บันทึกของสมประสงค์ สกุลพระอินทร์

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

ผมยังจำได้
พ่อเล่าว่า
          ก่อนผมเกิดเขาแห่ต้นศรีมหาโพธิ์จากลังกาจะผ่านหน้าหมู่บ้านไป ขบวนแห่ฯหยุดรถหน้าบ้านของยาย   พ่อกับแม่จึงยกน้ำเย็นไปถวายพระสงฆ์ ทั้งร่วมอนุโมทนาและอธิษฐานจิตขอให้มีลูกชายมาเกิดด้วย
พ่อกับแม่สมหวังในไม่นานนักหลังจากที่ขอลูกจากต้นไม้ต้นนั้น
ถ้าเป็นตามที่พ่อว่าและแม่ฝันก็เป็นอันว่า  ผมคือเปรตบนต้นศรีมหาโพธิ์ ที่อ้อนวอนขอมาอยู่กับแม่นั่นเอง
           เมื่อผมเกิดผมได้ชื่อว่า   สมประสงค์  ก็คงซ่อนนัยว่าสิ่งที่พ่อกับแม่ปรารถนา เป็นความจริงขึ้นมาแล้ว
ผมลืมถามพ่อกับแม่ ว่า  อธิษฐานขอให้ลูกฉลาดด้วยไหม   หรือขอให้ได้ลูกเฉย ๆ  ก็พอ
 
         ลูกของพ่อมี 4 คน  ทุกคนมีสติปัญญาดี  ยกเว้นผมคนเดียว
ก็จะไม่ให้ผมคิดว่าตัวเองโง่ได้อย่างไร   เมื่อผมได้ยินคำเรียก
อ้ายควาย ๆ    แทนชื่อจริงของผม  อยู่เสมอ ๆ   จากทั้งครู   เพื่อน   ครูใหญ่  และคนอื่น ๆ ที่มารู้จักผม  หรือผมไปรู้จักเขา
	
           ผมไม่เคยคิดอะไรได้ลึกซึ้ง   หรือซับซ้อน     ทุกครั้งที่ผมพยายามคิดแบบนั้น
จะมีอาการมึนหัวไปทั่วกะโหลก    ยิ่งเวลาที่ผมคิดแล้วคิดไม่ตกมันจะมีดาวดวงเล็ก ๆ เป็นร้อยเป็นพัน   วิ่งไปรอบ ๆ หัวจนผมตาลายจะเป็นลม
	ผมมีอาการความจำเสื่อมตั้งแต่อยู่ ป.1 แล้ว   ลืมโน่นลืมนี่อยู่เป็นประจำ ดินสอ  ไม้บรรทัด  ยางลบเอย  หายเป็นประจำ  จนแม่ต้องเอาเชือกฟางล่ามดินสอ  ยางลบไม้บรรทัดไว้กับที่รูดซิบกระเป๋า
	แต่นั่นแหละความจำบางส่วนก็ยังไม่ลบไปจากหัวของผม  เช่น หน้าตาของเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นลูกของครูใหญ่   กิริยาของเธอได้แม่นยำอยู่ในหัวของผม    จากกันไป 20-30  ปี  ผมก็ยังคิดว่าน่าจะจำได้  ใช่แล้วครับ  ตอนอยู่ ป.1  ผมหลงรักเธอนั่นเอง
	ความรักของผมที่มีต่อเธอตอนนั้น  ก็ ตอนป.1 นั่นแหละ คืออยากเห็นหน้า   พอเห็นเธอแล้วหัวใจก็เต้นตุบๆ แรงๆ  ตื่นเต้นมากๆ   ความเป็นสุข คล้ายเจ็บๆปวดๆ    
ยังไม่จบป.1ดีเธอก็ย้ายตามพ่อของเธอไปอยู่ถิ่นอื่น       ผมก็แปลกใจตรง กับเพื่อนคนอื่น ๆ กลับไม่มีอะไรให้ผมจำได้เลย 
	 อีกอันหนึ่งที่จำได้คือประสบการณ์ที่ครูหวดด้วยไม้เรียว 2 ที  จากความผิดฐานแกล้งเพื่อน
	
	คุณครับนอกนั้นนี่ผมเรียกมันว่าเป็นความลืมทั้งหมดเพราะจำไม่ได้
	
         อย่างไรก็ตามผมเชื่อว่า    บางสิ่งบางอย่างไม่ใช่ความจำความลืม
         เป็นสำนึก   ที่ติดอยู่ในหัว
         แยกแยะอะไรดีชั่วได้
         อันนี้ผมคิดว่าผมมีค่อนข้างมาก
         แม้ความฉลาดจะมีและเหลืออยู่น้อยนักแล้วก็ตาม
        16  เมษายน 2547				
comments powered by Disqus
  • ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

    16 เมษายน 2547 07:25 น. - comment id 73095

    ขอโทษผู้อ่านด้วยครับ ที่เอารูปตัวเองมาลง
    หากคุณรู้สึกเกลียด
    ผมยิ่งรู้สึกผิด  
    ที่ลงรูปไว้ก็เพื่อจะได้รู้จักกันต่อไป
    ผมทำนาอยู่ที่สกลนครครับ
    มีลูกชาย 2 คน  วัยป.4กับป.2
    ทั้งคู่คงชอบหนังสือเหมือนผม
    ก็จะไม่ชอบได้อย่างไร หันไปทางซ้ายก็เจอพ็อกเก็ตบุ๊ค  หันไปทางขวาก็เจอนิตยสาร  แยะเชียว
    พ่อของเขาชอบเขียนเรื่องของลูกๆอีก  ทำเป็นเล่มไว้ตามชั้นหนังสือในบ้าน  เปิดไม่อ่านก็เห็นเรื่องและรูปตัวเอง   พวกเขาได้หัวเราะคิกคักกัน
    
    ไม่ใช่อะไรหรอกครับ
    ผมเกิดมาจน ต่ำต้อย  สมองตื้อ
    อยากให้ลูกดีกว่า  ฉลาดกว่า
    
    ขอบคุณครับ
    ที่แวะมาอ่าน   ติผมก็ได้นะครับ  ผมฟังคนอื่นเสมอ ไม่ว่าเขาเป็นเด็กหรือคนโต
    
  • ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

    17 เมษายน 2547 13:25 น. - comment id 73130

    ลบรูปไปแล้วครับ
    ผมขอโทษ
  • อัลมิตรา

    17 เมษายน 2547 22:59 น. - comment id 73149

    มาอ่านค่ะ  .. ระยะหลังมีภาระกิจมากมาย ทำให้เวลาในหน้าเน็ตลดน้อยลง วันนี้แวะมาอ่านแล้วค่ะ
  • ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

    18 เมษายน 2547 04:54 น. - comment id 73160

    ขอบคุณมากเหลือเกิน
    ครับผม
  • กัลปพฤกษ์

    19 เมษายน 2547 16:59 น. - comment id 73233

    เรื่องแปลกดีครับ สมองคิดแต่งได้แบบนี้ผมว่ายอดมากกว่าครับ
    

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน