26 สิงหาคม 2549 18:36 น.

"เรื่อยเปื่อย"

น.นิรัติศัย

"เรื่อยเปื่อย"

การเดินทางที่ยาวนาน เสียงกระซิบไหลรินดุจหยดน้ำปลายใบไม้
แรมปี เดือน สัปดาห์ ย่างเลยวัน ที่เอื่อยเฉี่อย บนถนนสายเก่ากระทบสายตา
เสียงรถราเงียบสนิทพร้อมเขม่าควันอ้อยอิ่งกระทบใบหน้า
ไรผมเปลี่ยนสีโดยพลัน เป็นชาวต่างชาติในเวลาชั่วครู่ ฝุ่นฟุ้งกระจายร่วงจากเรือนผม สลัดมันด้วยฝ่ามือ
มาทำอะไรที่นี่หรือพ่อหนุ่ม เสียงชายเฒ่าผมขาวโพลน ทักทายด้วยร้อยยิ้มกรุ่น ดวงตาประกายแห่งความใคร่รู้
มาพักผ่อนครับลุง... 
มาผิดฤดูแล้วหละพ่อหนุ่ม... นี่มันใกล้หน้าฝน เดี๋ยวก็หมดสนุกอีกทั้งจะป่วยง่ายด้วยนะ... อาการเป็นห่วงเป็นใยปรากฏเด่นชัด
ว่างครับเลยมา...
อ่อเหรอ...
ชายเฒ่าเดินจากไปพร้อมเสียงนกร้องทางทิศตะวันตก...

ลมพัดแรง กระต๊อปสะเทือนไหวเยือก...
ใจสลัดทุกโดยพลัน ดวงตาตื่นจากภวังค์ยามโดดเดี่ยว...

ผมมาทำอะไรที่นี่...
				
26 สิงหาคม 2549 18:33 น.

"ผู้ชนะที่มีความสุขยิ่ง"

น.นิรัติศัย

ความทุกข์...จะต้องมีอยู่
ตราบที่กิเลสทั้งสามกองคือ โลภ โกรธ หลง มีอยู่
กิเลสมีการเพียงใด...ทุกข์ก็มีมากเพียงนั้น
เมื่อใดกิเลสสามกองหมดไปจากจิตใจสิ้นเชิง
นั้นหละความทุกข์จึงจะหมดไปได้เช่นกัน
จึงควรพยายามทำกิเลสให้หมดสิ้นให้จงได้
มีมานะ พากเพียร ใช้สติปัญญาให้รอบคอบ
ใช้ให้เต็มความสามารถ ทุกเวลานาทีที่ทำได้
แล้วจะเป็นผู้ชนะ...มีความสุขอย่างยิ่ง
อย่าเข้าข้างตัวเองผิดๆ
...ดูตัวเองให้เข้าใจ
เมื่อโลภเกิดขึ้นให้รู้ว่า...
กำลังคิดโลภแล้ว และหยุดความคิดนั้นเสีย
เมื่อโกรธเกิดขึ้น ให้รู้ว่าคิดโกรธขึ้นแล้ว...หยุดเสีย
เมื่อหลงเกิดขึ้น ให้รู้ว่าคิดหลงแล้ว...หยุดเสีย
หัดหยุดความคิดที่เป็นกิเลสเสียก่อน
เริ่มหัดหยุดเสียตั้งแต่บัดนี้เถิด
จะเป็นการเริ่มฐานต่อต้านกำราบปราบทุกข์
ให้สิ้นไป...ที่จะให้ผลอย่างแท้จริงอย่างแน่นอน
				
18 สิงหาคม 2549 18:01 น.

มารโลเก ๑

น.นิรัติศัย

อดีต...คล้ายเงาไม่ปรากฏอีกตลอดกาล
อนาคต...ยังมิผ่านกรายมาเหมือนวาดฝันไร้รอย
ปัจจุบัน...สิควรคอยประคองจิตไว้ให้งดงาม...

อดีตมันผ่านมาแล้วคว้าจับอะไรไม่ได้ อนาคตก็ยังมาไม่ถึง เมื่อมาไม่ถึงต่อให้คิดให้ปรุงยังไงก็หาประโยชน์ไม่ได้

ของจริงๆ มันอยู่ตรงนี้ เดี๋ยวนี้ เวลานี้...
ทำปัจจุบันให้ดีเถอะ
ทำปัจจุบันยังไม่ดีแล้วจะไปหวังอะไรในวันข้างล่ะ

"เรื่องของวันข้างหน้าขึ้นอยู่กับวาสนาบารมีกับปัจจุบันกรรมของตน จะเป็นฝ่ายดีฝ่ายชั่วเราต้องกำหนดกันตอนนี้ การกำหนดแนวทางคือการใช้มรรควิธีปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเข้าควบคุม"

"การฝึกจิตต้องทำอย่างปราณีต...จริงจัง อย่าให้ตัวโทสะ โมหะ และโลภะเข้าครอบงำ...ความโกรธทำให้ปัญญาโง่...ตัวโมโหจะทำให้เป็นคนบ้า...ตัวโลภทำให้หูตามืดบอด...สามสิ่งนี้ทำให้เกิดอวิชชาในจิต...

"อวิชชา" คือ ความไม่รู้!
ความไม่รู้ภาวะแห่งจิตมิต่างกับคนใจบอด...
คนใจบอดต่อให้ได้สมาธิก็มิอาจไม่หลงทาง...
หลงทางสู่มรรคาแห่งมาร...หลงทางสู่ความมืดมนในมารโลเก...

รู้ วิถีแห่ง จิต และวิญญาณแห่งตนเรียกว่า รู้จริง
รู้ สิ่งอื่นนอกกายตนเป็นแต่ วิชา
รู้วิชาเอาตัวรอดได้เฉพาะการดำรงอยู่ในโลกนี้เท่านั้น
หากรู้ ...อันเป็น รู้ภายใน เรียกว่า วิชชา
รู้ วิชชา เป็น รู้ ที่เอาตัวรอดได้ทั้งโลกนี้และโลกแห่งจิตวิญญาณ...
				
11 สิงหาคม 2549 17:38 น.

"ถึงเพื่อน"

น.นิรัติศัย

เสียงกระซิบสะเทือนไหว
กายสั่นเทาสะดุ้งตื่นจากภวังค์
นายมองเห็นฉันใหมหละ
ใต้แสงเสียงสาดส่องจากนภากว้าง
มองเข้ามาสิ ใกล้อีก
ใกล้อีก
...

อีกนิดสิ
...

แต่นายก็มองไม่เห็นใช่ใหมหละ
นั้นสินะ
นายมองมันไม่เห็นหรอก

เพราะอะไรรู้มั้ย

เพราะใจนายไง

ใจนายไม่เคยเปิดรับส่วนต่างๆ
ของสรรพสิ่งที่เดินทางเข้าสู่ภาวะของ
การใช้ชีวิต

แต่ลองดูสิ ว่าชีวิตนาย

มีอะไรนอกจาก


สิ่งลวงตา

มันคือสิ่งที่นายสร้างขึ้นมาทั้งนั้น
มองย้อนดูสิ
ไม่แน่นะ
สรรพสิ่งที่นายเห็นอาจเป็นมโนภาพที่
ถูกสร้างจากความฉลาดของนายก็เป็นได้

นายมองหาเราไม่เจอหรอก
หาก


นายไม่เคยมองตัวตนที่แท้จริงของนาย
ภายใต้โคมไฟดวงนี้

ดวงที่อยู่ข้างๆ นายไงหละ
ดวงที่อยู่ใกล้ๆ นายไงหละ
ดวงที่นายมองมันไม่เห็น
แม้...มันจะสว่างมากเพียงไรก็ตาม


ชีวิตล้วนมีเส้นทาง
อย่างลายมือที่ปรากฏบนฝ่ามือ
ชีวิตเสมือนดวงดาวที่ถูกลิขิตภายใต้อุ้งเท้าอุ้งมือทั้งสองและมันสมองที่ฉลาด

ถึงแม้จะร้ายกาจยามเกลียดชังโลกที่โสมมใบนี้
แต่ชีวิตก็คือชีวิต มันไม่มีค่าอะไรมากไปกว่านี้อีกแล้ว

หากนายเห็นแสงไฟที่ระยับเมื่อไหร่บางที
นายอาจมองเห็นเราก็เป็นได้นะ

เพื่อน
คำนี้นายเคยถามเราครั้งนั้น
และครั้งนี้เรายังจะตอบคำเดิมว่า
ไม่ว่านานแสนนานแค่ไหน
ระหว่างกลางวันและกลางคืน
เดือนมืดไร้แสงและสว่างด้วยดาวนับล้านดวง
นายคงไม่เคยนับดาวตอนรุ่งสางสินะ
นายถึงถามแบบนั้นกับเรา
เพื่อนเหรอ
มันไม่มีอะไรมากไปกว่าคำตอบที่เคยมอบกับนาย
เชื่อสิ
เพื่อน ไม่มีวันแปรเปลี่ยน
ถึงแม้จะสุขและทุกข์เพียงไร
เพื่อนยังเป็นเพื่อนเสมอ

ไม่ว่าตะวันจะล่วงลับไปมากน้อยแค่ไหน
ไม่ว่าเวลานั้นจะมีเราอยู่ที่ๆ ตรงนั้นหรือเปล่า
ตะวันและเวลาไม่สามารถทำให้เราเปลี่ยนได้หรอก

ไม่ต้องการให้นายเชื่อ
แต่นายจะรับรู้และเรียนรู้พร้อมกับตะวันที่ขึ้นผ่านกายนายไปแต่ละเวลา

แด่เพื่อนผู้แสนไกล


เราควรจะจบข้อความตั้งแต่เมื่อกี่แล้วใช่มั้ย
แต่ไม่หละตอนนี้เราว่าง
ว่างเกินกว่าจะลุกออกจากเก้าอี้ดนตรีตัวนี้
เสียงเพลงเพราะดีนะแต่เราไม่เข้าใจหรอกว่า
มันหมายความว่าอะไร
และไม่เข้าใจว่าทำไมถึงทำให้ใจ
ดวงนี้มันสั่น สั่นอย่างกับกระเดื่องคู่

คงอีกหลายวันที่เราจะเข้ามาในโลกไซเบอร์อีกครั้ง
ยอมรับนะว่าตอนนี้ชีวิตเรา
อยู่บนความจริงมากกว่าความฝันที่ดีมากๆ
มากสำหรับเรา
แต่ สุดท้ายโลกแห่งความจริงมันก็หนีไม่พ้น

โลกในนี้มันน่าอยู่สำหรับเรามาก 
มองกลับสู่บ้านเกิดครั้งยังเยาว์
เราห่างหายจากมันไปนานเมื่อครั้งเยาว์
มันหิวยิ่งกว่าจะเปรียบกับอาหารมื้อเช้าที่ต้องทาน
แต่หลังจากนั้นความเคยชินจนชินชาและด้าน
ด้านพอจะยอมรับว่าคงไม่มีโอกาสย่ำกลับมาสู่ที่เดิมได้อีก
แต่แล้วโชคชะตา

แสร้งทำให้เรามองเห็นช่องโหว่ของความยิ่งยโส
เป็นบ่อเกิดและนำทางเรากลับมาอีกครั้ง
จนบัดนี้มันก็เวียนมาบรรจบที่เดิม...อีกครั้งแล้วสิ


แต่ครั้งนี้ มันกำหนดชะตากรรมของเราแค่เพียงไม่กี่วินาทีและไม่กี่นาที
มันคอยตามสะกดรอยเท้าทุกย่างก้าว

แต่เชื่อสิมันตามหาเราไม่เจอหรอก

เชื่อสิ เราต้องหลุดจากวงโคจรให้ได้อีกครั้ง
อีกครั้งเดียวเท่านั้น
นาย...และเราอาจจะเจอกัน


หวังว่านายคงเข้าใจสิ่งที่เขียนบอกนะ
หากนายไม่เข้าใจ
จงใช่เวลารับข้อความเราตลอดไป


แล้ววันหนึ่งเพื่อนสำหรับนายจะมีตลอดไป


เพื่อน! 
 
"ข้าเจ้า" ต้องไปอีกแล้ว  "แล้วเจอกัน"
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟน.นิรัติศัย
Lovings  น.นิรัติศัย เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟน.นิรัติศัย
Lovings  น.นิรัติศัย เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟน.นิรัติศัย
Lovings  น.นิรัติศัย เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงน.นิรัติศัย