28 ธันวาคม 2552 20:17 น.

พรวิเศษ...แด่เธอ

ธันวันตรี

"อัตตาหิ อัตตโน นาโถ"
  "ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน"
                     พระพุทธเจ้า

ใกล้เทศกาลช่วงวันปีใหม่แล้ว หลายๆคนต่างก็อยากได้พรประเสริฐ ไม่ว่าพรจากผู้หลักผู้ใหญ่  จากบุคคลที่เคารพเลื่อมใสศรัทธา หรือจากพระ ก็ยิ่งดี  

ตัวอย่างพรที่มีการขอและมอบให้กันมาก
- ขอให้มีความสุข
- ขอให้ร่ำๆ รวยๆ
- ขอให้มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง
- ขอให้มีความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน
และอื่นๆ

การส่งมอบพรให้แก่กันเป็นเรื่องที่ดี เป็นการสร้างขวัญและกำลังใจ
แต่ทว่า พรประเสริฐเหล่านั้น ใครจะทำให้เกิดขึ้นได้จริง สิ่งศักดิ์สิทธิ์? พระรัตนตรัย? พระพุทธเจ้า?
ไม่ใช่ด้วยตัวของเราเองฤๅ เหมือนอย่างที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสไปแล้ว ว่าเราคือผู้กำหนดชะตาชีวิตของตัวเอง

" What neither mother,nor father,nor any other relative can do,a well directed mind does and thereby elevates one"
"ไม่ว่าบิดา มารดา หรือบุคคลอื่น ก็ทำให้ไม่ได้ เว้นแต่จิตมุ่งมั่นที่จะทำ และทำได้ประเสริฐด้วย"
                  The Lord of Buddha/พระพุทธเจ้า

แต่บางคนก็อาจจะไม่มีความมั่นใจในตัวเอง เพราะเกรงว่าอาจจะทำอะไรๆ ต่อมิอะไร ออกมาได้ไม่ดี

อยากจะให้ลองอ่านจากภาพนี้
3962054398_c1000670b4.jpg


แต่เมื่อมีสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาต่างๆ จนทำให้ท้อแท้ สิ้นหวัง หมดกำลังใจ ให้เดินไปที่กระจก เราจะพบคนๆหนึ่งที่สามารถแก้ปัญหาและเป็นกำลังใจให้เราได้ดีที่สุด.....ขอให้เชื่อมั่นในตัวเอง!!!


ในวาระปีใหม่นี้ หลายๆ คนคงอยากจะมีชีวิตที่ดี ประสบความสำเร็จในชีวิต ทั้งการเรียน ความรัก หน้าที่การงานหรือความสุขในชีวิต ขอมอบพรประเสริฐจากพระพุทธเจ้าให้กับทุกท่านที่เข้ามาอ่าน ณ ที่แห่งนี้

Success is like your own shadow...if you try to catch it you will never succeed. Ignore it and walk in your own way. It will follow you
ความสำเร็จในชีวิตเปรียบเสมือนเงาของเรา หากเราพยายามที่จะคว้ามันก็คงไม่มีทางที่จะสำเร็จ ขอให้เพียรพยายามมุ่งไปยังหนทางที่เราได้ตั้งไว้ แล้วมันจะเดินตามเราเอง

:)				
19 ธันวาคม 2552 14:18 น.

"วิธีการเอาชนะคู่แข่งทางการเมือง"

ธันวันตรี

ในกระแสสังคมปัจจุบันที่ความเจริญทางวัตถุกำลังวิ่งแซงหน้าความเจริญทางจิตใจ มนุษย์จึงต้องดิ้นรนเพื่อแสวงหาความสะดวกสบายต่างๆ มาตอบสนองความต้องการทางกาย ในขณะที่ทรัพยากรมีอยู่อย่างจำกัด ทำให้หลายๆคน ตั้งแต่เกิดมาก็มาพร้อมกับการแข่งขัน ไม่ว่าจะวิ่งหาโรงพยาบาลดีๆเพื่อคลอดบุตร วิ่งหาสูตินารีแพทย์ฝีมือดี และการแข่งขันอื่นๆ ที่ตามมาอีกมากมาย

ในเวทีการเมืองก็เช่นเดียวกัน  ก็ย่อมที่จะต้องแข่งขันกันเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจทางการปกครอง การแข่งขันบางครั้งก็ทำให้เราได้พบสิ่งที่ดีกว่า เช่น มีการแข่งขันปลูกต้นไม้ของคนสองคน โดยวัดที่ความสูงของต้นไม้เป็นเกณฑ์ตัดสิน คนแรกปลูกต้นไม้ได้สูง 15 ซม. คนที่สองหากต้องการเอาชนะ ก็ควร เร่งรดน้ำ ใส่ปุ๋ย ให้แสงสว่างอย่างพอเหมาะกับต้นไม้ของตน เพื่อให้เจริญเติบโตได้มากกว่า 15 ซม. แต่ทว่า การแข่งขันโดยวิธีดังกล่าว ต้องมีการลงทุนลงแรง จึงทำให้เกิดการแข่งขันอีกรูปแบบหนึ่งที่ง่ายกว่า กล่าวคือ ถ้าคนที่สองปลูกต้นไม้ได้ 14 ซม. หากต้องการเอาชนะคู่แข่ง ก็ไม่จำเป็นต้องไปบำรุงต้นไม้ของตัวเองให้สูงขึ้น เพียงแต่ไปตัดต้นไม้ของคู่แข่งขันให้ต่ำกว่า 14 ซม. เขาก็คือผู้ชนะแล้ว 

เป็นที่น่าอนาถใจ ที่ผู้เขียนมักจะสัมผัสการแข่งขันทางการเมืองในรูปแบบหลังมากกว่า ไปตั้งแต่การหาเสียงเลือกตั้ง ที่พยายามสาดโคลนใส่อีกฝ่าย หรือแม้แต่การเผยแพร่สื่อต่างๆ ทั้งทางเอกสารใบปลิว อีเมล์ สื่อโทรทัศน์และอื่นๆ ด้วยหลักฐานที่ฟังได้บ้าง ไม่ได้บ้าง โดยพยายามจะตัดต้นไม้ของอีกฝ่ายให้ต่ำลง แทนที่จะเร่งบำรุงต้นไม้ของตัวเองให้สูงขึ้น ซึ่งบุคคลที่ไม่ได้ยึดหลักกาลามสูตรของพระพุทธเจ้า ที่ให้พินิจพิเคราะห์ข้อมูลต่างๆอย่างถ่องแท้ อาจจะตกเป็นทาสของสื่อเหล่านั้นได้

ทั้งยังใช้หลักการปกครองที่สวนกระแสหลักการของพระพุทธเจ้า ที่ตรัสว่าสันติภาพจะสร้างได้ด้วยความรักที่มีให้กัน กลับพยายามสร้างความเกลียดชัง กับบุคคลทั้งภายในและภายนอกประเทศ

ไม่รู้เมื่อไหร่ผู้นำของประเทศเราจะสามารถคว้ารางวัลแห่งสันติภาพอันทรงเกียรติมาครอบครองให้คนไทยภาคภูมิใจได้ และนำสังคมไทยดำรงอยู่อย่างผาสุขในโลกใบนี้ได้อย่างยั่งยืน				
2 ธันวาคม 2552 00:42 น.

จาก "กระดูกสันหลังของชาติ" สู่ "รากหญ้า" ของแผ่นดิน

ธันวันตรี

 เปิบข้าวทุกคราวคำ จงสูจำเป็นอาจิณ
  เหงื่อกูที่สูกิน จึงก่อเกิดมาเป็นคน 
                                         จิตร ภูมิศักดิ์

จากบทกวีดังกล่าวแสดงให้เห็นความสำคัญของอาชีพชาวนาไทย อาชีพบรรพบุรุษของเราได้อย่างชัดเจน ซึ่งเคยถูกเปรียบเทียบว่าเป็น กระดูกสันหลังของชาติ  ย้ำถึงอาชีพที่เป็นแกนหลักของสังคมไทย  และข้าวยังได้กลายเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญของประเทศด้วย จนได้กลายเป็น อู่ข้าว อู่น้ำ ของโลกไปแล้ว 

ในวิถีชีวิตของสังคมเรา ข้าวคืออาหารหลักที่ทุกคน ใช้เลี้ยงปากเลี้ยงท้อง  นอกจากนั้นข้าวยังเป็นส่วนหนึ่งของการกล่าวคำทักทายในหมู่คนไทย  กินข้าวหรือยัง  ฟังครั้งไหนดูอบอุ่นทุกครั้งเชียวหล่ะ ^ ^

แต่กว่าจะได้ข้าวมาแต่ละรวง แต่ละเม็ด ชาวนาต้องลงทุนลงแรงอย่างมาก ยิ่งถ้าปีไหนฝนแล้ง หรือน้ำท่วม ก็จะสร้างความเสียหายอย่างหนัก เคราะห์ซ้ำกรรมซัด หากราคาข้าวตกต่ำ ถูกกดขี่ราคาจากพ่อค้าคนกลาง  ก็ทำให้ขาดทุน มีหนี้สินตามมาอีก แต่ชาวนาก็ไม่เคยย่อท้อ หลังสู้ฟ้า หน้าสู้ดิน เป็นคำที่แสดงถึงความทรหดอดทนได้เป็นอย่างดี 

ที่จริงสังคมควรจะมองเห็นความสำคัญของ กระดูกสันหลังของชาติ แต่ทว่าในช่วงที่มีความแตกต่างทางการเมือง กับเกิดคำ รากหญ้า ที่แสดงถึงการ เหยียดชนชั้นทางสังคม เข้ามาแทนที่ แม้จะมีการประกาศเลิกใช้คำนี้ไปแล้ว แต่สื่อต่างๆ และคนจำนวนหนึ่ง ยังชอบนักชอบหนาที่จะใช้คำนี้  บ้างก็ว่า "ด้อยปัญญา" บ้างก็ว่า "ซื้อได้ด้วยเงิน" ในขณะที่หลายๆ ฝ่ายพยายามสร้างความสามัคคีให้เกิดขึ้นในชาติ แต่ไม่แน่ใจว่า รากหญ้า จะยอมให้พืชชนิดอื่นยืนต้นขึ้นมาค้ำหัวหรือไม่?

คุณค่าของคน เราใช้อะไรในการตัดสิน?
ถ้ามองที่ใบปริญญา(ตรี โท เอก หรือมากกว่านั้น)  ชาวไร่ชาวนา น่าจะแพ้นักวิชาการ กลุ่มชนชั้นกลาง และชนชั้นสูงต่างๆ แต่ถ้ามองที่ ความขยันอดทน ความจริงใจ ความมีน้ำใจโอบเอื้ออารี ความเป็นมิตร ชาวไร่ ชาวนา ตามชนบทในสังคม น่าจะเหนือกว่าเป็นแน่

คงจะดีไม่น้อยถ้าสังคมมองเห็นคุณค่าของกันและกัน มีความเข้าใจกัน เห็นอกเห็นใจกัน มีความรักและความเมตตาต่อกัน ปัญหาต่างๆ อาจจะไม่บานปลายถึงขนาดนี้ก็เป็นได้				
12 พฤศจิกายน 2552 21:15 น.

"พลังเหลือง-แดง" ใครผิด? ใครถูก?

ธันวันตรี

จากเรื่องการเมืองที่กำลังร้อนแรงอยู่ในขณะนี้ ขออัญเชิญหยาดเย็นจาก พระพุทธองค์ มาชโลมให้เราไม่ต้องร้อนตาม
                 War ends when only people love each other
               มหาสงครามระงับได้ด้วยความรักที่มีต่อเพื่อนมนุษย์
                                        The Lord of Buddha/พระพุทธเจ้า

ธันวันตรี ขอเปรียบสังคมไทยเป็น โลกใบนี้  ที่กำลังแบ่งขั้วเป็น ขั้วโลกเหนือ และ ขั้วโลกใต้ ทั้งสองขั้วกำลังเพิ่มน้ำหนักให้กับขั้วของตัวเองอยู่เรื่อยๆ จน โลกใบนี้ รับน้ำหนักไม่ไหว เกิด รอยร้าวขึ้น หากยังทำอย่างนี้กันต่อไป เป็นไปได้หรือไม่? ที่ โลกใบนี้ อาจต้อง แยกออกจากกัน! สายเกินไปหรือไม่? ที่ต่างขั้วจะกระจายกันออกมายืนอยู่บน โลกใบนี้ เพื่อให้เกิดความสมดุล

ในขณะที่สังคมยังพบแต่ทางตัน ได้มีการระดมสมองจาก นักธุรกิจ นักคิด นักวิชาการ ชั้นนำจากทั่วประเทศ (ลืมอาชีพที่สำคัญไปหรือเปล่า?) ร่วมกันคิดทฤษฎี การเมืองใหม่ เพื่อหาทางออกให้กับสังคม ในขณะที่ยังไม่ได้ยืนอยู่อย่างสมดุลบน โลกใบนี้ ยังจะต้องมาคิด การเมืองใหม่ อยู่หรือไม่?

ธันวันตรีมีโจทย์ให้ลองคิดเล่นๆ

นายเอ เป็นนักวิชาการที่มีความรู้ความสามารถสูงมาก เรียนจบเกียรตินิยมเหรียญทอง!! ไม่ใช่แค่นั้น!! ยังได้ A ทุกรายวิชา (พระเจ้าช่วย กล้วยปิ้ง!!) แถมยังรู้อีกว่า ไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกัน!! (โอ้! ไอสไตล์กับมาเกิดหรือเปล่าเนี่ย) แหะๆ

นายเอได้รับมอบหมายให้ไปยังหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เพื่อสร้างอาชีพ ให้กับชาวบ้าน

คำถาม ข้อใดถูกต้อง
ก. นายเอควรจะเลือกอาชีพให้ชาวบ้าน เพราะนายเอทราบเรื่องหลักการตลาด ความคุ้มทุน ผลกำไร กระบวนการผลิต กระบวนการกระจายสินค้า และด้านอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับอาชีพนั้นได้เป็นอย่างดี
ข. นายเอควรจะให้ข้อมูลกับชาวบ้าน  และให้ชาวบ้านร่วมกันตัดสินใจกันเอง เพราะชาวบ้านน่าจะรู้ว่า อาชีพไหนที่พวกเขาชอบ และถนัด
ค. ผิดทั้ง ก และ ข ที่ถูก คือ 

แหะๆ ลองคิดเล่นๆ นะครับ ^ ^

มีบางคนบอกว่า อย่าไปยุ่งกับปัญหาและความทุกข์ของคนอื่น ขอให้เรามีหลักธรรมเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจให้เราสงบก็พอแล้ว ส่วนคนที่เขามีปัญหา มีความทุกข์ เขาก็ต้องรับผลของกรรมที่เขาก่อขึ้น  

ถ้าพระพุทธเจ้า สอนให้เรา ตัดช่องน้อยแต่พอตัว แล้วเราจะได้พบกับหลักธรรมอันประเสริฐของพระพุทธองค์นี้อยู่หรือ?
^ ^				
9 พฤศจิกายน 2552 00:37 น.

"เปิดประเด็น" ให้ชวนวิเคราะห์

ธันวันตรี

ทำไมบ้านเมืองไม่สงบเสียที เป็นเสียงบ่นที่ดังก้องผืนแผ่นดิน และเกิดเสียงสะท้อนกลับไปว่า เสียงที่กำลังบ่นอยู่นั้น ควรจะเป็นเสียงที่ส่งเข้ามาร่วมแก้ไขปัญหา  หรือ บ่น เพียงเพื่อ แสดงอาการ เบื่อ เท่านั้น

	ในขณะที่สังคมกำลังแบ่งเป็นสองฝ่าย แทนที่จะหาวิธีสร้างสันติร่วมกัน หลายๆ กรณี เรากลับย่ำรอยแยกให้แตกออกไปมากขึ้น โดยการหาเหตุผลต่างๆนานา มาหักล้างอีกฝ่าย เพื่อที่จะให้ฝ่ายที่ตนสนับสนุนมีน้ำหนักมากกว่า บ้างก็ด่ากันไปด่ากันมาอย่างไม่มีเหตุผล โดยลืมไปว่า ไม่ว่าจะฝ่ายไหนก็คือคนไทยเหมือนกัน ประวัติศาสตร์ การเสียกรุงศรีอยุธยา ที่ถูกศัตรูเผาทำลายอย่างย่อยยับ ไม่เหลือเศษซากชิ้นดี ไม่สามารถเป็นบทเรียนที่เตือนสติให้คนไทยเกิดความสมัครสมานสามัคคีได้เลยหรือ จะต้องให้เสียเลือดเนื้อสังเวยผืนแผ่นดินอีกกี่ครั้ง ประเทศชาติจึงจะพบความสงบสุข  นกพิราบขาวถึงจะสามารถโบยบินได้อย่างเสรีบนผืนแผ่นดิน ซึ่งในขณะที่นกแห่งสันติภาพกำลังปีกหักอยู่นี้ บางคนยืนมองอย่างไร้ความรู้สึก บางคนแสดงความเวทนาสงสารแต่ไม่ได้ยื่นมือเข้ามาช่วย ซ้ำร้ายไปกว่านั้น บางคนกำลังเล็งปืนเพื่อจะยิงให้ตายคาที่!!  อะไรเล่าคือสิ่งที่เราควรทำ?

	ในการปกครอง ระบอบประชาธิปไตย อดีตประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา อับราฮัม ลินคอล์น ได้ให้นิยามไว้ว่า  เป็น การปกครองโดยประชาชน ของประชาชน และเพื่อประชาชน หรือจะพูดให้เข้าใจง่ายๆ คือ การปกครองที่ประชาชนเป็นใหญ่  ผู้เขียนขอยกตัวอย่างรายการทีวี 2 รายการที่เป็นที่รู้จักกันดี  คือ รายการ KPN music award และ รายการ The Star ซึ่งแต่ละเวที ใช้วิธีการตัดสินผู้ชนะเลิศแตกต่างกัน แต่ละเวทีมีทั้งคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และเสียงโหวตจากมหาชน แต่รายการแรกชี้ขาดโดยคณะกรรมการ รายการหลังชี้ขาดโดยเสียงโหวตจากประชาชน รายการ KNP ปีที่ผ่านมา คณะกรรมการตัดสินให้ นก คือผู้ที่มีพลังเสียงดีที่สุด แต่เสียงโหวตจากมหาชน กลับเลือก อาร์ม ให้เป็นขวัญใจของมหาชน และ ผลของรายการ The Star ที่ผ่านมา จากคำวิจารณ์และการให้สัมภาษณ์ทางทีวี คณะกรรมการต่างมีความเห็นว่า ดิว คือ ผู้ที่มีพลังเสียง เหนือกว่า สิงโต แต่ผลการโหวตของมหาชน กลับเลือกให้สิงโต คือ ผู้ชนะ เป็นที่น่าสังเกตว่า ความคิดของ คณะกรรมการ และ ประชาชน แตกต่างกัน และเมื่อติดตามผลงานจะพบว่าผู้ที่มาจากการโหวตของประชาชนจะประสบความสำเร็จมากกว่า ซึ่งผลการตัดสินก็ไม่มีใครประท้วง หรือคัดค้านใดๆ เพราะแต่ละเวทีกำหนดกฎกติกา การตัดสินไว้ชัดเจนอยู่แล้ว หากจะมองว่าเวทีไหน เป็นประชาธิปไตยมากกว่า ก็น่าจะเป็นเวที The Star

	มองมาที่เวทีการเมืองที่แบ่งเป็นสีเหลืองสีแดง แบ่งชนชั้นวรรณะ มีทัศนะคติทางการเมืองที่แตกต่างกัน ทั้งเชื่อและไม่เชื่อระบบของเสียงข้างมาก บางสีก็ไม่เชื่อว่าการคัดเลือกผู้นำมาด้วยเสียงข้างมาก จะสามารถเลือกผู้นำที่ดีที่สุดได้ บ้างก็เสนอระบบผสม คล้ายๆกับนำหลักการคัดเลือกทั้งเวที KPN และ เวที The Star มารวมกัน

	พูดถึงชนชั้นตามที่สังคม(ใดก็ไม่ทราบ)แบ่งไว้แล้ว ขอเปิดประเด็นเพิ่มเติม ไม่เข้าใจว่าสังคมจะแบ่งเป็นชนชั้นสูง ชนชั้นกลาง ชนชั้นล่าง ไปเพื่ออะไร ชนชั้นสูง เราได้ยินคำนี้ไม่บ่อยนัก แต่จะได้ยินเป็นประจำคือ ไฮโซ มาจากคำว่า High Society ซึ่งก็หมายถึง ชนชั้นสูงที่ใช้ชีวิตหรูหรา ฟุ่มเฟือยตามที่ปรากฏตามสื่อนั่นร่ะ ส่วน ชนชั้นกลาง เราก็ได้ยินเป็นประจำอยู่แล้ว ซึ่งหมายถึงเหล่าข้าราชการและปัญญาชนทั่วไป ส่วน ชนชั้นล่าง ก็ไม่ได้ยินบ่อย อาจจะเพราะฟังไม่ค่อยรื่นหู แต่จะได้ยินคำว่า รากหญ้า บ่อยครั้ง ซึ่งก็หมายถึงผู้ที่อยู่ล่างๆ อยู่ใต้ผืนดิน ไม่มีโอกาสเป็นใบ เป็นดอก เป็นผล โผล่หน้ามาเห็นเดือน เห็นตะวัน ทั้งๆ ที่จริงๆ เกษตรกร ชาวไร่ ชาวนา คือ อาชีพที่หาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องมวลมนุษยชาติ กลับถูกมองว่าเป็นชนชั้นล่าง แม้สังคมจะแบ่งอย่างไร ชาวไร่ชาวนาก็ไม่เคยที่จะออกมาโต้แย้ง อาจจะเป็นเพราะนิสัยที่ไม่ชอบโต้เถียง หรือการจำนนต่อชาติกำเนิด และโชคชะตาของตนกันแน่ แล้วการแบ่งชนชั้น แบ่งไปเพื่อประโยชน์อันใด เพื่อให้รู้ว่าใครต่ำใครสูง? ทำไมไม่หล่อหลอม รวมกันเหลือเพียงแค่ ปวงชนชาวไทย 

	ตอนนี้บางคนก็ยังสับสนว่าเรากำลังปกครองด้วยระบอบอะไรกันแน่ เผด็จการทหาร? ราชาธิปไตย? อำมาตยาธิปไตย? ประชาธิปไตย? หรือ ผสม? หรือ ? ปัญหายังได้พาดพิงไปถึงสถาบันที่อยู่เหนือหัว เป็นที่เคารพรักของคนไทยให้เข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมือง จนทำให้เกิดเวบไซต์ที่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ผุดขึ้นราวกับดอกเห็ด จนรัฐบาลตามกวาดล้างไม่หวาดไม่ไหว ทั้งๆ ที่คนไทยทั้งประเทศก็รู้ดีอยู่แล้วว่า ตลอดพระชนมายุของพระองค์ ก็ทรงสละความสุขเพื่อพสกนิกร พระองค์ไม่ได้หลงไปกับ ลาภ ยศ และ สรรเสริญ ถึงแม้จะมีผู้แย้งว่า โครงการพระราชดำริต่างๆ ไม่เปิดโอกาสให้ตรวจสอบ แต่ก็เป็นที่ประจักษ์ดีว่า ทุกโครงการล้วนแล้วแต่ยังประโยชน์แก่พระสกนิกรของพระองค์เป็นสำคัญ ไม่มีโครงการไหนที่จะเอื้อประโยชน์ต่อพระองค์เองเลย

	แล้วทิศทางการเมืองควรจะเป็นอย่างไรต่อไป ถ้าเรายังจะปกครองระบอบประชาธิปไตยกันอยู่ เราควรจะยอมรับในเรื่องของเสียงข้างมากหรือไม่ ถ้ายังไม่ยอมรับ เราควรจะทำให้ยอมรับได้อย่างไร อะไรคือกุญแจสำคัญที่จะทำให้เสียงส่วนใหญ่ เป็นตัวแทนของคนทั้งประเทศได้อย่างไม่มีข้อกังขา

	ผู้เขียนจะไม่สรุปว่าฝ่ายไหนถูก ฝ่ายไหนผิด เพราะการสรุปแบบนั้นไม่ได้นำมาซึ่งวิธีการแห่งสันติภาพ แต่ชี้ให้เห็นเป็นบทเรียน ให้เราเรียนรู้ร่วมกัน แล้วช่วยกันหาสันติวิธีที่จะช่วยให้บ้านเมืองไม่เดินซ้ำรอยเดิม เราควรจะอยู่กับปัจจุบัน ทำปัจจุบันให้ดีพร้อม ตามหลักการของพระพุทธเจ้า ซึ่งควรจะเริ่มต้นมาจากตัวเราเอง สถาบันครอบครัว ไปจนถึงสถาบันการศึกษาเป็นสำคัญ ปลูกฝังให้ทุกคนเกิดจิตสำนึกในการรักชาติ เห็นประโยชน์ของส่วนรวมมากกว่าส่วนตน เพื่อนกแห่งสันติภาพจะได้โบยบินบนผืนแผ่นดินไทยโดยเสรีตราบนานเท่านาน....

"เพลงเพื่อมวลชน"

ถ้าหากฉันเกิดเป็นนกที่โผบิน
ติดปีกบินไปให้ไกลไกลแสนไกล
จะขอเป็นนกพิราบขาว
เพื่อชี้นำชาวประชาสู่เสรี
ถ้าหากฉันเกิดเป็นเมฆบนนภา
จะนำพาความร่มเย็นเพื่อท้องนา
หากฉันเกิดเป็นเม็ดทราย
จะถมกายเป็นทางเพื่อมวลชน
ชีวา ยอมพลีให้
มวลชน
ที่ทุกข์ทน
ขอพลีตน
ไม่ว่าจะตายกี่ครั้ง				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟธันวันตรี
Lovings  ธันวันตรี เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟธันวันตรี
Lovings  ธันวันตรี เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟธันวันตรี
Lovings  ธันวันตรี เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงธันวันตรี