28 ธันวาคม 2552 20:17 น.

พรวิเศษ...แด่เธอ

ธันวันตรี

"อัตตาหิ อัตตโน นาโถ"
  "ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน"
                     พระพุทธเจ้า

ใกล้เทศกาลช่วงวันปีใหม่แล้ว หลายๆคนต่างก็อยากได้พรประเสริฐ ไม่ว่าพรจากผู้หลักผู้ใหญ่  จากบุคคลที่เคารพเลื่อมใสศรัทธา หรือจากพระ ก็ยิ่งดี  

ตัวอย่างพรที่มีการขอและมอบให้กันมาก
- ขอให้มีความสุข
- ขอให้ร่ำๆ รวยๆ
- ขอให้มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง
- ขอให้มีความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน
และอื่นๆ

การส่งมอบพรให้แก่กันเป็นเรื่องที่ดี เป็นการสร้างขวัญและกำลังใจ
แต่ทว่า พรประเสริฐเหล่านั้น ใครจะทำให้เกิดขึ้นได้จริง สิ่งศักดิ์สิทธิ์? พระรัตนตรัย? พระพุทธเจ้า?
ไม่ใช่ด้วยตัวของเราเองฤๅ เหมือนอย่างที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสไปแล้ว ว่าเราคือผู้กำหนดชะตาชีวิตของตัวเอง

" What neither mother,nor father,nor any other relative can do,a well directed mind does and thereby elevates one"
"ไม่ว่าบิดา มารดา หรือบุคคลอื่น ก็ทำให้ไม่ได้ เว้นแต่จิตมุ่งมั่นที่จะทำ และทำได้ประเสริฐด้วย"
                  The Lord of Buddha/พระพุทธเจ้า

แต่บางคนก็อาจจะไม่มีความมั่นใจในตัวเอง เพราะเกรงว่าอาจจะทำอะไรๆ ต่อมิอะไร ออกมาได้ไม่ดี

อยากจะให้ลองอ่านจากภาพนี้
3962054398_c1000670b4.jpg


แต่เมื่อมีสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาต่างๆ จนทำให้ท้อแท้ สิ้นหวัง หมดกำลังใจ ให้เดินไปที่กระจก เราจะพบคนๆหนึ่งที่สามารถแก้ปัญหาและเป็นกำลังใจให้เราได้ดีที่สุด.....ขอให้เชื่อมั่นในตัวเอง!!!


ในวาระปีใหม่นี้ หลายๆ คนคงอยากจะมีชีวิตที่ดี ประสบความสำเร็จในชีวิต ทั้งการเรียน ความรัก หน้าที่การงานหรือความสุขในชีวิต ขอมอบพรประเสริฐจากพระพุทธเจ้าให้กับทุกท่านที่เข้ามาอ่าน ณ ที่แห่งนี้

Success is like your own shadow...if you try to catch it you will never succeed. Ignore it and walk in your own way. It will follow you
ความสำเร็จในชีวิตเปรียบเสมือนเงาของเรา หากเราพยายามที่จะคว้ามันก็คงไม่มีทางที่จะสำเร็จ ขอให้เพียรพยายามมุ่งไปยังหนทางที่เราได้ตั้งไว้ แล้วมันจะเดินตามเราเอง

:)				
19 ธันวาคม 2552 14:18 น.

"วิธีการเอาชนะคู่แข่งทางการเมือง"

ธันวันตรี

ในกระแสสังคมปัจจุบันที่ความเจริญทางวัตถุกำลังวิ่งแซงหน้าความเจริญทางจิตใจ มนุษย์จึงต้องดิ้นรนเพื่อแสวงหาความสะดวกสบายต่างๆ มาตอบสนองความต้องการทางกาย ในขณะที่ทรัพยากรมีอยู่อย่างจำกัด ทำให้หลายๆคน ตั้งแต่เกิดมาก็มาพร้อมกับการแข่งขัน ไม่ว่าจะวิ่งหาโรงพยาบาลดีๆเพื่อคลอดบุตร วิ่งหาสูตินารีแพทย์ฝีมือดี และการแข่งขันอื่นๆ ที่ตามมาอีกมากมาย

ในเวทีการเมืองก็เช่นเดียวกัน  ก็ย่อมที่จะต้องแข่งขันกันเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจทางการปกครอง การแข่งขันบางครั้งก็ทำให้เราได้พบสิ่งที่ดีกว่า เช่น มีการแข่งขันปลูกต้นไม้ของคนสองคน โดยวัดที่ความสูงของต้นไม้เป็นเกณฑ์ตัดสิน คนแรกปลูกต้นไม้ได้สูง 15 ซม. คนที่สองหากต้องการเอาชนะ ก็ควร เร่งรดน้ำ ใส่ปุ๋ย ให้แสงสว่างอย่างพอเหมาะกับต้นไม้ของตน เพื่อให้เจริญเติบโตได้มากกว่า 15 ซม. แต่ทว่า การแข่งขันโดยวิธีดังกล่าว ต้องมีการลงทุนลงแรง จึงทำให้เกิดการแข่งขันอีกรูปแบบหนึ่งที่ง่ายกว่า กล่าวคือ ถ้าคนที่สองปลูกต้นไม้ได้ 14 ซม. หากต้องการเอาชนะคู่แข่ง ก็ไม่จำเป็นต้องไปบำรุงต้นไม้ของตัวเองให้สูงขึ้น เพียงแต่ไปตัดต้นไม้ของคู่แข่งขันให้ต่ำกว่า 14 ซม. เขาก็คือผู้ชนะแล้ว 

เป็นที่น่าอนาถใจ ที่ผู้เขียนมักจะสัมผัสการแข่งขันทางการเมืองในรูปแบบหลังมากกว่า ไปตั้งแต่การหาเสียงเลือกตั้ง ที่พยายามสาดโคลนใส่อีกฝ่าย หรือแม้แต่การเผยแพร่สื่อต่างๆ ทั้งทางเอกสารใบปลิว อีเมล์ สื่อโทรทัศน์และอื่นๆ ด้วยหลักฐานที่ฟังได้บ้าง ไม่ได้บ้าง โดยพยายามจะตัดต้นไม้ของอีกฝ่ายให้ต่ำลง แทนที่จะเร่งบำรุงต้นไม้ของตัวเองให้สูงขึ้น ซึ่งบุคคลที่ไม่ได้ยึดหลักกาลามสูตรของพระพุทธเจ้า ที่ให้พินิจพิเคราะห์ข้อมูลต่างๆอย่างถ่องแท้ อาจจะตกเป็นทาสของสื่อเหล่านั้นได้

ทั้งยังใช้หลักการปกครองที่สวนกระแสหลักการของพระพุทธเจ้า ที่ตรัสว่าสันติภาพจะสร้างได้ด้วยความรักที่มีให้กัน กลับพยายามสร้างความเกลียดชัง กับบุคคลทั้งภายในและภายนอกประเทศ

ไม่รู้เมื่อไหร่ผู้นำของประเทศเราจะสามารถคว้ารางวัลแห่งสันติภาพอันทรงเกียรติมาครอบครองให้คนไทยภาคภูมิใจได้ และนำสังคมไทยดำรงอยู่อย่างผาสุขในโลกใบนี้ได้อย่างยั่งยืน				
2 ธันวาคม 2552 00:42 น.

จาก "กระดูกสันหลังของชาติ" สู่ "รากหญ้า" ของแผ่นดิน

ธันวันตรี

 เปิบข้าวทุกคราวคำ จงสูจำเป็นอาจิณ
  เหงื่อกูที่สูกิน จึงก่อเกิดมาเป็นคน 
                                         จิตร ภูมิศักดิ์

จากบทกวีดังกล่าวแสดงให้เห็นความสำคัญของอาชีพชาวนาไทย อาชีพบรรพบุรุษของเราได้อย่างชัดเจน ซึ่งเคยถูกเปรียบเทียบว่าเป็น กระดูกสันหลังของชาติ  ย้ำถึงอาชีพที่เป็นแกนหลักของสังคมไทย  และข้าวยังได้กลายเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญของประเทศด้วย จนได้กลายเป็น อู่ข้าว อู่น้ำ ของโลกไปแล้ว 

ในวิถีชีวิตของสังคมเรา ข้าวคืออาหารหลักที่ทุกคน ใช้เลี้ยงปากเลี้ยงท้อง  นอกจากนั้นข้าวยังเป็นส่วนหนึ่งของการกล่าวคำทักทายในหมู่คนไทย  กินข้าวหรือยัง  ฟังครั้งไหนดูอบอุ่นทุกครั้งเชียวหล่ะ ^ ^

แต่กว่าจะได้ข้าวมาแต่ละรวง แต่ละเม็ด ชาวนาต้องลงทุนลงแรงอย่างมาก ยิ่งถ้าปีไหนฝนแล้ง หรือน้ำท่วม ก็จะสร้างความเสียหายอย่างหนัก เคราะห์ซ้ำกรรมซัด หากราคาข้าวตกต่ำ ถูกกดขี่ราคาจากพ่อค้าคนกลาง  ก็ทำให้ขาดทุน มีหนี้สินตามมาอีก แต่ชาวนาก็ไม่เคยย่อท้อ หลังสู้ฟ้า หน้าสู้ดิน เป็นคำที่แสดงถึงความทรหดอดทนได้เป็นอย่างดี 

ที่จริงสังคมควรจะมองเห็นความสำคัญของ กระดูกสันหลังของชาติ แต่ทว่าในช่วงที่มีความแตกต่างทางการเมือง กับเกิดคำ รากหญ้า ที่แสดงถึงการ เหยียดชนชั้นทางสังคม เข้ามาแทนที่ แม้จะมีการประกาศเลิกใช้คำนี้ไปแล้ว แต่สื่อต่างๆ และคนจำนวนหนึ่ง ยังชอบนักชอบหนาที่จะใช้คำนี้  บ้างก็ว่า "ด้อยปัญญา" บ้างก็ว่า "ซื้อได้ด้วยเงิน" ในขณะที่หลายๆ ฝ่ายพยายามสร้างความสามัคคีให้เกิดขึ้นในชาติ แต่ไม่แน่ใจว่า รากหญ้า จะยอมให้พืชชนิดอื่นยืนต้นขึ้นมาค้ำหัวหรือไม่?

คุณค่าของคน เราใช้อะไรในการตัดสิน?
ถ้ามองที่ใบปริญญา(ตรี โท เอก หรือมากกว่านั้น)  ชาวไร่ชาวนา น่าจะแพ้นักวิชาการ กลุ่มชนชั้นกลาง และชนชั้นสูงต่างๆ แต่ถ้ามองที่ ความขยันอดทน ความจริงใจ ความมีน้ำใจโอบเอื้ออารี ความเป็นมิตร ชาวไร่ ชาวนา ตามชนบทในสังคม น่าจะเหนือกว่าเป็นแน่

คงจะดีไม่น้อยถ้าสังคมมองเห็นคุณค่าของกันและกัน มีความเข้าใจกัน เห็นอกเห็นใจกัน มีความรักและความเมตตาต่อกัน ปัญหาต่างๆ อาจจะไม่บานปลายถึงขนาดนี้ก็เป็นได้				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟธันวันตรี
Lovings  ธันวันตรี เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟธันวันตรี
Lovings  ธันวันตรี เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟธันวันตรี
Lovings  ธันวันตรี เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงธันวันตรี