เมื่ออดีตไล่ต้อนผม #1

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

เมื่ออดีตไล่ต้อนผม
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ผมไม่ได้ล้อเลียนคุณฮวน เอนริเกซ์ ( JUAN ENRIQUEZ ) คนเขียน เมื่ออนาคตไล่ล่าคุณ ( AS THE FUTURE CATCHES YOU ) ดอกครับ เพราะอย่างไรผมก็หนีอนาคตไม่พ้น แต่ที่หนักกว่าสำหรับผมคือต้องหนีอดีตด้วย อดีตตามล่าผมอยู่ทุกเวลานาที
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ผมเขียนความร้อยไว้ตอนหนึ่ง
(คุณจะข้ามข้อความตอนนี้ไปเลยก็ได้ครับ)
เพื่อนไปไกลเสียแล้วล่ะแก้วเอ๋ย
อย่าถามถึงเขาเลยจะได้ไหม
เพราะเอ่ยชื่อของเขามาคราวใด
ก็ปวดใจเต็มขีดเหมือนมีดแทง
อาจจะจริงเหตุข่วนใจไม่ใช่เขา
เป็นคนก่อต่อเราในหลายแหล่ง
เพื่อนของเขาไม่ใช่เขาทำเราแรง
วันนี้แผลแลดูแห้งหากแทงใจ
เธอจำได้ใช่ไหมเล่าในคราวก่อน
เขาเอาแก้วสามก้อนก้อนใหญ่ใหญ่
มาแลกกับเศษดินหินเหล็กไฟ
บอกเอาไปทำเป็นของเป็นทองเค
เราเอาหินเหล็กไฟให้เพื่อนเขา
ใจของเราไร้เหลี่ยมกลลืมสนเท่ห์
หินของเราห่างมือเราเขากลับเก
ทับเราเป๋อ่อนเปลี้ยหวิดเสียคน
ได้ข้าวเราบอกจะเอาไปปรับพันธุ์
ของเดิมมันปลูกไปจะไร้ผล
ข้าวพันธุ์เก่าเราปล่อยปั๊บก็อับจน
กลายเป็นคนหงอยหงอปีต่อปี
พันธุ์ใหม่มันฉกาจสร้างทาสใหม่
ผลผลิตต่อไร่สูงเต็มที่
แต่ขอโทษต้นทุนคุณก็มี
ราคาดีอยู่กี่ฝนก็ป่นลง
พันธุ์ของคุณเหนือชั้นแพงบรรลัย
พันธุ์ของผมพันธุ์ไพร่คุณไม่ส่ง-
เสริมก็เสริมไปงั้นงั้นพากันปลง
นั่นความจริงมันแจ้งตรงกลางจอตา
เอาเข้าซีดีเอ็นเอโมดิฟายด์
ค่าความรู้มันมากมายใครเห็นค่า
คุณนั่นแหละเห็นหลังไหล่ใครทำนา
แต่เพื่อนคุณเป็นคนฆ่าคนแทนคุณ
ความก้าวหน้าทุกแถวช่องเป็นของดี
ไม่แอนตี้เพราะเราต่ำเดินย่ำฝุ่น
แต่โนว์ฮาวเปลี่ยนมือไปไกลมือบุญ
ถึงมือบาปผมและคุณหรือต่างตอ
อ้าปาก พูดมากไปทำไมมี
ก็เห็นไหมเพื่อนพี่ ผีหัวหมอ
มันมักได้ ถ่ายเดียวได้ ไม่เคยพอ
กรรมเวรก่อกลับตกไหม้ใครอื่นแทน
พูดอย่างตรงที่สุด -ไม่ไว้ใจ !
คุณตัดต่อเอาเล่ห์ใส่ได้เป็นแสน
ใครจะรู้กับคุณได้ ใช่ไหมแฟน
คิดแล้วแสนหวั่นหวาดปนขลาดกลัว
ทิ้งช่องว่างเปิดทางไว้ให้ทางเขา
เลือกทางเอาอย่าเหมาชี้แล้วตีหัว
ไม่ทำตามเท่าขี้เล็บก็เจ็บตัว
คนไม่ใช่ควายงัว -มีหัวใจ
ตราบที่ตัวยังต้องพึ่งแต่คนอื่น
จะยิ้มรื่นเต็มที่ได้ที่ไหน
พึ่งตนได้จึงยิ้มได้สบายใจ
อยากเป็นไทหรือเป็นทาสประกาศเอง .
(คัดจากเวบบอร์ดของปพส.)
              สิ่งที่ผมเขียนเป็นส่วนหนึ่งที่ผมคิด เวลานี้ผมกำลังหนีให้ไกลจากสิ่งที่ผมเคยคิดอย่างสุดชีวิต แต่มันเหมือนเงาตามตัวที่แม้ก้าวเร็วเท่าใดมันก็ก้าวตามไวเท่านั้น
ทำไมผมต้องหนี ?
ผมลาออกจากงานในองค์กรพัฒนาชนบทของเอกชนองค์กรหนึ่ง แล้วเข้าทำงานในบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีชีวภาพบริษัทหนึ่ง เพราะเคยเรียนมาทางด้านจุลชีวเคมีรวมทั้งต่อมาไม่นานองค์กรเดิมของผมก็ประกาศยุบเลิกหน่วยงานลงเหลือเพียงชื่อ
หนังสือพิมพ์บางฉบับเอาเรื่องราวของผมไปเขียนในหน้ากอสซิปเป็นทำนองว่า มันเกินความคาดหมายที่ใครจะคิดไปถึงว่าเด็กหนุ่มลูกข้าวเหนียวนึ่งจะมานั่งแป้นเป็นรองซีอีโอของบริษัทนี้ได้ เวลานี้ 
         เด็กหนุ่มคนนั้นมีรายได้ติดอันดับท็อปเท็นของคนวัยไม่เกินสามสิบที่มั่งคั่งที่สุดของประเทศ และเป็นที่หมายปองของหญิงสาวทั่วไปไม่เฉพาะแต่คนในวงสังคมชั้นสูง
ที่มาที่ไปที่ทำให้ผมต้องหนีอดีตก็สืบเนื่องมาจาก ผมดันไปคิดค้นและพบวิธีการเปลี่ยนยีนลดการย่นของผิวของคุณผู้หญิง( รวมทั้งผู้ชายและตุ๊ดด้วย)โดยไม่ต้องผ่าตัดดัดแปลงอะไร เพียงแต่กินข้าวเหนียวที่ตัดแต่งพันธุกรรมวันละมื้อเท่านั้น 
         สินค้าลงตลาดครั้งแรกได้รับการตอบรับน้อยเพราะคนในวงสังคมชั้นสูงรังเกียจ( เกลียด )ข้าวชนิดนี้มาก ( ก็เล่นเปรียบเทียบข้าวจ้าวกับข้าวไพร่นี่ครับ ) 
ต่อมาเมื่อดาราและนางแบบ(ลูกข้าวเหนียว) ที่กินข้าวของผมเด่นดังเปรี้ยงปร้างขึ้นมาในระดับอินเตอร์เนชั่นแนลที่คนเขาพูดกันว่าโกอินเตอร์นั่นแหละ สินค้าของผมจึงได้รับความสนใจแบบพลิกความคาดหมาย 
รายได้ของบริษัทที่ผมเป็นรองซีอีโอ จึงแซงรายได้ของบริษัทมัลติเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ ที่มีเส้นสายเครือข่ายเกี่ยวโยงกับวงการเมืองไปแบบเฉียดฉิวในไตรมาสแรก และทิ้งห่างไม่เห็นฝุ่นในทศมาสถัดมา
                 ผมไม่ได้เน้นตรงคำว่า ข้าวเหนียว เพราะความรู้สึกต่ำต้อยน้อยหน้าอะไรดอกนะครับ ก็จริง ! ที่ในอดีตผมคับข้องใจ คับแค้นใจ ที่จำต้องใส่แต่กางเกงคับ ๆ ที่คนข้างบ้านโยนเป็นทานมาให้ พร้อมกับคำพูดให้จุกคับอกว่า พวกขี้ทุกข์ ( จนที่สุด ) สำนึกมันบอกว่า เขาโยนมาให้ก็ดีถม ผมจึงต้องใส่ของผมไป ; ข้าวเหนียวเป็นข้าวที่มีลักษณะเฉพาะ โดดเด่นตรงทนทานต่อโรคและแมลง ปรับตัวต่อความแห้งแล้งได้อย่างมหัศจรรย์ เมื่อเอามาตัดต่อพันธุกรรมก็สามารถทำได้อย่างเหลือเชื่อ 
  ซีอีโอบอกผมว่าก็จะไม่มหัศจรรย์ได้อย่างไรในเมื่อข้าวพวกนี้มันปรับตัวอย่างรุนแรงสุดขีดมาตั้งแต่ยุคบ้านเชียง ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของคนในดินแดนที่เรียกสุวรรณภูมิ เขาท้าทายผมด้วยว่า ลองเอาข้าวเปลือกในไหบ้านเชียงขึ้นมาตัดต่อพันธุกรรมกับข้าวเหนียวทุ่งกุลาดูซี บางทีอาจจะดีกว่าที่เรากำลังทำอยู่เป็นไหน ๆ ผมทึ่งความคิดเขาแต่ก็เอาความคิดนั้นใส่ลิ้นชักที่ยี่สิบไว้ก่อน ก่อนที่จะดึงเอาความคิดในลิ้นชักที่สองขึ้นมาทำเงินทิ้งห่างคู่แข่งคู่แค้นที่พูดถึงไปแล้ว
ติดตามตอนหน้าครับ				
comments powered by Disqus
  • กัลปพฤกษ์

    15 เมษายน 2547 05:59 น. - comment id 73023

    ผมเองก็ทานข้าวเหนียว 
    แต่งแต่ละเรื่องพล็อตมาแบบเหนือความคาดหมายมากครับ
    
  • ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

    15 เมษายน 2547 06:04 น. - comment id 73025

    สวัสดีครับ
    ขอบคุณมาก
    ทำเอาแปลกครับผม
  • ห้องฝัน

    15 เมษายน 2547 08:27 น. - comment id 73041

    อ่านแล้วต้องขอบอกว่า ... รออ่านตอนหน้าค่ะ
  • ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

    15 เมษายน 2547 09:02 น. - comment id 73049

    สวัสดีครับคุณห้องฝัน
    เช้านี้ดี
    ใช่ไหมครับ
    คุณจะพบสิ่งดีๆ
    เพราะคุณมีใจที่ดี
    
  • เซอเลอร์วีนัส

    15 เมษายน 2547 16:54 น. - comment id 73065

    เอาตอนหน้ามาลงเร็วนะคะ.........
    เปลี่ยนชื่อเรื่องเป็น........
    คมความคิด..........
    คิดแบบ..ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์.......
    ล้อ.......ทักษิณ......ไงคะ
  • ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

    15 เมษายน 2547 17:00 น. - comment id 73067

    ผมดัง
    ไม่ก็ดับ
    คราวนี้แหละคุณเซอเลอร์วีนัสเอ๋ย
    รับเลี้ยงคนพิการด้วยนะครับ
    

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน