18 กันยายน 2553 19:12 น.

จักรยานในวารวัน

ปาลิน

จักรยานสนิมเปรอะทั้งเกรอะกรัง		
ตรงเบาะนั่งมีรอยแยกจนแตกอ้า		
ดูเก่าโทรมหมองหม่นจนผิดตา		
กลายเป็นความไร้ค่าเวลานี้		
		
แค่เศษเสี้ยวอีกซีกกระผีกริ้น		
คันบังคับหักบิ่นไม่เข้าที่		
สงบนิ่งบนลานนานนับปี		
ข้างกำแพงซีดสีและมีรอย		
		
เมื่อหันหลังกลับไปจึงได้เห็น		
ว่าสายฝนอาจกระเซ็นอยู่ทุกบ่อย		
แม้ไม่อาจรู้ค่าคำว่าคอย		
เพื่อฝากถ้อยรอรับการกลับมา		
		
ทั้งสองล้อชำรุดและทรุดโทรม		
ถูกถาโถมด้วยลมแดดอันแผดจ้า		
หากแต่ยังคุ้นเคยความเฉยชา		
กับวันคืนอ่อนล้าที่ท้าทาย		
				
ให้หัวใจเปลี่ยนปรับการรับรู้		
จากดวงตาทั้งคู่ที่พรูสาย		
เป็นหยดน้ำหยดหนึ่งถึงเม็ดทราย		
ระเหยหายท่ามลมโบกกรรโชกแรง		
		
ให้ได้กอดความเหว่ว้าที่บ่าริน		
บนลานดินอ้างว้างอันร้างแร้ง		
กับของขวัญล้ำค่าราคาแพง		
ที่สวรรค์จัดแจงแบ่งให้มา		
		
เหลือความฝันงมงายในสายลม		
จากรู้สึกรู้สมอันขมปร่า		
จักรยานคันจ้อยด้อยราคา		
รอเวลาล้มลงแห่งทรงจำ		
		
ว่าคือความเดียวดายของสายโซ่		
ที่คล้องโบว์กับฟันเฟืองยังเบื้องต่ำ		
เสียงกระดิ่งเลื่อนลอยแทนถ้อยคำ		
มาตรอกย้ำซ้ำซากการจากลา		
		
มือข้างซ้ายเคลื่อนขยับเข้าจับเบรค		
หยุดอยู่ในเกลียวเมฆที่เสกฟ้า		
ตรงเส้นรุ้งเลื่อมพรายประกายตา		
แล้วพบว่าวารวันนั้นฝันไป		
		
จักรยานคันเก่าดูเศร้าหม่น		
เหมือนใจคนหมดฝันกับวันใหม่		
รอเวลาให้เหลือเติมเชื้อไฟ		
คราวบอดใบ้เศร้าโศกเพราะโลกลืม				
16 กันยายน 2553 16:31 น.

ริมรั้ว

ปาลิน

รั้วระแนงโปร่งตาทาสีขาว		
มีเรื่องราวงดงามให้ถามหา		
จามจุรีสลัดไดไอยรา		
อีกดอกปีปช่อชบาผกากรอง		
		
ให้คนไกลใฝ่ฝันพันทวี		
มวลดอกไม้หลากสีมีเจ้าของ		
ให้คนเหงาเอื้อมมืออยากถือครอง		
จากดวงตาที่ฟ้องทั้งสองดวง		
		
หอมกลิ่นอบอวลช่างชวนฝัน		
หอบตะวันส้มแดงแห่งแสงสรวง		
กำซาบกลิ่นดินฟ้าทุกค่าปวง		
ผ่านสายลมลับล่วงแห่งช่วงวัน		
		
อาจบางใครนั่งยิ้มที่ริมรั้ว		
ไม่รู้ตัวว่าใจนั้นไหวสั่น		
เพลงใบไม้ผิวแผ่วแว่วจำนรรจ์		
มาโปรยปันโอบเอื้อเป็นเนื้อเดียว		
		
ระบำหญ้าริมคลองของท้องทุ่ง		
ยามสายรุ้งทอดสายเป็นลายเสี้ยว		
แผ่วน้ำค้างผ่านผสมดูกลมเกลียว		
ค่อยลัดเลี้ยวเกี่ยวผสานกิ่งก้านใบ		
		
เป็นความสุขล้ำเหลือเหนือปรากฎ		
เป็นบาทบทไพรพงชวนหลงใหล		
เพื่อเชื้อเชิญให้ผูกมิตรสนิทใจ		
เพื่อไถ่ถามความในด้วยไมตรี		
		
.................................................		
		
ให้คนรอเฝ้ารับการกลับมา		
ยามผีเสื้อจากลาบ่ายหน้าหนี		
ยามไม้ดอกอันตธานนานนับปี		
ยามสิ้นไร้เพลงคีย์ ราตรีกาล				
14 กันยายน 2553 09:07 น.

ไดอารี่แสนรัก

ปาลิน

ไดอารี่แสนรัก
เก็บอยู่ในลิ้นชักข้างผนัง
ใต้โต๊ะเก่าปรุและผุพัง
แต่ครั้งปีเก่าเมื่อเยาว์วัย

..............................................................

ฉันเคยเล่นซ่อนหา
ปิดหูปิดตาอย่างบ้าใบ้
นับหนึ่งถึงสิบเพียงหยิบใจ
ไม่ทันไรก็หายหน้าหาไม่เจอ

หลืบนี้ หลืบไหนไม่ทันเห็น
แปะใครคนนั้นเป็นอย่าได้เผลอ
หัวร่อวิ่งไล่จับกับเพื่อนเกลอ
คราวเธอเป็นบ้างอย่าลังเล

..............................................................

ฉันยังจำได้ในวัยเยาว์
เสียงขลุ่ยครวญเพลงเหงาเข้ากล่อมเห่
นอนเถิดหนาดวงใจจะไกวเปล
อย่าโยเยดื้อรั้นจำนรรจา

ใครเล่าหนอ..นอนละเมอ
ได้เจอเรียวจันทร์และฝันว่า
ได้กอดจูบลูบกระต่ายที่หมายตา
ในค่ำคืนนิทราเมื่อครานั้น

..............................................................

วังวนเสน่หายังพรั่งพรู
โยกคลอนการรับรู้ให้ไหวสั่น
ยามที่แหงนมองฟ้า ดารา  จันทร์
แล้วพบว่าผูกพันนั้นฝันไป

แท้แล้วอ้างว้างทุกทางถิ่น
เสียงเรียกไม่ได้ยินแม้อยู่ใกล้
จะเอื้อมมือสัมผัสต้องตัดใจ
จะจากไกลต้องกลืนกล้ำยอมจำนน

แล้วซุกซ่อนความรักไว้สุดใจ
ให้อยู่เหนือพันธะใดและเหตุผล
ยอมเป็นผู้บ้าใบ้ไร้ตัวตน
เทิดทูนความทุกข์ทนเหนือสิ่งใด

ไดอารี่แสนรัก
ฉันยังคงพิงพักได้ใช่ไหม
ก่อนจะเพียรเขียนคำว่าทำไม
ต้องใช้น้ำตากี่หยดมาทดแทน

ใกล้โต๊ะเก่าปรุและผุพัง
ฉันโอบกอดความหลังอย่างหวงแหน
เหมือนได้กลับไปซับกลิ่นแห่งดินแดน
ที่โลดแล่นแผ่วกระซิบชั่วพริบตา				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟปาลิน
Lovings  ปาลิน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟปาลิน
Lovings  ปาลิน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟปาลิน
Lovings  ปาลิน เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงปาลิน