เขียนถึงพงษ์รำไพ ดวงทาทอน

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

ครูให้กระดาษชาร์ตสีมาหลายแผ่น
พร้อมกับบอกว่า ให้พวกเธอทำแผ่นข่าวปิดไว้บนบอร์ดทุกสัปดาห์
ผมได้รับหน้าที่บรรณาธิการคุมการเขียนการจัดทำ
เพื่อนหลายคนได้รับหน้าที่นักเขียน
เธอเขียนเรื่อง ชีวิตนี่หนอ
รำพึงว่าชีวิตใยจึงเป็นเช่นนั้นเช่นนั้น
คนอื่น ๆ ก็เขียนเหมือนกัน แต่เขียนในมุมที่ต่างกันออกไป
ส่วนผมสัมภาษณ์เพื่อนบ้าง ครูบ้าง เอามาทำเป็นข่าว
ก็สนุกอ่านสนานเขียนกันพักใหญ่
ไม่นานเราเรียนจบ
แผ่นข่าวก็เป็นอันพับไว้
นานแล้วที่จากกัน อยากรู้ว่าเธอนั้นเขียนบ้างไหม
ผมเขียน แต่ไม่มีคนอ่าน
เขียนอยู่ทุกวัน ที่นี่ไง
ไม่ใช่ ยังไม่ใช่นักเขียน
เป็นแค่เพียงนักเรียน 
เรียนเขียนใจ
แทม แทม แถ่ม แท้ม แทม แถ่ม แท้ม แทม แถ่ม				
comments powered by Disqus
  • ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

    2 พฤษภาคม 2547 06:41 น. - comment id 73818

    เพื่อนของพงษ์รำไพ
    เปลี่ยนชื่อไปหลายหนครับ
    บรรลุพร   เป็นชื่อเดิม
    เพีย  คำปัน  เป็นชื่อแรกในทะเลน้ำหมึก
    วิวรรธน์   ชำนาญวิชช์ ก็ใช่
    ตอนนี้เป็น  ก่อพงษ์  พงษพรชาญวิชช์
    
    รวมเล่มได้ 3   ชิ้นแล้ว คือ
    1.  ตอก  :  ความเรียงล้อยุค   เล่ม 1( ตอก=ตี, ดื่ม,ดวด)
    2. รมอ.   :  ความเรียงล้อยุค เล่ม 2(ย่อมาจากรัฐมนเอก)
    3.  ปชท. :  ความเรียงล้อยุค เล่ม  3(ย่อมาจากประชาชนไท)
    
    
    ถ้าพงษ์รำไพ  อยากอ่านโทรไปบอกเรา
    เราจะส่งมาให้อ่าน
    
  • ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

    2 พฤษภาคม 2547 11:17 น. - comment id 73822

    (เขียนต่อเนื่อง)
    
    
    นานเหมือนกันนะ
    แต่ภาพวันนั้นน่ะหาลบไม่
    ยังคงตรึงติดห้วงของดวงใจ
    ผ่านมานานเพียงไรยังไม่เลือน
    
    ความทรงจำหลายอย่างอาจจางคลาย
    มิตรภาพตราบวันตายหาใดเหมือน
    ไม่เคยลบไม่เคยแม้แต่แชเชือน
    ไมตรีเตือนปลอบตนมาจนโต
    
    ขอตัดภาพกลับไปปีกระโน้น
    วัยอ่อนโยนและน่ารักอยู่อักโข
    เป็นวัยรุ่นแต่ไม่วุ่นไม่โวยโว
    ถึงจนโซแต่มิได้จนไมตรี
    
    เพื่อนใช่แค่เหมือนมีแม่คนเดียวกัน
    แต่ร่วมฝันอยู่เคียงกายไม่หน่ายหนี
    ถนอมรักถนอมใจโดยใยดี
    ปันอาทรในตอนที่เพื่อนเหนื่อยเพลีย
    
    ฯ
    
    
    		ผมได้หมายเลขโทรฯของเพื่อนนานเป็นปีแล้ว  แต่ไม่เคยโทรหาเขา  ผมรู้แก่ใจตัวเองดีว่าผมคิดถึงเพื่อน  
    		
    		ผมโชคดีมาก        ผมมีเพื่อนดี
    		
    	ภาพตอนเรียนชั้นมัธยม  เป็นภาพที่ผมจำได้ดีที่สุด   ความจำช่วงนั้นก็ดีมาก ๆ ด้วย  (แบบท่องจำอะไร   จำได้หมด  มีหลักง่าย ๆ คือสัมพันธ์กับอันเก่า   เอาให้ตลกโปกหา   อย่าให้นานเห็น ฯ  ทุกวันนี้ ความจำเสื่อมไปมาก   เพราะไม่ใช้หลักที่เคยใช้และรูปแบบการใช้ชีวิตที่รับเอาแต่สารพิษเข้าไปในร่างกายมากด้วยนั่นเอง ที่ทำให้สมองเสื่อม)   
    	ภาพที่ผมจำอย่างฝังใจ  คือภาพที่เพื่อนๆ ในห้องไปช่วยทำนาจนเกือบเสร็จ    ทั้งๆ ที่แต่ละคนก็พอ ๆ กัน คือไม่ใช่มืออาชีพ  ปักดำต้นกล้าไปไม่ทันถึงอึดใจ ข้าวมันก็ลอยขึ้นมา ให้แม่ต้องตามปักดำซ่อมทั้งแปลง   
    	ทำนาไม่ง่าย   แต่ก็ไม่ยาก   ที่ผมว่าไม่ยาก  เพราะมีวิธีการทำหลากรูปแบบ  แต่ทุกรูปแบบต้องใช้น้ำ  ใช้แรงงาน  ใช้สมอง  คือมีการจัดการที่ดี  ให้ธรรมชาติของดิน น้ำ แร่ธาตุและพืชเอื้อคน  ( ผมจะยังไม่กล่าวในข้อเขียนนี้ แต่จะกล่าวถึงในข้อเขียนอื่น )
    	ผมไม่แน่ใจนักว่าเพื่อน ๆ รู้สึกอย่างไรกันบ้างในวันนั้น   แต่สำหรับตัวผม   ผมปลื้มใจ  ญาติพี่น้องของผมก็คงคล้ายกัน   ที่เพื่อน ๆ ของผมในห้องเรียน ม.3 ที่ล้วนแต่ตัวขาว ๆ ผิวพรรณหน้าตาผ่องใส  (ก็คงมีผม เท่านั้น ที่ผอมกระหร่องผิวเกรียมคล้ำเพราะกรำแดดและเป็นโรคพยาธิ์ลำไส้ -ผมเคยเขียนถึงตัวเองเรื่องโรคพยาธิ์ไว้ในเว็บบอร์ดของปพส.และThaipoemด้วย)  มาช่วยทำนา ลุยน้ำ ลุยโคลน  เหม็นสาบทั้งน้ำ  ทั้งโคลน  และคนทำนา  แต่พวกเขาก็ไม่รังเกียจ
    
    	ผมเป็นคนหนึ่งที่หลบหน้าเพื่อนมาตลอด 20 ปี  ไม่ใช่เพราะเหตุอย่างอื่น   ผมจน   ผมอายเพื่อน ๆ  ที่แต่ละคนมีฐานะดี   มั่งมี กันจนหมด  ในขณะที่ผมมองตัวเอง มองสารรูปตัวเองแล้วก็หงอยๆ หงอๆ  พาลไม่อยากพบพูดคุยกับใครเอาเลย
    	ครับ   ผมยังขี่มอเตอร์ไซด์เก่า  ๆ  พาลูกเมียไปโน่นมานี่กรำแดด ตากฝน    
    	เวลาที่ฝนตกนี่ผมสงสารเขาจับใจ   และนึกสงสารตัวเองด้วยบางครั้ง
    	
    	
    	วันนี้   ผมอยากโทรถึงเพื่อน
    	ผมอยากเจอหน้าเพื่อน  ผมอยากคุยกับเขา
    	ผมเพิ่งรู้ว่า   ความจนไม่ใช่สิ่งที่น่าอาย
    
    	ความชั่วต่างหาก  
    	ที่ต้องอาย
    
  • tiki

    2 พฤษภาคม 2547 21:59 น. - comment id 73833

    ก่อพงษ์คะ
    กำลังใจจากไหนนะมากมาย
    เขียนได้มากมาย
    
    วันนี้ ทิกิเกงานไม่ไปร้านตัวเอง
    มาแอบเล่นเน็ทอ่านงานมั่ง
    เขียนดีเห็นภาพ น่ารักดีค่ะ
  • toneliu

    3 พฤษภาคม 2547 00:16 น. - comment id 73844

    อืม...ยังฮัมเพลงได้ มีอารมณ์ขันไม่เบาเลย
    
    แต่เหมือนมีอะไรลึก ๆในใจนะ...
    
    แต่คงไม่ใช่ความเชื่อผิด ๆที่ว่าสุนทรภู่ดื่มเหล้า
    
    แล้วทำให้เขียน(กลอน)ดีหรอก.....เพราะงานของ
    
    คุณมองแล้วอุดมด้วยความงามของชีวิตที่มีพื้น
    
    ฐานที่มาแน่นอนอยู่ระดับหนึ่งในการสื่อส่วน
    
    ใหญ่ที่เห็นนะ......
    
    ในสภาพที่การสร้างสรรค์วรรณกรรมในยุคสมัย
    
    นี้ อาจดูล้าไปบ้าง ไม่ก้าวไปได้เท่าที่ควรเป็นทั้ง
    
    เนื้อหาและรูปแบบ  คนอ่านยังไม่จุใจและโดน
    
    เท่าที่ควร ทั้งที่ยุคสมัยมีสิ่งน่าท้าทายให้สร้าง
    
    สรรค์มากเหลือเกิน  จึงยังหวังว่าคงจะได้อ่าน
    
    งานที่ว่าไม่นานเกินรอนะครับ..........^_^.
  • nakamura2515@hotmail.com

    28 ตุลาคม 2552 00:24 น. - comment id 109585

    พี่ก่อพงษ์ครับตอนนี้พี่จอยเขาเปลี่ยนชื่อ
    จากพงษ์รำไพเป็นจรนันพรแล้วครับ

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน