6 เมษายน 2550 08:10 น.

สงบ...

ตะวัน

กระแสคลื่นกระทบท้อง..........ทะเลลึก
กระแทกซากความรู้สึก............สะทกสะท้อน
ท่วมอาบจิตสำนึก.....................หนาวสั่น
หากแต่ฝันผ่าวร้อน.................ยอกย้อนยังอยู่

ถามตัวเองโกรธขึ้ง.................เคืองใคร
รู้สึกสะอิดสะเอียนใด...............ใคร่รู้
โลกเพียงเปลี่ยนตามสมัย........ไม่แปลก
ไยอยากกระเสือกกระสนสู้.......เพื่อผู้คนใด

ดูสิ!ทะเลเงียบร้าง..................ระงมเหงา
ดูสิ!ฟ้าสีเทา.............................ทาบร้าง
ดูสิ!ลูกไฟเก่า..........................ใกล้ดับ
คนหนึ่งผู้ร้างบ้าง.....................ดับบ้างจะเป็นไร

หยุดพักลงผ่อนบ้าง................บทชี- วิตนอ
ปล่อยคบเพลิงที่มี....................มอดบ้าง
สร้างกรงกักเสรี......................ระหว่างพัก
กรองเก็บก้อนฝันค้าง..............ก่อสร้างเป็นสติ

แสงตะวันทาทาบท้อง............ทะเลสงบ
แต่ว่าคลื่นไม่จบ.....................จากน้ำ
ขอเพียงแค่ฝันครบ................ความคิด มั่นนา
สักพักค่อยก้าวย้ำ...................มุ่งซ้ำยังมิสาย
 				
5 เมษายน 2550 12:12 น.

เสรีที่ป่าช้า

ตะวัน

เสรีที่ป่าช้า..ชานเมือง
หลังฉากความรุ่งเรือง.ระอุร้อน
ปลดแอกจากทุกเรื่อง.ราวอื่น
เริงรื่นใต้เสียงสะท้อน.ยอกย้อนยั่วเย้า

    เสรีที่ป่าช้า                  เพียงหลับตาให้หลับฝัน
ขณะหนึ่งคงนิรันดร์           อย่างฝันหามาแสนนาน
    หนึ่งคนหนึ่งความคิด         หนึ่งชีวิตที่สืบสาน
หนึ่งสมองหนึ่งวิญญาณ   อุดมการณ์เพียงขายกิน
    อุดมการณ์ใต้ลิ้นชัก      ป่วยการทักให้เมื่อยลิ้น
ใช่มันเลี้ยงชีวิน                    อุดมกินยังไม่มี
    ปล่อยปล่อยเถิดความฝัน   จะดื้อรั้นก็ใช่ที่
จารีตประเพณี                 ตีกรอบแล้วทุกความคิด
    ลาตายเถิดเพื่อนรัก           มาหยุดพักทุกถูกผิด
ปลดแอกช่วงชีวิต                 จากอาทิตย์สู่จันทรา
    แว่วไหมลำนำนี้                ใช่แหละนี่คือป่าช้า
อิสระแห่งวิญญาณ์                อิสราอุดมการณ์
    ปล่อยร่างไว้บนนั้น       หอบแต่ฝันมาสืบสาน
ปล่อยเขาเฝ้าไขลาน        ผ่านร่างไร้ความคิดนึก
    เถิดระบำเพลงป่าช้า          ร่ายอำลาความรู้สึก
ฆาตกรรมจิตสำนึก                หนีอยู่ลึกในป่าลับ				
5 เมษายน 2550 08:02 น.

ในนามของฉันเอง

ตะวัน

ในนาม...ของความฝัน
ฉันจะกอบ เก็บคืนวัน อันหอมหวาน
จากนิทรา ฟากฟ้า ดาราธาร
จากขอบห้วง นรกานต์ มาสานเรียง

ในนาม...ของความรัก
ท่วงทำนอง จะร้องทัก ทุกสายเสียง
ทุกอารมณ์ จะสมยอม อย่างพร้อมเพรียง
ทุกคำร้อง จะร้อยเรียง และเรียงราย

ในนาม...ของความจริง
ฉันจะทิ้ง ทุกทุกสิ่ง ที่โหดร้าย
เก็บความจริง ที่โบยโบก แต่โลกนิยาย
ประสานเป็น เสียงง่ายง่าย ที่งดงาม

ในนาม...ของความคิด
เสียงดนตรี แห่งชีวิต จะหวานหวาม
สมบูรณ์พร้อม ทุกความหมาย ในนิยาม
เกินคำตอบ ของคำถาม จะคำนวณ

ลำนำนี้ เป็นของเธอ โลกที่รัก
ในนามของ การผ่อนพัก ที่ครบถ้วน
เถิดหลับใหล ในลำนำ ที่นุ่มนวล
ก่อนบทเพลง ที่คร่ำครวญ จะครืนคราง				
4 เมษายน 2550 14:54 น.

รั้น

ตะวัน

ก่อนหน้านี้..
ตอนที่หัวใจไร้เหตุผล
ความคิดผิดกรอบมันชอบรน
ดื้อรั้นดั้นด้นบนขาเดียว
ตอบถามตามใจไปเรื่อยๆ
ทฤษฎีเรื่อยเปื่อยเลื้อยเลาะลี้ยว
ย่ำเท้าก้าวกร่างหางเป็นเกลียว
อยู่กับเรื่องเดียวที่ใส่ใจ

ต่อมา..
เวลา - อายุ ทะลุไหล
รอยหยักชักฝ่อจะก่อไฟ
ร่องรอยน้อยใหญ่หาไม่พบ
จิ้งจกวกเปลี่ยนเวียนสีหาง
สืบเท้าก้าวย่างอย่างสงบ
แต่คนวนเคลื่อนเหมือนไปรบ
เปลี่ยนลายหลายตลบไม่กลบเสียง
ูเฮ้ยไอ้น้อง! ไม่ต้องข้องใจนัก
ธรรมเนียมเทียมหลักเขาปักเยี่ยง
ไอ้ที่เอ็งยืนเหยียบ เขาเรียบเรียง
เอ็งจะเลี่ยงมันไปทำไมวะ
โลกเปลี่ยนเวียนไปไร้ผิดชอบ
ระบบครบขอบรอบกองขยะ
สู่รุ่นทุนนิยมถมอารยะ
สุดแต่สภาวะจะเกื้อให้
มือไหนใครยาวก็สาวแข่ง
สุดแต่ใครแก่งใครแย่งไหว
ไม่มีถูกผิดให้ติดใจ
สยาม - เมืองน้ำใจไม่มีแล้ว

ตอนนี้..
ฉันเป็นเด็กดีอยู่ที่แถว
แต่มันเป็นแถวที่ไร้แนว
ดื้อรั้นมันแล้วก็เท่านั้น				
Lovers  0 คน เลิฟตะวัน
Lovings  ตะวัน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟตะวัน
Lovings  ตะวัน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟตะวัน
Lovings  ตะวัน เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงตะวัน