บนหลังไหล่ของพ่อ

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

ผมเขียนร้อยกรองไว้บทหนึ่ง ชื่อ         เพราะมีพ่อ 
ในนามบรรลุพร นามโนรินทร์ และพิมพ์ในสยามรัฐสัปดาหวิจารณ์ ฉบับปีใหม่ 2547    ไปแล้ว
  ความว่า
		ใครบ้าง   เกิดจากตอจากกอไผ่		
มิได้เกิดขึ้นมาในอ้อมอกพ่อ
ใครบ้างอาจ     เอ่ยวจีว่าดีพอ			
โดยไร้พ่ออบรมบ่มจรรยา
	   	ถึงไม่เด่นไม่ดังหรือมั่งมี
	แต่มั่งคั่งความดีก็มีค่า
	ตรงที่ใจเปี่ยมสุขทุกเวลา
	เลี้ยงชีวิตโสภาบ่สามานย์
		น้อยก็หนึ่งน้ำใสในโอ่งโอ
	ได้ดื่มกินเติบโตเตือนโหลนหลาน
	ทะเลใหญ่หากเค็มเหลือมีเกลือบาน
	กระหายเหลือก็เกินการเอาดื่มกิน
		เพราะมีพ่อจึงได้ต่อภูมิปัญญา
	จนเติบกล้ามีหัวใจให้ท้องถิ่น
	ฉลาดชาญจึงหาญเอื้อเพื่อแผ่นดิน
	ร่วมเป็นฝนหลั่งรินลงทุ่งแล้ง
		หัวใจพ่อแจ่มใสใหญ่และกว้าง
	จึงอาจสร้างความแจ่มใสไว้ทุกแห่ง
	ลูกขอรับใจเขษมไว้เต็มแรง
	เพื่อปันแบ่งและสานใจไหว้พ่อเอย .
	
---------------------------------------
	ผมรักพ่อ  ทั้งพ่อของแผ่นดินและพ่อผู้ก่อกายผม   
ผมรู้และซึ้ง  
ผมเห็นพ่อทุกคนทำงานหนัก และพ่อก็รักลูกด้วยหัวใจของพ่อ
	ในวัยเด็ก     ผมไปไหนต่อไหนกับพ่อ ราวเงา     พ่อให้เดินตามพ่อถ้าที่ ๆ
 ไป โล่งโปร่งปลอดภัย     แต่ถ้าหนใดไปในที่สุ่มเสี่ยง ดำหม่นจนอาจมีภัย  พ่อให้ขี่หลัง    
คุณเคยขี่หลังของพ่อไหมครับ
หน้าฝนปีที่ผมเรียนอยู่ชั้น ป.5  พ่อพาไปกั้นห้วยดักปลา  วิธีการก็ทำง่าย ๆ คือเอาไม้ไผ่มาจักและสานเป็นเฝือกแบบมูลี่บังตา แต่เน้นแข็งแรงเป็นสำคัญ เมื่อปักหลักไม้ลำเท่าขาของพ่อลงไปในลำห้วยถี่แค่คืบ มัดราวหลักด้วยไม้ไผ่ลำใหญ่ทั้งล่างกลางบนแล้ว  จึงเอาเฝือกไม้ไผ่มาประกอบ
เข้า  มัดด้วยเถาไม้แน่นหนา   เฝือกนี้น้ำไหลผ่านได้ แต่ปลาหาผ่านได้ไม่   พ่อเจาะช่องสำหรับใส่ไซเอาไว้ตรงกลาง พรางด้วยฟดไม้ล้มลุก 
ซึ่งก็ถอนเอาแถว ๆ นั้น  ในยามค่ำคืนปลาที่มาตามน้ำในห้วยจะเข้าไซของพ่อจนแน่นเต็ม   ผมเห็นภาพเหล่านั้นติดตา  จนเอาไปเขียนเป็นเรื่องสั้นได้เรื่องหนึ่ง   
แต่โยนทิ้งตะกร้าไปแล้วมั้ง ( อันนั้น บ.ก.ทำ) 
ปลาดุกเป็นปลาที่ผมไม่เคยเห็นมันดีดตัวข้ามเฝือกที่กั้นห้วย  แต่เห็นไต่ไปตามเนินดินลัดเลาะไปในที่พรางตาได้ดีนัก
 ช่วงแรกที่กั้นเฝือกใส่ไซปลาดุกติดไซอัดแอจน
ได้ยินเสียงแหง็บๆแหง็ดๆ
ของมันชัดเจน  ช่วงหลังมาปลานี้ไม่ติดไซซักตัว
 พ่อบอกว่ามันรู้ความแอบแถกเงี่ยงไปตามดินชื้นกลางกอไผ่    
แต่ไม่เป็นไร  เท่าที่เราจับได้ก็ทำปลาเค็มแล้ว 2-3 ไห
          ปลาช่อน   เจ้านี่โดดเก่ง  ดีดตัวตูม ๆ ข้ามเฝือก   
พ่อรู้ทางมันดี  เอาตาข่ายดักไว้หลังเฝือกมันข้ามไปไม่พ้น
ก็ติดแหง็กอยู่ตรงนั้น   ตัวโตมากนะครับ  ขนาดโคนขาของเด็ก ป.4 น่ะมีให้กินเยอะแยะ
        วิธีกินที่ง่ายที่สุดในทุ่งนาเวลากลางคืน คือโอบเกลือหมกถ่าน  ซึ่งปลาช่อนที่สดแบบนั้นเมื่อสุกแล้วกินกับแจ่วและข้าวเหนียวร้อน ๆ ที่ห่อมาจากบ้าน อร่อยจนไม่อยากหยุดเลยครับ
บางคืนผมกับพ่อต้องช่วยกับหาบคอนปลาเข้าบ้าน
สองรอบสามรอบ  พ่อได้ปลาเยอะแบบนั้น
 ชาวบ้านก็ได้กินด้วยครับ  พ่อแบ่งให้คนข้างบ้าน 
 แบ่งให้ญาติพี่น้องทุกคน  เวลาคนอื่นมีคนอื่นได้ เขาก็ไม่เคยลืมพ่อ   
   เวลาผ่านไปนานก็เหมือนไม่นาน 
 เพราะมันเป็นความคิดความรู้สึก   ผมกลับบ้าน ได้ถามพ่อเรื่องห้วย  
ปลา  นา และน้ำ   พ่อว่า  ในน้ำไม่ค่อยมีปลาให้กินแล้ว
อยากกินปลาต้องไปตลาด  
ทุกอย่างเป็นเงิน  ต้องแลกเอาด้วยเงิน  การขอกันกินแทบไม่มีแม้เป็นหมู่บ้านนอกๆตำบลก็เถอะ
    ผมได้ยินแล้วก็ไม่ได้ถอนใจอะไร  
 
มันเป็นไปตามเหตุของมันใครก็พูดแบบนั้น
พ่อคงมองเห็นอะไรที่เป็นภัยที่กำลังจะมาถึงแล้ว
จึงลงมือขุดบ่อเลี้ยงปลา  ปลูกผัก  ปลูกไม้ผล พืชพันธุ์ที่พ่อลงแรงเอาไว้ให้ดอกให้ผลมาร่วม 20 ปีแล้ว  
เวลานี้ใครต่อใครก็ไปดูสิ่งที่พ่อทำ แต่ก็ทำตามไม่ได้
ด้วยข้ออ้างง่าย ๆ ว่ามันทำยาก
                มีสักกี่คนกันล่ะครับ  ที่เห็นว่าสังคมเปลี่ยนไวเกินไปแล้ว  การพึ่งตนเอง  การพึ่งพาอาศัยกันชักจะถึงจุดวิกฤติแล้ว 
 แล้วหันมาตรอง  มองวิถีดั้งเดิม  เพื่อให้ไม่เป็นอันตรายเกินไป เมื่อโลกถึงจุดวิกฤติ 
 ขาดทั้งน้ำ ขาดทั้งอาหาร และน้ำหัวใจ  
            ผมก็เห็นแต่พ่อเท่านั้นแหละครับที่คิดและทำนำใครๆ
บรรดาเราทั้งหลายต่างหากที่พากันไม่สนใจใยดี  ยินดียินร้าย
ในสิ่งที่พ่อเตือน พ่อสอน  พ่อทำนำ ทำให้ดู  เราอยู่บนหลังไหล่ของพ่อ
แบบเห็นแก่ตัวเกินไปแล้วมั้ง
ใช่ไหมครับ
บรรดาลูกของแผ่นดินทั้งหลาย				
comments powered by Disqus
  • rain..

    22 เมษายน 2547 13:11 น. - comment id 73426

    ..เรนอ่าน ..ไม่จบเลยคะ...
      เขียน ..ได้ดีมากเลยคะ..
             แว๊ป!!
  • rain..

    22 เมษายน 2547 13:13 น. - comment id 73427

    ตอนเย็น เรนมาอ่าน..ต่อนะคะ..
      แบบ เรนจะเอา ..เรื่องสั้น ..ที่เรนแต่ง..ให้พ่อ..
       เอามาให้คุณ ..อ่าน..ให้เรนด้วยนะคะ..
          แว๊ป..!!
  • มัดหมี่อะ

    22 เมษายน 2547 14:00 น. - comment id 73429

    มัทเคยขี่หลังปะป๋าค่ะพี่ก่อพงษ์
    แต่ไม่ชอบเพราะสงสารปะป๋า
    ที่เคยทำเป็นประจำคือนอนตักปะป๋า
    เวลาที่ท่านขับรถบนถนน
    ไม่เคยคิดว่าท่านจะเกะกะ เพราะเราชอบทำแบบนั้น ป๋าเคยบอกว่า มัดหมี่ปะป๋าปรับเบาะให้เอนนอนสบาย ๆ เอาไหมลูก
    มัทก็ได้แต่บอกว่ามันนอนไม่หลับ
    แต่หากได้เอนศีรษะลงตักปะป๋าทีไรมันหลับสนิททุกทีตื่นมาทุกครั้งก็อยู่ในเบาะเรียบร้อยค่ะ
    
    
    นั่นมันความหลังนะคะ
    
  • ก่อพงษ์

    22 เมษายน 2547 22:55 น. - comment id 73451

    ผมหัวเราะครับคุณเรน
    หัวเราะคุณมัท
  • ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

    23 เมษายน 2547 04:37 น. - comment id 73464

    คุณเรน
    เรื่องสั้นที่ว่า
    ยังไม่โพสต์ใช่ไหมครับ
    
    ถ้าโพสต์แล้วระบุพิกัดให้ผมด้วย
    

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน