::บางใจบางยิ้ม::

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

::บางยิ้ม::
	ก่อพงษ์  พงษพรชาญวิชช์
	28  มกราคม 2550
	ผมลาออกจากงานในกรุงเทพฯเพื่อกลับต่างจังหวัดเพราะสุขภาพทรุดโซมหนักจากมลพิษและการไม่ได้พักผ่อน  ความตั้งใจเดิมที่จะเก็บเงินซักก้อนเพื่อเอาไป
ลงทุนทำโรงงานกระดาษรีไซเคิลและหัตถกรรมสืบเนื่องเป็นอันพับไปอัตโนมัติ  ก่อนที่จะปักหลักอยู่กับที่ผมขอทางบ้านท่องเที่ยวไปไหนต่อไหนตามใจตัวเองซักช่วง  ทางบ้านก็ไม่ขัด เที่ยวแถวบ้านนอกไม่ได้ใช้เงินทองมากนัก ค่ารถโดยสารก็ไม่แพง  ของกินก็ถูกเหมือนไม่ต้องใช้เงินซื้อ
	เลาะริมโขงคือความตั้งใจที่ว่านั้น  เช้าออกเดิน  เที่ยงหลบร่ม  ค่ำมาก็หาที่พัก  ก่อนนอนในแต่ละคืนถ้าเป็นคืนเดือนหงายผมจะเก็บบรรยากาศเดือนแยงหาดไว้จนเต็มความนึกจำ ถ้าผมเป็นกวีคงได้งานเขียนเชิงนิราศ อาจให้ชื่อว่าแรมรอนไปริมโขงอะไรแบบนั้นแล้ว   แต่เมื่อผมเป็นแค่คนธรรมดา อย่างมากผมก็ได้แค่บันทึกสั้นอย่างที่ผมพยายามเขียนอยู่ตอนนี้
	แรมรอนไปคนเดียวนี่คิดอะไรได้เพลินมาก อย่างนี้มั้งคนเขียนหนังสือหลายคนจึงนิยมท่องเที่ยวและ เขียนบทบันทึกการเดินทางไปด้วย   ภาพชีวิตผู้คนและความงามของธรรมชาติที่ปรากฏต่อตาทำให้ผมนึกภาพตัดกลับไปกลับมาระหว่างอดีตช่วงหนึ่งกับ อดีตช่วงอื่น ๆ  ภาพหลายภาพที่ยังค้างอยู่ในความนึกคิดความจำกระตุ้น ให้อยากทำตามความฝัน  แต่หลายอันก็บั่นทอนแรงใฝ่ไปด้วยพร้อมๆกัน
	ผมได้เห็นภาพคนรักคล้องแขนเดินคู่กันไป  ได้เห็นคู่รักที่กลายเป็นคู่หมางแล้วแยกทางเพราะความ ไม่เข้าใจ  ร้ายกว่านั้นก็มีคืออาจกลายเป็นคู่แค้นชิงชังเพราะคาดหวังเกินรับ  มีหลายภาพด้วยที่ทำให้ผมทบทวนซ้ำ อาทิภาพนักบวชนิ่งพิจารณาไตรลักษณ์ซึ่งบางคราวก็ตัดกันอย่างรุนแรงกับเถรเหลืองห่มตอที่ส่งสายตาชีกอกับสีกา   ในที่สุดผมก็ยิ้ม ๆ กับภาพเหล่านั้นว่าบางที บางสิ่งอาจไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด หรือไม่ได้เป็นอย่างที่เราอยากให้เป็น  ก็มีด้วยที่ผมนึกภาวนาว่าอย่าให้ข้าพเจ้าต้องเป็นแบบนั้น เลยนะ
		เส้นทางท่องเที่ยวขาวกกลับบ้านเหลืออยู่อีกไม่ถึงร้อยกิ โลเมตรดีผมก็ได้พบกับสิ่งที่ทำให้หัวใจพองโตเต็มช่องอก  เรียกไม่ถูกด้วยว่ามันเป็นความสุขหรือความทุกข์ 
	เอ่อ..ขอโทษนะคะ   ดูเหมือนเราน่าจะเคยเห็นกันที่ไหนมาก่อน  คุณเป็นคนแถวนี้หรือเปล่าคะ  หญิงสาวที่เป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นนั่งอยู่ที่โขดหินใต้ร่มไม้ใหญ่นั้นก่อนที่ผมจะแวะเข้าไปอาศัยร่มนั้นหลบแดดเที่ยงด้วย
	อืม..ผมก็รู้สึกอย่างนั้นด้วยเหมือนกันครับ  ผมมาจากจังหวัดครับ  มาท่องเที่ยวทางไกล   คุณและเพื่อน ๆ มาจากไหนกันหรือครับ  ผมยิ้มตอบต่อยิ้มของเธอและเพื่อนที่ส่งมา
	ก็มาจากทางโน้นเหมือนกัน  ความจริงพวกเรามาศึกษาดูงานที่สำนักงานในตัวจังหวัด  พรุ่งนี้ก็จะเดินทางกลับ  วันนี้เลยแวะมาเที่ยวหาดที่ดังที่สุดของจังหวัดริมโขง เอ่อ..คุณเหมือนเพื่อนของฉันมากเลย  เขาชื่อสมโชค จบ ม.6 แล้วไม่ได้เจอกันอีกเลย ฉันชื่อพิมพ์แพง ค่ะ คุณชื่ออะไรหรือคะ
	สมชาติครับ  ไม่ได้พูดเล่นนะครับนั่นเป็นชื่อของผมจริง  ยินดีที่ได้รู้จักครับ เอ่อ ผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่เข้ามาใกล้พวกคุณมากเกิน ไป  ร่มไม้อื่นก็อยู่ไกลมาก แต่ผมก็จะนั่งพักซักหน่อยเดียวก่อนไปต่อ  คงไม่เป็นการรบกวนเกินไปนะครับ
	แหม   เกรงใจพวกเรามากเกินไปแล้วมั้งคะ  ไม่ต้องเกรงใจดอกค่ะ   เชิญคุณพักตามสบายถ้าไม่รำคาญเสียงเจี๊ยวจ๊าวของพวก สาว ๆ 
	หญิงสาวยังชวนคุยอีกหลายคำ  แต่หนุ่มเดียวในวงของเจ็ดสาวทำให้ผมชักไหวหวั่นเกิน กว่าที่ จะนิ่งอยู่ตรงนั้นต่อ  ไม่นานผมก็ขอตัวออกมาเมื่อสบโอกาสที่เมฆบางบาง ก้อนเคลื่อนมาบดบังตะวันเที่ยงอันแผดกล้า
	ผมเองคือสมโชคนะครับ  และคงเป็นเพื่อนกับเธอคนนั้นด้วย  แต่ผมเปลี่ยนชื่อใหม่เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว สมโชคคนเดิมจึงไม่มีอยู่ต่อไป   แม้จิตใจและความรู้สึกบางอย่างแบบสมโชคจะยังคงหลงเหลืออยู่ในหัวใจของผม    เมื่อห่างออกมาซักร้อยก้าวผมจึงเอ่ยชมตัวเองในใจว่า หัวใจของนายเด็ด ใช้ได้  ไม่เลว	!
	ผมอาจจะเลวก็ได้ในสายตาของใครต่อใคร และในสายตาของเธอด้วยก็ได้  ถ้าเธอรู้ว่าผมคือสมโชค  เวลาผ่านไปสิบกว่าปีไม่นานก็เหมือนนาน คือนานพอที่จะทำให้บางคนทำใจต่อความขมขื่นบาง อย่าง
	ในวัยเรียนผมแอบรักพิมพ์แพง   แต่เธอไม่สนใจผมดอกครับ  ผมไม่ใช่เด็กเรียนเก่ง  ผมเป็นเด็กหลังห้อง   ไม่เกเรก็เหมือนเกเรคือผมมักคิดแย้งในสิ่งที่ครูสอนอยู่เสมอ  จนเพื่อนมองว่าเป็นเด็กก้าวร้าว  การคิดอะไรแบบต่างจากพวกและเพื่อนทำให้ผมได้รับ การหมายหัวจากครูและเพื่อน ๆ ความรักที่ผมมีต่อพิมพ์แพงก็ถูกกาเครื่องหมายคูณไปเลย  เธอหัวเราะเยาะ อาจไม่ถึงกับเย้ยหยัน ต่อท่าทีเก้งก้างงกเงิ่นในหนที่ผมส่งของขวัญเป็นสมุดเขียนกลอนที่ผมยื่นให้  ดูท่าทางแล้วคนรับคงรับอย่างขัดไม่ได้  ผิดกับสีหน้าของเธอเมื่อเธอรับของขวัญจากเพื่อนอีกคนที่ทั้งเก่งและเท่ห์    สิ่งที่ทำให้ผมช้ำใจและคิดจะไม่ลืมไปจนวันตายคือหนังสือกลอนที่ผมตั้งใจเขียนนั้นมันไม่มีค่าอะไรเลยในสาย ตาเธอ   มันคงเป็นยิ่งกว่าขยะมั้ง   ผมเห็นมันอยู่ในถังขยะหน้าโรงเรียนตอบแทนความใคร่รู้ว่าเธอจะพลิกอ่านหรือไม่ขณะรอรถกลับบ้าน  สมุดเขียนกลอนเล่มนั้นผมลงชื่อท้ายกลอนวรรคสุดท้าย ว่า  
แด่..พิมพ์แพง
จาก
สมโชค  รักประชา
14  กุมภาฯ  2527				
comments powered by Disqus
  • ก.พ.

    29 มกราคม 2550 21:30 น. - comment id 92115

    สวัสดีครับคุณโคลอน
  • อัลมิตรา

    28 มกราคม 2550 22:31 น. - comment id 94832

    หลอกฉันหน่อยได้ไหมถึงไม่รัก
    อย่าหาญหักหัวใจให้ขื่นขม
    สักเพียงน้อยถ้อยหวานหว่านคารม
    แสร้งสุขสมเถิดหนอขอเอาบุญ
    
    โปรดกอดฉันอีกคราเพลานี้
    ด้วยกอดที่ชิดใกล้ได้ไออุ่น
    จูบที่ริมฝีปากฝากละมุน
    คนเคยคุ้นทำได้ไหมแม้นไม่รัก
    
    (แอบปลอมมาเป็นพิมพ์แพง ขำล่ะน่าดู ... ฮา)
  • ก.พ.

    28 มกราคม 2550 22:49 น. - comment id 94833

    ฮ่า ๆ
    
    ผมได้ยิ้มก่อนนอนอีกคืนนี้
    
    ราตรีสวัสดิ์ครับ
  • -ร้อยแปดพันเก้า-

    29 มกราคม 2550 09:48 น. - comment id 94836

    1.gif
  • ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

    29 มกราคม 2550 15:12 น. - comment id 94842

    29.gif
  • โคลอน

    29 มกราคม 2550 17:42 น. - comment id 94843

    11.gif

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน