11 ธันวาคม 2547 23:23 น.

สอนน้อง...

ผู้เฒ่า

โอ้โดมดั่งโคมทอง           สอนให้มองความเท่าเทียม
กลบฝังระวังเหลี่ยม               สอนให้เปี่ยมความเมตตา
ผองชนทุกช่วงชั้น                 ต่างมีฝันปรารถนา
ต่างคนที่เกิดมา                   ภูมิปัญญาเฉพาะตน

โดมส่องให้มองเห็น              ความลำเค็ญในหมู่ชน
สอนสั่งอย่าหวังผล                ยามช่วยคนจงจริงใจ
อำนาจและชื่อเสียง              นั้นเป็นเพียงของล่อไว้
มินานก็เลือนไป                  อย่าฝันใฝ่ใช่นานเนา

เงินทองของนอกกาย           มิใช่นายชีวิตเรา
ลาภยศอย่ามัวเมา               จงคิดเอาแต่ความดี
อย่าอวดความฉลาด            ที่เก่งกาจกว่าเรามี 
แม้ซ่อนความบัดสี               มิอาจหนีความเป็นจริง

 เงาโดมที่ทอดยาว               มีเรื่องราวให้อ้างอิง
พื้นฐานต่อก้านกิ่ง               ทำทุกสิ่งเพื่อปวงชน  
ปลูกฝังอุดมการณ์                บริบาลหามรรคผล 
ช่วยเหลือทุกผู้คน               แม้เหงื่อหล่นหยดเลือดริน

 น้องเอ๋ยใต้เงาโดม             ประดุจโคมส่องชีวิน
 หยัดร่างบนแผ่นดิน           ฤาลืมสิ้นอุดมการณ์@				
9 ธันวาคม 2547 13:22 น.

ขู่โจร..

ผู้เฒ่า

เห็นอาวุธ ตกใจ เอ๊ะใครปล้น
ช่างพิกล คนอะไร ปล้นใจเขา
ดูน่ารัก เงินทอง ของไม่เอา
แล้วใครเล่า จะผ่าใจ ส่งให้เธอ

ยื่นข้อหา ปั่นป่วน คอยกวนสาว
สร้างเรื่องราว รักลวง หลอกเสมอ
ฉกรรจ์นัก ข้อหา ที่มาเจอ
ช่างเลิศเลอ เจ้าชู้ ประตูดิน

แต่หัวใจ ตรงนี้ ตั้งสี่ห้อง
แล้วหมายปอง เกินนับ กว่าทรัพย์สิน
ถ้าปล้นหมด ตอนนี้ ในชีวิน
หนทางสิ้น ย้อนยอก จะหลอกใคร

แม้นมิใช่ ขุนแผน แสนสนิท
เนรมิต เป็นว่า พ่อปลาไหล
คอยหลบหลีก ลันวาง จนห่างไกล
รวมทั้งใบ ข่อยขน ทุกหนทาง

โถสงสาร คนซื่อ อย่าถือสา
แค่มารยา หน้าเสื่อ ใช่เสือสาง
ถ้าคิดปล้น ทั้งหมด ปลดระวาง
อางขนาง ปลาไหลเหงา คงเฉาตาย 

ถ้าคาดผิด คิดใหม่ เปลี่ยนใจเถิด
ผลที่เกิด  ปล้นไป น่าใจหาย
อันขุนแผน ไก่แจ้ แม้อันตราย
นั้นอย่าหมาย เทียบเท่า กับเราเอย.@


ตั้งแต่เข้ามาที่บ้านกลอนไทย น้อยครั้งมากที่จะต่อถ้อยกลอนใคร
เคยแจ้งคนไร้เงา สองครั้งแล้ว ว่าจะต่อกลอนด้วย..ครั้งนี้จึงเป็นโอกาส..
เขียนในแนว สนุกสนาน..ถ้าคิดว่าเราเป็นแบบที่เขียน..
เราคงเป็นตัวประหลาดไปแล้ว..เพราะการเขียนกลอน ต้องใช้จินตนาการ..

สำหรับคนไร้เงา..ขอบอกตามตรงว่า..สุภาพสตรี คนนี้แหละ คือ..หงส์..
เป็นหงส์อีกหนึ่งตัว..ที่เหมาะสมจริงๆ ถ้ามองลงไปให้ลึกซึ้ง

เรื่องรูปสมบัติ  การศึกษา..คงไม่ต้องชี้แจง..แต่เราให้ดูที่อุปนิสัย
คนไร้เงา เป็นคนใจเย็น..สนุกสนาน..ความคิดอ่านกว้างไกล..
ถามว่าเราดูจากตรงไหน..เราตอบว่า..ดูจากที่คนไร้เงา วิสาสะ..
เพื่อนๆหลายคน คงเคยอ่าน..ไม่เคย อารมณ์เสีย.ไม่เคยว่าใคร..
เป็นมิตรกับทุกคน..ให้กำลังใจทุกคนเสมอ

ปรกติคนไร้เงา.. ยิ้มง่าย.การเข้าสังคมดีเยี่ยม..
เป็นคนหน้าผากกว้าง..หมายถึงเป็นคนฉลาด.ช่างคิด..ริมฝีปาก..บางเล็ก..
ไม่ช่างพูด..ดวงตา..เป็นคนจริงจังกับชีวิต.และจัดอยู่ใน ประเภทผู้หญิงช่างฝัน..
ผู้หญิงลืมยาก.จริงใจ.อีกหนึ่งคน

จึงขอบอกว่า..พ่อไก้แจ้ทั้งหลาย..มองผ่านหงส์ขาว ตัวนี้กันได้นะ..
ถ้าย้อนหลังกลับไป สักหลายสิบปี..เราจะไม่มองข้ามอย่างแน่นอน..
ว่าแล้วเราจะคอยเชียร์นะ..จะแถมข้าวสาร..เอ..ไม่ใช่..
จะให้รางวัล ถ้าใครพิชิตใจหงส์ขาวตัวนี้ได้

เขียนให้อ่านแล้วมีรอยยิ้ม..เพื่อความบันเทิง.
ขออภัย..คนแถวอุบลด้วย..แล้วผมจะได้แจกรางวัลหรือยัง				
7 ธันวาคม 2547 13:42 น.

ฟ้ากับคน

ผู้เฒ่า

มองท้องฟ้า เวิ้งว้าง ที่กว้างขาว
บอกเรื่องราว หม่นหมอง ยามมองเห็น
ความว่างเปล่า ยลเยือน เหมือนลำเค็ญ
ทุกข์ซ่อนเร้น คลุมครอง ท้องนภา

ฟ้าสีโศก แสนเศร้า เพื่อนเหงาหรือ
ใครยึดยื้อ ความเศร้า คลุมเข้าหา
สหายเอ๋ย เจ็บจินต์ รินน้ำตา
กี่เพลา  ใจชื่น จะคืนชม

ผ่านหน้าหนาว เข้าสู่ ฤดูร้อน
ลำดับย้อน อกสะอื้น เราขื่นขม
ฟ้าเจ้าเอ๋ย แล้งนัก คงจักตรม
มีแต่ลม พัดพรั่ง คล้ายดั่งเงา

ผ่านหน้าร้อน เข้าสู่ ฤดูฝน
น้ำตาคน หล่นร่วง ลงบ่วงเขลา
ฟ้าเจ้าเอ๋ย มิต่าง ระหว่างเรา
น้ำตาเคล้า เคียงคู่ มิรู้คลาย

ผ่านหน้าฝน เข้าสู่ ฤดูหนาว
รอยรักร้าว ขาดใย ใจสลาย
ฟ้าเจ้าเอ๋ย ฤดูลับ เพียงกลับกลาย
แต่คนหาย สิ้นหวัง ทุกครั้งครา

เหม่อมองฟ้า คราช้ำ เห็นน้ำใส
เอ่อท่วมใจ สิ้นสาย เสน่หา
ความชุ่มชื้น ข้างแก้ม อุ่นแซมมา
คือน้ำตา สองสาย จากชายโทรม

ยามทิวา ฟ้ามี สุรีย์ฉาน
รัตติกาล แจ่มแจ้ง มีแสงโสม
คนหนักโลก เศร้าสุม มารุมโลม
เศษเสี้ยวโคม ส่องสว่าง ยังห่างไกล@

ลงสองเรื่อง ยังมิได้ ขัดเกลาให้ดีนัก..เวลาจำกัด..
เดี๋ยวต้องแบกไม้มะยม ไปเยี่ยม..ย้อนหลังกันก่อน				
7 ธันวาคม 2547 13:40 น.

