13 พฤศจิกายน 2551 14:52 น.

..บ้านแดง...

แมวคราว

บ้านหลังนั้นรกร้างริมทางผ่าน
ฝากระดานผุเก่าจนเสาโผล่
กระจกแหว่งเว้นร่องเป็นช่องโต
หลังคาโหว่มองเห็นเด่นแต่ไกล

กระเบื้องบิ่นสิ้นสวยด้วยอายุ
หน้าต่างผุลูกฟักแตกแยกรอยใหญ่
เหล่าแมงมุมปักหลักคอยชักใย
มองทางใดรกเรื้อจนเหลือมอง

ตรงเรือนครัวของบ้านเป็นลานโล่ง
หลังคาโปร่งระบายควันเป็นชั้นช่อง
เหลือเศษเตาชิ้นหนักที่หักกอง
มดจับจองเป็นถ้ำเข้าทำรัง

ผงขี้เถ้าเก่ายุ่ยเป็นขุยขาว
ต่อเรื่องราวคำนึงถึงความหลัง
เคยรุนฟืนใส่เตาเฝ้าระวัง
น้ำเดือดพลั่งชิมชมทั้งต้มแกง

ที่บ่อน้ำกลางบ้านขี้คร้านตัก
ดึงถังหนักเหลือดีพี่เคยแกล้ง
บางฤดูบ่อนี้ออกสีแดง
สารส้มแกว่งพอใช้ไม่อับจน

สังกะสีสนิมเขรอะเปรอะไปทั่ว
น้ำฝนรั่วลงมาคราหน้าฝน
ที่บันไดเรียงหลั่นขึ้นชั้นบน
เมื่อได้ยลภาพหลังยังผุดพราว

ยังแว่วเสียงไก่ขันตะวันรุ่ง
ควันระรวยพวยพุ่งแม่หุงข้าว
ลงบันไดแวะปลุกตื่นทุกคราว
หลายเรื่องราวที่ผ่านณ.บ้านแดง

มะพร้าวงอกออกผลเป็นต้นใหญ่
ใครกองไว้เกลื่อนกล่นล้วนผลแห้ง
ได้น้ำฝนชูช่ออกหน่อแทง
เมื่อลมแรงมะพร้าวไหวกรีดใบกราว

ที่คอกหมูคอกไก่ไม่เหลือหลง
หักพังลงตามกาลเป็นลานขาว
วัชพืชเลื้อยรัดระบัดราว
ออกดอกพราวที่บ้านร้างริมทางจร

ต้นเงาะแก่แลตระหง่านที่ด้านข้าง
มาหักกลางผุพังผิดครั้งก่อน
เคยปีนป่ายล้อลิงยิ่งอาวรณ์
เด็ดลูกอ่อนโดนเอ็ดเข็ดไปนาน

ขนุนหนังต้นนั้นก็พลันหาย
มาล้มตายรสล้ำทั้งฉ่ำหวาน
แกะเม็ดต้มแบ่งกันเมื่อวันวาน
แสนสำราญบ้านสวนชวนรื่นรมย์

ที่โต๊ะหินเก่าแก่แม่เคยนั่ง
เล่าให้ฟังใกล้ชิดสนิทสนม
ชวนลูกคุยบ่อยครั้งนั่งรับลม
เคล้าผสมเป๊กโป๊กโขลกเครื่องแกง

เคยเล่นแบดหน้าบ้านที่ลานโล่ง
เป่าน้ำยาลูกโป่งไล่ยื้อแย่ง
นกขุนทองตัวดีมีหงอนแดง
เคยร้องแกล้งเรียกลูกไก่วิ่งไปมา

ถึงหน้านุ่นวุ่นวายเก็บขายนุ่น
ได้เป็นทุนกินใช้ไม่สูญค่า
แม่สั่งสอนขึ้นใจแต่ไรมา
ให้รู้ค่าทุกสิ่งไม่ทิ้งเปลือง

อีกหลายหลากมากมีที่บ้านเก่า
ทั้งสุขเศร้าล่วงผ่านนับนานเนื่อง
ก่อนจรจากบ้านแดงมาแฝงเมือง
ได้รุ่งเรืองหน้าที่มีการงาน

เยือนบ้านแดงอีกคราเพลานี้
บ้านร้างที่ผุพังเหมือนสังขาร
ความคิดถึงดึงฉุดหยุดอยู่นาน
เกิดอาการหวั่นไหวให้อาวรณ์

หญ้าขึ้นดกรกเรื้ออยู่เหนือเข่า
ดูเงียบเหงาเงียบงันผิดวันก่อน
ผ่านร้อนหนาวลมกรรโชกคอยโยกคลอน
ไม่แน่นอนเหมือนชีวิตอนิจจัง

ยืนนิ่งนึกตรึกตราอยู่หน้าบ้าน
ภาพวันวานจู่จู่ไหลพรูพรั่ง
ยิ่งเนิ่นนานสะท้านไหวในภวังค์
ก่อนหันหลัง...กลั้นน้ำตา..ลาบ้านแดง..

แมวคราว......
แด่..บ้านแดง...ที่รักและอาลัย..
   13 พย.2551.				
11 พฤศจิกายน 2551 12:00 น.

......คงคารำพึง......

แมวคราว

กระทงน้อยลอยมาน้ำตาหลั่ง
ภาพความหลังฝังอยู่ไม่รู้หาย
นึกกาลก่อนย้อนหลังยังเสียดาย
ล้วนเรียงรายครึ้มไปไม้ใหญ่น้อย

ข้าสวยใสสะอาดตากว่าที่เห็น
ปลาว่ายเล่นเป็นทิวทั้งซิวสร้อย
มีเรือพายเรือแจวเป็นแถวลอย
ล้วนคนคอยรักษาคงคานี้

ผ่านเรือกสวนไร่นาธัญญาผล
ให้สัตว์คนทั่วไปได้สุขขี
ทั้งกินอาบแหวกว่ายสายนที
มลพิษไม่มีที่เปื้อนปน

มาวันนี้ยีย่ำทำลงได้
ช่างกลับกลายอาเพศไร้เหตุผล
ข้าทรุดโทรมลงนี้ฝีมือคน
ทำเอาจนสิ้นดีไร้ที่งาม

ทั้งโรงงานปล่อยน้ำดำสนิท
ปนสารพิษไหลพรั่งดังหยาบหยาม
พลาสติกโฟมลอยกระเพื่อมดูเสื่อมทราม
จะหางามที่ไหนไม่เห็นมี

เมื่อคนทิ้งขยะท่วมร่วมกันย่ำ
คงคาช้ำอมทุกข์ไม่สุขขี
เหมือนหญิงสาวถูกล่าพรหมจารีย์
และย่ำยีซ้ำซากจากมือมาร

แหงนหน้ามองจันทร์เพ็ญงามเด่นฟ้า
อกคงคาหมองไหม้ดั่งไฟผลาญ
เคยเพริดแพร้วแพรวพราวมายาวนาน
คงถึงคราเป็นตำนานในกาลนี้

ขอขมาข้าใยไร้เหตุผล
ฝีมือคนแน่ชัดทำบัดสี
พิสูจน์ความจริงใจหากใยดี
เลิกย่ำยีล้ำรุกทุกธารา

อย่าดีแต่ปล่อยกระทงลอยลงน้ำ
ทำไปตามประเพณีตีสองหน้า
หมดงานแล้วลืมไปไม่นำพา
ปล่อยให้ข้าเน่าเหม็นดังเช่นเคย

กระทงน้อยลอยมาคงคาร่ำ
สุดชอกช้ำหม่นไหม้แล้วใจเอ๋ย
แสงประทีปจากกระทงคงไหลเลย
เหมือนเยาะเย้ย..สายน้ำเน่าในเงาจันทร์.

แมวคราว...
11 พย. 2551

มอบบทกลอนนี้แด่พระแม่คงคาทุกสาย
ด้วยรักและบูชาคารวะ...
ร่วมกันดูแลสภาพแวดล้อมโลกให้ลูกหลานของเรานะครับ...				
6 พฤศจิกายน 2551 14:47 น.

......หลบ....

แมวคราว

กัดแตงโมเต็มคำรสฉ่ำหวาน
ยิ้มหน้าบานเขี้ยวน้ำแตงแดงสดใส
นั่งแกว่งขาเรี่ยผิวน้ำยามสุขใจ
วิ่งแล่นไล่ปุยนุ่นปลิวลิ่วตามลม

ล้มตัวนอนแผ่หราบนหญ้าเขียว
ยิ้มคนเดียวมองหมู่เมฆแล้วเสกสม
กระต่ายขาวหางม้วนตัวอ้วนกลม
นั่นขนมปุยฝ้ายคล้ายเคยกิน

นั่นฝูงม้าแล่นลิ่วเป็นทิวแถว
ลมมาแล้วเป่าเมฆกลายมลายสิ้น
พลิกตัวกลับทับหญ้ามาหอมดิน
เต่าทองบินสู่ฟ้าจากฝ่ามือ

ดึงดอกเข็มเล็มก้านหวานปะแล่ม
เสื้อมอมแมมเลอะลายอ้ายเด็กดื้อ
ลงคลานเข่าเป่าหนังยางเพื่อนครางฮือ
ยังเลื่องลือเก็บลูกแก้วแล้วทอยกอง

เสียงหัวเราะเริงร่าฝ่าสายฝน
เที่ยวซุกซนขุดดินเล่นให้เป็นร่อง
ธารน้ำฝนเย็นใสไหลเนืองนอง
เรือใบไม้แล่นล่องท่องธารา

อุ้มหมาน้อยตาใสในอ้อมแขน
ทั้งหวงแหนแสนรักเจ้านักหนา
คืนเดือนมืดมองดาวพร่างพราวตา
ชวนบิดาชมชี้ที่ฟ้าไกล

คือถิ่นแคว้นแดนฝันบรรเจิดแจ่ม
หมั่นมาแย้มยิ้มเยือนเหมือนอยู่ใกล้
ยามเหนื่อยล้ามาหนักอยากพักใจ
หลบอยู่ในภวังค์ฝันอันรื่นรมย์

ถอยเวลามาใหม่ดั่งใจนึก
ความรู้สึกเกินนิยามความสุขสม
ยามโลกจริงขู่กรรโชกจนโงกงม
เร้นอารมณ์..สู่โลกฝัน..นิรันดร...



แมวคราว...(คนช่างฝันและชอบฝัน)
...คิดถึงพ่อ...คิดถึงวัยเด็ก.....คิดถึงหมา..คิดถึงบ้าน....
6 พย. 2551				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแมวคราว
Lovings  แมวคราว เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแมวคราว
Lovings  แมวคราว เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแมวคราว
Lovings  แมวคราว เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงแมวคราว