เรื่องตลกของผม

ราม ลิขิต

น้ำเสียงฟังดูเหมือนตกนรก ทำไมน่ะหรือ ก็เพราะพอค่อยๆลึกเข้าสู่ใจกลางฤดู อะไรหวานๆที่เคยได้สัมผัสมันกลับสูญหายไปเสียสิ้น อากาศที่เคยเบาสบายเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือกชวนตะครั่นตะครอ ฝอยฝนกลายเป็นฝนฝ้าข้นคลั่ก ลมอ่อนชวนเริงรื่นก็มาเป็นรุนแรงชวนทะเลาะ อย่างนี้ใครไม่บ่นก็บ้าแล้ว
         วันนี้นับเป็นวันที่สามของการลงพื้นที่ของผม รู้สึกไม่ค่อยจะสู้ดีนัก หนาวๆร้อนๆวูบวาบและคัดจมูก อาจเพราะต้องลุยฟ้าลุยฝนติดต่อกันมาหลายวัน 
         สักพักก็คงดี 
         ผมคิดในใจ ก่อนโยนยาแก้ไข้เข้าปาก
         ฝนชุกๆอย่างนี้ไม่สนุกเลย กับการที่ต้องไปเดินท่อมๆตามบ้านชาวบ้าน แต่อย่างว่าล่ะครับ รักแล้วที่จะเป็นข้าราชการ เลี้ยงตัวตนอาตมาให้รอดปากเหยี่ยวปากกาด้วยเงินภาษีอากรของประชาชน ห้ามบ่นโดยเด็ดขาด
         เรื่องของเรื่องมันเริ่มต้นขึ้นในวันหนึ่ง เมื่อจังหวัดมีวิทยุด่วนแจ้งรายชื่อผู้ป่วยด้วยโรคไข้เลือดออก มายังสำนักงานสาธารณสุขอำเภอที่ผมทำงานอยู่ ซึ่งตามปกติการแจ้งเพื่อให้มีการติดตามควบคุมโรคเป็นเรื่องธรรมดา แต่คราวนี้มันไม่ธรรมดาเพราะโรคดังกล่าวเป็นโรคที่จังหวัดถือเป็นนโยบายเน้นหนักที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ แม้จะเกิดขึ้นเพียงรายเดียวก็ตาม จำนวนตามวิทยุฟังแล้วผมลมจะใส่ เพราะมันมีถึงหกราย ทั้งสิ้นเกิดในหมู่บ้านเดียวกัน 
         หัวหน้าผมหน้าแดงก่ำ หลังจากผมจดรายละเอียดไปให้ 
         เฮ้อ-ถูกด่าตอนประชุมสิ้นเดือนแหงเลย แกบ่น ก่อนหันมาสั่งผม เรียกคุณสมอเข้ามาพบผมหน่อยคุณก็อยู่ด้วยนะ
         ผมเอี้ยวตัวยื่นหน้าออกจากห้องพลางตะโกนเรียก
         สอมอออหัวหน้าเรียก
         หนุ่มร่างสูงโย่งผู้รับผิดชอบงานควบคุมป้องกันโรค เดินเงียบเข้ามานั่งข้างผม
         สมอ รู้เรื่องไข้เลือดออกแล้วใช่ไหม 
         ท่านสาธารณสุขอำเภอถาม หนุ่มโย่งผงกศีรษะตอบ 
         มันโผล่พรวดเดียวหกรายอย่างนี้ ผมอยากรู้ว่าการหยอดทรายอะเบทเป็นไปตามแผนหรือเปล่า
         เป็นไปตามแผนครับ รอบแรกเราให้สถานีอนามัยทุกแห่งรณรงค์บ้าน วัด โรงเรียนและสถานบริการพร้อมกันทั้งอำเภอในเดือนเมษายน ซึ่งตามรายงานได้ทำครบร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ
         อ้าว-แล้วไอ้หกรายนี่มาจากไหน อะเบทมันอยู่ได้สามเดือน หยอดเมษา จะไปเสื่อมเอาก็มิถุนานี่กลางพฤษภาเอง
         หนุ่มโย่งเกาศีรษะแกรก
         ง่า-ไม่ทราบครับตามรายงานมันทำครบนี่ครับ
         แล้วคุณล่ะในฐานนะนักวิชาการมีความเห็นว่าไง 
         หัวหน้าหน้ายุ่งหันมาทางผม
         เป็นไปได้ทางเดียวครับ รณรงค์บนหน้ากระดาษ ผมกลั้นใจพูด ความจริงผมเคยเสนอไปครั้งหนึ่งแล้วว่า เราควรเลิกฟังรายงานปกติ ควรลงไปสุ่มตัวอย่างประเมินผลจริงในพื้นที่ ซึ่งมีโอกาสซ่อมจุดบกพร่องได้ทัน
         คุณเคยเสนอตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมจำไม่ได้
         ก่อนรณรงค์เดือนเมษาครับ แต่หัวหน้าให้เอาตามวิธีการของจังหวัด
         โอเค-ผมนึกออกแล้ว ไม่เป็นไรรอบสองเอาตามคุณว่า สถานการณ์ของอำเภอเราตามเอกสารที่คุณสรุป เฉพาะครึ่งเดือนนี้มีไข้เลือดออกเกิดขึ้นสิบหมู่บ้าน หมู่บ้านละหนึ่งราย แนวโน้มระบาดแน่ อย่างนี้มันต้องมียุงตัวแก่เกิดขึ้นแล้ว ผมจะให้ทุกสถานีอนามัยรณรงค์ใหม่ ให้คุณสมอไปกำหนดวันประชุม ได้วันแล้วแจ้งผมทราบ แจ้งให้เจ้าหน้าที่เฝ้าสถานีอนามัยแห่งละหนึ่งคน นอกนั้นให้เข้าประชุมทั้งหมด แล้วประสานไปยังชมรมอาสาสมัครสาธารณสุข ทำหนังสือเชิญคณะกรรมการชมรมให้เข้าร่วมประชุมด้วย ในส่วนของผู้ป่วยใหม่หกรายที่จังหวัดแจ้ง ให้นักวิชาการในฐานะเจ้าหน้าที่ระบาดวิทยาประจำอำเภอ จัดทีมควบคุมโรคออกสอบสวนและควบคุมให้สงบด่วนที่สุด รายงานให้ผมทราบทุกวัน 
         นั่นล่ะครับคือที่มาของการเดินกรำฝนของผม
         ทีมมีอยู่สี่คน เราแบ่งหน้าที่กันว่าผมจะเป็นผู้สอบสวนชี้เป้า ให้อีกคนเป็นคนตรวจนับลูกน้ำ ภาชนะขังน้ำและการหยอดทรายอะเบท สองคนที่เหลือดำเนินการด้านพ่นหมอกควัน
         หมู่บ้านที่ผมเข้าไปปฏิบัติงานอยู่ในเขตเทศบาล มีลักษณะกึ่งชนบทกึ่งเมือง ถึงแม้จะมีบ้านนับร้อยหลังคาเรือน แต่การค้นหาตัวผู้ป่วยก็ไม่ยุ่งยากอะไร แจ้งรายชื่อไปยังสถานีอนามัยเจ้าของพื้นที่ พริบตาเดียวก็ทราบแล้ว ว่ากันว่าในการระบุบ้านของใครสักคน เจ้าหน้าที่สถานีอนามัยจะมีความแม่นยำพอๆกับบุรุษไปรษณีย์ทีเดียว เนื่องจากมีสถานที่ทำงานตั้งอยู่ในหมู่บ้านตำบล ทั้งลักษณะการปฏิบัติงานก็บังคับให้ต้องคลุกคลีกับชาวบ้านมีการขึ้นทะเบียนดูแลกันตั้งแต่เกิดจนตาย
         สองวันที่ผ่านมาเราได้ข้อมูลมากทีเดียว ผู้ป่วยทั้งหกรายเป็นเด็ก อายุระหว่างสิบถึงสิบสี่ปี พักอาศัยอยู่ในห้องแถวละแวกเดียวกัน เริ่มป่วยในช่วงเวลาไล่เรี่ยกัน จากการตรวจสอบภาชนะขังน้ำละแวกนั้น พบลูกน้ำยั้วเยี้ยอยู่ในภาชนะทุกชิ้น โอ่งทุกใบไม่ว่าจะในบ้านนอกบ้านเจ้าลูกน้ำตัวร้ายพากันดำผุดดำว่ายอย่างสบายใจเฉิบ นี่ยังไม่รวมภาชนะแตกหักเสียหายอื่นที่ขังน้ำได้รอบบ้านอีกนะครับ
         ผมถามจริงๆเถอะ คุณรณรงค์จริงหรือเปล่า 
         ผมหันไปถามหัวหน้าสถานีอนามัย
         จริงครับ
         แล้วทำไมลูกน้ำมากมายอย่างนี้ ร้อยละร้อยของ ภาชนะขังน้ำเลยนะ บ้านแถบนี้ก็พบลูกน้ำทุกหลัง
         นั่นซิ-ผมเองก็งงอยู่เหมือนกัน เพราะในวันรณรงค์ผมก็กำชับแล้วกำชับอีกกับอาสาสมัครสาธารณสุขทุกคนที่เข้ามาช่วยว่า ต้องมอบทรายอะเบทให้เจ้าของบ้านนำไปหยอดโอ่งน้ำของตัวเอง
         อ้าว-คุณไม่ได้ให้เขาหยอดเลยหรอกหรือ
         คือถ้าหยอดได้ให้หยอดเลยถ้าไม่สะดวกก็ให้ฝากไว้
         ผมถอนหายใจออกมายาวเหยียด พอจะรู้สาเหตุที่มาของการเจ็บป่วยในครั้งนี้แล้ว ก็คงจะไม่ไปโทษใครหรอกครับ เพราะในการปฏิบัติงานด้านการแพทย์และสาธารณสุข เรามักพบความจริงว่า ส่วนที่มีความสำคัญมากจะถูกให้ความสำคัญน้อย ส่วนที่มีความสำคัญน้อยจะถูกให้ความสำคัญมาก อธิบายได้ว่า ในคนปกติหนึ่งคน ถ้าใส่ใจในด้านการสาธารณสุขดีพอ ก็ยากที่เขาจะล้มหมอนนอนเสื่อ แต่ไอ้การสาธารณสุขที่ว่ามันทำยากเหมือนเข็นครกขึ้นภูเขา เช่น คนเขาอยู่ดีๆจะให้เขาไปออกกำลังกาย บอกว่าสุขภาพจะได้แข็งแรงไม่เจ็บไม่ไข้ มันไกลตัวเหลือเกินครับ ไม่เหมือนป่วยแล้วไปหาหมอให้รักษาพยาบาล ถ้าไม่หายก็ตาย ซึ่งไอ้การหายกับการตายนี่แหละเป็นปมในใจของคน ที่จะให้คุณค่างานด้านการแพทย์มากกว่าการสาธารณสุขเสมอ 
         จากการพูดคุยกับตัวผู้ป่วยซึ่งเรียกกันว่าการสอบสวนโรค ทราบจากการคะเนระยะฟักตัวเฉลี่ยของไข้เลือดออกซึ่งประมาณว่าห้าวัน ผมพบว่าเด็กทุกคนเริ่มป่วยจากบ้านของตนเอง นั่นหมายความว่าบริเวณละแวกนี้คือแหล่งรังโรค
          ผมสันนิษฐานว่าชาวบ้านจะไม่ได้หยอดทรายอะเบท 
         ผมเอ่ยกับทีมงาน
         เราจะเอากันอย่างนี้นะ- มีจุดที่เราต้องบล๊อคอยู่สองจุด จุดแรกคือที่โรงเรียนที่เด็กทั้งหมดไปเรียน ยังดีที่ทุกคนเรียนที่เดียวกันและโรงเรียนก็อยู่แค่นี้เอง ม่ายงั้นคางเหลืองแน่ สำหรับที่โรงเรียน ผมขอให้ทางอนามัยเจ้าของพื้นที่รับไปดำเนินการประสานครู ให้ทำการตรวจสอบภาชนะขังน้ำ หยอดทราบอะเบทและพ่นหมอกควันฆ่าตัวแก่ โดยไม่คำนึงว่าจะทำมาก่อนแล้วหรือไม่ ให้ถือว่าอยู่ในภาวะอันตราย ไม่ทราบว่าจะมีข้อขัดข้องหรือไม่
         ไม่ขัดข้องครับ แต่ผมขอเบิกทราบอะเบทที่ต้องนำไปใช้ด้วย
         ไม่มีสต๊อคไว้เลยเหรอ อำเภอเองก็มีจำกัด
         หมดเกลี้ยงเมื่อรณรงค์รอบแรก
         ได้..แต่ไงก็ขอร้องว่าห้ามฝากอีกนะ ให้นักเรียนหยอดเลย สำหรับละแวกบ้านผู้ป่วยผมขอให้ปฏิบัติตามทฤษฎี ซึ่งเราทราบกันดีว่าลูกน้ำจะกลายเป็นยุงใช้เวลาประมาณสามวัน และยุงตัวแก่จะบินได้ไกลเต็มที่ประมาณหนึ่งร้อยเมตร ปกติเราจะต้องหยอดทรายอะเบทล่วงหน้าสามวันแล้วค่อยพ่นยา แต่คราวนี้เราจะหยอดไปเลย แต่จะพ่นยาสองครั้ง ครั้งแรกคือวันนี้เพื่อฆ่ายุงตัวแก่ที่มีอยู่แล้ว ครั้งที่สองอีกสามวันนับจากวันหยอดทรายอะเบท เพื่อฆ่าตัวแก่อีกรุ่นหนึ่งที่จะเกิดใหม่ตามมา ที่ต้องทำอย่างนี้ก็เพราะตัวโม่งที่พร้อมจะกลายเป็นยุง อะเบทเอาไม่อยู่ ซึ่งผมคาดว่าขณะนี้ตัวโม่งจะมีอยู่เยอะ ขอบเขตการปฏิบัติงาน ยึดตามวิถีการบินของยุงเป็นหลัก นั่นคือบ้านทุกหลังในรัศมีหนึ่งร้อยเมตรจากบ้านผู้ป่วยเราจะดำเนินการทั้งหมด สำหรับการให้สุขศึกษาผมประสานทางโรงพยาบาลชุมชนไปแล้ว เดี๋ยวคงมา ไม่ทราบว่าพวกเรามีข้อสงสัย จะซักถามอะไรหรือไม่ เชิญเลยนะครับ โอเค-ไม่มี งั้นเราก็ลงมือกันได้
 
         ฟ้ายังคงฉ่ำฝน ผมจามฮัดเช้ยสี่ห้าครั้งติดต่อกัน ก่อนกระชับปกเสื้อแนบลำคอตามสัญชาตญาน ด้วยรู้สึกว่ากำลังถูกคุกคามจากอาการผ่าวร้อนของไข้
         พี่ชักจะไม่ไหวแล้วว่ะ ผมหันไปบอกเพื่อนร่วมงาน ตากฝนเข้าสามวันนี่แล้ว สงสัยไข้หวัดจะเล่นงาน
         ไม่ไหวก็พักเถอะครับ เดี๋ยวผมจัดการต่อเอง ไอ้น้องคนนั้นว่า ก่อนหันไปสตาร์ทเครื่องพ่นหมอกควันเสียงดังหนวกหู 
         เออ งั้นพี่ขอพักเดี๋ยว มีปัญหาอะไรเรียกไปที่รถนะ 
         ผมหมายถึงรถราชการที่ปุเลงกันมาแต่เมื่อเช้า ตอนนี้จอดอยู่หน้าห้องแถวบ้านผู้ป่วย 
         ผมกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเบาะนั่งตอนหน้าของรถ ดูสายฝนที่โปรยปรายลงมาอยู่พักใหญ่ รู้สึกหนาวจนแทบจะสั่น จมูกสองข้างมีอาการตันจนต้องหายใจทางปาก ปวดศรีษะและกระบอกตามาก
         ไม่ไหวแล้วโว๊ย 
         ผมครางอยู่ในใจ ก่อนจะเอื้อมมือปลดวิทยุมือถือ ที่เหน็บเข็มขัดขึ้นมา กรอกเสียงเครือๆลงไป
         ควบคุมสองจากควบคุมหนึ่ง
         วอสอง มีอะไรครับพี่
         ดูท่าพี่จะแย่ซะแล้ว จับไข้เต็มตัวแล้วว่ะ ขับรถพาพี่ไปโรงพยาบาลที
         วอสองวอแปด งั้นรอเดี๋ยวครับฝากงานให้พรรคพวกก่อน
         ขอบใจมากหกสิบหนึ่ง
         นับแต่สายของวันนั้นจนถึงวันนี้ สิริรวมสามวันเข้าไปแล้วที่ผมยังไม่ได้กลับบ้านกลับช่อง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลท่านสั่งให้พักรักษา อยู่ในตึกผู้ป่วยในจนกว่าจะหาย
         หัวหน้าของผมมาเยี่ยมในเช้าของวันหนึ่ง หลังจากที่ได้พูดคุยกัน ผมก็แทบจะเอาปี๊บคลุมหัว ด้วยความอายจนแทบแทรกแผ่นดิน
         เป็นไงค่อยยังชั่วบ้างหรือยัง
         ดีขึ้นมากแล้วครับ
         หมอวินิจฉัยว่าเป็นอะไรรู้ไหม
         ถามน้องพยาบาลเมื่อวาน ว่าเป็นไข้หวัดกับทอนซิลอักเสบครับ
         อือม์-แต่วันนี้หมอเขาแถมให้คุณอีกโรคนะ
         โรคอะไรครับ
         ไข้เลือดออกน่ะซี ตอนนี้รายงานจังหวัดไปแล้ว นี่ผมให้คุณสมอไปดูที่บ้านพักคุณ เจอลูกน้ำเพียบเลยว่ะทั้งในบ้านนอกบ้าน ก็เลยให้หยอดอะเบทกับพ่นยาจนเรียบร้อย ส่วนที่ระบาดในหมู่บ้านตอนนี้ไม่มีเจเนอเรชั่นต่อไป ก็ถือว่าโรคสงบ
         เรื่องตลกของผม หัวเราะไม่ออกจริงๆ/.				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน