วันนั้นกับหญิงชราข้างทางรถไฟ

vaproud

เคลื่อนไหว...ทุกสิ่งดูคล้ายจะเคลื่อนไหว  ประตู  บานหน้าต่าง  โคมไฟหรือแม้แต่ดินสอสีที่สามารถคว้างลอยกลางอากาศได้ภายในหนึ่งวินาที  ของทุกสิ่งเป็นไปตามจังหวะการสั่นสะเทือนอย่างรวดเร็วเพียงเสี้ยวพริบตาหนึ่ง  ฉันต้องปลุกตัวเองตื่นจากภาพฝัน  ก่อนที่บางสิ่งจะเคลื่อนไหวอีกครั้ง 
          ยามสายของเช้านี้  ฟากฝั่งฟ้าตะวันออกถูกเคลือบคลุมไปด้วยเมฆคล้ำหม่นหนา  ฉันกวาดสายตาข้ามไปยังฝั่งฟ้าตะวันตก  บางสิ่งกำลังเดินทางไปอย่างเงียบเชียบที่สุด  โดยไร้ทิศทาง  ไร้จุดหมาย  แล้วความเยียบเย็นจึงแทรกตัวผ่านเข้ามาทักทาย  ฉันสัมผัสได้ถึงละอองใสที่ทิ้งตัวอย่างเป็นอิสระลงบนพื้นดิน  เวลานี้ภายนอกบานหน้าต่างกลายเป็นเพียงหมอกม่านสีขาวขุ่นไม่ว่าจะมองไปทางไหน  นิ่งเงียบฟังเสียงสายฝน  กว่าจะรู้ตัว   ภาพบางภาพได้เคลื่อนไหวปรากฏในมุมหนึ่งของความทรงจำ... 
          การเดินทางของคนเราไม่เคยหยุดนิ่ง  ตราบเท่าที่ลมหายใจและพลังแห่งความฝันจะเหลืออยู่  เฉกเช่นเดียวกับวันที่ฉันก้าวผ่านออกจากประตูบ้าน  โลกใบใหญ่กำลังรอคอยให้เติมแต่งสิ่งสวยงามและเกี่ยวเก็บประสบการณ์อยู่เสมอ  ฉันเก็บภาพของเมือง  วิถีชีวิตของผู้คน   ธรรมชาติ  และสิ่งที่พบเจอ  ภาพสุดท้ายที่ยังคงตรึงอยู่ในความรู้สึกของฉันก็คือ  ภาพของหญิงชราที่พนมมือไหว้ก้มกราบผู้คน  ที่สัญจรผ่านไปมาอยู่ริมทางรถไฟ  ภายในดวงตาสีโศกคู่นั้น  ได้สะท้อนถึงเรื่องราวมากมายของชีวิตที่มีค่ามากกว่า   จำนวนเหรียญในขันน้ำใบเก่าๆ ที่ตั้งวางอยู่ตรงหน้า  ทำให้นึกย้อนภาพกลับไปตอนที่ได้เดินทางไปหาพี่ทิกิ (Tiki)  ที่คอนโด  รอยยิ้มและน้ำใจอันงดงามส่งผ่านมาให้ได้สัมผัสทุกครั้งที่เยี่ยมเยือน  มิตรภาพระหว่างเราไม่เคยมีคำใดมาขีดขั้นหรือจำกัด  พี่ทิกิพาไปบ้านคุณยาย (แม่ของพี่ทิกิ)  เราออกเดินทางไปด้วยกันบนสายถนนที่มีความเคลื่อนไหว  ไม่คาดคิดมาก่อนว่า  การที่ได้เดินทางมาเยี่ยมคุณแม่ของพี่ทิกิในวันนั้นจะเป็นภาพความทรงจำที่หยั่งลึกลงในความรู้สึกของฉันได้ 
          คุณยาย  พี่ทิกิ  และฉันนั่งร่วมรับประทานอาหารเย็นด้วยกันท่ามกลางบรรยากาศที่เป็นกันเองและสีเขียวของใบไม้   บทสนทนาเริ่มต้นคุยกันอย่างสนุกสนาน   เรื่องราวเก่าๆ   ถูกหยิบยกขึ้นมาเล่าผ่านความทรงจำของคุณยาย  ย้อนกลับไปเมื่อครั้งอดีตที่สวยงาม  พี่ทิกิให้ฉันอ่านบทโคลงและงานกวีมากมายให้คุณยายได้ฟัง    อ่านถูกอ่านผิดบ้างเป็นบางจังหวะ   คุณยายจะหัวเราะชอบใจทุกครั้งใบหน้าที่เปื้อนยิ้มนั้นกำลังเล่าเรื่องแห่งความสุขใจ   
          ช่วงเวลาแห่งความสุขมักจะวิ่งผ่านไปอย่างรวดเร็วเสมอ  เราเพียงได้แต่เก็บความทรงจำดีๆ  เหล่านั้นไว้เพียงภาพๆ      หนึ่งในกล่องความทรงจำ  แววตาที่พี่ทิกิมองคุณแม่ด้วยความรัก  ความเข้าใจ  อ้อมกอด  คำถามไถ่   ในฐานะคนภายนอกอย่างฉันได้เพียงแต่ยิ้มและเก็บความรู้สึกดีๆ  เอาไว้    ตื้นตันที่เป็นส่วนเล็กๆ  ส่วนหนึ่งในภาพความทรงจำนี้... 
          ฉันอยากเปลี่ยนดวงตาสีโศกของหญิงชราคนนั้น    ภายในจิตใจก่อเกิดคำถามนานาสารพันว่า   ลูกหลานของเขาอยู่หนใดหนอ  ถึงได้ทิ้งคว้างดวงใจดวงหนึ่งอย่างไม่เห็นคุณค่าไว้ริมทางเช่นนี้  พวกเขาจะรู้บ้างไหมดวงใจกำลังเปื้อนฝุ่น  เปียกปอนกับสายฝนเหน็บหนาว  และจะรู้ไหมหากว่าดวงใจหวงนี้กำลังจะดับสูญไปสักวัน  ในมุมหนึ่งมุมใดของเมือง...
          ปู๊น...ปู๊น...เสียงหวูดรถไฟส่งสัญญาณแผดดังมายังโสตประสาท  ฉันสะดุ้งตกใจ  สายตาเหม่อลอยคืนสภาพปกติเรียกสติกลับคืนอีกครั้ง  ภาพสุดท้ายร่วงหายไปในเม็ดฝน  แตกกระจายไหลรวมลงสู่ท่อระบายน้ำ   แล้วบางสิ่งจึงเริ่มเคลื่อนไหว...ประตู   บานหน้าต่าง โคมไฟหรือแม้แต่ดินสอสีที่สามารถคว้างลอยกลางอากาศได้ภายในหนึ่งวินาที   
          โครม......!!!
          ........................................................
  
___________________________
ขอบคุณพี่ทิกิค่ะ  
ที่ให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในภาพความทรงจำวันนั้น...
ความรักของพี่ทิกิกับคุณแม่ยิ่งใหญ่มาก  
สะท้อนภาพและเป็นแบบอย่างดีๆให้ 
คิดถึงคุณยายค่ะ...วันนี้เราห่างไกล
แต่ความห่างไกลก่อกั้นก็แค่ระยะทาง
เดี๋ยวนั่งรถไฟหน้าบ้านไปเลย
ปู๊น...ปู๊น 
ภาพ : ป๋าแก่ - วาพราว				
comments powered by Disqus
  • tiki

    7 มิถุนายน 2547 14:40 น. - comment id 74570

    วาพราวคะ
    มาอ่านหญิงชราข้างทางรถไฟ ก่อนอื่นชมว่าภาพงามมากคะ...
        อ่านไปประทับใจสำนวนลีลา...ถึงคุณยายข้างทางรถไฟ..
    
        พออ่านไป อ้าว..พบพี่ทิกิในเรื่องนี้เข้าแล้ว
    นึกขำ ไปจนถึง ที่..
            คุณแม่ออกเสียงว่า
    **จอระดล อ่านว่า จอระดล ไม่ใช่จอนดล**
    
            และก็นึกภาพ เวลาที่คุณแม่ปรบมือให้วาพราว  รอยยิ้มอย่างสนุกสนานแบบได้ของเล่นถูกใจ  หูท่านฟังไป พยักหน้าบอกถูกผิดได้แม่นยำ รู้เรื่องทุกขั้นตอน  ใครหนอ..ว่าคุณแม่ไม่รู้เรื่อง  แต่จะมีใครคอยอ่านบทกวีให้ฟังทุกวันเล่า
    
    ......เวลาวาพราวเอ่ยว่า..** นี่หนูไม่ได้แต่งนะคะ พี่ทิกิ ลูกคุณยายต่างหาก**
    
            เราก็หัวเราะกันด้วยขำเป็นที่ยิ่ง คุณแม่ก็จะ บอกว่า **งั้นเอาตบมือคืน**
    
              พี่อ่านมาถึงตอนนี้ แล้วยิ้มจัง ขำมาก..แล้วก็ รู้สึกขอบคุณที่ วาพราว หยิบภาพที่น่าชื่นชมสำหรับพี่มาเขียน  ผู้ใหญ่ก็ต้องการบทกวีเพราะๆ เสียงดนตรี เสียงเพลงหวานๆ เช่นกันกับวัยรุ่นนะคะ...ค่ะ วันนี้ ชักคิดถึงคุณแม่อีกแล้วค่ะวาพราวคะ
    
    ทิกิ_tiki
  • rain..

    8 มิถุนายน 2547 06:39 น. - comment id 74591

    วาพราว..เพื่อนเรน..
            เขียนได้..น่ารัก.. มากเลยคะ..
      ภาพ ..และ..ความรู้สึก ..ที่ได้รับ..
         เรน..สัมผัสได้ ..นะคะ..
     คุณยาย..  ก็ ..คงเช่นกัน ...
    
  • vaproud

    8 มิถุนายน 2547 12:45 น. - comment id 74598

    เจ็บร้าว  
    หม่นเศร้าต่อดวงตาสีโศกคู่นั้น
    มีเรื่องราวมากมายที่ขังขอบและ
    กำลังเล่าเรื่องของชีวิตหนึ่งอยู่ริมทาง  
    ทำได้เพียงแค่แบ่งปันน้ำใจ  
    ที่สามารถหยิบยื่นให้ถึงกันด้วยความเต็มใจ...
    
    เดินจากมาได้เพียงแต่ภาวนาว่า  
    ขอให้มีความสุขค่ะ
    เป็นเรื่องราวเช่นนั้นจริงๆ ...
    
    _________________________
    
    +  พี่ทิกิคะ
        ขอบคุณมากค่ะ  ตั้งใจเขียนไม่รู้ดีไหม
        อยากสะท้อนภาพหนึ่งที่พบเห็นในมุมมอง    
        หนึ่งและในสภาวะหนึ่งของสังคมเมือง
        เลยนำภาพประทับใจตอนที่ไปบ้านคุณยาย
        กับพี่ทิกิมาผูกและเล่าเรื่องด้วย...วันนั้น
        ประทับใจจริงๆ  ค่ะ  ขอบคุณมากๆ  เลย  คุณ
        ยายน่ารักค่ะ  ทำให้คิดถึงยายของนิเลยนะ
        จอ-ระ-ดน...หนูจะจำขึ้นใจเลยค่ะ
        อิอิ
    
    +  เรนคะ
        ขอบคุณ  จากใจ  ดีใจที่เรนสัมผัสได้ค่ะ
        เพราะยังกลัวอยู่ว่าจะมีใครสัมผัสได้ไหม
        เมื่ออ่านงานนี้ 
        ยิ้มกว้าง  ขอบคุณ
  • เสือยิ้มมุมปาก

    19 กรกฎาคม 2547 18:08 น. - comment id 75592

    ชอบจัง..ถ่ายทอดได้ด้วยภาษาที่สวยงาม 
          แฝงไว้ด้วยความคิดเล็กๆมุมหนึ่งที่น่าติดตาม ... ค่ะ

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน