เก็บมาจากภู 1

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

เราไต่ขึ้นที่สูง ทีละน้อย
ความสูงที่ค่อย ๆ เพิ่ม ดูเหมือนเราไม่เปลี่ยนตำแหน่งไปมากนัก
ครั้นเหลียวหลัง จึงเห็นว่า เราอยู่ห่างหุบลึกข้างล่าง เสียไกลลิบแล้ว
ในขณะที่เป็นขาขึ้น ผมเห็นว่าเรายังต้องไต่ลงเป็นพัก เป็นช่วง สลับไต่ขึ้นสูงขึ้นไปอีก เพื่อให้ถึงเป้าหมายได้จริง ๆ
ระหว่างพักเหนื่อยรายทาง เราแลเห็นริ้วหิน เหลี่ยมผา เต็มตา ร่องรอยกัดเซาะของสายน้ำ ทำให้หินเกิดแง่งคม สวยงามยามแลไกล ชวนหวั่นหวาดใจเมื่อต้องไต่ไปตามร่องแคบและคม
สายฝนธรรมดาว่าแรง
สายน้ำจากฟ้าที่ม่านหมอกรุมรมเป็นกรดกัดกร่อนแล้ว แรงกว่าอีก
เราจึงได้เห็นซากชีวิตใต้ทะเลพวกหอย ที่อยู่ในเนื้อหินนับนาน
เผยออกมาให้ผู้ผ่านทางแลเห็นได้ เมื่อฝนกรดนั้นกัดกร่อนเนื้อหิน จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี นานมา
ก่อนลุกขึ้นด้วยแรงกายหมายไปให้ถึงยอด
ผมนึกถึงคำของเพื่อน
รูปรอยที่ฝนกรดกัดกร่อนหิน
ก็เหมือนบาดแผลในชีวิตของคน
ย้อนมาดูก็เห็น
เป็นรูปรอยอารมณ์แบบต่าง ๆ
ผมคงต้องไปต่อไป แม้จะล้าเพียงใด
ก็เพื่อน ๆ กวักมือเรียกอยู่ไหว ๆ โน่นแล้ว				
comments powered by Disqus
  • ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

    21 เมษายน 2547 21:29 น. - comment id 73395

    เก็บมาจากภู 2
    
               หินผาเป็นร่องเป็นริ้วแหลมคม
    นั่นเกิดเองตามธรรมชาติ
    ธรรมชาติอันใด
    
                  ฝนกรดกัดกร่อนอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน นานมา หินผาจึงมองเห็นเป็นริ้วแหลมคม
    หินผาทับซ้อนเป็นก้อนวางเรียง
    
    นั่นเกิดเองตามธรรมชาติ
    
    ธรรมชาติอันใด
    
    น้ำฝนชะล้างส่วนที่ผุ เหลือส่วนที่แกร่งทับกันอยู่
    เราจึงเห็นหินก้อนใหญ่ทับซ้อนเป็นก้อนราวคนจัดวางทับกัน
    
    ไม้ใหญ่ขึ้นบนยอดภูตระหง่าน ค่อยเลื้อยรากลงเบื้องล่าง
    หาน้ำและแร่ธาตุเลี้ยงยอดที่อยู่สูงลิบรับแดด
    
    นั่นเกิดเองตามธรรมชาติ
    
    ธรรมชาติอันใด
    
    ธรรมชาติของชีวิตที่ต้องปรับตัวให้อยู่รอด ไม่ว่าสภาพแวดล้อมจะขัดแย้งรุนแรงหรืออ่อนโยน
    
    แล้ว หินผาที่เป็นร่องเป็นริ้วแหลมคม
    กับ หินผาที่ทับซ้อนเป็นก้อนเรียง
    และ ไม้ใหญ่ที่ขึ้นบนยอดภูตระหง่าน
    ที่ต่างก็ พังทลายลงมา กองอยู่กับพื้น ก่อนย้ายที่ไกลออกไปแสนไกลโดยจักรกล
    
    นั่นเกิดจากธรรมชาติด้วยไหม
    
    เกิดจากธรรมชาติอันใด
    
    อ๋อ เกิดจากธรรมชาติของคน
    
    คนคือนักทำลาย ทำลายเพื่อสร้างขึ้นมาใหม่
    
    สร้างแล้วทำลาย ทำลายแล้วสร้าง หมุนวน .
    
    
  • ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

    21 เมษายน 2547 21:34 น. - comment id 73396

    เก็บจากภู 3 ( นิตยสารผู้หญิง ในนาม เพีย คำปัน)
    
    
    เคยเห็นอีกบ้างไหม
    สายน้ำใสจากเทือกผา
    รินร่วงลงสู่หล้า
    ณ เบื้องล่างเย็นสยิว
    หนาวเยือกทรวงสะท้าน
    ลำธารลึกซ่อนคลื่นพลิ้ว
    ลมภูพัดไผ่ปลิว
    สะท้อนน้ำอยู่รำไร
    หนาวเหน็บจนเจ็บปวด
    รวดร้าวกว่าคราวไหน
    กี่กาลที่ผ่านไพร
    วิญญาณใครไม่จดจำ
    งดงามดุจความรัก
    ประจักษ์ในใจลึกล้ำ
    ใครลืมความดื่มด่ำ
    ธรรมชาติอันจริงแท้
    
    
    
    ใครเฉื่อยอยู่หนหลัง
    ให้เธอยังถูกรังแก
    ภูผาผืนป่าแย่
    ลำธารนั้นยิ่งรันทด
    น้ำร่วงจากตาไหล
    ใจเจ็บช้ำเหลือกำหนด
    ใครหนอทรยศ
    คดกันหลากจนยากนับ
    ต้นน้ำลำธารนั้น
    นั่นมือใครใจด้านดับ
    
    พรหมจรรย์แห่งป่าถูกพร่ายับ
    
    ใครรับรู้บ้างไหมเพื่อนไทยเอย .
    
    
  • ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

    21 เมษายน 2547 21:34 น. - comment id 73397

    เก็บจากภู ตอนจบ
    
    เห็นหินก้อนนั้นไหม
    ก้อนไหน
    ก้อนกลมอยู่กลางผืนทราย
    
    หินนี้ใยจึงกลมราวกลึง
    ก็เมื่อเส้นทางเส้นหนึ่ง
    มิได้ไกลพอที่จะขัดขูดให้หินนี้กลมได้พอ
    
    หลายคนหยิบหินก้อนนี้ขึ้นพินิจ
    สีหน้าเหมือนครุ่นคิด
    
    เสร็จแล้วก็กลับวางลงไป
    
    
  • กัลปพฤกษ์

    24 เมษายน 2547 15:01 น. - comment id 73546

    ธรรมชาตืให้คุณค่าต่าง ๆ กับเรามากมาย
  • ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

    24 เมษายน 2547 22:39 น. - comment id 73580

    ทางกายภาพด้วย
    ทางจิตใจด้วย
    
    ปรัชญาลึกซึ้ง  ปรัชญาเมธีคิดในป่าด้วยมั้ง
    

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน