7 ธันวาคม 2550 22:21 น.

๑๑๑..ภาพฉางน้อย..มาลา..๑๑๑

ฉางน้อย

ใครๆ ก็ลา งั้น ฉางน้อย มาลา บ้างดีกว่า อิอิ 



00407_4.jpgนี่ไงคะ ภาพฉางน้อย อิอิ 



00407_3.jpg..นี่คือ มาลา แปลว่า หมวก อิอิ ..

. ไปแระ ก่อนที่เจ๊มักซาลิงจะเขกกาโหลก อิอิ				
13 ตุลาคม 2550 14:34 น.

๑๑๑..ปรัชญา..จากรวงข้าว..๑๑๑

ฉางน้อย

index.php?action=dlattach;topic=1982170.   ..... ข้าว เป็นหญ้าป่าสายพันธุ์หนึ่งที่เคยไร้คุณค่า

แต่ทว่า ปัจจุบันเป็นอาหารหลักของมวลมนุษย์ชาติ

ยามเมื่อต้นข้าวออกรวง ล้วนนำมาซึ่งความปิติยินดีให้แก่ชาวนาผู้ปลูกข้าวยิ่งนัก

โบราณยังเปรียบเปรยถึงคุณธรรมความดีของบุคคลที่ยิ่งใหญ่ว่า...

" ....ยิ่งสูง ก็ยิ่งหนาว..."

หากใครอยากเป็นที่ชื่นชมของเหล่าชนทั้งหลาย

ขอจงปฎิบัติตนให้เป็นเช่นดั่ง... รวงข้าว ...


รวงข้าวยิ่งแก่ ยิ่งสุกงามสมบูรณ์มากเพียงใด ก็ยิ่งโน้มรวงลงต่ำ เรี่ยรวงโน้มลงสู่พื้นดิน

มิได้พุ่งปลายรวงข้าวขึ้นสู่ฟ้า...เพราะด้วยต้นข้าว เป็นพืชพันธ์ที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่ม...ต้นหญ้า...


..ต้นหญ้า..อันต่ำต้อยกลางป่า เช่นเดียวกันกับพืชร่วมสายพันธุ์ต่างชนิด



ดังนั้น.... ผู้ยิ่งใหญ่ที่แท้จริงนั้น มิใช่จะเพียงการดำรงไว้ซึ่งอำนาจ หรือ
ทรัพย์ศฤคารเท่านั้น

หากแต่ต้องรู้ซึ้งถึงฐานะที่แท้จริงของตน

ไม่ลืมตัว และ ฐานะเดิมของตน ที่เคยอยู่..เคยเป็น..

จงปฎิบัติตนให้เป็นดั่งเช่น...รวงข้าว...

จึงจะสามารถครองใจมวลชนทั้งหลายได้

นั่นคือ ..บุคคลผู้ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง...


........... ปรัชญา จาก รวงข้าว ...........


         ( ฉางน้อย ทะเลไร้คลื่น )

        				
25 สิงหาคม 2550 21:32 น.

๑๑..ข่าวด่วน ฆ่าหั่นศพสยอง รับสาร์ทจีน..๑๑

ฉางน้อย

00346_0.jpg  ......ญาติใคร ติดต่อที่ สน.ตุ๊ดตู่ต๊องส์......

....คดีอุกอาจมาก โดนจับย่างสยองต้อนรับสาร์ทจีนปีนี้

ซ้ำยังตัดคอ แขนขา ประจาน ให้ได้อายประชาชีอีกด้วยดิ

ทางตำรวจสันนิษฐานว่า ผู้ตายเป็นเพศเมีย เอ๊ย เพศหญิง

วัยประมาณที่ใส่สายเดี่ยวเกี่ยวอก กันหลุด อิอิ

จากสภาพร่างกาย จำเค้าโครงเดิมไม่ได้ 

แต่คาดว่า เป็นวัยรุ่น หรือไม่ก็สาว kfc กิ๊วๆๆ  


อิอิ ...จบการรายงานข่าวสั้น ทันเหตุการณ์  

จาก......สำนักข่าว cnn แปลว่า ฉางน้อย นิวส์  อิอิ  

...............                                                               				
14 สิงหาคม 2550 11:45 น.

=+=+..เรื่องนี้ ไม่มีชื่อ..+=+=

ฉางน้อย

        ก่อนอื่นต้องขออภัยสำหรับเจ้าของต้นเรื่อง มันอาจตอกย้ำความเจ็บปวดกับคุณในเรื่องนี้

 แต่เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ควรเผยแพร่เพื่อตอกย้ำคนที่ได้ชื่อว่าลูกทุกคนให้หันกลับมาดูคนที่ส่งเสียคุณเลี้ยงดูคุณมาด้วยความเหนื่อยยาก 

วันนี้เราหันไปเหลียวท่านบ้างหรือเปล่า ก่อนจะไม่มีโอกาสดูแล เมื่อท่านจากเราไปแล้วการจัดงานใหญ่โตมันไม่มีประโยชน์อะไร เวลาท่านอยู่ทำไมไม่ทำ?


ความรู้สึกของน้องคนหนึ่งที่บรรยายออกมาจากใจ.....

 ในขณะที่.... ผมก็เป็นเช่นเด็กวัยรุ่นทั่วๆไป เรียนเที่ยว นอน กิน 

ดึกๆผมก็โทรคุยกับแฟนของผม ซึ่งทั้งหมดเหล่านี้มันก็เป็นกิจวัตรประจำวันของผมและผมก็เชื่อว่าใครๆเค้าก็ทำแบบนี้กัน 

"จ้า ตัวเอง วันนี้กินข้าวรื้อยาง"

 "กินกับอะไรบ้าง แล้วตอนกินตัวเองคิดถึงเค้ามั้ยเนี่ย" 

"รู้มั้ยตัวเอง ถ้าเค้าเป็นผีเนี่ย เค้าอยากเป็นกระสือที่รักจะได้เห็นใจไง"

"ตัวเองวางก่อนดิ ก่อนดิ"


ประโยคต่างๆที่ผมได้คิดและคัดสรร เตรียมพร้อมมาต่างๆก่อนโทร ผมยังคงใช้เวลาส่วนใหญ่ตอนดึกไปกับการคุยโทรศัพท์ 

ระยะเวลาอันผมได้ใช้ไปในแต่ละครั้งนั้น พอรู้สึกอีกทีก็ผ่านไปหลายชั่วโมงแล้ว แต่ผมก็ไม่ชอบนะ หากใครจะมาว่าผมไร้สาระ ก็ไม่เห็นหรอคนส่วนใหญ่เค้าก็ทำกัน 

"เอ้อ เกือบลืมไปอีกอย่าง กิจวัตรอีกอย่างนึงของผมก็คือ 

แม่ของผมมักชอบโทรหาผมทุกวัน" 

"ตอนนี้ลูกอยู่หอรึยัง"

"เย็นนี้กินข้าวอิ่มมั้ย" 

"วันนี้เรียนเป็นยังไงบ้าง" 

"อย่าไปเที่ยวที่ไหนไกลนะ"

 โธ่!คำถามเดิมๆ ผมก็ตอบไปแบบเดิมๆ แม่ผมก็ไม่เบื่อซักที ยังคงโทรหาผมเป็นประจำ

 โชคดีที่ผมพยายามตัดบทคุย ผมกับแม่น่ะคุยกันไม่กี่นาทีก็วางแล้ว ก็มันไม่มีอะไรจะคุยจะให้ผมทำยังไง"

      จนกระทั่งวันนั้น  "ตัวเองตอบเค้าได้รึยังว่ารักเค้ามั้ย"

 "เร็วๆสิ เค้ายังอุฒส่าห์บอกรักตัวเองไปแล้วนะ"

"แล้วยังจะใจร้ายไม่บอกรักเค้าอีกหรอ"


ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ เสียงจากโทรศัพท์บอกผมว่ามีสายซ้อน ผมมองไปที่หน้าจอมันขึ้นชื่อว่า "Home"

"โธ่ แม่โทรมาทำไมตอนนี้เนี่ย กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มเลย" ผมไม่สลับสาย

ผมยังคงคุยกับสุดที่รักของผมต่อไป เพราะผมรู้ว่าสิ่งที่แม่จะคุยกับผมก็คงเป็นประโยคเดิมๆ

 "และนั่นก็เป็นโอกาสสุดท้าย ที่ผมจะมีโอกาสฟังเสียงของแม่"


หลังจากนั้นไม่นานทางญาติของผมโทรมาแจ้งผมว่า เมื่อคืนนี้บ้านของผมถูกขโมยงัดบ้าน และแม่ของผมขัดขืนและได้ต่อสู้กับโจร จึงถูกโจรใช้มีดแทงเข้าที่ท้อง

 แม่เสียชีวิตเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว 

ญาติของผมเล่าอีกว่าตอนไปพบศพแม่นั้น ในมือของแม่กำโทรศัพท์ไว้แน่น และเบอร์โทรออกล่าสุดของเธอไม่ใช่โทรแจ้งตำรวจหรือเรียกรถพยาบาล 

แต่แม่เลือกที่จะโทรหา "ผม" 

สิ่งสุดท้ายในชีวิตที่แม่ผมเลือกที่จะทำคือโทรศัพท์หาผมเพื่อฟังเสียงของผม


วินาทีนั้นน้ำตาของผมไหลอาบแก้ม ผมพูดอะไรไม่ออก มือและตัวของผมสั่น 

          ผู้หญิงคนเดียวในโลก ที่คุยกับผมเป็นคนแรกในชีวิต ผู้หญิงคนเดียวที่ผมสามารถที่จะคุยกับเธอได้ทุกเวลา 

โดยที่ผมไม่ต้องเตรียมบทพูดใดๆ ไม่ต้องกังวลว่าเธอจะประทับใจหรือไม่ ไม่ต้องมีมุข 

ไม่ต้องมีคำหวานใดๆ คนเดียวในโลกที่โทรมาหาผมเพียงแค่ฟังผมพูดประโยคเดิมๆ

 คนเดียวในโลกที่ไม่ว่าโทรศัพท์เธอจะโปรโมชั่นแพงแค่ไหนก็ยังโทรหาผม


"และคนเดียวในโลกที่เลือกคุยกับผมในวินาทีสุดท้ายในชีวิต"


ในบางครั้งประโยคที่ว่า "ไม่มีคำว่าสาย หากเราคิดที่จะแก้ตัว" มันก็ไม่เป็นความจริง

"เพราะบางปรากฏการณ์ในโลก เกิดขึ้นได้แค่ครั้งเดียว" 

หลังจากนั้นไม่นานแฟนผมที่ผมใช้เวลาคุยกับเธอวันหลายๆชั่วโมงคุยกับเธอก็ทิ้งผมไป 

วันนี้ผมเริ่มเข้าใจชีวิตมากขึ้น หลายๆอย่างที่คนส่วนใหญ่ทำ มิได้หมายถึงสิ่งที่ถูกต้องเสมอไป เพราะตัวเราเท่านั้นที่เป็นผู้ต้องรับผลการ
กระทำของเราเอง

 "เราจะรู้ว่าสิ่งใดสำคัญ ก็ต่อเมื่อเราต้องเสียมันไป"

 ทุกวันนี้ผมนั่งมองโทรศัพท์ รอที่จะตอบคำถามเดิมๆให้ผู้หญิงคนหนึ่งฟัง แต่ผู้หญิงคนนั้นคงไม่มีอีกแล้ว

                  ...... แม่ครับ ผมขอโทษ......

     .....     .....     .....   T h e  E n d.....     .....     .....
 
 
 
 
                                  				
8 สิงหาคม 2550 21:38 น.

::..คำโกหกของแม่..::

ฉางน้อย

1.jpg         แม่โกหกผม 8 ครั้งในชีวิต

1. เรื่องเริ่มขึ้นตอนเมื่อผมเป็นเด็ก ๆ ผมเกิดในครอบครัวยากจน

ครอบครัวของเราจนมากจนต้องอดข้าวบ่อย ๆ

เมื่อไหร่ก็ตามเมื่อถึงเวลากินข้าว...แม่จะแบ่งข้าวมาให้ผมเพิ่มขึ้นอีก

พร้อมทั้งพูดว่า"ลูกต้องกินข้าวเพิ่มขึ้นนะ...ส่วนแม ่ไม่ค่อยหิว"

นี้เป็นครั้งแรกที่แม่โกหกผม
                      				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟฉางน้อย
Lovings  ฉางน้อย เลิฟ 1 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟฉางน้อย
Lovings  ฉางน้อย เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟฉางน้อย
Lovings  ฉางน้อย เลิฟ 1 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงฉางน้อย