แม่ศรีเรือน..

ผู้เฒ่า

เสียงเขาสั่ง ดังมา ก้มหนัารับ
เร่งขยับ เก็บของ แล้วร้อง..จ๋า
ถูบ้านเสร็จ พับผ้าแล้ว นะแก้วตา
จะรีบมา ทำกับข้าว ให้เจ้ากิน

ใช่เกรงขาม ความรัก รู้จักผ่อน
จะกิน-นอน  ใช้ศาสตร์ อย่าขาดศิลป์
อยู่ร่วมกัน หรรษา เป็นอาจินต์
สั่งเสียงสิ้น  เสแสร้ง แสดงตาม 

สั่งเพียงคำ ทำแกง เขียวหวานไก่
พี่เกรงใจ วาจา มิกล้าถาม
ไข้หวัดนก เออ.นะ ยังตะกลาม..เออ.นะ  ควรเลี่ยง.คำแทนมีหลายคำ..
แม้ครั่นคร้าม แย้งพธู กลัวหูยาน

ไปตลาด จับจ้อง ซื้อของสด
ผักทั้งหมด สดตลอด ต้องปลอดสาร
เลือกเนื้อไก่ เจ้าประจำ อย่างชำนาญ
แล้วซมซาน หิ้วเคลื่อน กลับเรือนเรา 

ทั้งมะพร้าว เครื่องปรุง พะรุงพะรัง
ก็แค่หวัง ถูกใจ งามเฉลา
ถึงเรือนย่อง ใช้เสียง เพียงเบาเบา
รบกวนเขา หวาดเสียว ประเดี๋ยวซวย

โถแม่คุณ นอนสบาย น้ำลายยืด
เสียงกรน.ครืด โฉมตรู ยังดูสวย
ย่องเข้าครัว ยิ้มขำ ท่าสำรวย
เขามิช่วย ก็ไม่ลุ้น จะจุนเจือ .ลุ้น..คำใหม่ควรเลี่ยง

คั้นกะทิ แยกแยะ หัวและหาง
เอาไก่ล้าง เลาะกระดูก อย่าให้เหลือ
ค่อยค่อยแล่ แช่น้ำส้ม ผสมเกลือ
แกงแล้วเนื้อ นุ่มขาว สิ้นคาวคลอ

หยิบครก.วาง คว้าสาก ลำบากแล้ว
เสียงจะแว่ว กวนใจ เจ้าไหมหนอ
เอาผ้ารอง ครกตั้ง มิรั้งรอ
ตอนตำขอ  หลบละ อันตราย

ลูกผักชี คั่วไฟอ่อน ตำก่อนหน้า
ลูกยี่หรา ตะไคร้ตำ ละเอียดหาย
ผิวมะกรูด  กะปิ-ข่า ตำสบาย
สูตรที่หมาย หนึ่งช้อนโต๊ะ โปะตำเทียว

หอมห้าหัว กระเทียมสอง ครรลองรู้
พริกขี้หนู ดูความเผ็ด เม็ดสีเขียว
รากผักชี สองช้อนโต๊ะ อย่าลืมเชียว 
อ้อ ประเดี๋ยว พริกไทย.ลืมไปเรา

สักสิบเม็ด เสร็จผสม งมกระหน่ำ   
ตำตำตำ นึกแต่ ใบหน้าเขา
เสียงออกดัง เนื้อเย็น ไม่เห็นเงา
ถ้าโดนเผา จะฟื้น ตื่นไหมเธอ

คงเพราะกรรม ทำไว้ แต่ปางก่อน
เอาแต่นอน บังอร นอนเสมอคำซ้ำ.นึกถึงเพลงของอัสนี-วสันต์..ควรเลี่ยง..
บุญหรือกรรม บรรจบ ให้พบเจอ
แต่ก็เผลอ รักและยอม ถนอมใจ

ตำน้ำพริก ได้ที่ พอดีแล้ว
นึกถึงแนว ปรุงแกง แสดงไหว
หัวกะทิ แบ่งกึ่ง เอาตั้งไฟ
แล้วเคี่ยวให้ แตกมัน  เป็นขั้นตอน

เอาน้ำพริก ลงผัด กลิ่นจัดฉุน
ปลุกแม่คุณ เดินเซ เร่มาสอน
ท้าวสะเอว ยุ่งยาก แม่ปากบอน
ต้องวิงวอน เสียงระห้อย แม่ถอยไป

น้ำตาลปิ๊บ หนึ่งช้อน ควรอ่อนหวาน
แค่ประมาณ หวานปะแล่ม แหลมมิไหว
ใบมะกรูด น้ำปลา ปรุงตามใจ
แล้วเอาไก่ ลงผัด จงหัดจำ

หางกะทิ คั้นแบ่ง แจงไว้เผื่อ
พร้อมมะเขือ ใส่ตาม นะงามขำ
ฝาปิดไว้ กันมะเขือ เนื้อจะดำ
พอเดือดซ้ำ ได้ที่แล้ว นะแก้วตา

หัวกะทิ อีกกึ่ง พึงต้องใส่
ราดหน้าไป โรยอีกที พริกชี้ฟ้า
แล้วอย่าลืม ต้องใส่ ใบโหระพา
ตามตำรา เชิญยุพิน กินแล้วนอน

สอนหูซ้าย ทะลุ ออกหูขวา
เหนื่อยระอา แม่ศรีเรือน เกลื่อนคำสอน
นึกข้างใน ใจสยบ พบบังอร
ขืนยอกย้อน ออกเสียง คงเสี่ยงตาย..@

วันนี้ได้ออกไปส่ง ซี.ดี.ให้กับทุกท่าน  ที่แจ้งที่อยู่มาแล้ว..
ถ้าหลายวัน มิได้รับ กรุณา แจ้งให้ทราบด้วย..

สำหรับท่านที่ต้องการตอบแทนน้ำใจ..ขอเรียนไว้ว่า..
ซาบซึ้งในน้ำใจที่มอบให้กัน..และจะเก็บความรู้สึกนั้น..
ดำรงเป็นมิตรภาพที่บริสุทธิ์ ตลอดไป

เป็นบทกลอนดีๆ ความฝันที่สวยงาม เมื่อได้อ่าน..ผมก็มีความสุขแล้ว
และขอรับไว้เพียงเท่านั้นขอบคุณอีกครั้งครับ

สำหรับการศึกษาเพิ่มเติม..ลองไปที่.www.thaipoet.org/
สวัสดีครับ..ขอให้ทุกท่านมีความสุข..				
28 พฤศจิกายน 2547 18:07 น.

*.อยากฟังซ้ำ.*

ผู้เฒ่า

อยากฟังซ้ำ.คำหวาน..เมื่อกาลก่อน
อยากจะย้อน เวลารัก..อีกสักหน
อยากเคล้าคู่ แนบครอง..เพียงสองคน
อยากยินยล คน-คำ..เคยจำลา

ลมหายใจ หอมกรุ่น ยังอุ่นอยู่
คำข้างหู ยังแว่ว..กังวานหา 
ไออุ่นแนบ แสนหวาน เคยผ่านมา
ยังตรึงตรา ติดตัว..อยู่ชั่วกาล

ริมฝีปาก ยามแย้ม.แต่งแต้มยิ้ม
รสแรกลิ้ม จุมพิต..แฝงฤทธิ์หวาน
รอยสัมผัส ขาดแคลน .มาแสนนาน
เหลือสุสาน ภาพวิจิตร..นิจนิรันดร์

อ้อมกอดร้าง ห่างเขา..ลับเงาหาย
รักมิคลาย จืดจาง..แม้ต่างฝัน
ภาพอดีต ณ.วันที่..เคยมีกัน
ยังคงมั่น หวนหา..ทุกนาที

อยากฟังซ้ำ ภาษา..คำว่า.รัก
ใจโง่นัก รักจบ..มิหลบหนี
ดุจสายแส้ วนเวียน..เข้าเฆี่ยนตี
สุขฤดี  เจ็บพิกล..ก็ทนไป.

ขอคำรัก ลวงล่อ..มาต่อฝัน
ช่วยหลอกกัน อีกหน่อย..ซ้ำรอยไหว
ฉันทนเจ็บ ชินชา..รักษาใจ
ยังทนได้..อยากฟังซ้ำ..ถ้อยคำเธอ@				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟผู้เฒ่า
Lovings  ผู้เฒ่า เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟผู้เฒ่า
Lovings  ผู้เฒ่า เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟผู้เฒ่า
Lovings  ผู้เฒ่า เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงผู้เฒ่า