11 กุมภาพันธ์ 2549 00:38 น.

+=+=+=... อุบัติเหตุ ..นอกหัวใจ...=+=+=+

ฉางน้อย

         "  เจน อาทิตย์หน้าทำตัวให้ว่างนะ พี่จะพาไปเที่ยวทะเลกัน ไปไหม ทะเลหัวหินน่ะ .."  

นายปลายหนุ่มใหญ่พูดด้วยแววตาแจ่มใสเป็นประกาย 

       " จริงหรือคะพี่ปลาย ว๊าววว ... อยากไป ๆ ค่ะ  ดีใจจังได้เที่ยวทะเลด้วย   ว้า ...แต่เจนมีนัดส่งมอบงานให้ลูกค้านี่ค่ะ  เจ้านี้น่ะ รายใหญ่ซะด้วยซิค่ะ   "

แววตาฉายแววสดชื่นออกมา พลันก็สลดวูบด้วยคิดได้ว่ามีงานที่ต้องทำอีก

       " อืม...ใช่ พอดีที่ทำงานพี่ เขาไปอบรมสัมนาที่นั่น 1 อาทิตย์แน่ะ ..รู้ว่า คนแถวนี้ชอบทะเลด้วยซิ อยากไปหรือเปล่าน๊า ? ใครก็ไม่รุ้เนอะ รบเร้าให้เราพาเที่ยวทะเล ...."

นายปลายพูดทำเสียงล้อเจน เพราะรุ้ว่าเจนชอบทะเลเป็นที่สุด

       "  เอาน่ะ ยังไงซะ เจนก็จะพยายามเคลียร์งานให้เร็วที่สุดนะคะ แล้วจะบึ่งรถตามพี่ปลายไปทีหลังนะคะ  สัญญาค่ะ นะคะ "

 เจนแกล้งส่งเสียงออดอ้อนอ่อนหวาน ส่งผลให้นายปลายยกมือเขกหัวเบาๆด้วยความเอ็นดู 

       "  เฮ้อ ..นายเต้ย จะว่าไงบ้างน๊า เจนเห็นที ต้องเร่งงานด่วนอีกแล้วซิเนี่ย "

       " เอาอีกแล้วน๊า คำก็นายเต้ย สองคำก็นายเต้ย นายเต้ยมีอะไรดีน๊า หือ บอกมั่งซิ ? .."

นายปลาย พูดด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าน้อยใจ แม้ไม่จริงจังมากนัก แต่เจนก็จับกระแสที่ส่อออกมาได้     

       " ไม่หรอกคะ  ก็นายเต้ยเขาชำนาญเส้นทางไงคะ ขับรถคล่องแคล่วไง แหมๆ อย่าคิดมากซิคะ  "

       " จ้า ไม่ได้ว่าอะไร แค่พูดเล่นน่ะ แล้วรีบตามไปแล้วกันนะ อดเล่นน้ำทะเลด้วย ไม่รุ้น๊า  "

นายปลายเอ่ยทิ้งท้ายก่อนจากลากัน


แท้ที่จริงแล้ว นายปลายเตรียมแผนการณ์ที่จะลงเล่นน้ำทะเลนานแล้วล่ะ  เพราะ อบรมแค่ 4 วัน จันทร์ - พฤหัสบดี ส่วนวันศุกร์ ว่าง แล้วไหนจะเสาร์ อาทิตย์อีก ก็เป็นวันหยุดของเขาแล้วนี่ 

แค่คิด เขาก็ยิ้มอย่างสุขใจ หวังให้เจนได้พักผ่อนเล่นน้ำทะเลอย่างที่เธอชอบ  ส่วนตัวเขาเองก็อยากสุขตามประสาคุ่รักบ้าง ตามประสาหนุ่มสาวบ้าง เหมือนคู่รักคู่อื่น เฮ้อ คิดแล้วก็ยิ้มสุขดีจัง


       บ่ายวันพฤหัสบดี เจนสาวน้อย ของนายปลาย เธอแจ่มใส สดชื่นเป็นพิเศษ ก็จะออกเดินทางไปเที่ยวทะเลแล้วนี่  เธอยิ้ม พลางหยิบมือถือขึ้นมาคุย

       " สวัสดีค่ะแม่หรือคะ  แม่คะ เจนเดินทางไปหัวหินนะคะ  นัดกับพี่ปลายไว้ที่นั่นคะ "

       " ค่ะ แม่ แหมๆ แม่ไม่ต้องห่วงหรอกคะ ฝืมือระดับนี้แล้ว ขับรถถึงหัวหิน...........ซะเมื่อไหร่ อิอิ "

      " แหมๆ แม่ขา  เจนพูดเล่นหรอกคะ  ค่ะ เจนเดินทางปลอดภัยอยู่แล้วค่ะ บายนะคะแม่ แค่นี้น๊า คะ รักแม่จังค่ะ "

 

     ช่วงบ่ายรถค่อนข้างหนาแน่นเช่นเคย ตามปกติจากฝั่งขาออก กทม. เจนขับรถไปด้วย  ฟังเพลงไปด้วยด้วยความสบายใจ เธอฮัมเพลงไปตลอดทาง 

       "  เจน อย่าเที่ยวเพลินกับนายเต้ยละ เสร็จแล้วรีบไปนะ พี่รออยู่นะ อย่าลืม  "

       " ค๊า คุณพ่อ คิก คิก แล้วจะรีบตามไปค๊า ไม่ต้องห่วงหรอกคะ  แหมๆๆ ห่วงจัง ค่ะ " 

       " ก็ ไม่รู้ซิ ทั้งหวง ทั้งห่วงนะ สารพัด บอกไม่ถูกหรอก "

บทสนทนานี้ยังจำได้แม่นในโสตประสาท ของเจน แม้ว่าผ่านมา 3 วันแล้ว  เธอคิดแล้วยิ้มขำ ที่พี่ปลายของเธอ เป็นเหมือนเพื่อน เหมือนพ่ออีกด้วยซิ คิดแล้วก็ขำดี เนอะ ยายเจนเอ๋ย 

       "  เฮ้อ ..พี่ปลายก็ไม่โทรหาเราบ้างเลย คิดถึงซะแล้วซิ " 

เจน คิดเล่นๆพลางฮัมเพลงด้วยความสบายใจ ฟังเพลงโปรดด้วยนี่ เป็นเพลงที่ฟังบ่อยกับพี่ปลายของเธอ
มือขวาบังคับพวงมาลัยรถ มือซ้ายควานหาแผ่นซีดี เพลงโปรด 

       "  เอ เพลงโปรดของเราหายไปไหนหว่า ?  "

เธอควานหาในช่องเก็บของก็ไม่มี เบาะข้างๆก็ไม่เห็น มือควานหาไม่เจอ ใช้สายตาสอดส่ายอีกที  โดยหารู้ไม่ว่า อีกไม่กี่วินาทีข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอบ้าง
 
อีก800 เมตรข้างหน้า มีรถบรรทุกสิบล้อ จอดเสียแอบข้างทางซ้ายมือ เจนจึงเลี่ยงขับแซงขึ้นไปทางขวามือ คิดว่า ผ่านตลอด แต่ที่ไหนได้ล่ะ เธอเงยหน้าอีกที 

เสียงแตรรถดัง ยาว รัว ปริ๊นนนนนน........ เธอตกใจ เพราะทางขวามือเธอนั้น เป็นรถบรรทุกสินค้าใหญ่วิ่งข้ามเกาะกลางถนนมายังจุดที่เธอขับผ่านมาพอดี  จำต้องหักหลบซ้ายข้างทาง 

โครมมมมมมม ........เสียงรถเสียหลักพุ่งชนกับเสาไฟฟ้าอย่างจัง เจนก็สิ้นสติไปในวินาทีนั้นเลยทีเดียว


ข้างฝ่ายชายหนุ่มใหญ่ นายปลายนั้น คิดว่า เจนมัวหลงเที่ยวเพลินกับนายเต้ย ในระหว่างที่เขาไม่อยู่ 

       "  เฮ้อ ...ช่างเหอะ ปล่อยเขาเที่ยวสักพัก คงลืมแล้วว่านัดเราไว้ที่นี่ ที่ทะเลแห่งนี้   อยากมาก็คงมาเองแหละ  "

นายปลาย คิดไปต่างๆนาๆ ว่า เจนหนีเที่ยวจนผิดสัญญาที่ให้ไว้กับเขา  เฮ้อ ..คิดอะไรมากมาย งานเรามีอีกเยอะที่ต้องรับผิดชอบ  คิดพลางสลัดความคิดที่ไร้สาระ ออกจากหัวสมอง

      จาก 5 วัน กลายเป็น 1 อาทิตย์    กลายเป็นครึ่งเดือน ที่นายปลายไม่มีเวลา ไม่มีโอกาสโทรหา หรือแม้แต่ไปเจอหน้าเจนเลย

 ก็ที่จริง เขาก็เคยโทรเข้ามือถือเธอแล้ว  แต่ปรากฎ ว่าไม่มีคนรับสาย บ้างล่ะ สัญญาณไม่ว่างบ้างล่ะ เขาเลยลืมๆ 

     จนมาวันนี้แหละที่เขาลองโทรอีกที เผื่อติด และแล้วก็โทรติดจริงๆด้วยซิ เขายิ้ม

      " สวัสดีคะ เจนพูดค่ะ "    เจน คุยโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงที่ไม่ปกติ สั่นๆ มือก็สั่นด้วยซิ

       "  เจน ทำไม เจนหายเงียบไปเลยล่ะ  ไหนบอกว่า จะไปหาพี่ที่ทะเลไง พี่ก็รอจนวันสุดท้ายนะ เจนก็ไม่ไปจริงๆด้วย "

       "  โทรศัพท์มี ก็ไม่ยอมโทรหา รู้ไหม พี่คิดถึงนะ "

เสียงตัดพ้อต่อว่า จากต้นสาย พลอยทำให้คนรับที่ปลายสายกลั้นเสียงสะอื้น มือสั่นอย่างช่วยไม่ได้

คงถึงเวลาแล้วซินะ ถึงเวลาซะที ที่พี่ปลายต้องจากเราไปจริงๆ เราไม่อยากยุด ไม่อยากยื้อเขาไว้ อยากให้เขาสุข 

       "   พี่ปลาย คะ พี่ลืมเจนซะเถอะนะคะ ลืมเรื่องราวเก่าๆของเราให้หมด   "  

       "  ทำไมล่ะเจน ระหว่างที่พี่ไม่อยู่ เกิดอะไรขึ้นอย่างงั้นเหรอ เจน บอกพี่ซิ   เจนเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไม พูดกับพี่แบบนี้ล่ะ "

น้ำเสียงนายปลาย ฟังดูร้อนรน ด้วยไม่คิดว่า ช่วงเวลาที่เขาไม่อยู่เพียง 5 วัน มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นอย่างงั้นเหรอ 

       "  เปล่าคะ   ไม่มีอะไร แต่เจนรู้ตัว รู้ใจตัวเองดีแล้วค่ะว่า ที่ผ่านมา ที่เจนคบกับพี่ เจนไม่เคยรักพี่เลยคะ  เจนแค่หลง เป็นอารมณ์ชั่ววูบแค่นั้นเองคะ "

       " เจน ไม่เคยรักพี่เลยสักนิด เจนไม่เคยคิดรักพี่ปลายเลย ได้ยินไหมคะ ?    "

       " เจน เป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น บอกพี่ซิ เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งวางสายนะ เจน..เจน..เดี๋ยวๆ ..... "

 ช้าไปเสียแล้วที่นายปลายจะร้องเรียกเจนให้คุยต่อ ให้รู้ต้นสายปลายเหตุ

นายปลาย งง สับสน จับต้นชนปลายไม่ถูก มืดมิดไปหมดทุกด้าน  ในใจร้อนรน อยากให้ถึงวันพรุ่งนี้เร็วๆ วันอาทิตย์ เขาจะไปคุยให้รู้เรื่อง แต่ตอนนี้ ใจชายหนุ่มโลดแล่นไปก่อนกายแล้วล่ะ

       ข้างฝ่ายเจน สาวน้อยผู้โชคร้าย เธอโผเข้ากอดมารดาแน่นเหมือนกับคนที่เสียขวัญมานาน และกำลังต้องการคนปลอบใจ

       "  เจน อย่าคิดมาก นะลูกนะ แม่เชื่อว่า คุณปลายเขาไม่ได้เป็นคนแบบนั้นหรอกนะ แม่ดูคนไม่ผิดหรอกลูก "

       "  เจน คิดดีแล้วเหรอลูก ที่หนูพูดออกไปแบบนั้น หนูทำไปแบบนั้น  ปวดใจตัวเองนะ หลอกใครหลอกได้ แต่หลอกใจตัวเองไม่ได้นะลูกนะ "

มารดา เฝ้าปลอบประโลมลูกสาวไว้ เพราะตอนนี้เธอต้องการกำลังใจอย่างมากมาย โดยเฉพาะจากคนที่เธอรัก  และ รักเธอเช่นกัน

       "  ค่ะ แม่ เจนทำดีที่สุดแล้วค่ะ เพราะรักเขาไงคะ เจนถึงยอมปวดใจตัวเอง เจนถึงทำแบบนี้ เจนไม่อยากให้เขามาทุกข์เพราะเจน นะคะแม่  "

       "  เจน อยากให้พี่เขาไปเจอคนดีที่เขาเหนือกว่าเจนอีกมากคะ  เจนไม่ต้องการให้เขามาทนทุกข์ กับคนที่พิการอย่างเจนนะคะแม่ " 

เจน ยังคงร้องไห้สะอื้นอย่างหนัก ดวงตาแดงช้ำ เสียขวัญ เสียกำลังใจอย่างใหญ่หลวง

       "  เจน ไม่เอานะลูก อย่าพูดแบบนี้อีกนะ ผู้ชาย ถ้าเขาเป็นคนดีจริง รักลูกของแม่จริง เขาต้องมองที่ใจ มองที่ความดี ไม่มองที่ร่างกายหรอกนะ และอีกอย่าง เจนก็ยังมีโอกาสหายนี่ลูก "

       "  เจน เองก็ไม่ได้พิการมาแต่เกิดนี่คะ มันเป็นอุบัติเหตุต่างหากล่ะลูก นะคะ คนดี เชื่อแม่นะ  "

 เจน พูดไม่ออก สะอื้นไห้ อย่างเดียว พยักหน้าทั้งๆที่หน้าอาบด้วยน้ำตา 

 

 เช้าวันอาทิตย์ แม้เป็นวันหยุดพักผ่อน เป็นวันสดใส ของใครบางคน แต่อีกบางคน ใจกลับหมองหม่น ไร้สุข

เจน นั่งอ่านหนังสือ ในห้องรับแขก ชุดโซฟาสีครีมอ่อน วางตรงกลางห้องรับแขก ข้างๆมีเก้าอี้เล็กๆอีก 3 ตัว  ประกอบเป็น1ชุด วางเรียงกันดูสวยงาม น่านั่งพักผ่อน อีกตัวเป็นชุดยาว ไว้นอนเล่นได้สบาย

       แว่ว เสียงรถแล่นเข้ามาในรั้วบ้าน เจนมิได้ใส่ใจ ด้วยคิดว่า มารดากลับมาจาก จ่ายตลาด 

เจน ร้องทักมารดา     "  ทำไม กลับมาไว จังคะแม่ วันนี้ " 

เงียบ ไร้เสียงสนทนาโต้ตอบกลับมา  เธอเงยหน้ามองผู้เข้ามา

       "  พี่ปลาย  พี่เข้ามาได้ไง พี่มาทำไมคะ ?  "

เจน ตกใจ หน้งสือ หลุดจากตักที่เธอกางอ่านเมื่อสักครู่นี้ ปากสั่น น้ำใสๆไหวระริก ในหน่วยตาอีกแล้ว

       "  อ่อ .... เดี๋ยวนี้ คำทักทายของเจน เป็นแบบนี้แล้วเหรอ ช่างไม่เหมือนเจนคนเดิมเลยนะ เจนที่เคยน่ารักของพี่หายไปไหนแล้วล่ะ ?  "

       "  เดี๋ยวนี้  เจนไม่มีน้ำใจ แม้จะลุกขึ้นต้อนรับพี่ ไม่เชิญให้พี่นั่ง  เจนลืมแม้กระทั่งอ้อมกอดพี่ ที่เจนชอบโผเข้ามากอด  เจนลืมพี่จริงๆหรือนี่  "

 นายปลายพูดด้วยความน้อยใจ แต่คนที่น้อยใจยิ่งกว่า กลับเป็นเจน สาวน้อยผู้น่าสงสารคนนี้ต่างหากเล่า หาใช่นายปลายไม่

       " เจน ลุกขึ้นซิ มาหาพี่ ซบอกพี่ เหมือนที่เจนเคยทำไง พี่คิดถึงเจน เสมอนะ  " 

นายปลาย กางมือออกไปข้างหน้า หวังให้เจน สาวน้อยของเขาวิ่งมาซบอกเหมือนดั่งเคย แต่ไม่มีอะไรเลย มีแต่ความว่างเปล่า

       " ไม่คะ พี่ปลาย เจนบอกพี่แล้ว เจนไม่เคยรักพี่เลยนะคะ กลับไปซะเถอะคะ เจนไม่เคยคิดรักพี่สักนิด ได้ยินชัดไหมล่ะคะ "

 แววตา นายปลาย สลดวูบ มือตกลงแนบลำตัว อย่างคนไร้เรี่ยวแรง 

       " เจน พี่ไปแน่ เธอไม่ต้องการพี่ ก็บอกมาตรงๆ บอกมาซิ แล้วพี่จะออกไปจากชีวิตเธอเดี๋ยวนี้ พูดออกมาซิ "

นายปลายพูดพลางก็สาวเท้าก้าวมาใกล้กับโซฟา ตัวที่คิดว่าเจนนั่งอยู่

       "  ที่พี่มาวันนี้ เพื่อขอให้พี่ได้ยินชัดเจน ออกจากปากเจนเองว่า เจนไม่รักพี่แล้ว ไม่ต้องการพี่แล้ว หรือ เจนมีคนอื่น ที่เขาดีกว่าพี่  "

 เสียงนายปลาย ฟังดูปวดร้าวยิ่งนัก หากแต่ว่า คนที่ปวดร้าวยิ่งกว่าคนพูด กลับเป็นหญิงสาวตรงหน้าเขานั่นเอง หล่อนปวดร้าวเกินที่จะทนได้ หากแต่จำเป็นต้องเอ่ยคำนี้ออกไป

       "  ค่ะพี่  เจนมีคนอื่นคะ ก็บอกแล้วไง ว่าเจนไม่เคยรักพี่ ไม่เคยรักสักนิดเดียว ได้ยินแล้วใช่ไหมคะ เชิญออกไปได้แล้วคะ "

เจน หลับตา กลั้นน้ำตา กลั้นเสียงสะอื้นไม่ให้เล็ดลอดออกมาให้เขาเห็นเด็ดขาด เข้มแข็งไว้ซิยัยเจน อย่าเพิ่งร้องไห้ ให้เขาเห็น อย่าให้เขามองว่า เราอ่อนแอ จำไว้......

       " ทำไม ทำไมล่ะเจน พี่ผิดอะไร  แค่พี่หายไปแค่ไม่กี่วัน เจนทำกับพี่ได้ขนาดนี้เชียวหรือ ?  "

คราวนี้ นายปลายหมดความอดทนถึงที่สุด เขาสาวเท้าก้าวเข้ามาทีเดียว ถึงตัวเจน เขาจับไหล่เธอให้ลุกขึ้น  เขย่าด้วยความโมโห

          แต่ อนิจจา ....สิ่งที่เขาเพิ่งเห็นนั้น เจนไม่ได้นั่งบนโซฟา เก้าอี้ตัวนั้นนี่ เก้าอี้ตัวนั้น ใช้เป็นที่บังตาแค่นั้นเอง 

เจน สาวน้อยผู้น่าสงสาร เธอนั่งบนรถเข็นต่างหากเล่า และตั้งแต่ช่วงตักลงไป จนถึง ข้อเท้า เธอมีผ้าปิดคลุมไว้ตลอด

       " โอ๊ยย .... ปล่อยเจน นะพี่ปลาย เจนเจ็บนะ.. เจ็บ.. เจ็บขา.. ปล่อยซิ ....."

             น้ำตาลูกผู้ชาย อย่างนายปลายรื้นเต็มในตา เมื่อเขาทราบความจริงที่ปรากฎต่อหน้าเขาเอง

เขาดึงตัวเจน เข้ามาซุกแนบอก กอดแน่นกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา อย่างกับว่ากลัว จะหลุดลอยไปต่อหน้า

     "  เจน เป็นอะไร เกิดอะไรขึ้นกับเจน บอกพี่ได้ไหม บอกพี่ซิ "

     " พี่ เลวมากใช่ไหม ที่ไม่มีโอกาสได้ปกป้องคนที่พี่รักเลย "  

ช่วยไม่ได้หากว่า เสียงเขาจะเครือๆไปบ้าง น้ำตาก็รื้นเต็มสองตา  เขาไม่สนใจปล่อยให้ไหลออกมาซะบ้าง จะได้หายโง่สักที

       "  พี่ปลาย อย่าพูดแบบนั้นนะคะ  วันนั้น เจนไม่ได้ผิดสัญญากับพี่นะคะ เจนขับรถไปได้ระหว่างทางก็ประสบอุบัติเหตุคะ ฟื้นมา ก็เป็นอย่างที่พี่เห็นนะคะ  เจน ไม่อยากให้พี่มารับรู้อะไรเกี่ยวกับคนที่พิการอย่างเจนนี่ค่ะ   "

       "  เจน อยากให้พี่เจอคนใหม่ คนที่ดี สวยๆกว่าเจน มีเยอะนะคะพี่ เจนไม่ต้องการให้พี่เอาอนาคตที่ดีมาทิ้งไว้แค่ตรงนี้ ที่เจน "

เจน พูดพลางร้องไห้ กอดชายหนุ่มแน่นขึ้น  จิตใจเธอสับสน อีกใจ อยากไขว่คว้าหวังเป็นที่พึ่ง ที่พักพิง อยากยื้อให้เขาอยู่กับเธอคนเดียว เพราะรักเขามาก 

อยากผลักไส ให้เขาไปไกลๆเธอ เพราะรัก อีกนั่นแหละ รักอยากให้เขาสุข ไม่ต้องการให้เขามาทุกข์กับเธอด้วย กลัวเขาจะทนสภาพแบบนี้ไม่ได้ กลัวจะทนไม่ไหว 

       "   เจน ไม่เหมือนเดิม แล้วนะคะ เจนต้องกลายมาเป็นคนพิการแล้วนะคะ เจนเดินไม่ได้แล้ว ได้ยินไหม เจนเดินไม่ได้ "

       "  เจน ทำไมเจนพูดแบบนี้ เจนเห็นพี่เป็นผู้ชายมักง่ายหรือไง ที่มองคนแค่รูปกายภายนอก เสียแรงที่คบกันมานาน "

       " เจน คิดผิดนะ เจนไม่เคยรู้ใจพี่เลยสักนิด ไม่เคยรู้เลย "

นายปลาย ชายหนุ่มใหญ่ แต่ใจน้อย ตัดพ้อต่อว่า ด้วยความน้อยใจเช่นกัน

       "  พี่ปลาย รู้ไหมคะ ว่าตลอดเวลา ที่ผ่านมา เจน ไม่เคย ที่จะไม่รักพี่เลยนะคะ ในใจเจนนี้ มีพี่เพียงคนเดียว แต่เจนไม่อยากให้พี่ต้องมาลำบากกับสภาพที่ไม่เหมือนเดิมของเจนค่ะ "

       "  เจน ฟังพี่นะ พี่รักเจน ที่ความดี รักที่น้ำใจ รักเพราะรัก ไม่รู้ซิ รักให้แล้วนี่  เรายังรักกันใช่ไหม ใจแลกใจกันซิ "

       " ต่อไปนี้ พี่จะไม่ยอมให้เจนไปไหนอีกแล้ว พี่ไม่ยอมให้เจนหนีพี่อีกแล้วนะ พี่จะดูแลเจนเองนะ พี่สัญญาจ๊ะ "

  "  เวลาที่ผ่านมา มันได้สร้างความทรมานใจ ให้เราสองคนไม่น้อยนะเจน อย่าจากพี่ไปไหนอีกเลย นะคนดี  "

เจนได้รู้ลึกซึ้ง สัมผัสถึงก้นบึ้งของหัวใจชายหนุ่มแล้ว  เธอพยักหน้าแทนคำตอบ ทั้งๆที่เธอก็ไม่แน่ใจว่า เขารับปาก จะดูแลเธอ ตลอดไปหรือไม่ หรือ ตลอดชีวิต แต่ต่อนี้ไปเธอขอฝากชีวิตให้เขาช่วยดูแล 

       "  พี่ปลายคะ พี่ไม่รำคาญหรือคะ พี่ต้องทำกายภาพบำบัดให้เจนทุกวันนะคะ กลัวพี่เบื่อนะคะ  ทำแล้ว ไม่แน่ใจว่าหาย จะเดินได้เหมือนเดิมหรือไม่ หมอบอกว่า 50 : 50 นะคะ "

       " ไม่หรอก ขอเพียงเจนใว้ใจพี่ เชื่อคำพูดของพี่ แค่นี้ก็พอแล้ว ห้ามคิดมากอีกนะ เชื่อพี่ซิ นะ  "

                  1  ปี ผ่านไป ณ. ริมหาดหัวหิน ยามเช้า อากาศแจ่มใส  จะเห็นได้ว่า มีหนุ่มใหญ่กับหญิงสาวคู่หนึ่ง มานั่งอิงแอบแนบชิดกัน  สายตาก็ทอด เหม่อมองไป ณ. ริมฝั่งทะเลไกลสุดไกลโพ้น ท้องฟ้าก็เป็นสีคราม สวยงามน่าจับตามอง คลื่นลุกแล้วลูกเล่าก็วิ่งไล่ซัดสาดเข้าหาฝั่ง ทิ้งเพียงรอยอดีต บางสิ่งบางอย่างไว้ให้เบื้องหลังได้เหลียวมอง 

       "  พี่ปลายคะ ขอบคุณพี่ปลาย ที่ทำให้เจนมีวันนี้นะคะ ขอบคุณสวรรค์ด้วย ที่ให้เจนได้มาเจอคนดีๆอย่างพี่ปลาย   " 

       "  น่ะ อย่าคิดอะไรมาก เรามาเที่ยวกันนะ  อย่าคิดมากซิ ไม่เอา ไม่คิดนะ "

 คนเราตายไปก็ตัวเปล่า คว้าอะไรไปไม่ได้สักอย่าง สู้หาความสุขแต่วันนี้ดีกว่านะ เพราะไม่รุ้ว่า วันพรุ่งนี้จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง 

       "   เจน เคยได้ยิน เพลงนี้ไหม ที่เขาร้องไว้ว่า ........รักกันวันนี้ดีกว่า ....เผื่อวันพรุ่งนี้มีอันเป็นไป ..... "

       " นี่แหละ อยากสุข ก็สุขตอนที่เรายังมีชีวิตอยุ่นะ อย่าหวังว่า ไว้รอพรุ่งนี้ๆๆๆๆซิ  คำว่า พรุ่งนี้ ค่อยคิดอีกทีนะ ตอนนี้ ขอสุขตามประสาเรา เนอะ   "

       นายปลาย พูด สอน บอก เจน อย่างผู้ใหญ่ที่ผ่านโลกมามากต่อมากนัก ทำให้เจนได้คิดหลายสิ่งหลายอย่าง

        "  ค่ะ พี่ ต่อไปนี้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เจนจะอยู่เคียงข้างพี่ตลอดไปคะ ขอเพียงพี่ไม่ทิ้งเจน นะคะ "

        "  ใครว่า ล่ะ ว่าพี่จะทิ้งเจน เจนซิ จะทิ้งคนแก่อย่างพี่ซะมากกว่ามั้ง  "

       "    ค่ะ ไหนบอกว่า ใจ แลก ใจ กันไง คะ  ไม่คิดหรอกคะ คอยดูต่อไปก็แล้วกันนะคะ "

........ สองหนุ่มสาวต่างวัย ต่างหยอกล้อกันอย่างมีความสุข ท่ามกลางธรรมชาติ สายลม แสงแดด และเกลียวคลื่น

               ..... เส้นทางชีวิต อีกยาวไกล ตราบใดที่ทั้งสอง ยังมีความรักเป็นเพื่อนร่วมทาง ตราบนั้นย่อมเห็นอนาคตข้างหน้าอันงดงาม รอพวกเขาอยู่ .....


                            +++++++++++++++++++++++++++++++++++
 
 


 
                                                                                              				
28 มกราคม 2549 03:09 น.

*+*+ เหลือไว้..เพียงความทรงจำ.. ( 3 )*+*+

ฉางน้อย

               
เหลือไว้..เพียงความทรงจำ ( 3 )

( ปิดฉากสุดท้ายของชีวิตและความฝัน)

 

" ...ของที่ส่งมาให้ถูกใจไหม ?

พรุ่งนี้พี่ต้องเดินทางต่อนะ ช่วงนี้ภาระกิจพี่เยอะมาก

ก็เลยต้องแว่บไปแว่บมาอยู่อย่างงี้

แต่ยังคิดถึงน้องสาวคนดีอยู่เสมอ

แค่มาบอก..ไม่ได้โกรธ 

แต่ไม่เข้าใจ ทำไมต้องตัดพ้อต่อว่า

คำบางคำมันเจ็บมากรู้ไหมหนา

เหมือนเป็นห ม าไม่ใช่คน จนท้อใจ..."

.....................................

          ปลายเดือน ธันวาคม ปี 2547 กำลังจะผ่านพ้นไป พี่ชายบอกว่า ปีใหม่นี้พี่ชายจะส่งของมาให้ ฉันก็ทำไม่สนใจ ทั้งๆที่อยากรู้ว่าคนอย่างพี่ชายจะเลือกซื้ออะไรให้น้องสาวน๊า (แอบลุ้นๆ คนเดียว)

     ใจจริงๆแล้ว ฉันบอกพี่ชายไปว่า ไม่ต้องการอะไร ไม่อยากได้อะไร ไม่ต้องการสิ่งของนะ แค่พวกพี่ๆมอบความจริงใจ ความหวังดีมาให้ น้องสาวก็ขอบคุณมากแล้วค่ะ 

        "  ไม่หรอกนะ อย่าคิดมากซิ ถือเป็นของขวัญต่างหน้าแทนพี่ชาย แทนพวกพี่ๆแล้วกัน ดูแล้วคิดถึงกันบ้างนะ "

" พี่เชื่อว่า สิ่งที่พี่ และพี่สาวสองคนมอบให้มานั้น  น้องสาวพี่ได้ใช้ประโยชน์ได้แน่นอน พี่เชื่ออย่างงั้นนะ "  เฮ้อ กะจะส่งมาให้ได้ว่างั้นเหอะ พี่ชาย 

          จนกระทั่งปีใหม่ ปี 2548 ห่อพัสดุชิ้นโต ได้มาอยู่ในมือฉันแล้ว รีบแกะดูเลยนะ เป็นสมุดไดอารี่สีน้ำตาล ปกหนังอย่างดี สวยด้วย เนื้อกระดาษหนา สวยๆๆๆ ชอบจังค่ะ พี่ๆขอบคุณๆๆๆๆ ขอบคุณที่รู้ใจนะคะ 

     แท้จริงแล้ว ฉันไม่ได้สนใจราคา หรือ มูลค่าของไดอารี่เล่มนั้นหรอกนะ  คิดเพียงว่า ราคาของน้ำใจที่พี่ๆมีให้มานั้นมีมากกว่า สมุดเล่มนั้นอีกนะคะ ได้รับพัสดุแล้วน้ำตาซึม ไม่คิดว่าพี่ๆทั้งสามจะจริงจัง และ จริงใจกับน้องสาวคนนี้

คิดแล้วก็สงสารคนส่งด้วย เพราะ น้องสาวคนนี้ไปต่อว่าพี่ชายไว้มากมากย แต่ทำไม ทำไมพี่ชายไม่เคยคิดโกรธเลยสักครั้ง พูดไม่ออก พูดได้เพียง  ...ขอบคุณจากใจ..ค่ะ

          และเหตุการณ์ไม่ดีเริ่มเดินทางมาสู่พวกเราได้ยังไง ไม่ทราบ เป็นเรื่องที่น่าเศร้ามาก ไม่อยากจดจำ ไม่อยากพูดถึง แต่ฉันอยากบันทึกไว้ให้เป็นความทรงจำ ไม่ลืมเลือนไปจากใจฉัน และพี่สาวอีกสองคน เชื่อว่า ไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นกับญาติพี่น้อง หรือคนที่ต้วเองรัก แต่หลีกเลี่ยงไม่ได้ซิ เป็นสิ่งทรมารมากนักนะ สำหรับคนที่ได้รับความสูญเสียอันยิ่งใหญ่

 แม้แต่ฉันซึ่งเป็นคนภายนอก ยังอดน้ำตาไหล ต้องร้องไห้กับดวงชะตาชีวิตของใครคนหนึ่ง  และเพราะเขาคนนั้นเป็นคนที่ฉันเริ่มรู้จัก หรืออาจมากว่า แค่ตนรู้จัก 

          ต้นเดือน มกราคม 2548 ฉันมีความจำเป็นต้องเดินทางไปต่างจังหวัดนานพอสมควร ก็เข้าไปคุยเอ็มเป็นครั้งสุดท้ายกับพี่ชาย ( ซึ่งฉันไม่คิดว่า เป็นครั้งสุดท้ายจริงๆสำหรับฉันกับพี่ชายคนนี้ ) ฉันเข้าไปลาพี่ชายบอกว่า ไปเที่ยวสักครึ่งเดือนนะ ค่อยกลับมาโม้กันใหม่นะคะรอหน่อยนะ อย่าเพิ่งหาน้องสาวคนใหม่น๊า 

แต่คำพูดที่พี่ชายพูดออกมานั้น ทำเอาฉันแทบร้องไห้ ........

 " .. ไปซิ   รักษาตัว รักษาใจให้ดี  แล้วกลับมาคุยกับพี่เหมือนเดิมนะ อย่าไปเกเรที่ไหน .."  พี่จะนั่งรอน้องสาวตรงนี้เสมอ หน้าคอมพ์ตัวเก่ง ที่เก่าเวลาเดิม  แม้ว่าน้องไปนานแค่ไหน พี่ก็จะรอนะ  อย่าลืมว่า มีพี่ชายคนนี้ยังรออยู่นะ .. "

       . ช่วงระยะเวลาที่ฉันอยู่ต่างจังหวัด ไม่มีโอกาสได้เล่นคอมพ์ เล่นเน๊ตที่ไหนเลย  จนกระทั่งพี่สาว โทรมาถามข่าว ก็บอกว่า สบายดี  พี่ไม่ต้องห่วงนะ  น้องสาวสบายดีค่ะ 

พี่สาวกลับตอบว่า

"ไม่ได้ห่วงน้อง  พี่ห่วงน้องชายพี่ต่างหาก  เห็นเฝ้าหน้าคอมพ์ทุกคืน บ่นทุกวัน ว่าเมื่อไหร่ น้องสาวจะกลับมาสักที บ่นเป็นคนบ้าไปแล้ว   ก็น้องชายพี่นะ เขาคุยกับคนยาก คบใครยาก " 

" .. ค่ะพี่ พรุ่งนี้ น้องสาวก็เดินทางกลับ กรุงเทพ ฯ แล้วค่ะ "  พี่ไม่ต้องห่วงนะคะ 

"เอ พรุ่งนี้ก็ 13 ก.พ.แล้วนี่ค่ะ ฝากบอกพี่ชายด้วยนะคะ ว่า น้องสาวกลับถึง กทม. เช้า 14 ก.พ. ตรงกะวันวาเลนไทน์พอดีมั้งคะ    ไว้กลับไปแล้วจะนั่งคุยกะพี่ชาย ให้สมกับที่พี่ชายคิดถึงเลยค่ะ 55555

         แต่ใครจะรู้ล่ะ ว่าความแน่นอน คือความไม่แน่นอน อนิจจา ชะตาชีวิตคนเรา ใครกำหนดมา ฟ้าหรือ ที่กำหนด ไม่ใช่ อย่าไปโทษชะตาฟ้าดินซิ โทษกรรมของเราเองต่างหาก  

บ่าย ของวันที่ 13 ก.พ. ฉันเตรียมตัวเดินทางขึ้นรถไฟกลับ กทม . ก่อนเดินทางออกจากบ้าน จิ้งจกตกลงมาตายตรงหน้าฉัน ก้มหยิบกระเป๋าเดินทางพอดี 

ดีนะที่แม่ไม่เห็นว่าจิ้งจกตกลงมา ไม่งั้นไม่ได้กลับแน่เลย เพราะ โบราณเขาถือว่า จิ้งจกตกลงมาก่อนออกเดินทาง ไม่ดี ไม่ปลอดภัย แต่ฉันคือฉันที่ไม่ได้สนใจอะไรมากมายนัก 

               บนขบวนรถไฟสายใต้คืนนั้น ใครเล่าจะรู้ว่า ใครบางคนกำลังจะได้รับข่าวร้าย

พี่สาว อีกคน เป็นทั้งเพื่อน เป็นทั้งพี่สาว  โทรเข้ามือถือบอกว่า  ...........

 "  ..ทำใจดีๆนะ จะบอกไรให้  พี่ชาย เสียชีวิตแล้วนะ .....อย่าเพิ่งร้องไห้ซิ ทำใจดีๆ ใจเย็น ..."

ตอนนั้น หูฉันอื้อ ไปหมด มือสั่น ใจหวิวๆ พี่ล้อเล่นใช่ไหมคะ ไม่จริง ใช่ไหมคะ 

ไม่จริงหรอก ฉันไม่เชื่อ ก็เราสัญญากันแล้วนี่ว่า น้องสาวคนนี้จะกลับไปคุยเอ็มกับพี่ชายตามปกติ ไหนว่า พี่ชายรอน้องสาวคนนี้ไง 

           พี่สาวคนนี้ โทรเข้ามือถือฉันอีกครั้ง บอกว่า เรื่องจริง  ไม่ล้อเล่นหรอกน่ะ เรื่องแบบนี้เอามาล้อเล่นได้ไง บ้าซิ พี่ชายประสบอุบัติเหตุนะ ช่วยเหลือไม่ทัน

ฉันกลั้นสะอื้นไว้เต็มกลืน ร้องไห้ไม่ออก อยากจะร้อง แต่เหมือนจุกอยู่ข้างใน 

สักพัก ก็ปล่อยโฮบนรถไฟเลย น้ำตาไหลออกมาเอง ไม่อายใครแล้วล่ะ 

     ......... ทำไมนะ คนเรา สิ่งที่คิดว่า แน่ มักไม่แน่นอนเอาซะเลย ทำไมไม่ได้ดังหวังสักนิด 

.......... คำว่า    ... "  คิดถึง " ของน้องสาวคนนี้มันมาช้าไปใช่ไหมคะ พี่ชาย 

พี่ชายถึงไม่ยอมรอ ฟังคำนี้ พี่ชายเคยถามบ่อยไงคะ ว่า น้องสาวคิดถึงพี่ชายบ้างไหม ?

แต่น้องสาว ก็แกล้งเฉไฉ ชวนพี่ชายคุยเรื่องอื่น 

........... ขอโทษ นะคะพี่ชาย ที่น้องสาวมาบอกคำนี้ให้พี่ชายได้ฟัง ช้าเกินไป ช้าเกินที่พี่ชายจะรับรู้    

อยากบอกพี่ชายว่า พี่ไม่ต้องห่วงน้องสาวนะคะ แม้พี่จะจากไป แต่ความหวังดี ความรู้สึกดีๆที่พี่ชายเคยมีให้น้องสาว น้องสาวยังเก็บไว้เสมอคะ เก็บไว้ในส่วนลึกของใจ 

น้องสาวจะจำคำพูดของพี่เสมอคะ ที่พี่ชายบอกว่า ..... ไม่ว่าโลกนี้หรือโลกหน้า น้องสาวคนนี้ก็อยู่ในใจพี่ชายเสมอ ....

 ค่ะ น้องสาวเชื่อว่า อย่างงั้น    ขอบคุณที่พี่มีความรู้สึกทีดีๆให้เสมอ 

........สมุดไดอารี่ เล่มนั้น พร้อมด้วยลายเซ็นพี่ชาย ยังอยู่นะคะ เขียนไม่หมดเลย แต่ยังเปิดดู เปิดอ่านบันทึกบ่อยๆคะ 

               ............. รักกันวันนี้ดีกว่า  เผื่อวันพรุ่งนี้มีอันเป็นไป ..............

วันนี้ คุณได้บอกรัก หรือบอกว่า คิดถึงใครหรือยัง คะ อย่าปล่อยให้สายเกินไป ที่จะบอกคำว่ารัก หรือ คิดถึง  รักแล้ว อย่าอายที่จะแสดงความรู้สึกที่ดีๆต่อกัน 

สื่อให้เขาได้รับรู้สักนิดเถอะคะ ว่าคุณยังไม่ได้ทอดทิ้งเขา ยังคิดถึงเขาเสมอ ไม่ว่าเขาหรือ คนนั้นของคุณอยู่ไกลแสนไกล แค่ไหน  

บอกเขาก่อนที่คุณจะไม่มีโอกาสได้บอก  บอกเขาก่อนที่เขาจะไม่มีโอกาสได้ยินคำนี้จากปากของคุณนะคะ...

                                    +++++++++++++++++++++


                         				
28 มกราคม 2549 02:52 น.

=!=!=.. เหลือไว้..เพียงความทรงจำ ( 2 )

ฉางน้อย

                         เหลือไว้...เพียงความทรงจำ ( 2 )

"... ได้ยินเสียงบอกกล่าวของสาวน้อย

เอียงหูคอยแนบอยู่รู้หรือไม่

ที่พี่สาวโทรมาเพราะได้ขอไง

แล้วแอบฟังอยู่ใกล้ใกล้ใจไม่ดี

สงสาร..อยากบอกกล่าวว่าไม่โกรธ

แต่ต้องโทษตัวเธอใช่ไหมนี่

แค่พี่ต้องการความเข้าใจให้เกิดมี

จากน้องสาวคนนี้ที่พี่ต้องการ.."

...........................

"  เป็นอะไรกันไปอีกล่ะ สองคนนี้นี่ ทำตัวเป็นเด็กอีกแล้วนะ ทั้งพี่ชาย ทั้งน้องสาว ทำไมไม่มีใครยอมใครกันเลยนะ ดื้อกันทั้งคู่  "

" เป็นอะไรอีกจ๊ะ แม่สาวน้อย อย่างอนพี่ชายนักเลยน่า ทะเลาะกันเรื่องอะไรกันอีกละทีนี้ หือ ไหนบอกพี่ซิจ๊ะ "   เสียงพี่สาวคนใหม่ พูดเสียงอ่อน เสียงหวานผ่านหูโทรศัพท์ 

"  เปล่าค่ะ พี่ ไม่มีอะไรคะ "  ฉันพูดเสียงอ่อยๆ ใช่ซิ นั่นน่ะ น้องชายเขานี่ เขาย่อมเข้าข้างน้องชายเขาแน่นอน  ฉันคิดในใจนะ ไม่กล้าคิดนอกใจ กลัวพี่สาวได้ยิน แล้วโดนเอ็ดอีก หาว่าฉันชอบเล่น ชอบพูดเรื่อยเปื่อย 

"   อะไร ไม่มีอะไร แล้วทำไมน้องชายพี่นั่งหน้ายุ่งเชียว หือ ก็ทุกทีพี่เห็นเขาคุยเอ็มกะน้องแล้วพี่ชายก็หัวเราะคิกคักๆ คนเดียวนี่ แต่พี่ถามว่าคุยไรกัน หัวเราะขำเชียว กลับไม่บอกเรา แอบยิ้มคนเดียว "

" แต่เวลาทะเลาะกันน๊า ไม่พ้นพี่สาว คนนี้หรอก ทุกทีซิน่ะ เฮ้อ เด็กพวกนี้นี่ ไม่เข้าใจเลยจริงๆ  "    โห .. พี่สาวคนใหม่ บ่นคะ บ่นได้ยาวมากๆ   

ฉันรู้หรอก ว่าพี่สาวแกล้งบ่นไปงั้นแหละ ทั้งที่จริงๆแล้วใจดี รักน้องชายมาก ตามใจด้วย ทั้งๆที่น้องชายอายุก็มากแล้วด้วยซิ แต่ยังชอบอ้อนพี่สาว อยากได้อะไรต้องได้ 

           จริงๆแล้วนะ เมื่อฉันได้รับโทรศัพท์จากพี่สาวแล้ว ฉันอึ้ง น้ำตาซึม เพราะไม่คิดว่า เรื่องแค่นี้ พี่สาวต้องมารับรู้ด้วย นั่นเพราะ น้องชายตัวดี เขาอ้อนวอนให้พี่สาวโทรมาถามข่าว กลัวน้องสาวคนนี้โกรธ งอน  แต่ฉันก็ยังดีใจนะว่า พี่ชาย กับ พี่สาว ยังแคร์ความรู้สึกของน้องสาวแปลกหน้าอยู่ (แต่ไม่หน้าแปลกหรอกนะ )

     ฉันเพิ่งทราบทีหลังว่า ระหว่างที่พี่สาวโทรคุยกับฉันนั้น พี่ชายตัวดีก็แอบฟังด้วย 

พี่สาวเขาบอกว่า พี่ชายแค่น้อยใจ แต่ไม่เคยโกรธน้องสาวนะ ไม่ว่าน้องสาวจะต่อว่า ตัดพ้ออะไรพี่ชายรุนแรง แต่พี่ชายไม่คิดโกรธเลย โกรธไม่ลง  ไม่โกรธเลยสักครั้ง

ฉันเสียอีกที่เป็นฝ่ายไปต่อว่าพี่ชายเค้า แล้วตัวเองชอบมานั่งคิด คิดว่า พี่เค้าคงเสียใจ น้อยใจ ฉันคิดแล้วก็ผิดต่อใจตัวเองนะ เสียใจที่ไปทำลายความรู้สึกดีๆที่พวกพี่ๆทั้งสามมีให้แก่น้องสาวคนนี้

ฉันรู้นะว่า ความรู้สึกที่ดีๆนั้น หาได้ไม่ง่ายนัก ความรู้สึก ความผูกพันธ์ ของแต่ละคนไม่ได้สร้างได้ หาได้มาเพียงชั่วข้ามวัน ข้ามคืน แต่กลับใช้เวลาเป็นปี กว่าที่จะถักทอสายใยแห่งความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้น 

เหมือนความสัมพันธ์ของฉัน กับพี่ๆที่***งไกลกัน แต่ได้มาพูดคุยกัน สิ่งเหล่านี้ พวกเราต้องแลกด้วยความจริงใจ ความเชื่อมั่นในกันและกัน เอาความจริงใจมาพูดคุยกัน  แต่ฉันเกือบจะเป็นคนที่ตัดสายใยแห่งความสัมพันธ์นั้นให้ขาดสะบั้นลง เพราะ ความใจร้อน แสนงอน ดื้อดึง ไม่ยอมใคร แต่สุดท้ายก็ได้คิด เพราะ พี่สาวชี้แนะแนวทางถูกผิดให้

     พี่สาวบอกว่า ถ้าพี่ชาย ไปว่าอะไรน้องรุนแรง พี่ขอโทษแทนเขาด้วยนะ ........ เปล่าหรอกคะพี่ มีแต่น้องนี่แหละ คะที่ไปว่าพี่เค้าอีกแล้ว  แต่ทำไม พี่เค้าไม่ยอมโกรธสักครั้ง?

."  ค่ะ น้องชายพี่น่ะ  พี่รู้ใจเขาดี ถ้าเป็นคนอื่น เขาด่ากลับไปแล้ว แต่นี่เห็นว่าเป็นน้องสาว เขาเลยโกรธไม่ลง  เขาไม่เคยคิดโกรธด้วยนะ จริงๆ  "

" ทุกวันนี้มีแต่คิดถึงมั้ง เห็นเฝ้าหน้าคอมพ์บ่อยจัง  เห็นมานั่งบ่นว่า เมื่อไหร่ เจ้าตัวยุ่งจะออนเอ็มสักที  "   ยิ่งได้ฟังที่พี่สาวพูดคุยแล้ว ยิ่งเศร้าในหัวใจตัวเองจัง

ชักไม่แน่ใจคำพูดของพี่ชายที่เขาบอกว่า ขอเป็นแค่พี่ชาย ที่จะคอยดูแลแม่สาวน้อยคนนี้  ฉันไม่รู้นะว่า อะไรเป็นอะไร รู้เพียงว่า พี่ชาย คงหวังดี ปรารถนาดี มีความรู้สึกที่ดีๆมอบให้ฉันเสมอ คอยสอน คอยบอกหลายเรื่อง 

...... ก็อยากบอกพี่ชาย ว่า ขอโทษ เรื่องที่ผ่านมา ขอโทษ และ ขอบคุณพี่สาวด้วยที่ไม่คิดโกรธน้องสาวแสนงอนคนนี้ ...

ตกลงว่า วันนั้น ฉันคุยโทรศัพท์ด้วย น้ำตาซึมด้วย สงสารพวกพี่ๆเขาจังเลย  ที่ฉันทำต้วเป็นน้องสาวที่ไม่ดี ชอบงอแง ( คำนี้ มีคนว่าบ่อย)  

ฉันสัญญากับพี่ๆไว้ว่า ต่อไปนี้ จะเป็นน้องสาวที่ดี น่ารักของพวกพี่ๆ จะไม่เกเรด้วยคะ 

                                          ........................................

( โปรดติดตามตอนที่ 3  ฉากสุดท้ายของขีวิต และ ความทรงจำที่ดีๆ ที่มีเหลือเพียงความฝัน ) 

                                           				
28 มกราคม 2549 00:44 น.

!+!+!..เหลือไว้..เพียงความทรงจำ..!+!+!

ฉางน้อย

                                   
เหลือไว้...เพียงความทรงจำ.. ( 1 )

" ...จะตัดพ้อต่อว่าก็ให้ใคร่ครวญคิดสักนิดก่อน

หากไม่คิดว่าเป็นน้องนะงามงอน

จะจรลาจากไม่อยากมา

แต่ยังไงพี่ก็อภัยให้

ข้อความที่ส่งไปได้รับแล้วหนา

แต่พี่ไม่อยากตอบกลับมา

เบื่อเป็นคนไร้ค่าในสายตาใครใคร ..."

 

""""""""""""""""""""""""""

          ข้อความที่ขึ้นต้นนี้อาจไม่ใช่บทกลอนที่แสนหวาน อาจไม่ใช่บทลำนำที่ขับขานให้ไพเราะ  แต่เป็นเพียงบทความที่เกิดจากใจของชายคนหนึ่งที่ชอบแทนตัวเองว่า "  พี่ชาย " 

           เมื่อราวๆกลางปี 2547  ฉันได้รู้จักกับพี่ผู้ชายคนหนึ่งโดยบังเอิญทางอินเตอร์เน๊ต ทั้งที่จริงแล้วฉันแอดเอ็มไปหาพี่สาวเขา แต่พี่สาวเขาไม่อยุ่ เขาก็สวมรอยมาคุยแทน ฉันก็คิดว่า เป็นพี่สาวคนนั้น ซึ่งเป็นเพื่อนในเวป ที่ฉันให้ความนับถือพี่เค้าว่าเป็นพี่สาว

     เคยคุยกันตอนแรก ก็ยังไม่รู้ว่าเป็นพี่ชายคนนั้น แต่สุดท้ายก็รู้ความจริงเมื่อพี่สาวออกมาบอกว่า พี่ไม่รู้เรื่องเลย ที่น้องคุยกับเขาทุกคืนน่ะ ไม่ใช่พี่สาวนะ น้องโดนหลอกแล้วล่ะ 

เขาก็สารภาพออกมาเองด้วย ว่าเขาตั้งใจเข้ามาคุยด้วย คุยกับฉันแล้วขำดี มีอะไรที่บ้าๆบ๊องส์ๆ ไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นที่เขาเคยคุยด้วย ( ก็ไม่รู้ว่า เขาด่าหรือชมกันแน่นะ ยัง งง )

          ตกลงว่า เราสามคนก็คุยด้วยกัน แล้วแต่ใครว่างก็มา แต่ส่วนมากพี่ชายจะแย่งพี่สาวเล่นเอ็มมากกว่า พี่สาวบอกว่า พี่ชายน่ะ ชอบมานั่งคุยกับฉัน เฝ้ารอเวลาที่เราเคยมานั่งคุยกัน ก็น่าขำดี เพราะ ไม่คิดว่า คนอย่างฉันซึ่งเป็นคนที่ไม่มีสาระอะไร จะมีใครเฝ้ามานั่งฟังฉันโม้ได้ตลอด แต่พี่ทั้งสองบอกว่า ดูท่าทางฉันเป็นคนซื่อดี (ซื่อบื้อ) คิดว่าคนอย่างฉันไม่มีพิษมีภัยกับใคร 

พี่สาวบอกว่ารักฉันเหมือนน้องสาว เพราะฉันเหมือนคนช่างพูดช่างคุย (ช่างประจบ ชอบอ้อนเป็นบางเวลา)  ข้างฝ่ายพี่ผู้ชายบอกว่า งั้น พี่เป็นพี่ชายให้แล้วกันน่ะ อยากมีน้องสาวด้วยเหมือนกัน ยิ่งน้องสาวที่กวนโมโหเขาได้มากขนาดนี้ ไม่เคยเจอเลย 

          แต่ในระยะหลังๆนี้ ฉันกับพี่ชายก็ไม่เข้าใจกัน ด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง ฉันว่าพี่เค้า พี่เค้าก็ว่าฉันกลับมา หาว่าฉันพูดจาไม่ดีกับพี่ก่อน ทำไมต้องมาต่อว่ามากมาย ไม่เข้าใจ

พี่ชายบอกว่า " พี่น้อยใจเป็นเหมือนกันนะ ต่อไปนี้ไม่มาคุยด้วยแล้วล่ะ ไม่อยากเป็นคนที่ไม่มีค่าในสายตาน้องสาวอีกต่อไปแล้ว ทำความดี ไม่มีใครเห็นความดี "

ฉันก็ใจหายเหมือนกันที่พี่เค้ามาพูดแบบนั้น เลยยอมขอโทษ เพราะถือว่าเป็นน้อง อายุน้อยกว่าด้วย ต้องให้เกียรติ์พี่เค้า พี่สาวเค้าด้วย ยิ่งตอนที่พี่เค้ามาบอกว่า "  จะไม่มายุ่งเกี่ยว ไม่มาทักทายแล้วนะ  "  ฉันก็ยิ่งใจแป้ว เหมือนกัน เพราะว่า พี่เค้าหายไปเกือบอาทิตย์ 

แต่สุดท้าย พี่เค้าก็ออนเอ็มมาคุยกับฉันเหมือนเดิม ประโยคเดียวที่พี่ชายพูดแล้วน้ำตาซึม คือ   "   คิดถึงนะ คิดถึงเสมอ พยายามทำใจว่าจะไม่มาคุย แต่ทำไม่ได้สักที เฮ้อ ..ทำไมต้องมารู้จักยัยยุ่งด้วยนะ ก็คนเคยคุยกันมา เมื่อคุยแล้วไม่ได้คุยเหมือนขาดอะไรสักอย่างในชีวิตนะ " 

"  แต่น้องสาว อย่าคิดมากนะ ว่าพี่จะเปลี่ยนใจตัวเอง พี่ก็คือพี่ชายเสมอ จำไว้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น น้องยังมีพี่ชายคนนี้คอยดูแลนะ จำไว้.. "

"    พี่อาจเขียนกลอนไม่เก่ง เขียนอะไรไม่หวาน พี่ทำได้แค่ ขีดๆ เขียนๆ เพื่อที่ต้องการสื่อความรุ้สึกจากใจ อาจมีนัยมากกว่านั้น แต่พี่จำต้องเงียบไว้ พูดออกมาไม่ได้หมด "

"   พี่อยากให้รับรู้ไว้ว่า ไม่ว่าพี่จะอยู่ในโลกนี้ หรือโลกไหน ก็แล้วแต่ น้องสาวคนนี้จะอยู่ในใจพี่เสมอ  จำไว้นะ เจ้าตัวยุ่ง .."

            นี่คือ คำพูดที่พี่ชายพูด เคยบอกฉันไว้ ฉันได้แต่รับฟัง แล้วก็อึ้ง เพราะไม่คาดคิดว่า คนอย่างฉัน ซึ่งไม่มีอะไรเลย ไม่มีสาระอะไรให้น่าประทับใจ พวกพี่ๆเขายังมาใส่ใจ เป็นห่วงเป็นใยน้องสาว(แปลกหน้า)ได้ขนาดนี้ 

พี่สาว แซวฉันว่า  " พี่ชายน่ะ  เห่อน้องสาวคนใหม่จัง ชักอิจฉาซะแล้วซิ "

 ฉันได้แต่ขอบคุณพี่ๆที่มาเป็นห่วง ดูแลทั้งในเน๊ต และ นอกเน๊ต ขอบคุณมากจริงๆ 

          ขอบคุณ พี่สาวทั้งสองท่านนะคะ ที่คอยถามข่าวคราวเสมอ .....

          ขอบคุณ พี่ชายอีกคนที่ห่วงใย น้องสาวนอกไส้ แบบออกนอกหน้า ( พี่สาวแซวมาค่ะ )

          ขอบคุณที่ พี่ๆทั้งสามให้ความจริงใจกับน้องสาวคนนี้นะคะ ขอบคุณจากใจจริงค่ะ

 

                                                   ..................................................

( โปรดติดตามตอนที่ 2 )
 
                                     				
14 พฤศจิกายน 2548 03:34 น.

ที่เก่า..เวลาเดิม..

ฉางน้อย

ที่เก่า...เวลาเดิม  :  ดึกมากแล้วซินะ 
ฟากฟ้าที่ฝั่งโน้น ตอนนี้เป็นยังไงบ้างหนอ ?
อากาศหนาว..ร้อน..หรือ อบอุ่นพอ
ฟากฟ้าฝั่งนี้เริ่มหนาว ..หนาวกายไม่เท่าไหร่
แต่หนาวใจคิดถึงคนไกลคนละฝั่งฟ้า

ที่เก่า..เวลาเดิม  :  ดึกมากแล้วซินะ
ผืนน้ำราตรียังคงหลับไหล..สงบ
แต่ใจฉันยังสับสน..ยังคิดถึงใครบางคน
ใจเริ่มจะหม่นหมอง..แต่ก็ยังไม่ได้ร้องไห้หรอกนะ

ที่เก่า..เวลาเดิม  :  ดึกมากแล้วซินะ
ท้องนภายามราตรี
มีดาราสุกสกาวพราวพร่างฟ้า
เหมือนดวงตาที่เคยใส ..ใยมาหมองหม่น
เหมือนใครบางคน ที่เริ่มมีน้ำใสไหลอาบแก้ม

ที่เก่า..เวลาเดิม  :  ดึกมากแล้วซินะ
วันเวลาที่ฉันห่างหายไป
เธอทำอะไรอยู่นะ..ลืมฉันหรือยัง
คิดถึงฉันบ้างหรือเปล่า..เหมือนที่ฉันคิดถึงเธอไง
เธอคงยังไม่มีใครคนใหม่หรอกนะ ..ปลอบใจตัวเอง

ที่เก่า..เวลาเดิม  :  ดึกมากแล้วซินะ
สักวัน..สักวันฉันจะกลับมา
กลับมาหาเธอที่เดิม
หากว่าเวลานั้น เธอยังไม่มีใคร
สัญญานะ..ฉันสัญญาจะกลับมาหาเธอแน่นอน

                   .................................				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟฉางน้อย
Lovings  ฉางน้อย เลิฟ 1 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟฉางน้อย
Lovings  ฉางน้อย เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟฉางน้อย
Lovings  ฉางน้อย เลิฟ 1 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงฉางน้อย