เปิดปมปริศนา ตอน 2

May_jaa

ภาค 2.
เอี๊ยดเสียงรถฮอนด้าสีแดงสด จอดที่โลงจอดรถหน้าบ้านเรือนศรี  สมชายและสุนีย์ก็ลงมาจากรถ แล้วมองดูที่นาฬิกาข้อมือ ซึ่งนั่นก็เป็นเวลาประมาณ 13 นาฬิกาแล้ว พอเดินไปที่ประตู แล้วเคาะประตู ก็ไม่มีคนมาเปิดประตูให้  รวมทั้งประตูก็กลับล็อคจากด้านใน  ตะโกนเรียกก็ไม่มีเสียงตอบรับ ด้วยความแปลกใจ จึงคิดว่าจะปีนหน้าต่างเข้าไปในบ้าน  พอคิดได้ดังนั้น  ก็จึงเดินไปที่บริเวณริมสนาม เพราะบริเวณนั้นมีหน้าต่างบานใหญ่ที่จะเปิดทิ้งไว้ระบายอากาศตลอด  ระหว่างที่เดินไปที่บริเวณหน้าต่างบานดังกล่าวนั้น  หน้าต่างทุกบานก็ถูก ล็อกและรูดม่านปิดไว้อย่างสนิท   จนไม่สามารถมองเห็นภายในบ้านได้เลย ทั้งๆที่ก่อนพวกเขาจะออกจากบ้านพวกเขาก็ได้เปิดม่านและหน้าต่างไว้อย่างโล่งโจ้ง และที่สำคัญ หน้าต่างบ้านใหญ่ที่เปิดระบายอากาศไว้ตลอดก็ถูกปิดและรูดม่านไว้อย่างเรียบร้อยเหมือนบานอื่นๆเช่นกัน  พวกเขาไม่รู้จะทำอย่างไรจึงจะเข้าไปในบ้านได้ ทันใดนั้น
กรี๊ด!เสียงดังมาจากในบ้าน  เสียงดูยังสาวและฟังไม่ค่อยคุ้นหูพวกเขาเท่าไรนัก
ใครน่ะสุนีย์ถามอย่างกลัวๆและตกใจ
ตุ๊บ!เสียงดังมาจากข้างหลังบ้าน พ้อมกับเสียงกุ้ก กั้ก กุ้ก กั้ก ที่บริเวณหน้าบ้าน
หยุดนะ ไอ้หัวขโมยสมชายตะโกนแล้วรีบวิ่งไปที่หลังบ้านทันที โดยที่ไม่สนใจเสียงหน้าบ้านเลย พอสมชายวิ่งไปถึงมุมบ้าน ก็ปาข้าวกล่องที่ซื้อมาใส่สิ่งที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่อย่างไม่สนใจว่ามันคืออะไร
โอ้ย!เสียงดังขึ้นจากสิ่งที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ ซึ่งนั่นก็คือเด็กชายวัย 20 นั่นเอง
พ่อปาของใส่ผมทำไมเนี่ยเสียงของสมพงษ์ดังขึ้น
อ้าวลูกมาที่บ้านทำไมเนี่ยสุนีย์ถาม
โธ่เอ้ย! ก็ผมเรียนรอบเช้าเสร็จตั้งแต่เที่ยงแล้วแม่สมพงษ์ตอบเสียงหอบ พร้อมกับลูกขึ้นปัดฝุ่นและเศษข้าวกล่องที่พ่อปามาใส่ออกจากเสื้อและกางเกง
ระหว่างที่สมพงษ์พูดกับสุนีย์นั้น  สมชายก็เดินไปหยิบกระเป๋ามา เพื่อจะส่งให้สมพงษ์ แต่เขาสังเกตว่ากระเป๋าของสมพงษ์ดูตุงและหนักกว่าปกติ
พงษ์ ทำไมกระเป๋าหนักจังเลยเนี่ยสมชายถามพร้อมกับส่งกระเป๋าให้สมพงษ์
ก็เผอิญผมต้องทำรายงาน ก็เลยยืมหนังสือจากห้องสมุดมาน่ะครับสมพงษ์พูดพร้อมกับหยิบกระเป๋ามาจากพ่อ
ก็แล้วลูกทำไมไม่เข้าบ้านล่ะสมชายถามต่อ
ทำยังกับพ่อเข้าบ้านได้น่ะสมพงษ์ตอบ
เอ้อ...จริงสินะ ลืมไป สมชายนึกถึงเรื่องที่ประตูหน้าต่างถูกปิดล็อกรูดม่าน
	ระหว่างนั้นเอง ก็มีใบไม้หล่นลงจากข้างบนมาใส่ศีรษะของสุนีย์ เพราะเวลานั่นมีลมแรง สุนีย์จึงเงยหน้าขึ้นไปที่ข้างบน ทันใดนั้นเองเธอก็พบประตูที่เปิดอยู่ แต่ว่าประตูดังกล่าวนี้ อยู่ที่ระเบียงชั้น 2 ห้องของสมพงษ์เอง ซึ่งจะเปิดได้อย่างไรล่ะ ในเมื่อทุกคนอยู่ข้างล่างกันหมด หรือว่า........
แม่สุนีย์ตกตะลึง พึ่งจะนึกขึ้นได้
แม่สุนีย์ตะโกนเรียกยายวิไลแม่  แม่  แม่
นี มีอะไรสมชายถามด้วยเสียงกังวลเล็กน้อย
เมื่อกี้ ไม่ได้ยินเสียงกรี๊ดหรือยังไงล่ะสุนีย์บอกสมชาย
สมชายนึกคิดอยู่สักพัก แล้วพูดว่า
หรือ...ว่า...สมชายพูดด้วยเสียงตะกุกตะกัก
พ่อ เราต้องหาทางเข้าบ้านหรือแล้วล่ะสมพงษ์พูดแล้วเดินไปที่มุมบ้าน
หาอะไรลูกสมชายถามสมพงษ์  แต่สมพงษ์ทำอะไรก็ไม่รู้ มัวแต่ก้มก้ม เงยเงย
พงษ์ หาอะไรอยู่ลูกสมชายถามอีกครั้ง
นี่ไงสมพงษ์พูดพร้อมลากอะไรบางอย่างที่มีขนาดใหญ่มากออกมา ซึ่งนั่นก็บันไดนั้นเอง จากนั้น พงษ์ก็จับบันไดตั้งขึ้นพาดกับระเบียงห้องที่มีประตูเปิดอยู่ ก็คือห้องของเขานั่นเอง พอตั้งบันไดดีแล้วก็ให้สมชายปีนขึ้นไปก่อน จากนั้นตามด้วยสุนีย์และสมพงษ์ เมื่อขึ้นมาหมดแล้วก็เดินไปที่ประตู แล้วมองเข้าไป ว่างเปล่า จึงเดินเข้าไป มีแต่โหลดองสัตว์ที่เป็นของสะสมของสมพงษ์ แต่มีโหลดองหายไป 1 โหล
โหลดองสัตว์ตรงนี้ หายไปไหนเหรอ สุนีย์ถามพร้อมกับชี้นิ้วไปยังชั้นวางโหลดองที่เว้นว่างไว้ 1 โหล
อ๋อ! อาจารย์เขายืมไปตั้งแสดงในงานวิชาการสมชายตอบ
จากนั้น สมชายก็เปิดประตูห้องของสมพงษ์ที่เดิมปิดอยู่
เพล้ง! เสียงเหมือนวัตถุแข็งๆ หล่นลงที่พื้นห้องข้างๆ คือห้องของแฝดทั้ง 2 คน
เสียงอะไรน่ะสุนีย์พูดถามเสียงสั่น
ไปดูสิสมพงษ์พูดพร้อมกับผลักประตูให้กว้างไปอีก แล้วจึงเดินไปที่ห้องข้างๆ ตามด้วยสุนีย์และสมชายพวกเขาเห็นใบพัดของพัดลมเพิ่งจะหยุดหมุน และเมื่อพวกเขาเงยหน้าขึ้นมาแล้วมองไปข้างหน้า
ตายแล้ว!สุนีย์อุทานอย่างตกใจสุดขีด เพราะในห้องของภรณ์และพัฒน์มีภาพที่น่ากลัวและสะเทือนใจมาก 
ภาพที่พวกเขาเห็นคือ ยายวิไลนอนตายตาหลับอย่างสงบ อยู่บนเตียงสีชมพูหวานแหว๋วของแฝดทั้ง 2 มือขวาของยายห้อยลงมาและมีมีดด้ามใหญ่ มีคราบเลือดหยดอยู่ตามพื้นห้องและมีดเล่มนั้น แต่น่าแปลกที่ตามตัวกลับไม่มีร่องรอยทำร้ายอะไรเลย แล้วยังไม่มีรอยเลือดเปื้อนเลยสักหยด นอกจากนั้น ส่วนต่างๆของห้องก็ปกติเหมือนเดิมทุกอย่าง 
ทั้ง 3 คนอึ้งและตกตะลึงกับภาพที่เห็นมาก  แต่สมชายเรียกสติกลับมาได้ก่อน จึงเรียกสติของทั้ง 2 คนนั้น และไปโทรศัพท์แจ้งตำรวจ เจ้าหน้าที่กู้ภัยและโรงพยาบาลมา จากนั้น พวกเขาก็ช่วยกันเปิดหน้าต่าง เปิดม่านและประตูให้เหมือนเดิม
เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางเรียบร้อยเหมือนเดิมแล้ว รถตำรวจ รถพยาบาลและรถกู้ภัยก็มาถึงที่เกิดเหตุพอดี เมื่อพวกนั้นเข้ามาในบ้าน ก็เร่งรีบทำงานทันที
สวัสดีครับคุณสมชายและสุนีย์ตำรวจที่ดูสูงเก้งก้างตนหนึ่งเดินเข้ามาหาแล้วพูดทักทายจึงทำให้สุนีย์ สมชายและสมพงษ์หันมาหาตำรวจคนนี้
ผมชื่อร้อยตำรวจปราโมทย์ แสงใสครับ  เป็นตำรวจเจ้าของคดีนี้ครับตำรวจคนนั้นพูดต่อดูท่าคดี อาจจะเป็นการฆ่าตัวตายนะครับ ดังนั้นเราคงต้องมีนักสืบและนักวิจัยนิติวิทยาศาสตร์แล้วล่ะนะครับตำรวจปราโมทย์หยุดเว้น แล้วมองหน้าครอบครัวเรือนศรีแต่ละคน แล้วพูดต่อว่าแต่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะครับ เพราะทางเรามีนักสืบและนักวิจัยมาแล้วนะครับเมื่อตำรวจปราโมทย์พูดเสร็จ ก็ชี้ให้ดูนักสืบและนักวิจัย รวมทั้งแนะนำให้รู้จัก
สวัสดีค่ะ ดิฉัน ดร. อุไรพร ศรีสกุล เป็นนักวิจัยค่ะหญิงใส่ชุดคลุมสีขาว ดูดีและมีระดับเดินตรงมาพร้อมกับตำรวจปราโมทย์ พูดแนะนำตนเอง
ครับ  สวัสดีครับ ผมนักสืบประสงค์ ทรงธรรม์ครับ ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ เดี๋ยวทางเราจะจัดการคลี่คลายคดีนี้อย่างรวดเร็ว และผลออกมาสวยงามแน่นอนครับชายอีกคนที่เดินมา ท่าทางดูขรึมมากพูดแนะนำตัวแล้วเขาก็ยิ้ม  รอยยิ้มของเขานั้นดูแล้วเป็นรอยยิ้มที่ดูน่ากลัว สยดสยองยังไงชอบกล 
แล้วเราจะต้องทำอย่างไรต่อไปล่ะคะสุนีย์ถาม แล้วก็เริ่มพูดคุยกับตำรวจ และระหว่างที่สมชายเหลือบไปมองที่ศพของยายวิไล  ทันใดนั้นเอง  เขาก็มองเห็นมือซ้ายของยายวิไล ที่ซุกซ่อนอยู่ใต้ตัวนั้น  มีกระดาษสีขาวมีคราบเลือดสีแดงติดอยู่เช่นกัน เมื่อสมชายรวบรวมความกล้าเอื้อมมือไปหยิบกระดาษแผ่นนั้นออกมา แต่ทว่า กลับดึงออกมาอย่างง่ายดายมาก เพราะกำไว้อย่างหลวมๆ สมชายรีบจัดการคลี่กระดาษที่ขยำไว้อย่างช้าๆ ข้อความในกระดาษคือ
ถึง  ครอบครัวเรือนศรี
     ยายรู้ตัวดีว่ายายเป็นคนที่ขี้บ่น ชอบด่าชอบว่าทุกคนในบ้านจนทุกคนเอือมระอา เบื่อ และรำคาญยายแล้ว แต่ยายก็พยายามปรับตัวแล้ว  แต่มันก็ปรับไม่ได้  ยายขอโทษนะ  ที่ทำให้ทุกคนไม่มีความสุขในบ้านเลย และถ้าชาติหน้ามีจริง  ยายจะขอเป็นยายที่ดีให้ลูกหลานได้รัก ถึงตอนนี้ทุกคนก็คงจะมีความสุขมากขึ้น โดไม่มียาย
                                                                                    รักลูกหลาน.....ทุกคน
                                                                                                                                                                                                                         และ
                                                                                                                                                                                                                       ลาก่อน
                                                                                        ยายวิไล เอี่ยมบุญ
ปล. พินัยกรรมทั้งหมด คือ ที่ดิน 10 ไร่ที่ขอนแก่น บ้านเดี่ยวที่จังหวัดนครสวรรค์
รวมทั้งเงินในธนาคารจำนวน 200,000 บาทขอมอบให้หลานพงษ์ เพราะจะถูกบ่นอยู่บ่อยๆ
และพินัยกรรมแผ่นจริง  อยู่บนโต๊ะที่ห้องของพงษ์
	พอสมชายอ่านเสร็จ ก็รีบเดินไปที่ห้องข้างๆ คือ ห้องพงษ์ เพื่อไปดูใบพินัยกรรมแผ่นจริง เพราะปัจจุบันห้องที่เกิดเหตุ คือ ห้องของแฝดทั้ง 2 คน และเมื่อสมชายเดินไปถึงประตูห้องของสมพงษ์ 
พ่อฮ่ะสมพงษ์เรียก ทำให้สมชาย ต้องละสายตาไปหาสมพงษ์ก่อน 
ใบพินัยกรรมฮ่ะ สมพงษ์พูดต่อแล้วชี้ให้ดูจดหมายฉบับหนึ่งที่วางอยู่บนโต๊ะสมพงษ์
ขอบใจ ลูกสมชายยิ้มบอก แล้วไปหยิบใบพินัยกรรมที่อยู่บนโต๊ะ  โดยวางจดหมายที่อยู่ในมือยายวิไลไว้บนโต๊ะพงษ์ก่อน และเมื่อหยิบใบพินัยกรรมมาอ่าน ข้อความที่พบคือ
                                                 พินัยกรรม
         หลังจากที่ยายได้เสียชีวิตไปแล้ว  ยายจะขอมอบสมบัติทั้งหมดที่ยายมี ให้แก่ นายสมพงษ์  เรือนศรี โดยสมบัติมีดังนี้
1.ที่ดินจำนวน 10 ไร่ ที่ อ.เมืองฯ จ.ขอนแก่น
2.บ้านเดี่ยว  85  ตารางวา หมู่บ้านริเวอร์ไซด์ ปาร์ควิลล์
3.เงินเก็บในธนาคารออมสินจำนวน  200,000  บาท โดยประมาณ
                                                                                                   ลงชื่อ
                                                                                        ยายวิไล  เอี่ยมบุญ
ปล. ถ้านายสมพงษ์ไม่รับสมบัติทั้งหมดนี้  ยายจะขอมอบให้ภรรยาหรือคู่ครองของเขา
สมชายรู้สึกสงสัยมากกับจดหมายทั้ง 2 ฉบับ ที่ทำไมถึงไม่ให้สมบัติแก่เขาและสุนีย์ เพราะสุนีย์เป็นลูกแท้ๆ ของยายวิไล แต่ก็คงจะต้องจำใจยอมรับตามจดหมายทั้ง 2 นี้ และเขาคิดว่า ให้มันเป็นไปตามกระบานการทางกฎหมายจะดีกว่า  จึงถือจดหมายทั้ง 2 ฉบับนี้ ไปให้นักสืบประสงค์
ขอโทษนะครับ นักสืบประสงค์ ผมขอขั้นจังหวะหน่อยนะครับสมชายพูดขึ้นกับนักสืบประสงค์ ขณะที่นักสืบประสงค์กำลังคุยกับสุนีย์อยู่ 
ครับนักสืบประสงค์ขานรับและหันมาหาสมชาย
ผมเจอจดหมายนี้ในมือยายวิไลครับสมชายพูดพร้อมกับส่งจดหมายฉบับแรกให้ไป
แล้วนี้อีกฉบับครับ มันคือพินัยกรรม สมชายพูดอีกแล้วส่งจดหมายฉบับที่เป็นพินัยกรรมให้ไป  จากนั้น ก็พาไปดูที่ที่พบจดหมายทั้ง 2 ฉบับ ขณะนั้น มีเสียงอีกเสียงหนึ่งแทรกเข้ามา
ขอโทษครับเจ้าหน้าที่กู้ภัยคนหนึ่งพูดกับทั้ง 3 คน คือ สมพงษ์ สมชาย และ สุนีย์
ผมเจ้าหน้าที่วิสุทธิ์ โพธิ์สินครับ คือ เราคิดว่า เราคงจะต้องใช้สถานที่นี้ ในการดำเนินการได้ไหมครับเจ้าหน้าที่คนนั้นพูด
แล้วผมจะไปอยู่ไหนกันล่ะครับ สมชายถาม
ก็เดี๋ยวผมจะให้ครอบครัวคุณไปอยู่ชั่วคราวที่บ้านพักตำรวจน่ะครับตำรวจปราโมทย์เดินมาตอบแทนเจ้าหน้าที่วิสุทธิ์
ครอบครัวคุณมีกันแค่ 3 คนใช่ไหมครับตำรวจปราโมทย์ถามต่อ
เปล่าครับ มีน้องสาวเป็นแฝดอีก 2 คนครับสมพงษ์พูดทันที
แล้วตอนนี้ ทั้ง 2 คนอยู่ไหนครับ ตำรวจปราโมทย์พูด
พวกเขาอยู่โรงเรียนน่ะคะสุนีย์ตอบ
งั้นพวกคุณ ช่วยไปรับพวกเขาเลยได้ไหมครับตำรวจปราโมทย์พูด แล้วมองดูนาฬิกาข้อมือตอนนี้ก็ 4 โมง  ครึ่งแล้วนะครับ
ถ้า 4 โมงครึ่ง ก็ไม่ต้องไปรับเขาหรอกค่ะ เดี๋ยวเขานั่งเรือลุงฉัตรชัยกลับมาเองคะสุนีย์หยุดนึกสักพักก็มาถึงแล้วล่ะคะสุนีย์พูดต่อ
ดีครับ งั้นคุณก็เตรียมข้าวของเลยนะครับตำรวจปราโมทย์พูด แล้วก็เดินไปทำงานต่อ
คุณสมชายครับเชิญทางนี้หน่อยครับเสียงของนักสืบประสงค์ดังมาจากข้างล่าง
ครับสมชายขานรับ แล้วรีบวิ่งไปหา
เมื่อสมชายลงไปถึงข้างล่าง
นี่ ของคุณหรือเปล่าครับนักสืบประสงค์ชี้ให้ดูของกองใหญ่ที่ถูกโยนเรี่ยราดไว้  มีหลอดดูดสารขนาดใหญ่ 2 หลอด ที่ภายในมีคราบเลือดสีแดงติดอยู่ปริมาณมาก มีเข็มฉีดยา 2 เข็มและหลอดหยดสารเคมีอีก 2 อันที่ภายในมีคราบของเหลวสีขาวเหลืองติดอยู่เล็กน้อยเหมือนกันทั้งคู่  มีเศษกระดาษ  ปากกา และของชิ้นเล็กชิ้นน้อยมากมาย และสำคัญโหลดองสัตว์ ซึ่งโหลนี้ เป็นงูพิษ ก็มาอยู่ที่นี้เช่นกัน
สมชายอึ้งและงงงันไปกับของที่กองซ้อนอยู่มุมสวน บริเวณเดียวกับบันไดที่สมพงษ์หยิบมา
ดูท่าคดีนี้ ท่าจะซับซ้อนมากเลยทีเดียวนะครับเนี่ยนักสืบประสงค์พูดพร้อมกับทำหน้าท้อ
แต่ไม่เป็นไรหรอกคะ พวกเราจัดการได้อยู่แล้วนักวิจัยอุไรพรพูดแล้วยิ้มแหยๆ
ชาย พร้อมจะไปหรือยังสุนีย์ตะโกนถามสมชาย
พร้อมแล้ว  ไปกันได้เลยสมชายขานตอบ
สักพัก ภรณ์และพัฒน์ก็เดินทางกลับมาถึงบ้าน เมื่อมาถึงหน้า ก็เห็นเจ้าหน้าที่ต่างๆมากมาย ทั้ง 2 จึงเดินเข้ามาหาพ่อแล้วถามว่า
พ่อค่ะ อะไรกันเนี่ยภรณ์และพัฒน์พูด พร้อมกับชี้นิ้วไปยังเจ้าหน้าที่ที่ทำงานกันอยู่
เดี๋ยวค่อยอธิบายให้ฟัง ไปขึ้นรถก่อนไปสมชายบอกแล้วก็รีบเดินไปที่รถทันที
ค่ะแฝดทั้ง 2 ตอบเบาๆ แล้วเดินตามพ่อไปที่รถพร้อมกับพูดพึมพำกันอยู่ 2 คน
เมื่อทั้ง 5 ขึ้นรถครบและออกรถไปสักพัก สุนีย์ก็บอกเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในวันนี้ทั้งหมดให้ภรณ์และพัฒน์ฟัง ส่วนสมชายก็ขับรถตามตำรวจปราโมทย์ไป
_ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ _ 
เรื่องราวในตอนจบจะเป็นอย่างไรนั้น ต้องติดตามในตอนที่ 3				
comments powered by Disqus

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน