23 ตุลาคม 2549 00:59 น.
เรไร
จงลืมเรื่องปวดร้าวเถิดสาวน้อย
อย่าถดถอยท้อแท้จงแก้ไข
ความผิดพลาดเพียงนิดอย่าติดใจ
อย่าปล่อยให้เป็นบาปทาบอุรา
มีเรื่องราวมากมายไร้เหตุผล
อาจได้ยลดั่งจิตวาดปรารถนา
อาจเสียใจผิดหวังบางเวลา
แค่อยากคว้าตอบสนองสิ่งต้องการ
กระทั่งสิ่งเลวร้ายในชีวิต
ถึงพลาดผิดจงข้ามฝ่าอย่างกล้าหาญ
แม้อดีตเคยระทมทรมาน
อย่าร้าวรานหมองหม่นกระวนกระวาย
ต้องมีเรื่องที่เผชิญเกินหยั่งรู้
ครวญคิดดูไม่ยากมีหลากหลาย
แม้ความรักคงยากคิดอธิบาย
ดีหรือร้ายรู้ได้ด้วยใจตัว
เพียงเตรียมใจให้พร้อมจะยอมรับ
เพื่อพบกับแสงสว่างกลางสลัว
รักจะจุดเทียนชัยในมืดมัว
จงเตรียมตัวเตรียมใจไว้ให้ดี
จงลืมเรื่องปวดร้าวเถิดสาวน้อย
รักจะคอยปลอบปลุกให้สุขี
คงบรรเทาเงียบเหงาเศร้าโศกี
ใช้ชีวีที่เหลือเพื่อรักใคร
20 ตุลาคม 2549 00:18 น.
เรไร
เมื่อชีวิตกับความฝันยืนยันว่า
ถึงเวลาจะพบกันในวันหนึ่ง
เพียงวันนี้อยู่ไปให้คำนึง
จะไปถึงอนาคตที่งดงาม
ใช้ชีวิตเลือดเนื้อที่เหลืออยู่
เพื่อยืนสู้อุปสรรคและขวากหนาม
แม้กล้ำกลืนฝืนทนคนประณาม
พยายามลืมเลือนเหมือนไม่ยิน
เสียงของป่าพร่ำเพรียกเรียกฉันแล้ว
ดังผะแผ่วก้องศิลาภูผาหิน
ผสมเสียงลมบรรเลงดุจเพลงพิณ
ดอกไม้ป่ารวยระรินกลิ่นกำจาย
เบื่อบุบผาฟุ้งเฟื่องในเมืองหลวง
เป็นช่อพวงหลากสีมีมากหลาย
ให้เพียงเสพชิดชมจนตรมตาย
คอยทำลายกัดกินถึงวิญญาณ์
คิดถึงสายน้ำเย็นกระเซ็นซ่าน
เป็นลำธารชุ่มชื้นทั่วผืนป่า
หรือเพียงฝันได้ชิดเพียงนิทรา
หรือเกินที่ไขว่คว้ามาครอบครอง
เสียงของป่าพร่ำเพรียกเรียกฉันแล้ว
นกเจื้อยแจ้วเพลงพฤกษ์ดังกึกก้อง
ลมผะแผ่วเริงระบำตามทำนอง
คือเสียงของความฝัน ณ วันนี้
18 ตุลาคม 2549 19:57 น.
เรไร
ข้ามาเพื่อทักท้วง...............ทวงถาม
คำมั่นของเจ้ายาม..............โศกเศร้า
เสนอแลกเปลี่ยนความ.......สงบสุข
แลกกับชีวิตของเจ้า...........เมื่อครั้งวันวาน
ทุกข์ยากลำบากจิต.............นิรมิตมลายราญ
ให้ชีพระรื่นบาน.................และจะช่วยอำนวยชัย
เขียนขีดลิขิตโชค...............อุปโลกน์สนุกให้
สิ่งสุขบำเรอใจ....................ชนะตรมระทมทรวง
ถึงแล้ว ณ เวลา..................สละมาสิอย่าห่วง
ด้วยข้าจะมาทวง.................นยะพันธะสัญญา
เงินทองขอแลกด้วย............แขนขา
สุขสบายปรารถนา...............พรั่งพร้อม
ขอเสนอแลกชีวา................และร่าง
ความรักมานอบน้อม...........แลกด้วยวิญญาณ
12 ตุลาคม 2549 00:27 น.
เรไร
หากเจ้ายังสงสัยในความรัก
ไม่ประจักษ์แจ้งจิตยังติดขัด
เหมือนไม่เคยแม้นาทีจะชี้ชัด
อยากสัมผัสรักแท้ที่แน่นอน
อยากนั่งเพ้อเหม่อลอยคอยคนคู่
อยากอดสูเพราะเงาใครเฝ้าหลอน
อยากหลับตาคราใดให้อาวรณ์
อยากร้าวรอนร้อนรนจนวุ่นวาย
มาเถอะเจ้าแก้วตาอย่าแข็งขืน
ข้าจะยื่นนิยามของความหมาย
สู่จิตใจเปล่าเปลี่ยวที่เดียวดาย
จนฟูมฟายป้ายน้ำตาทุกนาที
ข้าจะเป็นผู้หยิบยื่นความกลืนกล้ำ
คือผู้นำความรันทดหมดราศี
ข้าจะตามไปซ้ำคอยย่ำยี
ตามราวีให้มัวหมองนองน้ำตา
หากได้ยินดนตรีที่หวานซึ้ง
ให้คิดถึงคร่ำครวญรัญจวนหา
ให้ฝันร้ายแนบสนิทยามนิทรา
หวาดผวาทุกทีที่ได้ฟัง
ยามได้อ่านเรื่องรักการอักษร
คือบทกลอนรื่นรมย์เพราะสมหวัง
หรือเรื่องราวแสนสนุกปลุกพลัง
ข้าจะพังให้สิ้นจินตนาการ
ข้าจะเปลี่ยนความคิดจิตสำนึก
ให้ร้าวลึกลำเค็ญเป็นพื้นฐาน
ข้าจะนำหวาดหวั่นสู่สันดาน
จนจิตกร้านด้านชาในอารมณ์
มาเถิดเจ้าแก้วตามาตรงนี้
จะไม่มีเรื่องสนุกแสนสุขสม
หากเจ้ายังไม่เคยได้เชยชม
มาตรอมตรมทุกชาติเป็นทาสรัก
3 ตุลาคม 2549 23:31 น.
เรไร
เพียงพระพายพัดพลิ้วละลิ่วผ่าน
เริ่มร้าวรานเรื่องราวแต่คราวหลัง
ทุกข์ถาโถมถมเทประเดประดัง
ยากยับยั้งยื้อยุดให้หยุดลง
คอยครุ่นคิดคร่ำครวญรัญจวนจิต
ชินเชยชิดชื่นชมสมประสงค์
อิงไออุ่นอกเอ๋ยมิเคยปลง
ราวลุ่มหลงรักราญผลาญหัวใจ
หนาวเหน็บเนื้อนอนหนาวทนเปล่าเปลี่ยว
โดยโดดเดี่ยวเดียวดายกายหวั่นไหว
กายเก็บกอดกลืนกล้ำช้ำเพียงใด
โหยหวนไห้ห่วงหาด้วยอาวรณ์
บอกเบื้องบนบนบานวิมานฟ้า
ลอยละล่องลับลาอย่าหลอกหลอน
สิ่งโศกเศร้าโศกศัลย์คอยบั่นทอน
ไกลกายก่อนกัดกินถึงวิญญาณ