินหักห้ามหัวใจให้เลิกสน
แอบมองรูปร้อยเรียงกับเสียงคน
ช่างเหมาะจนจับจิตให้คิดไกล

*อยู่ไหนเล่าลืมแล้วหรือแก้วขวัญ
เหม่อมองจันทร์แจ่มจ้าคืนฟ้าใส
กลับเป็นภาพพ่วงพ้องทำนองใด
เห็นทรามวัยเว้าวอนคล้ายหลอนลวง

*เมื่อวันวานหวานอยู่มิรู้หรือ
สบตาคือความคิดส่งจิตหวง
ยังคงรอร้อยรักสลักทรวง
แทนทั้งปวงเปรียบปานยังหวานดี

คำอธิบาย ของคุณญามี่

กลบทอักษรล้วนแบบที่๑
เป็นกลบทที่บังคับให้
ใช้เสียงพยัญชนะเดียวตลอดวรรคจนจบ

กลบทอักษรล้วนแบบที่๒

เป็นกลบทที่บังคับใช้เสียงพยัญชนะเหมือนเพียงวรรคละแค่๓ คำ
แต่ตลอดทุกวรรคจนจบเช่นกัน


กลบทอักษรล้วนแบบที่๑


เพียงพานพบพลันเพ้อพ้อพกผ่าว
ซ่อนซุกเศร้าสาวโศกสรรค์สร้างสร้อย
ร้อยรสร้าวรานร้อนหลงรูปรอย
คร่ำครวญคอยเคียงข้างใคร่ขมค้ำ

หนักในนัยนึกนานน้ำนองหน้า
แต้มเต็มตาตรมตำต้องตกต่ำ
ภักดิ์เพียงพ่ายพร้อมแพ้เผลอพึมพำ
ทนถ่อทำทักทุกข์ถากถางทาง

ใช่ชอบชักเชิญชวนชิดเชยช้ำ
แค่คืนค่ำคิดถึงคนเคยข้าง
ไร้รู้รสรักรื่นหลงเลือนลาง
เหมือนหมางเมินหมดมั่นไม่หมายมี



กลบทอักษรล้วนแบบที่๒
รักพี่เสียดายน้อง(ด้วยกลบทอักษรล้วน๒แบบ)  โอเลี้ยง  

เพราะพบคนคิดใคร่ตกหลุมรัก
ท่ามตระหนักคนเดิมเคียงข้างถี่
กลัวคน “ใช่”เลือนห่างลาลับลี้
พาชีวีว่ายวนเจ็บจ่อมจม

ครั้นจะลาคนเก่าเกินกรายห่าง
เพราะคนข้างคนเดิมเคยพาสม
รักทั้งสองซ่อนซุกรุกอารมณ์
ให้กอดทุกข์ทับถมทุกค่ำวัน

จำครวญคำตำเจ็บจับจิตเศร้า
ร้อนรุกเร้าแผดเผาระรัวสั่น
ซ้ายก็รักขวาเพ้อพร่ำพัวพัน
ทุกคืนวันแวะเวียนเฝ้าไล้รอน

อนิจจารักหลงไล้พาหวง
เจ็บทุกช่วงชิดช้ำท่ามรักหลอน
ซ้ายรักรอลามขวาเฝ้าเว้าวอน
ฝันทุกตอนตรมตามเกินหลับตา...				
7 ธันวาคม 2552 21:24 น.

23/104 สูญเสียสาว... ( ว่าด้วยกลบทอักษรล้วนแบบที่ 1 )

กวีน้อยเจ้าสำราญครับ

กลบทนี้ ผมแต่งเองก็ไม่ค่อยจะดีเลย  และแต่งเอง งงเอง
เอาเป็นว่า เป็นการฝึกหัดแต่งแต่ละกลบท พอให้ผ่านๆ ไป

ผมลงกลอนเสร็จ ขอตัวไปนอนล่ะครับ ปวดหัว มาสองวันแล้ว

กลบทนี้ ผมตั้งชื่อใหม่ว่า......กลบท อักษราบริสุทธิ์  ฟังดูเพราะกว่า อักษรล้วน หน่อย อิอิ  แต่อย่าบ้าตามผมครับ  ผมคิด ตามประสา เลยมาเล่าให้ฟัง

เกริ่นกาลก่อนเกินกว่ากล้ากกกอด     
คำคนคลอดค่อนแคะคงแค่เคลิ้ม
ตื่นตูมตามตริตรองต้องต่อเติม         
รักเราเริ่มราญรอนร้อนโรมรัน

นานหนักหนานวลน้องน้ำนองหน้า    
แสนสงสาร์สูญสาวเศร้าโศกศัลย์
วาดหวังไว้แววหวานหว่านเว้นวัน    
เย้ยเหยียดหยันยั่วเย้ายาวย่ำยี

ปานปลดปล่อยเปรอปรนปนแปรเปลี่ยน   
ล้ำลึกเลี่ยนลืมลาล้าหลบลี้
ดำดิ่งดื่มโดดเดี่ยวเดียวดายดี           
ทำท้องที่ทุกข์ท่วมท้นท้วมแทน

จนจิตใจจ่อมเจ่าเจ้าเจื่อนจุก      
สูญสิ้นสุขเสียสาวเศร้าโศกแสน 
คราคลาดเคลื่อนคนคอยคล้อยคลอนแคลน
กอดกายแกนก้องกล่าวก้าวการณ์ไกล

พบเพื่อพรากพัดพาพ่วงผ้าผูก           
ร้องเรียกลูกลาลับร่วมหลับใหล
ปลดปล่อยเปลื้องป่นปี้ปีเปลี่ยนไป        
ติดตื้นใต้ตรมตรองต้องตายตาม....


คำอธิบาย ของคุณญามี่

กลบทอักษรล้วนแบบที่๑
เป็นกลบทที่บังคับให้
ใช้เสียงพยัญชนะเดียวตลอดวรรคจนจบ

กลบทอักษรล้วนแบบที่๒

เป็นกลบทที่บังคับใช้เสียงพยัญชนะเหมือนเพียงวรรคละแค่๓ คำ
แต่ตลอดทุกวรรคจนจบเช่นกัน


กลบทอักษรล้วนแบบที่๑


เพียงพานพบพลันเพ้อพ้อพกผ่าว
ซ่อนซุกเศร้าสาวโศกสรรค์สร้างสร้อย
ร้อยรสร้าวรานร้อนหลงรูปรอย
คร่ำครวญคอยเคียงข้างใคร่ขมค้ำ

หนักในนัยนึกนานน้ำนองหน้า
แต้มเต็มตาตรมตำต้องตกต่ำ
ภักดิ์เพียงพ่ายพร้อมแพ้เผลอพึมพำ
ทนถ่อทำทักทุกข์ถากถางทาง

ใช่ชอบชักเชิญชวนชิดเชยช้ำ
แค่คืนค่ำคิดถึงคนเคยข้าง
ไร้รู้รสรักรื่นหลงเลือนลาง
เหมือนหมางเมินหมดมั่นไม่หมายมี



กลบทอักษรล้วนแบบที่๒
รักพี่เสียดายน้อง(ด้วยกลบทอักษรล้วน๒แบบ)  โอเลี้ยง  

เพราะพบคนคิดใคร่ตกหลุมรัก
ท่ามตระหนักคนเดิมเคียงข้างถี่
กลัวคน “ใช่”เลือนห่างลาลับลี้
พาชีวีว่ายวนเจ็บจ่อมจม

ครั้นจะลาคนเก่าเกินกรายห่าง
เพราะคนข้างคนเดิมเคยพาสม
รักทั้งสองซ่อนซุกรุกอารมณ์
ให้กอดทุกข์ทับถมทุกค่ำวัน

จำครวญคำตำเจ็บจับจิตเศร้า
ร้อนรุกเร้าแผดเผาระรัวสั่น
ซ้ายก็รักขวาเพ้อพร่ำพัวพัน
ทุกคืนวันแวะเวียนเฝ้าไล้รอน

อนิจจารักหลงไล้พาหวง
เจ็บทุกช่วงชิดช้ำท่ามรักหลอน
ซ้ายรักรอลามขวาเฝ้าเว้าวอน
ฝันทุกตอนตรมตามเกินหลับตา...				
29 พฤศจิกายน 2552 22:25 น.

22/104 เชิญเถิด...ที่รัก (ว่าด้วย กลบทเทพชุมนุม+มธุรสวาที)

กวีน้อยเจ้าสำราญครับ

ผมต้องขอโทษ และขออภัย ที่ไม่ได้ตอบเลย

แต่กระนั้น ก็ยังไม่สำคัญที่ว่า กลบทนี้ ผมแต่งผิดเยอะมากๆ

และก็ยัง งงๆ รวมถึง สับสน อยู่เช่นเดิม  ต้องซ้ำเสียงพยัญชนะ 
และสระ อย่างละ 2 คู่ ในหนึ่งบาท ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร 
เห้ออ  เรื่องแค่นี้ ยังไม่เข้าใจ  ไม่สมชือกวีเลยจริงๆ อายตัวเอง 

11984649932671.jpg


*สายลมโบยโชยพัดระบัดใบ
กวัดแกว่งไกวไหวพลิ้วละลิ่วล่อง
ดั่งดนตรีคีตกาลหวานทำนอง	
ที่ขับร้องหมองหม่นระคนกัน


*ยามที่เหงาเศร้าใจใครจะรู้
เพราะพธูดูดายทำลายขวัญ
เจ็บแสนแสบแปลบซึ้งถึงชีวัน
จะอาสัญบั่นทอนพิษรอนราน

*เชิญเถิดหนายาหยีสุดที่รัก
เอาให้หนักชักดิ้นสิ้นสงสาร
ฟันให้ยับดับลงคงไม่นาน
ย่อมเลยผ่านการลืมเลิกปลื้มไป

*เกิดเป็นชายหมายมั่นจะปั้นฟ้า
เคียงธาราป่าเขาลำเนาใส
หวังให้รักสลักตรึงจนซึ้งใจ
แต่ทำได้ไม่ดีแค่นี้เอง

*คงต้องจบพบทางอ้างว้างแน่
เหลือเพียงแค่แลหาพาโหวงเหวง
รักสะดุดสุดสายป่านซ่านเสียงเพลง
ร้องตะเบ็งเกรงใครก็ไม่มี

*เคยเปรียบเธอเสมอมั่นแม่จันทร์แจ่ม
อร้าแอร่มแก้มน้องงามผ่องสี
เจ้าสวยสุดผุดผาด “ยอดหยาดเทวี”
แสนโสภีที่หนึ่งเอ่ยซึ้งคำ

*ถึงยามนี้ที่รักมาหักเห
รถไฟ-เรือ-เมล์-ลิเก-งามขำ   
ไม่อาจโกรธโทษเว้นมองเป็นกรรม
ร้องครวญคร่ำซ้ำหนองยังต้องทน

*เผื่อว่าเจ้าเศร้าใจเมื่อไรแล้ว
จดจำแววแว่วหวานน้ำตาลหม่น
จงหวนถิ่นดินดาน ณ บ้านตน
ทุยน้อยบ่นจนผอม...เพื่อยอมตาย

180405_3134003.gif				
27 พฤศจิกายน 2552 23:24 น.

21/104 พูด-ทำ-คิด...ถึงแต่เธอ (ว่าด้วย กลบทนายโรงลืมกรับ)

กวีน้อยเจ้าสำราญครับ

ก่อนจะแต่งกลบทนี้  ผมบอกตรงๆ เลยว่า 
ชื่อ กวีน้อยฯ จะหมดสภาพก็วันนี้แหละ
เพราะงงกะคำว่า เสียงลหุ - คำตาย

ยังดีที่ได้ คุณกี้ บอกว่าคำตาย คือ ก ด บ
และ สระ อะ อิ อุ เอ๊ะ โอ๊ะ เอี๊ยะ ฯลฯ
ต้องขอบคุณ....คุณเจ้าสาว  เป็นยิ่งนัก ขอรับ

*พูด-ทำ-คิด...ถึงแต่เธอแบบเพ้อหนัก
คงเพราะรักเจียนบ้าพาตระหนก
ถึงร้อยเรื่องพันราวคราวหยิบยก
หวังได้กกกอดกลมให้สมคิด

*อยากเอ่ยคำฉ่ำหวานน้ำตาลหยด
เพื่อปรากฏรสถ้อยรอยสนิท
เพราะห่างไกลเกินใฝ่จะใกล้ชิด
เหมือนถูกปิดจิตใจใช่ไหมนะ

*ทำแต่งานการกิจรับผิดชอบ
ไร้คนปลอบเปล่าดายหลายขณะ
แอบเหงาหงอยคอยอยู่มิรู้ละ
กี่ครั้งนะรักนั้นหวั่นใจนิด

*หรือแค่ครวญป่วนแล้วเห็นแววหยุด
กลัวรักสุดสิ้นไปจนไร้สิทธิ์
หากบอกไปใจฉันทุกวันคิด
เธอคือจิตคือใจที่ใฝ่พบ

*เธอคือฝันนิรันดร์ปลุกปั้นสุข
ให้มาลุกปลุกฝันคืนจันทร์หลบ
เป็นแสงทองส่องใสในพิภพ
รวมบรรจบชายหญิงพักพิงรัก...


คำอธิบาย 

กลบทนายโรงลืมกรับ คือ ทุกบรรทัด จะต้องลงส่งสัมผัสนอก ด้วย คำ ลหุ(คำตาย เสียงสั้น) เท่านั้น

เรื่องเล่ามีอยู่ว่า ครั้งเมื่อวางโกลนเรือ เอนกชาติภุชงค์ แล้วเสร็จ จำต้องมีการลองน้ำ พระราชวังบวรฯ โปรดที่จะเสด็จล่องเรือจากท่าวาสุกรีไปขึ้นที่วังหน้า ด้วยความฉุกละหุก นายโรงผู้จัดเตรียมอุปกรณ์ ลืมนำ กรับ ลงเรือให้อาลักษณ์ขับเห่ พอเรือออกจากท่า อาลักษณ์ก็เริ่มเห่ แต่หา กรับ ไม่เจอ ด้วยปรีชา จึงต้องว่ากลอนท้ายหัก จะได้ไม่ต้องลง กรับ กรมพระราชวังบวร เห็นเป็นการแปลก เลยถามอาลักษณ์ว่า เฮ้ย นี่มึง ด้นกลอนกลอะไร อาลักษณ์ จึงตอบไป ว่า นี่เป็นกลบท นายโรงลืมกรับ พระเจ้าข้า

ตัวอย่าง บทกลอนที่เกี่ยวข้อง

กลเม็ดคนร้อยรัก(กลบทนายโรงลืมกรับ)   โอเลี้ยง

กับรักเผื่อเหลือที่คิดกอดเกาะ
เสียงพลิ้วเพราะเคาะจิตพาอึดอัด
ซ้ายก็งามขวาแจ่มเกินคิดคัด
ยากสลัดตัดขาดหยุดยั้งรัก

วันวานเจอคนหนึ่งจิตคึกคัก
วันนี้หลักถูกผลักเพราะเผลอกัก
คนวันนี้น่ารักเกินเมินทัก
จึงต้องพักแวะชวนสรรค์ต่อพจน์

ผ่านอีกวันพบใหม่ใจสะอึก
ห้วงรู้นึกพิมพ์ภาพคนสวยสด
คนอะไรช่างงามพาระทด
ต้องรีบจดที่อยู่แล้วตามติด

หนึ่งสัปดาห์ผ่านพ้นต้องเสาะเคล็ด
กลเม็ดก่อนเก่าไม่ศักดิ์สิทธิ์
เพราะคนงามมีมากล้อมทั่วทิศ
จำต้องคิดลบทอนรีบปลดซะ

หนึ่ง-สอง-สามตัดก่อนเพราะเก่านัก
สี่-ห้าดักตามหึงจึงสละ
หกดูแล้วใจร้อนชวนปะทะ
เจ็ดสะอาดเรื่องมากยากเคียงคบ

อาทิตย์นี้จึงเป็นโสดไร้พิรุธ
รีบเร่งรุดดักรอเพียรประจบ
คนรักใหม่งามเกินเคยพานพบ
ต้องตลบตะแลงเพียรเพิ่มภักดิ์

แค่สามเดือนผ่านพ้นจิตกระตุก
คนปลุกทุกข์คนใหม่ที่พังหลัก
คือคนน้องแสนงามของคนรัก
เศร้ารุมผลักอีกครั้งกับรักเลาะ

*********************************************
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=jiujik&month=01-2009&date=27&group=5&gblog=52

เกลาเหงา..คราหนาวจับ(ด้วยกลบทนายโรงลืมกรับ)
 

หนาวยาวนาน ผ่านสั่น ฝันกระตุก
คิดสนุก ลุกมา เต้นเปะปะ
ริดเดียวดาย อ้างว้าง ที่ปะทะ
ให้สละ เหว่ว้า ที่พิงพัก

หนาวทีไร ใจเจ็บ ล้อมรุมรัด
เบื่อชะมัด ปัดเปลี่ยว เหนี่ยวตรมตัก
จำลุกเล่น เต้นรำ แบบแอบลัก
ย่ำย้ายยัก ผลักโศก ลับเลือนลบ

สวดอ้อนวอน ผ่าวพ้อ ช่อยุบยับ
จงเร่งพับ หักห่าง เร้นลี้หลบ
ให้สารสุข รุกร่น มาสมทบ
พาจิตจบ จมลง ตรงเริงซุก

พาเสี้ยวฝัน พรั่นผ่าน กาลหนาวเหน็บ
จับจิตเจ็บ เก็บกร่อน ร่อนร้าวเกาะ
อยู่ร้องเร้า เฝ้าเกลา ชื่นฉอเลาะ
ให้เพลินเพาะ เจาะจิต ทุกระยะ

หนาวแค่ไหน ไกลกลุ้ม กุมรุมจับ
เพียงพร้อมปรับ ดับทุกข์ ผลักผ่าวผละ
หาเพลงเพลิน ปลอบปลุก อย่าลดละ
เพื่อชนะ หงอยเหงา คราหนาวทับ

*********************************************************

http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=jiujik&month=23-09-2009&group=5&gblog=80
หลงดงดอกรัก(ด้วยกลอนกลบท "นายโรงลืมกรับ")   
เขียนและอัพโดย......ญามี่///...


หลงคีตามาพรมจมจ่อมจิต
เนรมิตชิดชื่นคืนกล่อมสุข
เพลงพรายพรั่งฝังใฝ่ละลืมลุก
โปรยปรอยปลุกหวามจับปรับวุ่นวับ


ตราบความรักผลักตึงผึ้งสะดุด
หวานสานผุดฉุดฉ่ำละลายขับ
ลมเริงร่านิ่งพิงเลือนเลยพับ
ใจพร้อมกลับรับรักไม่ห่างละ


ผะแผ่วเพลงเร่งหลอนป้อนห่วงมัด
สุดสกัดปัดปลื้มยืมเมินผละ
แว่วไวหวามซ่านซ้ำย้ำปะทะ
ยากสละรักหวานหาญมาทัก

ลานรักเคลิ้มหล่นไหลอุ่นระอุ
ไล่ปะทุผุพร้อยย้อยประจักษ์
หมดพื้นที่คลี่คลายมาเติมลัก
ว่าวางวักปัดรักไม่ห่างคลุก


จินต์ชำแรกแทรกคลำลืมตรองตรึก
รักเราะลึกศึกสุขเพลินสนุก
ลุ่มหลงนานปานปล่อยรอยบรรทุก
ยากฉีกฉุกห่วงใคร่ยามรุมทับ


เคลิ้มรอยหลับท่ามรักชักชวนดัด
กาลเดือนผลัดเปลี่ยนแปรหารู้สับ
ในม่านมนต์ดงรักเหมือนเมืองลับ
ลืมสดับตรับแล้วแววไหววก.


///////////////////////////////////////////

http://gotoknow.org/blog/2etc/213292

กลอน         :ธรรมดา หน้า 67-68
แต่งโดย     : เพิ่มบุญ (เสริมศักดิ์) เปลี่ยนภู่ (นิติศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ,เนติบัณฑิตไทย)  
นามปากกา : เวทย์ 
หนังสือชื่อ   : ข้างกองไฟ ( สำนักพิมพ์พรศิวะ, กรุงเทพฯ.พิมพ์ครั้งแรก  2547 . 116 หน้า)

พุทธศาสน์สอนอะไรให้ชีวิต
ถ้าไม่คิดให้ซึ้งบึ้งสัจจะ
กี่ชาวพุทธน้อมนำในธรรมะ
เลิกวอนพระศักดิ์สิทธิ์เสริมอิทธิ

เหลือกี่สงฆ์เสมือนพระผู้ประเสริฐ
แทนเตลิดอวดมนุษย์อุตริ
เดียรัจฉานวิชชาอุตส่าห์ริ
เพียงหวังผลิศรัทธาเรียกสาธุ

สงสารวัดลืมปลงสงสารวัฏ
กลับละเลยศีลสัตย์เน้นวัตถุ
วัดขาดวัตรฤๅนิพพานท่านบรรลุ
ตราบบาปคุคลุมครอบกรอบความคิด

กี่คนมั่นอริยมรรคหลักครองชีพ
ชูประทีปแห่งธรรมนำดวงจิต
กี่บุญทานทำไปในชีวิต
แค่แลกสิทธิ์ขึ้นสวรรค์วันล่วงลับ

เมื่อแหล่งเที่ยวแหล่งธรรมนำมาคละ
แล้วธรรมะหวังให้ใครสดับ
กี่งานวัดที่ถวิลเพียงสินทรัพย์
ระเริงกับมหรสพลบเลือนพุทธ

ระหว่างกฎแห่งกรรมรอคำตอบ
คนชื่นชอบโลกีย์ไม่มีหยุด
ปัญหาหนักหมักหมมสังคมทรุด
โลกถึงจุดสับสนท่วมท้นทุกข์

กลอน         : พจน์  หน้า 79-80
ราวสายลมเริงร่ายล้อสายหมอก
ก่อนเย้าหยอกภูผาผืนป่าปก
แล้วกล่อมเห่ห้วงฝันอันสะทก
ในอ้อมอกคืนวันแห่งพันธะ
เจือความงามความหมายสู่ลายลักษณ์
กอบถ้อยทิพย์ผจงถักสร้อยอักขระ
อุดมการณ์บานบ่มคมวาทะ
นำสัจจะบรรจุมธุรส
โศกก็โศกยิ่งกว่าพญาโศก
ประโลมโลกก็หวานปานจะหยด
ครั้นเสียดสีสาสมอารมณ์ประชด
บริบทโดยตลอดก็สอดรับ
วิญญาณแห่งบทกวีสุนทรีทิพย์
สมควรจิบเรื่อยร่ำเรียงลำดับ
เพื่อให้ถ้อยทุกถ้อยค่อยซึมซับ
ผ่านเสียงขับของโศลกโลกทัศน์
ความอ่อนหวานอ่อนไหวในพิภพ
จงบรรจบผสานเกลียวเกี่ยวกระหวัด
มโนภาพซาบซึ้งช่วยรึงรัด
เป็นอาณัติกำหนดบทบาทมนุษย์
อย่าเจื้อยแจ้วแล้วคล้อยเลื่อนลอยลับ
แทรกทุกศัพท์ด้วยคติบริสุทธิ์
เผยเงื่อนงามตามธรรมพระสัมพุทธ
ให้เป็นจุดเกิดแสงแห่งชีวิต 

/////////////////////////////////////////////

http://www.thaipoet.net/index.php?lay=boardshow&ac=webboard_show&Category=thaipoetnet&thispage=44&No=282757
แค่นี้แหละ 
คนใจบาปบ่นพร่ำถ้อยธรรมะ
คนกักขฬะขับลำนำทำนองเสนาะ
คนโศกเศร้ากลั้นสะอื้นฝืนหัวเราะ
เพียงจำเพาะอำพรางสร้างภาพลักษณ์
ยากเสแสร้งทุกสิ่งสมจริงหมด
แต่ปรากฏเลศนัยให้ประจักษ์
ยิ่งกลบเกลื่อนเงื่อนงำทำเล่ห์นัก
ยิ่งประดักประเดิดเกิดพิรุธ
ขอเพียงเราคอยระวังช่างสังเกต
ค้นหาเหตุโยงผลจนที่สุด
ธรรมชาติธรรมดาของมานุษย์
ตอย่อมผุดทุกทีที่น้ำลด
จึงเกิดหลักสำหรับการจับเท็จ
กลเม็ดมุ่งข้อบริบท
แค่พบความเคลือบแคลงแย้งประพจน์
คำโป้ปดปลิ้นปล้อนซ่อนไม่มิด
ไหนจับแพะชนแกะแยกแยะออก
ไหนกลิ้งกลอกกลับคำทำปกปิด
ใช้ความรู้รอบด้านเอื้อการคิด
ทั้งแง่วิทย์แง่ศิลป์ถวิลครบ
หลอกได้แค่คนโง่ตามโอกาส
ไม่สามารถหลอกผู้รู้เจนจบ
ความรู้มีทั่วไปในพิภพ
อย่าเป็นกบใต้กะลาปัญญาเซอะ
(เวทย์) 

กลียุค
ประเทศไทย ในวิถี กลียุค 
เมื่อแขกบุก ปลุกชาวบ้าน ต่อต้านรัฐ 
ใช้กำลัง ชังขันติ จึงวิบัติ 
ญิฮาด ยัด ระเบิดสู่ ผู้รับเคราะห์ 
น้ำเหม็นยิ่ง ล้างสิ่งเน่า เคล้าอุตลุด 
เวรประทุษฐ์ ฉุด ฉะ กัน นั่นหรือเหมาะ 
ไฟลุกหรือ สื่อเติมเชื้อ เพื่อกระเพาะ 
ไข้สูงเสาะ กินยาผิด ชนิดชะงัก 
ศรีสยาม ยามเมื่อป่วย เปี่ยมด้วยโรค 
ปล่อยตามโชค ชะตาไป ไข้ยิงหนัก 
ยาดีมี อยู่ที่ใจ ควรใช้รัก(ษ์) 
เลิกจมปลัก แดดักดาน การสู้รบ 
กองอัคคี มีน้ำมัน นั้นยิ่งคุ 
คอยระอุ ประทุได้ ไม่รู้จบ 
หวังวารี สีสะอาด ราดสมทบ 
จึงจะกลบ ไฟใต้ดับ กลับสันติ 
ให้อภัย ให้กันเถิด ไม่เกิดทุกข์ 
กลียุค เข่นฆ่าฟัน ฉันอริ 
ไทยไทยไทย เมื่อไรสุข ทุกลัทธิ 
ดอกไม้ผลิ ศริวิไล ไม่พานพบ 
(กวินทรากร) 


คุณพระมารดา 
ยอสองกร วันทา กว่าศีรษะ 
หัตถาจะ ขีดเขียน เพียรปรากฏ 
เอาหัวใจ ตั้งมั่น ดั่งบรรพต 
บรรเทาทด แทนคุณพระ นฤมิต 
จะอ้างเอา ดินฟ้า นภากาศ 
จะเอื้อมอาจ เชิญเทวัญ อันศักดิ์สิทธิ์ 
มาอวยชัย ต่อพระผู้ ชูชีวิต 
ด้วยลิขิต บรรเลง เพลงเคารพ 
ตระหนักซึ้ง ตรึงใจ ไม่คลายขัด 
สลักชัด เต็มใจ ไม่รู้จบ 
พระคุณที่ สร้างลูก ปลูกพิภพ 
แม้ดินกลบ หน้าเกลื่อน มิเลือนรัก 
สองเท้าลูก ก้าวหน้า กว่าเมื่อเกิด 
สองมือเลิศ เพียรอุ้มชู มิรู้หนัก 
สองมือแม่ เฝ้าพยุง เฝ้าจูงชัก 
สองมือหลัก สูงค่า กว่าที่คิด 
เสียงกล่อมลูก โอละเห่ โอละหึก 
เช้าจนดึก ยวนใจจับ หลับสนิท 
เพลงซ้ำซ้ำ กล่อมกู่ อยู่เป็นนิตย์ 
แม้ถูกผิด พยายาม ตามแต่นึก 
หัตถาที่ ขีดเขียน เพียรปรากฏ 
เพราะได้บท เรียนแปลก แรกรู้สึก 
แม่กุมมือ วาดกอไก่ ใจจารึก 
จนผนึก แนบทรวง ทุกท่วงทัด 
แม่สอนทำ ทุกสิ่ง ยิ่งเก่งกาจ 
แม่สอนวาด สอนท่องจำ ตามถนัด 
สอนทำครัว สอนทำใจ สอนไปวัด 
และเคร่งครัด ให้ฝักใฝ่ ในธรรมะ 
จวบวันนี้ วันที่ มีโอกาส 
ซึ่งโอวาท แม่เน้น เป็นสัจจะ 
ลูกรับรู้ เป็นข้อ สรณะ 
ซึ่งลูกจะ ยึดไว้ ในชีวิต 
จะอ้างเอา ดินฟ้า นภากาศ 
จะเอื้อมอาจ เชิญเทวัญ อันศักดิ์สิทธิ์ 
มาอวยชัย ต่อพระผู้ ชูชีวิต 
ขอเทเวศ บันดาลฤทธิ์ พิชิตทุกข์ 
ให้แม่จง พ้นพาล อันราญราบ 
ภัยจงสาบ สูญสลาย กลายเป็นสุข 
เคราะห์ที่แม่ ร้าวรน ที่ทนทุกข์ 
ขอให้ลูก รับแทนไว้ ได้เชยชด 
(ม้าก้านกล้วย) 


เมื่อคำตาย
รัตนโกสินทร์ฤาสิ้นปราชญ์? 
จึงเป็นทาสประเทศตะวันตก 
เจ้าพระยาสับสนไหลวนวก 
น่าตระหนกตระหนักจักรภพ 
กวีแววแก้วปิ่นสิ้นศรีศักดิ์? 
สิ้นมนต์รักประจักษ์หูมิรู้จบ? 
สิ้นคำหยาด “ครูเนาว์” ที่เคารพ? 
สิ้นระบบวาทีกวีวัจน์? 
เยาวชนรุ่นใหม่ไม่รู้รส 
กวีบทสารพันท่านบัญญัติ 
ไม่ประสีประสาประชาทัศน์ 
ไม่พึงคัดหัดเขียนไม่เพียรคิด 
“ลูกผู้ชายลายมือนั้นคือยศ” 
ไม่เคยจดเคยจำย้ำเตือนติด 
แต่กลับเก่งภาษามหามิตร? 
สิ้นสนิทเสน่ห์ไทยในพิภพ 
เมื่อลำนำ “คำตาย” คล้ายสิ้นชาติ 
ร่องรอยปราชญ์ลางเลือนเหมือนโดนกลบ 
คำ“ท่านภู่” “ครูเอื้อ” เมื่อเลือนลบ 
คำจึงจบกวีไทยใกล้กลียุค 
รัตนโกสินทร์จึงสิ้นศักดิ์ 
สิ้นบทรักษ์อารมณ์ระดมปลุก 
จักรวรรดินิยมก็โหมรุก 
“ไท” จึงทุกข์เพราะประเทศถูกโถมทับ 
เชษฐภัทร				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกวีน้อยเจ้าสำราญครับ
Lovings  กวีน้อยเจ้าสำราญครับ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกวีน้อยเจ้าสำราญครับ
Lovings  กวีน้อยเจ้าสำราญครับ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกวีน้อยเจ้าสำราญครับ
Lovings  กวีน้อยเจ้าสำราญครับ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงกวีน้อยเจ้าสำราญครับ