ชายหนุ่มหย่อนไปรษณีย์ลงในกล่องที่บรรจุไปรษณีย์อีกจำนวนหลายใบ ก่อนที่ยกไปใส่ในลิ้นชัก ชายหนุ่มได้รับไปรษณีย์ของเด็กสาวที่มีชื่อว่า กันย์ ตั้งแต่เขาเพิ่งย้ายมาอยู่ที่นี่ได้เพียงไม่กี่วัน โดยที่เขาเองก็ไม่รู้ว่าเจ้าของไปรษณีย์เหล่านี้เป็นใคร ซึ่งก็ช่างดูน่าขบขันมาก เขาเคยเขียนจดหมายตอบกลับไปยังเด็กสาวตามที่อยู่ที่เธอได้เขียนไว้แต่กลับถูกตีกลับเพราะแจ้งว่าไม่มีที่อยู่ที่นั่นจริง ทำให้เขายิ่งแปลกใจเป็นอย่างมาก การที่เขาย้ายมาอยู่ที่นี่ก็มีเพียงพ่อและแม่ของเขาที่รู้ และคิดว่าข้าวก็คงรู้เรื่องนี่จากท่าน ทำให้ตามหาเขาได้ถูก ฝุ่นเคยพาข้าวมาไหว้คุณตาของเขา และมาเที่ยวเล่นในสมัยที่ยังคบหากันบ่อย ชายหนุ่มไม่คิดเลยว่าผลสุดท้ายเขาก็ต้องมาอาศัยที่นี่เป็นหลักแหล่งโดยมีสาเหตุมาจากหญิงสาวนั่นเอง ตอนที่เขาย้ายมาอยู่ที่นี่ใหม่ ๆ เขาอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่พอควร หากนับตั้งแต่ตอนนี้เขาจะดูเข้มแข็งขึ้น โดยที่เขาสังเกตว่าเขาอนุญาตให้ข้าวมาอาศัยอยู่กับเขาโดยดี และไม่มีความรู้สึกอะไรนอกจากตกใจเล็กน้อย ก็คงอาจเป็นเพราะไปรษณีย์เหล่านี้ก็เป็นได้ ถึงแม้เขาจะไม่รู้เหตุผลของเจ้าของไปรษณีย์แต่เขาก็ยินดีที่จะอ่านไปรษณีย์เหล่านี้ต่อไป ว้าย ! ทำไมข้าวผัดของข้าวเค็มอย่างเนี้ย หญิงสาวอุทานหลังจากตักข้าวใส่ปากไปหนึ่งคำและคายออก ของข้าวเค็มเหรอ แล้วทำไมของผมไม่เห็นจะเค็มตรงไหนเลย ข้าวเติมน้ำปลามากไปเหรอเปล่า ชายหนุ่มตักอาหารใส่ปากอย่างเอร็ดอร่อย ไม่นะ ข้าวยังไม่ทันปรุงอะไรเลยด้วยซ้ำ หญิงสาวพูดพร้อมกับยื่นจานข้าวของตนให้ชายหนุ่มชิม เอ๊ะ ! แปลกจริง ปกติน้าจันทร์แกทำกับข้าวไม่เคยเค็มแบบนี้นี่ งั้นข้าวกินของผมก่อนเดี๋ยวผมจะไปเอาใหม่ที่บ้านน้าจันทร์ ชายหนุ่มพูดและลุกขึ้นออกไป น้าจันทร์ฮะ ขอข้าวผัดเพิ่มอีกที่นึง อ้าว..แล้วไม่พอเหรอจ๊ะฝุ่น เปล่าเหรอฮะ แต่ทานไม่ได้เลย คือของคุณข้าวมันเค็มนะ หญิงชราแปลกใจมันจะเค็มไปได้ยังไงในเมื่อข้าวทั้งสองจานผัดมาพร้อมกัน และเพิ่งมาแยกกันตอนแบ่งใส่จานนะแหละ แต่นางก็ตักอาหารใส่จานส่งให้ชายหนุ่ม หญิงชราเดินไปหาบุตรสาวตรงหลังบ้าน ฝีมือไผ่ใช่ไหมลูก ทำไมต้องทำแบบนี้ นางต่อว่าเด็กสาว และทำไมแม่ถึงเชื่อว่าเป็นหนู ก็เราเป็นคนส่งข้าวให้เขา และปกติไผ่ก็จะอยู่คุยเป็นเพื่อนพี่เค้าจนกินเสร็จ แต่วันนี้แปลกรีบกลับมาก่อน ก็พี่ฝุ่นมีแขก หนูก็เลยไม่อยากอยู่ขัดหูขัดตาแค่นั้นแหละ น้าจันทร์สังเกตเห็นกอไผ่หลังจากส่งอาหารให้ไต้ฝุ่นกับปานชนกในมื้อเที่ยง แม่รู้นะว่าเราไม่ชอบคุณข้าว ทำไม นางนั่งข้างบุตรสาว หนูคิดว่าเค้าสองคนเป็นแฟนกัน เด็กสาวกล่าว เราก็เลยไม่ชอบเค้า ไร้สาระ นางตำหนิ ถึงเขาจะเป็นแฟนกันหรือไม่ก็ไม่ใช่เรื่องของเรา วันหลังอย่าทำอย่างนี้อีกนะลูกมันไม่ดี นางเตือนแต่เด็กสาวจะรับฟังและทำตามหรือเปล่ามันก็อีกเรื่องหนึ่ง เพราะนางก็รู้นิสัยของบุตรสาวดีว่าจะเป็นคนที่ดื้อเงียบ การที่ไม่โต้แย้งก็ใช่ว่าเด็กสาวจะทำตามเสมอไป นางถอนหายใจก่อนจะเดินเข้าไปในบ้าน ทำไมเธอถึงไม่ชอบปานชนกนั้นเหรอ ก็เพราะหล่อนนั่นแหละที่ทำให้ไต้ฝุ่นต้องหนีความเจ็บช้ำมาอยู่ที่นี่ ครั้งแรกที่เธอเห็นชายหนุ่ม เธอมีความรู้สึกสงสารและอยากให้กำลังใจ แต่การที่จะให้กำลังใจซึ่ง ๆ หน้าเธอก็ไม่สามารถทำได้ เพราะเธอให้กำลังใจใครด้วยการพูดไม่เป็น นอกจากการกระทำเท่านั้นที่เธอสามารถทำได้ ทุกครั้งที่ส่งอาหารให้เธอก็จะนั่งอยู่เป็นเพื่อนจนกว่าจะกินเสร็จ แต่การที่จะขลุกอยู่กับชายหนุ่มทั้งวันก็เป็นไปไม่ได้เพราะเขาก็ต้องมีงานที่ต้องรับผิดชอบ ซึ่งถ้าเธออยู่ด้วยก็ไม่สะดวก การที่เธอใส่น้ำปลาลงในจานอาหารของปานชนกเธอก็ทำเพื่อความสะใจเท่านั้น แต่เธอก็ต้องหาวิธีแกล้งวิธีอื่นที่ไม่ทำความเดือดร้อนแก่มารดา เด็กสาวเหลียวหลังตามเสียงแตรรถ รถจิ๊ปคันกลางเก่ากลางใหม่แต่เจ้าของดูแลอย่างดี ชายหนุ่มที่นั่งประจำคนขับยิ้มทักเธอ น้องไผ่ไปตัวเมืองกับพี่ไหม ไปซื้อของให้พี่ข้าวนะ ชายหนุ่มชวน เด็กสาวเพิ่งสังเกตว่ามีหญิงสาวนั่งประจำข้างคนขับด้วย จ๊ะ เด็กสาวตอบรับ เธอจะพยายามไม่ให้หญิงสาวไปไหนมาไหนกับชายหนุ่มตามลำพัง เธอวางแผนว่าจะทำอย่างไรให้หญิงสาวอยู่ห่างชายหนุ่ม
2 ธันวาคม 2549 16:30 น. - comment id 94028
ซนแล้วดื้อเงียบไม่ใช่เล่นเลยนะคะเจ้าไผ่ คล้ายๆกานต์ค่ะ อิอิ โห ตัวละครเรื่องนี้เหมือนกานต์สองคนเลยค่ะ อิอิ
2 ธันวาคม 2549 16:45 น. - comment id 94029
แหม...น้องเรานี่เข้าข้างตัวเองเหมือนกันเนอะ แล้วยังงี้ใครจะเป็นไต้ฝุ่น และใครจะเป็นปานชนก เลือกดูหรือยังจ๊ะ
3 ธันวาคม 2549 01:12 น. - comment id 94033
อืม....น่าจะแต๊บๆบรรทัดหน่อยน๊า...อ่านแล้วบางอันงงๆ...โดยเฉพาะอันแรก... ...แล้วมีแค่นี้เหรอ....อยากอ่านต่อ....อิอิอิ.... และก็ยังตั้งชื่อไม่ได้เพราะ...ยังไม่ถึงจุดพีก...หึหึหึ