14 เมษายน 2550 23:46 น.

(จะ) พาหัวใจกลับบ้าน

ยังเยาว์


(จะ) พาหัวใจกลับบ้าน

อา ไม้แบดฯ นะอา น้ำเสียงออดอ้อนน้อยๆ ของเจ้าหลานชายยังย้ำเรื่องของฝากอยู่แทบทุกครั้งที่โทรศัพท์กลับบ้าน
จ้าๆ แล้วอาซื้อไปให้ แล้วฉันก็ตอบไปอย่างนี้ทุกที

ถ้าจำไม่ผิดฉันกลับบ้านแล้วตั้ง 2 ครั้ง ตั้งแต่นายตะวันลูกชายคนเล็กของพี่ชาย (ลูกผู้พี่ฝ่ายแม่) คนโต บ่นอยากได้ไม้แบดฯ 
และทุกครั้งของที่เจ้าตะวันอยากได้นักหนาก็ยังไม่ถึงมือสักที
หลานไม่บ่นนะ แต่มานั่งเฝ้าที่บ้าน จ้องเอาเป็นเอาตาย เหมือนจะตอกย้ำว่า อา ไหนไม้แบดฯ

ฉันกลับบ้านครั้งแรกเมื่อกลางเดือนมีนาฯ ปีที่แล้ว ตอนนั้นก็ฉุกละหุกพอสมควร 
รีบไปรีบกลับ เพราะต้องกลับมาเรียนเตรียมที่มหาวิทยาลัย
คราวนั้นกลับบ้าน 3 วัน เต็ม นอนเสียวันหนี่ง 
แบกเป้ไปใบเดียวได้เสื้อผ้าไปไม่กี่ชุด มีชุดสวยไปฝากหลานสาวเท่านั้น 

ที่หมู่บ้านดูแปลกหูแปลกตาไปมาก จากที่มีกันอยู่ราว 26 หลังคาเรือนเมื่อฉันจากบ้าน
ตอนนี้มีเพื่อนบ้านใหม่จากหมู่บ้านอื่นมาปลูกบ้านหลายหลัง
มีร้านค้าใหม่ 1 แห่ง เป็นของน้าสะใภ้นี่เอง
แล้วยังมีกองทุนขายสินค้าในหมู่บ้านใหม่ด้วย 

ที่ยังไม่เปลี่ยนคือถนนหน้าบ้าน ยังเป็นช่วงเดียวในหมู่บ้านที่เป็นถนนลูกรัง
(นอกนั้นเป็นถนนคอนกรีต)
ถนนเส้นนี้ยาวไม่เกิน 500 เมตร น่าแปลกใจที่งบ อบต. มาไม่ถึงเสียที
แต่หมู่บ้านใหญ่ๆ กลับสร้างถนนกันได้ทั้งปี
แต่นึกอีกที อยากให้ถนนสายนี้กลับไปเป็นถนนทรายต่างสนามเด็กเล่นของฉันกับเพื่อนอย่างเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วมากกว่า

ฉันใช้เวลาสองวันที่เหลือกับการทำความสะอาดบ้านชั้นบน
พ่อแม่นอนห้องข้างล่าง จึงไม่ค่อยได้ขึ้นไปใช้สอย ปัดกวาดชั้นบนบ่อยนัก
ทำความรู้จักกับหมาตัวใหม่ (ชื่อว่าเจ้ากะปุ๊กลุก) เล่นกับหลานๆ อยู่กับครอบครัว
ได้ทำอาหารให้พ่อแม่กิน นี่แหล่ะ บ้านล่ะ

หลังจากนั้นอีกเดือนกว่าๆ ก็มีเหตุให้ต้องกลับบ้านอีกครั้ง
เพื่อไปทำธุระเรื่องสัญญาที่สำนักเขตพื้นที่การศึกษาที่จังหวัด
ครั้งนั้นพี่สาวกลับมาเยี่ยมบ้านด้วย จึงได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา
3 วัน ของครั้งนี้ ไปธุระกับพ่อแม่ 1 วัน
ไปอุบลฯ กับพี่สาว 1 วัน
แล้วก็ใช้เวลากับหลานๆ เสียวันหนึ่ง

แต่ที่น่าเจ็บใจตัวเอง
...ไม่ได้ไม้แบดฯ ไปฝากเจ้าตะวันอีกแล้ว...

เมื่อไม่นานมานี้โทรกลับบ้าน
แม่บอกว่าเจ้าหลานชาย สายัณห์ และ ตะวัน แวะไปขอไม้แบดเก่าของฉันที่บ้านมาเล่น
โถ หลานฉัน....
ก็จะอะไรเสียล่ะ ไม้แบดคู่นั้นมันสุดเก่า สุดเยิน ตาข่ายก็ขาดไปแล้วบางส่วน
แถมแม่ยังบอกอีกว่าลูกขนไก่ก็เยินไม่แพ้กัน
ปีกหลุดใกล้หมด...!
แต่หลานชายยังไม่เดือดร้อน คล้ายว่า...ถ้าอาไม่ซื้อมาคราวนี้ก็จะใช้ไอ้เยินนี่แหล่ะต่อไป...

เอ...ประชดเราเปล่าหว่า

น่าแปลกที่ตอนนี้ความรู้สึกคิดถึงบ้านมันดูเหมือนจะลดลง
กลับติดบ้าน (ห้องเช่า) ที่อยู่ตอนนี้เสียมากกว่า	
ไปไหนมาไหนไม่ได้นาน กังวล ห่วงห้อง อยากกลับมานอนที่ห้อง
สิ่งที่ปฎิเสธไม่ได้คือแม้คิดว่าไม่คร่ำครวญอยากกลับบ้านเกิดมากนัก
แต่จริงๆ แล้ว กลับโหยหา ที่จะกลับไป

นี่ก็เกือบปีแล้วที่ไม่ได้กลับบ้าน
ช่วงสงกรานต์คนกลับบ้านกับเยอะมาก เห็นหอบหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้า ของฝาก
ชาวชนบทที่ทิ้งไร่นามาทำงานในทุ่งคอนกรีต
น้อยนักจะได้กลับไปเยี่ยมเยียนครอบครัว เห็นแล้วจึงน่าชื่นใจ
นึกถึงหนังสือชื่อ ถ้ามันเหนื่อยเกินไป...ก็พาหัวใจกลับบ้าน
อดนึกอยากกลับบ้าน (บ้าง) ไม่ได้
ตอนนี้ที่หมู่บ้านดูเงียบเหงาไปถนัดตา
ฉันก็มีแผนการกลับบ้านกับเขาเหมือนกัน
หลังสงกรานต์ ปลายๆ เมษาฯ รถราคงไม่แน่นเท่าไหร่
จะได้หอบใจกลับบ้านเสียที 

ไม่รู้ว่ากลับไปทำไม
ค่ารถกลับบ้านทีก็เฉียดพัน
กลับไปนั่งๆ นอนๆ ไม่ได้ทำอะไร

แต่แปลกนะ
ฉันกลับไม่อยากหาเหตุผลว่ากลับไปทำไม
ไม่ได้กังวลเรื่องค่ารถมากนัก ขอให้ได้กลับ
ก็กลับไปนั่งๆ นอนๆ น่ะสิ จะทำไม

กลับบ้านมีอะไรมากกว่าเหตุผล และข้ออ้างอีกมากมาย

บ้านที่ไม่ใช่แค่บ้านแต่คือครอบครัว
มีพ่อ แม่ พี่สาว หมาน้อย และหลานๆ 

Its not just a house but its home.

และที่แน่ๆ คราวนี้ได้ไม้แบดฯ ไปฝากเจ้าตะวันแน่นอน
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟยังเยาว์
Lovings  ยังเยาว์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟยังเยาว์
Lovings  ยังเยาว์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟยังเยาว์
Lovings  ยังเยาว์ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงยังเยาว์