28 กุมภาพันธ์ 2552 03:33 น.

มรณํ นิจฺจํ

นรศิริ

ธรรมดาของโลกมีโศกสุข
ธรรมดาทนทุกข์ต้องหมองไหม้
ก็คงไม่ธรรมดาหากไร้ใจ
และทนได้ฉันใดหากไร้เธอ

เธอเป็นเพื่อนเหมือนเป็นทั้งพี่น้อง
คราฉันหมองเธอปลุกปลอบเสมอ
คราฉันรั้นเธอรั้งทุกทีเจอ
ฉันพลั้งเผลอเธอเพื่อนแท้เอย

เคยร่วมเรียนร่วมสอนทุกตอนที่
เพื่อนแสนดีเกินคำพร่ำเฉลย
เธอดูแลคราป่วยไข้ไม่ละเลย
เธอไม่เคยเมินเฉยหรือบึ้งตึง

มาบัดนี้เธอไปไกลสุดกู่
โปรดรับรู้เพื่อนคนนี้เฝ้าคิดถึง
ภาพความหลังฝังใจให้คะนึง
ยังซาบซึ้งความดีที่มีมา

ส่งอุทิศส่วนกุศลผลบุญให้
ขอดวงใจไร้ทุกข์สุขเถิดหนา
อย่าได้หวนห่วงหลังฝังอุรา
ด้วยทุกคนเกิดมาจะต้องตาย

ปล.ออกจากห้องพระมาเจอภาพถ่ายร่วมกับเพื่อนรักที่ตายแล้วทั้งสองคนเลยรันทดใจ
ครั้งนั้นกลับจากไปปฏิบัติธรรมกับลูกชายที่ถ้ำวัวแดงกลับมาคิดถึงเพื่อนจับใจไปแวะเยี่ยมแม่เขาร้องไห้โฮบอกว่างานศพพึ่งเสร็จเมื่อวันวาน
อีกปีถัดมาไปปลีกวิเวกตามดอยในภาคเหนือหลายที่และพักที่ถ้ำผาแดงหลายวันกลับมาเพื่อนเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายตอนนี้ตายแล้ว
  ปิดเทอมปีนี้จึงลังเลว่าจะเร่ร่อน(ธุดงค์)อีกหรือไม่ไป				
27 กุมภาพันธ์ 2552 04:41 น.

เธอ......

นรศิริ

ไม่อยากรับรู้ใดในเป็นอยู่
ไม่อาจสู้ความความจริงสิ่งที่เห็น
ไม่อาจรับทุกทางที่เธอเป็น
จึงซ่อนเร้นห่วงหาและอาลัย

ใช่ว่าฉันไม่ห่วงดวงใจจ๋า
แต่กลัวว่าไปพบ(เธอ)สลบไสล
ฉันคงเจ็บรวดร้าวราวขาดใจ
จึงต้องทนหม่นไหม้อยู่เอกา

ไหว้วอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกทิศที่
โปรดคุ้มครองคนดีด้วยเถิดหนา
ให้เธอยังชีวีมีชีวา
ได้กลับมาเพื่อเป็นเช่นที่เคย

วานสายลมพัดไกลไปเยือนด้วย
แล้วจงช่วยบอกเขาเล่าเฉลย
ว่าคนไกลแสนห่วงมิเลือนเลย
อีกเอื้อนเอ่ยคิดถึงซึ้งกมล

เมื่อรู้ข่าวเธอเจ็บฉันเหน็บแน่น
อยากโลดแล่นไปหาทุกแห่งหน
ทุกวันวารดวงจิตคิดเวียนวน
ใจห่วงหาเหลือล้นคนห่างไกล

ไม่อยากรับรู้ใจกลัวไหม้หม่น
ไม่อาจทนรู้เห็นเป็นไฉน
ไม่อาจทนการสลายของหัวใจ
ฉันจะอยู่อย่างไรเมื่อไร้เธอ



กลอนบทนี้เขียนตอนกลับจากไปบวชชีพราหมณ์ตอนปลีกวีเวกภาคเหนือ     กลับมา รู้ข่าวเพื่อนเป็นมะเร็งตับระยะสุดท้ายค่ะ				
24 กุมภาพันธ์ 2552 05:09 น.

เดียวดาย

นรศิริ

หลากหลายเรื่องราวเฝ้าคิด
ดวงจิตวุ่นวายสับสน
เหน็ดเหนื่อยกับความวกวน
ทานทนอยู่ได้ฉันใด

อยากปิดเปลือกตาหลับพัก
หน่วงหนักเกินจักรับไหว
อิดโรยอ่อนล้าดวงใจ
หมองไหม้มืดมิดปิดทาง

ทอดลมหายใจแผ่วผ่าว
ปวดร้าวดวงแดอ้างว้าง
ดุจเดือนเคลื่อนดับกลับทาง
จืดจางจริงหนอใจคน

กบเขียดระงมท้องทุ่ง
ริ้นยุงตอมไต่ตัวตน
หนึ่งร่างนั่งท้อทุกข์ทน
หนึ่งคนยังนั่งเดียวดาย				
23 กุมภาพันธ์ 2552 05:16 น.

ก่อนจะสาย

นรศิริ

จงรู้ค่าของกันก่อนวันสาย
รับรู้ค่าความหมายที่มีอยู่
ค้นหาสิ่งประเสริฐไว้เชิดชู
เพื่อได้รู้ในสิ่งที่เขาดีงาม

ทุกสรรพสิ่งจริงไซร้ไม่ไร้ค่า
หากค้นหาให้ดีมีล้นหลาม
อยู่ที่คนค้นเขาเฝ้าติดตาม
อาจแวววามซ่อนหลบกลบมืดบัง

แม้นมองในวันนี้ไม่ดีแล้ว
อาจเพริศแพร้วแววงามในหนหลัง
ไม่มีดอกสิ่งใดได้จีรัง
แม้รูปังของเรายังเปลี่ยนแปลง

มีใจรักให้กันในวันนี้
ดีกว่ามีเลศนัยไว้แอบแฝง
มีจิตใจใสสะอาดขาดจำแลง
และอย่าแล้งน้ำใจให้แก่กัน				
22 กุมภาพันธ์ 2552 03:31 น.

ผีเสื้อเอย

นรศิริ

ผีเสื้อเอย

ผีเสื้อเอยเคยบินวนบนยอดหญ้า
ท่องพนาเถื่อนถ้ำลำน้ำใส
เจ้าเที่ยวท่องทุกถิ่นแถว ณ แนวไพร
เจ้าสดใสเริงร่าทุกท่าที

ธรรมชาติบ้านป่าสอนค่าให้
รู้แบ่งปันหัวใจให้น้องพี่
ทั้งสั่งสมอุดมการณ์สานความดี
อย่าลืมถิ่นแผ่นดินนี้คราห่างไกล

เมื่อโบยบินถิ่นเมืองเจ้าเรืองรุ่ง
ทิ้งท้องทุ่งแดนดินถิ่นอาศัย
ทิ้งดุ้นฟืนคืนหนาวร้าวทรวงใน
ทิ้งกระท่อมไม้ไผ่ไว้ปลายนา

สังคมเมืองสั่งสอนทุกตอนบท
คือสังคมโป้ปดไร้คุณค่า
ล้วนร้อยเล่ห์กดขี่ทั้งบีฑา
ข่มเหงหญ้าไกลถิ่นแผ่นดินดอย

แม้นได้เป็นอินทรีเปลี่ยนผีเสื้อ
อย่าลืมเชื้อพงศ์เผ่าทิ้งเหงาหงอย
อย่าระเริงลมบนจนเลื่อนลอย
อย่าลืมถียงนาน้อยที่เคยเนา				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟนรศิริ
Lovings  นรศิริ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟนรศิริ
Lovings  นรศิริ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟนรศิริ
Lovings  นรศิริ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงนรศิริ