แต่งกลอนส่งเสริมวันวิสาข์

อัสสุ

..............................
................................
..................
เคยเจอผู้หญิงคนหนึ่งชื่อ วันวิสาข์ ชื่อเพราะดีในความรู้สึกอัสสุ.............
ยังไงก็ใกล้วันวิสาข์แล้ว อยากให้แต่งแนวธรรมะกันเยอะ ๆ ครับ
ก็เคยคุยกับสมาชิกท่านหนึ่ง อัสสุก็สนิทกับเขา
ซึ่งสนทนากันว่า กลอนรักๆ ใคร่ๆ  มีเยอะแยะแล้ว เราควรแต่ง
แนวธรรมะ ที่มันจรรโลงจิตใจดีกว่านะ
และทุกวันนี้คนส่วนใหญ่ก็หันมาศึกษาธรรมะกันเยอะ
อย่างนักร้อง และอื่น ๆ ที่จริงบ้านกลอนนี้ คนที่ธรรมะ ธรรมโมก็เยอะ
นะครับ แต่ไม่รู้ ไม่ค่อยแต่งแนวนี้ วิเคราะห์เล่นๆ ว่า
หวังเรตติ้งตกหรือเปล่า เลยไม่อย่ากแต่ง.........
........................................................
..................				
comments powered by Disqus
  • อัสสุ

    29 พฤษภาคม 2550 15:02 น. - comment id 18061

    11.gif11.gif11.gif11.gif
    
    ความหมาย
    
    คำว่า วิสาขะ มาจากคำศัพท์เต็ม ว่า วิสาขปุรณมีบูชา หมายถึง การบูชาในวันเพ็ญเดือนวิสาขะ คือวันเพ็ญ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน๖ ในทางจันทรคติ เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันที่พระพุทธเจ้าประสูติ ตรัสรู้และเสด็จดับขันธปรินิพพาน. เป็นวาระที่บรรจบในวันและเดือนเดียวกัน แต่ต่างกาละคือเวลา ได้แก่วันประสูติจากพระครรภ์พระนางสิริมหามายา พระมารดา ที่ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ วันตรัสรู้ เมื่อพระชนมายุได้ ๓๕ พรรษา ที่ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ และวันเสด็จดับขันธปรินิพพาน เมื่อพระชนมายุได้ ๘๐ พรรษา ที่ใต้ต้นสาละคู่ ที่ตรงกับวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ทั้ง ๓ โอกาส จึงถือว่าเป็นวันสำคัญที่เกี่ยวเนื่องกับพระพุทธเจ้าโดยตรง แต่เนื่องจากปีพุทธศักราช ๒๕๔๗ นี้เป็นปีที่มีอธิกมาส คือเดือน ๘ สองหน จึงเลื่อนวันวิสาขบูชาไปอยู่ช่วงกลางเดือน ๗ แทน (วันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๗ ตรงกับวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๔๗)
  • อัสสุ

    29 พฤษภาคม 2550 15:03 น. - comment id 18062

    ความเป็นมา
    
    การนับวันวิสาขบูชา ตามคตินิยมคือนับทั้ง ๓ วัน ได้แก่วันประสูติ ตรัสรู้ และเสด็จดับขันธปรินิพพาน
    
    วันประสูติ... หลังจากเสวยพระชาติเป็นพระเวสสันดรในเมืองมนุษย์เป็นชาติท้ายแล้ว เสด็จไปอุบัติเป็นสันดุสิตเทพบุตร ในสวรรค์ชั้นดุสิต และได้รับการทูลเชิญจากเหล่าเทพทุกชั้นฟ้าให้เสด็จมาจุติโปรดสัตว์โลก พระองค์ได้เสด็จถือปฏิสนธิในพระครรภ์ของพระนางสิริมหามายา พระราชมารดา โดยมีพระเจ้าสุทโธทนะ เป็นพระราชบิดา ได้รับการขนานพระนามว่า เจ้าชายสิทธัตถะ ทรงมีความพรั่งพร้อม เพียบพร้อมด้วยทรัพย์สมบัติ ยศสมบัติ บริวารสมบัติ มีปราสาท ๓ หลัง ๓ ฤดู เป็นที่อยู่อาศัย ได้ทรงอภิเษกสมรสกับพระนางยโสธราพิมพา เมื่อพระชนมายุได้ ๑๖ พรรษา ใช้ชีวิตในฆราวาสวิสัยอยู่ถึง ๒๙ ปี จึงเสด็จออกบวช พระทัยมุ่งหวังตั้งแต่ประสูติ คือเพื่อจะให้มวลมนุษย์พ้นจาก เกิด แก่ เจ็บ ตาย ที่เวียนว่ายเป็นสังสารวัฏ เรียกว่า เกิดเพื่อต้องการแก้ปัญหาให้มนุษย์
    
    พระพุทธองค์ทรงแสวงหาทาง ทรงเดินตามแบบอย่างครูคืออุทกดาบส และอาฬารดาบส แต่ก็ยังไม่ประสบผลสำเร็จสูงสุดในการแก้ไขปัญหามนุษย์ หรือแม้กระทั่งเอาพระชนม์ชีพเข้าแลกโดยการทรงบำเพ็ญทุกกรกิริยา เป็นเวลานานถึง ๖ ปี
    
    วันตรัสรู้... ในที่สุด พระองค์ทรงเลือกหนทางที่เป็นกลาง ไม่หย่อน ไม่ตึงเกินไป เดินไปสู่หนทางแห่ง อริยมรรค จึงทรงค้นพบหลักความจริง ที่เป็น กุญแจไขปริศนาความทุกข์ของมวลมนุษยโลก ได้ตรัสรู้อริยสัจจ์ ๔ ทรงค้นพบด้วยโพธิญาณ ตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าในที่สุด พระองค์ทรงเข้า "ฌาน" จนถึงเข้าสู่ปัญญาญาณ ... 
    
    ทรงบรรลุ "ษุพเพนิวาสานุสติญาณ" คือทรงระลึกชาติในอดีตทั้งของพระเองเองและผู้อื่น 
    ทรงบรรลุ "จุตูปปาตญาณ" คือทรงรู้แจ้งการจุติ (ดับ) และอุบัติ (เกิด) ของสรรพสัตว์ทั้งหลาย 
    ทรงบรรลุ "อาสวักขยญาณ" คือรู้ทรงแจ้งวิธีกำจัดกิเลส 
    
    ได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในคืนวันเพ็ญเดือน ๖ ซึ่งขณะนั้น พระพุทธองค์มีพระชนมายุได้ ๓๕ พรรษา อริยสัจธรรมที่พระพุทธองค์ทรงค้นพบ คือ อริยสัจ ๔ หรือ ความจริงอันประเสริฐ ๔ ประการ ได้แก่ 
    ๑. ทุกข์ คือ ความลำบาก ความไม่สบายกายไม่สบายใจ 
    ๒. สมุทัย คือ เหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ 
    ๓. นิโรธ คือ ความดับทุกข์ และ 
    ๔. มรรค คือ ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับแห่งทุกข์ 
    ทั้ง ๔ ข้อนี้ คือสัจธรรม เรียกว่า อริยสัจ เป็นสัจธรรมชั้นสูง ประเสริฐ
    การทรงค้นพบสัจธรรมนี้ เสมือนทรงค้นพบดวงประทีป ที่ทำให้เกิดดวงตาเห็นธรรมแก่ เวเนไนยสัตว์ ที่ควรตรัสรู้และบรรลุธรรม เสมือนทรงเปิดโลกที่มืดมิด ให้สว่างไสวพร่างพราว ปุถุชนที่นัยน์ตาเต็มไปด้วยธุลี คือกิเลสตัณหา ต่างได้รับการชุบชำระล้างให้ตากระจ่าง ทรงเปิดเผย ทรงจำแนก ทรงแจกแจง ทรงทำให้เป็นสิ่งที่สัมผัสได้ ใช้ในชีวิตจริง ดังพุทธพจน์รับรองว่า วิวะระติ วิภะชะติ อุตตานี กะโรติ มิได้ทรงปิดบังอำพราง พุทธภาษิตทุกพยัญชนะบริสุทธิ์ บริบูรณ์ งดงามในเบื้องต้น ท่ามกลาง และที่สุด ประดุจหงายภาชนะที่คว่ำ เปิดของที่ปิดไว้ บอกทางแก่คนหลงทาง ส่องประทีปในที่มืด เป็นวันประกาศวิมุติ หลุดพ้นจากการเป็นทาสของกิเลสตัณหา ประกาศชัยชนะเหนือกิเลสมารทั้งปวง เรียกว่า รู้แล้วช่วยให้หลุดพ้นจากความทุกข์
    วันเสด็จดับขันธปรินิพพาน...
    สิยา โข ปนานนฺท ตุมฺหากํ เอวมสฺส อตีตสตฺถุกํ ปาวจนํ นตฺถิ โน สตฺถาติ น โข ปเนตํ อานนฺท เอวํ ทฏฺฐพฺพํ โย โว      อานนฺท มยา ธมฺโม จ วินโย จ เทสิโต ปญฺญตฺโต โส โว มมจฺจเยน สตฺถา 
    
    อานนท์ พวกเธออาจจะพากันคิดว่า อีกไม่นาน พระธรรมวินัยจักมีศาสดาล่วงลับไปแล้ว พระศาสดาของเราก็จักไม่มีแล้ว อานนท์ พวกเธอ อย่าพึงเห็นอย่างนี้ อานนท์ ธรรมและวินัยอันใดที่เราได้แสดงไว้ และบัญญัติไว้แก่พวกเธอ ธรรมและวินัยนั้น จักเป็นศาสดา (แทน)ของพวกเธอ เมื่อเราล่วงลับไป
    
    เป็นพุทธดำรัสที่พระพุทธเจ้า ได้ตรัสกับพระอานนท์ก่อนจะเสด็จดับขันธปรินิพพานไม่นาน พระสุรเสียงนี้เสมือนยังก้องกังวานอยู่ในโสตประสาทของพุทธบริษัทตราบเท่าปัจจุบัน แม้ว่าพระรูปกายของพระพุทธองค์จะสูญสลายไปตามธรรมชาติ แต่ ธรรมและวินัย หรือคำสั่งสอนทุกอย่างยังประจักษ์และคงอยู่ตลอดกัลปาวสาน 
    
    พระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราทั้งหลาย เสด็จปรินิพพาน ณ ร่มไม้รัง (ต้นสาละ) คู่ ในสาลวโนทยานของมัลลกษัตริย์ ใกล้เมืองกุสินารา เมื่อวันเพ็ญเดือน ๖ ก่อนพุทธศักราช ๑ ปี ถึงแม้จะเป็นการเสด็จไปตามคติธรรมดามนุษย์ แต่ก็เป็นประวัติศาสตร์การสูญเสียอุตตมบุคคลที่สำคัญที่มีคุณต่อโลกทั้ง ๓ เพราะทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ เป็นที่พึ่งของสัตว์โลกทุกหมู่เหล่า ไม่เลือกชนชั้นวรรณะ สกุล เป็นมนุษย์ เป็นพรหม เป็นเทวดา นาค ครุฑ คนธรรพ์ หรือแม้กระทั่งเป็นสัตว์นรก ต่างได้ลิ้มรสพระธรรม พ้นจากความทุกข์ 
    
    พระพุทธองค์ทรงบำเพ็ญพุทธกิจแม้กระทั่งวินาทีสุดท้าย โดยทรงสร้างศาสนบุคคลฝากไว้ในพระพุทธศาสนา กล่าวคือทรงแสดงธรรมโปรดแก่ปริพาชกผู้หนึ่ง ชื่อสุภัททะ และได้ทรงประทานอุปสมบทให้เป็นพุทธสาวกองค์สุดท้าย ความสำคัญของพุทธปัจฉิมโอวาท คือสิ่งที่พุทธศาสนิกชนควรคำนึง เข้าถึง และน้อมนำไปปฏิบัติ เป็น คำพูดของพ่อ คำขอร้องครั้งสุดท้าย ทรงประทานไว้ว่า "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สังขารทั้งหลาย ย่อมมีความเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลาย จงประกอบกิจทั้งปวงที่เป็นประโยชน์ของตนและประโยชน์ของผู้อื่นให้บริบูรณ์ด้วยความไม่ประมาทเถิด" หลังจากนั้นก็เสด็จเข้าดับขันธปรินิพพาน ในราตรีเพ็ญเดือน ๖ นั้น เรียกว่า นิพพาน เพื่อการไม่เกิดอีกต่อไป แต่สิ่งที่ฝากไว้คืออย่าได้ประมาทมัวเมา
    
    เมื่อประมวลการณ์ วันสำคัญ และความสำคัญที่เกี่ยวเนื่องกับพระพุทธเจ้าทั้ง ๓ วาระ ๓ โอกาสนี้ ทั่วโลกจึงยกย่องเชิดชูว่า วันวิสาขบูชา คือวันสำคัญสากลของโลก
    
    ^กลับเมนู
    
    ความสำคัญ
    
    ในประเทศไทย มีการประกอบพิธีวิสาขบูชามาตั้งแต่สมัยสุโขทัย โดยสันนิษฐานว่ารับแบบอย่างมาจากลังกา ตกมาถึงสมัยอยุธยา ธนบุรีและรัตนโกสินทร์ตอนต้น ไม่ปรากฏว่าได้มีหลักฐานการประกอบพิธีวิสาขบูชา
    
    จวบมาถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงมีพระราชดำริกับด้วยสมเด็จพระสังฆราช (มี) ให้ทำพิธีวิสาขบูชา เป็นครั้งแรกในกรุงรัตนโกสินทร์ และเป็นวันนักขัตตฤกษ์ที่ยิ่งใหญ่ของปี เมื่อพุทธศักราช ๒๓๖๐ และถือปฏิบัติเป็นพุทธบูชาตั้งแต่นั้นมา
    
    ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้ราชบัณฑิตยสภาจัดประกวดแต่งหนังสือสอนพระพุทธศาสนาสำหรับเด็กในงานพระราชพิธีวิสาขบูชา ในปี พ.ศ. ๒๔๗๒ และได้เริ่มเปิดโอกาสให้ฆราวาสเรียนพระปริยัติธรรมแผนกธรรม ที่เรียกว่า ธรรมศึกษา ตั้งแต่ปีนั้นเป็นต้นมา
    
    ในปีพุทธศักราช ๒๕๐๐ ซึ่งถือว่าเป็นปีกึ่งพุทธศตวรรษ มีการจัดงานเฉลิมฉลองวัน
    วิสาขบูชาที่ยิ่งใหญ่ โดยฝ่ายราชการได้เรียกชื่องานครั้งนี้ว่า "ฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรษ" จัดให้มีงานตั้งแต่วันที่ ๑๒ ถึง ๑๘ พฤษภาคม รวม ๗ วัน โดยจัดขึ้นที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ส่วนหน่วยงานราชการ และวัดวาอารามต่าง ๆ ต่างร่วมประดับธงทิวและโคมไฟทั่วพระราชอาณาจักร พุทธศาสนิกชนตั้งใจสมาทานศีลศีล ๕ หรือศีล ๘ ตามเจตนาตั้งใจ ตลอดเวลา ๗ วัน งดเว้นการฆ่าสัตว์ และงดเว้นการดื่มสุราเมรัย
    
    ในปีพุทธศักราช ๒๕๒๗ ชาวพุทธที่เห็นความสำคัญในการเชิดชู และปกป้องพระพุทธศาสนา เนื่องมาจากการวางนโยบายแบบ ศาสนสัมพันธ์ ของศาสนาอื่น ได้เข้ามามีบทบาทกล่อมและกลืนพุทธศาสนิกที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ จึงเป็นแรงผลักดันให้เกิดการจัดกิจกรรมงานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา หรือที่เรียกกันในปัจจุบันว่า สัปดาห์วันวิสาขบูชา ตั้งแต่ปีนั้นเป็นต้นมา
    
    ในปี พุทธศักราช ๒๕๔๒ วันวิสาขบูชา เป็น วันสำคัญสากลของสหประชาชาติ
    
    เมื่อ ๑๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๔๒ ที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ ๕๔ ได้พิจารณาระเบียบวาระ ที่ ๑๗๔ International recognition of the Day of Visaka โดยการเสนอของศรีลังกา.... ในการพิจารณา ประธานสมัชชาฯ ได้เชิญผู้แทนศรีลังกาขึ้นกล่าวนำเสนอร่างข้อมติ และเชิญผู้แทนไทย สิงคโปร์ บังคลาเทศ ภูฐาน สเปน พม่า เนปาล ปากีสถาน อินเดีย ขึ้นกล่าวถ้อยแถลง สรุปความว่า วันวิสาขบูชาเป็นวันสำคัญของพุทธศาสนิกชนทั่วโลก เพราะเป็นวันที่พระพุทธเจ้าประสูติ ตรัสรู้ และเสด็จดับขันธปรินิพพาน เป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนให้มวลมนุษย์มีเมตตาธรรมและขันติธรรมต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เพื่อให้เกิดสันติสุขในสังคม อันเป็นแนวทางของสหประชาชาติ จึงเท่ากับเป็นการรับรองความสำคัญของพุทธศาสนาในองค์การสหประชาชาติดังเป็นที่ทราบกันทั่วโลกแล้วนั้น และถือว่าวันดังกล่าวเป็นวันสำคัญที่สำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติและที่ทำการสมัชชาจะจัดให้มีการระลึกถึงตามความเหมาะสม
    
    จึงแสดงให้เห็นว่า วันวิสาขบูชา ไม่เพียงเป็นวันสำคัญสำหรับชาวพุทธเท่านั้น แต่ยังเป็นวันสำคัญต่อชาวโลกอีกด้วย
  • ห้วงคำนึง

    30 พฤษภาคม 2550 00:28 น. - comment id 18068

    อัสสุ  บวชมากี่ปีแล้ว
    20.gif
  • 30 พฤษภาคม 2550 04:36 น. - comment id 18069

    อ้าว...หลวงเณรสองรูป แอบมาอยู่ตรงนี้เอง
    นมัสการค่ะ อิ๊กคิวอัสสุ กะ อิ๊กคิวห้วงคำนึง
    
    
    29.gif29.gif29.gif
  • 30 พฤษภาคม 2550 09:17 น. - comment id 18070

    y1p-pl-XrjxRsQcAGZ70Yf3_Q4Oe6LW0N7dxpZBP
    
    
    เอาดอกไม้มาฝากเณรน้อยอย่าทะเลาะกันนะ 
    35.gif
  • MomMamSan

    30 พฤษภาคม 2550 11:34 น. - comment id 18074

    สาธุเด้อออออออออออ 29.gif
  • นางพยาบาลตัวน้อย

    2 มิถุนายน 2550 12:32 น. - comment id 18116

    คุณอัสสุยอดเยี่ยมมากๆค่ะ
    
    อยากแต่งได้แต่มันไม่ค่อยเข้ากันน่ะค่ะ20.gif
    
    n_jung vol.2
    
    ไปอ่านกลอนกันมั่งนะ n_jung กลับมาแล้ว
  • Silver Snitch

    4 มิถุนายน 2550 13:31 น. - comment id 18146

    36.gif36.gif36.gif
  • Silver Snitch

    4 มิถุนายน 2550 13:35 น. - comment id 18147

    36.gif36.gif36.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน