30 พฤศจิกายน 2554 11:27 น.

รวมเรื่องราวและภาพแห่งความประทับใจในหลวงของเรา(เพิ่มเติมค่ะ)

โคลอน

thum02.jpg

ภาพแห่งความประทับใจของคนไทยทั้งชาติ ที่ได้รับการยอมรับเป็น
ภาพประวัติศาสตร์ภาพหนึ่ง  ได้แก่  ภาพในหลวงทรงรับดอกบัวจากแม่เฒ่าตุ้ม  
และหากได้ทราบรายละเอียดของภาพนี้ด้วยแล้ว  ก็ยิ่งจะซาบซึ้งมากยิ่งขึ้น

   เนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมพสกนิกรภาคอีสานเป็นครั้งแรก  

    เมื่อวันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๔๙๘  หลังจากทรงบำเพ็ญพระราชกุศล 
ณ วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหารเสร็จสิ้นในช่วงเช้าแล้ว ทั้ง ๒ พระองค์ได้เสด็จฯ 
โดยรถยนต์พระที่นั่งกลับไปประทับแรม ณ จวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม 

    ราษฎรที่รู้ข่าวก็พากันอุ้มลูกจูงหลานหอบกันมารับเสด็จที่ริมถนนทาง
เสด็จพระราชดำเนินอย่างเนืองแน่น  ดังเช่นครอบครัวจันทนิตย์ ที่ลูกหลาน
ช่วยกันนำ แม่เฒ่าตุ้ม จันทนิตย์  หญิงชราวัย  ๑๐๒ ปี  ไปรอรับเสด็จแต่เช้า 
ณ จุดรับเสด็จห่างจากบ้านประมาณ ๗๐๐ เมตร บนเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินทางสามแยกชยางกูร - เรณูนคร
ตำบลพระกลางทุ่ง อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม  พร้อมดอกบัวสายสีชมพู จำนวน ๓  ดอก
และพาออกไปรอที่แถวหน้าสุดเพื่อให้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาทที่สุด

    เปลวแดดร้อนแรงตั้งแต่เช้าจนสาย เที่ยงจนบ่าย แผดเผาจนดอกบัวสายในมือเหี่ยวโรย
แต่หัวใจความจงรักภักดีของหญิงชรา ยังคงเบิกบาน และเฝ้าคอยรอเวลาเสด็จพระราชดำเนินด้วยใจจดจ่อเป็นอย่างยิ่ง

    เมื่อในหลวงเสด็จพระราชดำเนินมาถึง ตรงมาที่แม่เฒ่า  แม่เฒ่าได้ยกดอกบัวสายที่โรยนั้นขึ้นเหนือศีรษะ 
แสดงความจงรักภักดีอย่างสุดซึ้ง  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงโน้มพระองค์ลงมาทรงแย้มพระสรวลอย่างอ่อนโยน
พระหัตถ์แตะมือกร้านคล้ำของแม่เฒ่าอย่างนุ่มนวล ไม่มีใครรู้ว่าทรงกระซิบคำใดกับแม่เฒ่า
 แต่แน่นอนว่าแม่เฒ่าไม่มีวันลืม เช่นเดียวกับที่ในหลวงไม่ทรงลืมราษฎรคนสำคัญที่เข้าเฝ้าริมถนนในวันนั้น    
 
    หลังจากที่พระองค์เสด็จพระราชดำเนินกลับกรุงเทพฯ แล้ว  สำนักพระราชวังได้ส่งภาพรับเสด็จของแม่เฒ่าตุ้ม 
พร้อมพระบรมรูปหล่อด้วยปูนพาสเตอร์ ผ่านมาทางอำเภอธาตุพนม ให้แม่เฒ่าตุ้มไว้เป็นที่ระลึก
 เป็นพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้

  พระ มหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้นี้ อาจมีส่วนช่วยชุบชูชีวิตให้แม่เฒ่ามี อายุยืนยาวขึ้นอีกด้วยความสุขต่อมาอีกถึง ๓ ปีเต็ม ๆ
  แม่เฒ่าตุ้ม จันทนิตย์  สิ้นอายุขัยอย่างสงบด้วยโรคชรา เมื่ออายุได้ ๑๐๕ ปี  เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๑

      หลังจากนั้น  ลูกหลานได้สร้างธาตุเจดีย์บรรจุอัฐิแม่เฒ่าตุ้ม จันทนิตย์ 
ไว้ ณ หน้าบ้านเลขที่ ๒๒ หมู่ที่ ๑๑  ตำบลพระกลางทุ่ง อำเภอธาตุพนม 
จังหวัดนครพนม ในบริเวณพื้นที่  ๒ งาน โดยยกผืนดินดังกล่าวให้เป็นที่
สาธารณประโยชน์สมบัติของแผ่นดิน

    ภาพที่แม่เฒ่าตุ้ม จันทนิตย์ ทูลเกล้าฯ ถวายดอกบัว  ๓ ดอกนี้  ถ่ายภาพ
โดย นายอาณัติ บุนนาค  ช่างภาพส่วนพระองค์ ซึ่งได้จับภาพในวินาทีสำคัญ
นี้ไว้ได้  ภาพนี้ถูกเรียกว่า "ภาพดอกไม้แห่งหัวใจ"  ทำให้ประชาชนชาวไทย
ซาบซึ้งในพระจริยาวัตรอันงดงามของพระองค์ท่านเป็นอย่างมาก 
เป็นภาพแห่งความตราตรึงใจและประทับใจของคนไทยทั้งชาติมิลืมเลือน


อ้างอิง                      :   วิกิพีเดีย  สารานุกรมเสรี  และวารสารไทย  
เรียบเรียง                   :   บล็อกเกอร์สุรศักดิ์

ภาพจากอินเตอร์เน็ต     :   นายอาณัติ  บุนนาค  

===================================================

แหล่งที่มา http://www.oknation.net/blog/surasakc/2009/12/06/entry-1


..............................................................................................................

รูปประทับใจในหลวงเสด็จเยือนแม่สาย

king10.jpgking12.jpgking3.jpgking8.jpg


======================================================

แหล่งที่มา http://www.oknation.net/blog/maesai/2008/06/16/entry-1

...............................................................................................................

ในหลวง.. ในใจอาบอซาเคอะ

pahmee.jpg

ที่นี่.. เป็นหมู่บ้านของชาติพันธุ์อาข่าค่ะ 
เราเลือกหมู่บ้านนี้ เป็นสถานที่ถ่ายทำหนังด้วยเหตุผลที่ว่า..
เมื่อ 38 ปีที่แล้ว ในหลวงได้เคยเสด็จฯ เยี่ยมพี่น้องชนเผ่าที่นั่นค่ะ
ด้วยหนทางที่ยากลำบาก ชาวบ้านจึงนำฬ่อมาให้พระองค์ประทับนั่ง
จนกลายเป็นภาพความทรงจำที่พี่น้องชาวอาข่าบ้านผาหมี ประทับไว้ในใจมิรู้ลืม

อาบอซาเคอะ ผู้อาวุโสชาวอาข่า วัย 61 ปี 
เป็นผู้ที่ทำให้การไปบ้านผาหมีของดิฉันครั้งนี้ คุ้มค่าจริงๆ ค่ะ

(อาบอ.. หรืออาบ๊อ เป็นคำเรียกผู้อาวุโสชาย ในภาษาอาข่านะคะ)


Zaker011.jpg


ผู้ชายอาข่าคนนี้ ในวันนั้น อายุ 23 ปีค่ะ

...


Zaker04.jpg


ผู้ชายอาข่าคนเดียวกัน ในวันนี้ อายุ 61 ปีค่ะ

...

สามสิบแปดปี อาจนานมากสำหรับบางคน 
แต่ทว่าสำหรับอาบ๊อแล้ว ภาพต่างๆ ยังกระจ่างชัดราวกับเพิ่งผ่านมาไม่นานนี้เอง

หมู่บ้านผาหมีในขณะนั้น อยู่ใกล้ชายขอบประเทศมาก 
เป็นพื้นที่ค่อนข้างเสี่ยงอันตราย ทั้งจากขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ
อันตรายจากสงคราม ยังไม่รวมถึงถนนหนทางที่ยากลำบากเกินกว่าที่คนในเมืองจะไปถึง
แต่ในหลวงก็ทรงเสด็จฯ มาทรงเยี่ยมผาหมีติดกันหลายครั้ง ในเวลาห่างกันไม่นาน


Zaker02.jpg


ในตอนนั้น อาบอซาเคอะ ไม่อาจทราบได้เลยว่า
การได้มีโอกาสเข้าเฝ้าใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาทถึงขนาดรินน้ำชาถวายเช่นนี้ 
สำหรับคนไทยอีกหลายล้านคนแล้ว ถือเป็นบุญวาสนามากขนาดไหน
อาบ๊อรู้แค่ว่า ในหลวงทรงเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่มีบุญคุณกับชุมชนของแกมาก
ทรงนำเอาสิ่งดีๆ เข้ามาในหมู่บ้านมากมาย เพื่อให้ชาวบ้านหยุดปลูกฝิ่น
ทรงมาพร้อมกับพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ และการก่อสร้างโรงเรียนสำหรับเด็กๆ ที่นั่น

นับตั้งแต่วันที่ในหลวงเสด็จกลับไป จนถึงวันนี้สามสิบแปดปีแล้ว 
กาลเวลาเปลี่ยนไป หลายอย่างเปลี่ยนไป ความเจริญแบบเมืองเข้ามาในหมู่บ้านมากมาย
ผู้คนในหมู่บ้านผาหมีต่างประกอบอาชีพเพื่อความร่ำรวยและมั่นคงของครอบครัว
แต่อาบอซาเคอะมีอาชีพ... เลี้ยงวัว

อาบอซาเคอะ มีวัวห้าสิบกว่าตัว 
วัวของอาบ๊อล้วนสืบสายจากวัวแม่พันธุ์ของแกเองกับวัวพ่อพันธุ์พระราชทานในครั้งกระนั้น
และอาบ๊อ เป็นเพียงคนเดียวในหมู่บ้านเท่านั้น ที่ยังคงเลี้ยงวัวของพระองค์
อาบ๊อเล่าเรื่องนี้ให้ฟังเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาๆ ไม่มีซักคำที่แกพูดว่า.. ภูมิใจ
แต่สีหน้าและน้ำเสียงของอาบ๊อ.. ก็เดาได้ไม่ยาก ว่าแกรู้สึกอย่างไร
โดยเฉพาะ.. ในเวลาเพียงไม่ถึงชั่วโมงที่เราคุยกัน อาบ๊อพูดเรื่องนี้ซ้ำถึงสองครั้ง

อาบ๊อบอกว่า แกมีพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงตอนที่เสด็จผาหมี
ดิฉันทำท่ากระตือรือร้นอยากเห็นขึ้นมา แกจึงเดินเข้าไปในบ้านเพื่อหยิบให้
ภาพที่อาบ๊อมีเก่ามากแล้ว บางส่วนก็เป็นปฏิทินที่แกได้มาจากทางการ
อาบ๊อให้ดูปฏิทิน พร้อมอธิบายว่าปฏิทินนี่ ในหมู่บ้านนี้ ได้มาแค่ 9 คนนะ
ครั้นดิฉันถามว่าขอยืมไปได้ไหม อาบ๊ออึ้งไป ไม่ตอบค่ะ
ดิฉันเดาว่าอาบ๊อคงเข้าใจว่าดิฉันจะยืมภาพในหลวงของแกลงมาในเมืองด้วย
จึงรีบบอกแกว่า ขอยืมแป๊บเดียวเอง จะเอากล้องถ่ายเก็บภาพไปค่ะ
อาบ๊อให้ยืมทันที และหัวเราะเขิน คงกลัวดิฉันจะว่าแกหวง
พอถ่ายเสร็จ แกก็รีบเอาเข้าไปเก็บในบ้านทันที ประดุจของมีค่าชิ้นหนึ่งทีเดียว

น่าเสียดายในวันที่เราคุยกันนั้น 
ทางอำเภอส่งเจ้าหน้าที่มาสำรวจสถานะบุคคลที่หมู่บ้าน
อาบ๊อจึงต้องไปร่วมประชุมกับเขาในฐานะชาวบ้านที่ดี
จึงมีโอกาสคุยกับอาบ๊อ แค่เพียงช่วงเวลาสั้นๆ ไม่ถึงชั่วโมง

แต่อย่างน้อย ดิฉันก็เดาได้แล้วว่า 
ทำไมภาพทุกอย่างยังกระจ่างชัดในใจของอาบ๊อเสมอมา

สำหรับคนบางคน ความรู้สึก คงไม่อาจแสดงออกได้ด้วยคำพูด
อาบอซาเคอะก็เช่นกัน 

...

Zaker06.jpg

===========================

แหล่งที่มา http://www.oknation.net/blog/print.php?id=45691

..........................................................................


mykings.jpg

เดิมพันของเรานั้นสูง

            ครั้งหนึ่ง เมื่อหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช กราบบังคมทูลถามพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า เคยทรงเหนื่อย ทรงท้อบ้างหรือไม่  ครั้งนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชกระแสตอบว่า ความ จริงมันน่าท้อถอยหรอก บางเรื่องมันน่าท้อถอย แต่ว่าฉันท้อไม่ได้ เพราะเดิมพันของเรานั้นสูงเหลือเกิน เดิมพันของเรานั้นคือบ้านคือเมือง คือความสุขของคนไทยทั่วประเทศ

ข้อมูลจาก ไทยรัฐ ฉบัย 5 ธ.ค.32

=================================

1_original.jpg

ราษฎรยังอยู่ได้

            ปีพุทธศักราช 2513 เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชประสงค์ที่จะเสด็จพระราชดำเนินไป เยี่ยมราษฎรในตำบลหนึ่งของอำเภอเมืองพัทลุง อันเป็นแหล่งที่ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ปฏิบัติการรุนแรงที่สุดในภาคใต้ เวลานั้น ด้วยความห่วงใยอย่างยิ่งล้น ทางกระทรวงมหาดไทยได้กราบบังคมทูลขอให้ทรงรอให้สถานการณ์ดีขึ้นกว่าที่เป็น อยู่เสียก่อน แต่คำตอบที่ทางกระทรวงมหาดไทยได้รับก็คือ ราษฎรเขาเสี่ยง ภัยยิ่งกว่าเราหลายเท่า เพราะเขาต้องกินอยู่ที่นั่นเขายังอยู่ได้ แล้วเราจะขลาดแม้แต่จะไปเยี่ยมเยียนทุกข์สุขของเขาเชียวหรือ  คนเราจะอยู่สุขสบายแต่คนเดียวไม่ได้ ถ้าคนที่อยู่ล้อมรอบมีความทุกข์ยาก ควรต้องแบ่งเบาความทุกข์ยากของเขาบ้าง ตามกำลังและความสามารถเท่าที่จะทำได้!

ข้อมูลจากคำอภิปรายเรื่อง พระบิดาประชาชน

==================================

a4274677-250.jpg

เขาเดินมาเป็นวัน ๆ

            มีอยู่ครั้งนึง ข้าพเจ้าอายุ 18 ปี ได้ตามเสด็จตอนนั้นเป็นช่วงหลังพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เสด็จฯ เยี่ยมราษฎรทุกจังหวัดและอำเภอใหญ่ๆ ก็เสด็จฯ ประมาณ 9 โมงเช้า เสด็จออกทรงเยี่ยมราษฎรมาเรื่อยๆ ทีนี้ข้าพเจ้าก็รู้สึกว่า แหมนานเหลือเกิน ตอนนั้นยังไม่กางร่ม ตอนนั้นยังไม่ค่อยกลัวแดด ไม่ใส่หมวก ก็รู้สึกแดดเปรี้ยง หนังเท้านี้รู้สึกไหม้เชียว ก็เดินเข้าไปกระซิบท่านว่า พอหรือยัง ก็โดนกริ้ว

นี่เห็นไหมราษฎรเขาเดินมาเป็นวัน ๆ เพื่อมาดูเราแม้แต่นิดเดียว แต่นี่เรายืนอยู่ไม่เท่าไรล่ะ ตอนนี้ทนไม่ไหวเสียแล้ว..

พระราชดำรัสสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ วันที่ 11 ส.ค. 2534

========================

sample_a_soil1.jpg

ต่อไปจะมีน้ำ

            บทความ น้ำทิพย์สาดเป็นสายพรายพลิ้วทิวงาม ทั่วเขตคามชื่นธารา เขียนโดย มนูญ มุกข์ประดิษฐ์ ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 5 ธ.ค.2528 ได้เล่าให้ผู้อ่านชาวไทยได้ประจักษ์ถึงเรื่องอัศจรรย์ของ ในหลวง กับ น้ำ ที่เกิดขึ้นในคำวันหนึ่งของเดือน ก.พ.2528

            ด้วยความทุกข์ที่เปี่ยมล้นใจอันเนื่องมาจากต้องเผชิญความแห้งแล้งอย่างหนัก หญิงชราคนนึ่งที่มาเข้าเฝ้าฯ รับเสด็จได้คลานเข้ามากอดพระบาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กราบบังคมทูลด้วยน้ำตาอาบแก้ม ขอพระราชทานน้ำ  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสตอบว่า ยายไม่ต้องห่วงแล้วนะ ต่อไปนี้จะมีน้ำ เราเอาน้ำมาให้ แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ทรงพระดำเนินกลับไปยังรถพระที่นั่งซึ่งจอด ห่างออกไปราว 5 เมตร ปรากฎว่าท่ามกลางอากาศที่ร้อนแล้ง จู่ๆ ก็เกิดฝนตกลงมาเป็นครั้งแรกในรอบปี ทำให้ผู้ตามเสด็จและราษฎรในที่นั้นถึงกับงุนงงไปตามๆ กัน

 ======================

king19.jpg

เก็บร่ม

การเสด็จพระราชดำเนินทุกครั้ง แม้จะต้องเผชิญกับแดดร้อนหรือลมแรง ราษฎรก็ไม่เคยย้อท้อที่จะอดทนรอรับเสด็จให้ถึงที่สุด แม้ฝนจะตกหนักแค่ไหนก็ไม่มีใครยอมกลับบ้าน

            ร้อยเอกศรีรัตน์ หริรักษ์ เล่าไว้ในบทความ พระบารมีปกเกล้าฯ ที่อำเภอท่ายาง ตีพิมพ์ในหนังสือ 72 พรรษาราชาธิราชเจ้านักรัฐศาสตร์ ว่า ครั้งหนึ่งที่โครงการห้วยสัตว์ใหญ่ เมื่อเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งมาถึง ปรากฎว่าฝนตกลงมาอย่างหนัก ราษฎรและข้าราชการที่มาเข้าแถวรอรับเสด็จต่างเปียกปอนกันหมด แต่ก็ยังตั้งแถวเป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่อย่างนั้น

            เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ นายตำรวจราชองค์รักษ์ที่ตามเสด็จได้เข้าไปกางร่มถวาย ทรงทอดพระเนตรเห็นบรรดาข้าราชการและราษฎรที่มายืนตั้งแถวรอรับเสด็จอยู่ต่าง ก็เปียกฝนโดยทั่วกัน  จึงมีรับสั่งให้นายตำรวจราชอครักษ์เก็บร่ม แล้วทรงพระดำเนินเยี่ยมข้าราชการและราษฎรที่เข้าแถวรอรับเสด็จ โดยทรงเปียกฝนเช่นเดียวกับข้าราชการ และราษฎรทั้งหลายที่ยืนรอรับเสด็จในขณะนั้น

===============================

%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%

 สิ่งที่ทรงหวัง

            ครั้งหนึ่งขณะเสด็จฯ เยี่ยมเยียนราษฎรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ผู้สื่อข่าวต่างประเทศคนหนึ่งได้ขอพระราชทานสัมภาษณ์ และได้กราบบังคมทูลถามว่า การที่เสด็จฯ เยี่ยมราษฎรและมีโครงการตามพระราชดำริเกิดขึ้นมากมายนั้น ทรงหวังว่าจะให้คอมมิวนิสต์น้อยลงใช่หรือไม่

            พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรบสั่งตอบว่า มิได้ทรงสนพระทัยว่าคอมมิวนิสต์จะน้อยลงหรือไม่ แต่ทรงสนพระทัยว่าประชาชนของพระองค์จะหิวน้อยลงหรือไม่

==========================				
Calendar
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟโคลอน
ไม่มีข้อความส่งถึงโคลอน