23 สิงหาคม 2549 16:52 น.

::กก::

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

หมู่บ้านในงานใหม่ที่ผมเริ่มต้นเข้าไปใช้ชีวิตตามอุดมคติ   อยู่ในหุบเขาเขตต่อเชื่อมระหว่างจังหวัดเพชรบูรณ์และนครสวรรค์      ประมาณปี 2534 นั้นภูเขาหลายลูกเกือบเป็นภูหัวโล้น  แต่เมื่อปีที่แล้วที่ผมกลับไปเยี่ยมชาวบ้าน  ภูเขาบางลูกกลับมาเขียวชอุ่มจนน่าแปลกใจ    เมื่อถามชาวบ้านได้ความว่า   หลายหมู่บ้านร่วมมือกันอนุรักษ์ป่า  ไม่ตัดไม้และไม่ยอมให้ใครตัดไม้ ถึงขั้นจัดกองกำลังลาดตระเวนรักษาป่า    แนวความคิดเรื่องการรักษาป่าของชาวบ้านแถบนี้มาจากการที่พวกเขาได้ไปศึกษาดูงานที่ภาคกลาง  ได้เห็นกับตาว่าป่านั้น ถ้าไม่ตัดและเผา  ในเวลา 5 - 10 ปี  มันจะกลับมามีสภาพใกล้เคียงเดิมได้  และแม้จะไม่มีการปลูกเพิ่ม  ป่าก็ฟื้นตัวเองได้   และจากการที่ป่ากลับมามีสภาพที่ดีดังเดิมได้ก็ทำให้ความชุ่มชื้นกลับมา    กลับมาอย่างดีเยี่ยมถึงขนาดที่สามารถกักน้ำไว้บนเขาแล้วต่อท่อลงมาใช้ในหมู่บ้านได้  ณ  วันนี้ผมก็ได้เห็นประจักษ์ในสิ่งที่ชาวบ้านเล่าแล้ว

             ภูที่เกือบโล้น มีไม้ยืนต้นตาย อยู่หลายทีเดียว  บางต้นแลเห็นสีดำเป็นแถบเป็นทางเกือบ   คาดว่าต้นไม้พวกนั้นน่าจะตายเพราะถูกไฟสุมโคน  ผมเคยขี่รถเครื่องวิบากไต่ขึ้นไปตามทางแคบ ๆ ระหว่างภูเขา ดูทิวทัศน์  ความรู้สึก ณ ห้วงนั้นคือหม่นหมอง   ห่อเหี่ยว  ยิ่งเห็นภาพความแห้งแล้งในบางเขตของจังหวัดนครสวรรค์ เช่น อำเภอไพศาลี ( ขนาดมีแห่นางแมวเลยเชียวครับ   ที่ไพศาลีมีคนจากอีสานมาตั้งรกรากทำนาทำไร่อยู่นานถึง 80-90 ปีแล้วหละครับ )  

            ยามเย็น  ระหว่างเดินทางกลับผมมักได้เห็นฝูงนก  ส่งเสียงเจี๊ยวจ้าวอยู่ตามยอดไม้  ปลายไม้ที่ยืนต้นตายเหล่านั้น มากพอดู   

( เดี๋ยวมาต่อครับ -ผมไปธุระจังหวัดระยอง 3 วันครับผม)				
19 สิงหาคม 2549 05:03 น.

::กก::

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

::กก::
ก่อพงษ์  พงษพรชาญวิชช์
19 สิงหาคม 2549



	นี่ตี 2:52 แล้วหรือนี่

	ความจริงไม่ใช่ยังไม่นอน   แต่ผมเพิ่งตื่น

	ผมตั้งใจหลับไปตั้งแต่ราว  2 ทุ่มเศษ   หมายคลายความเมื่อยตัวและเจ็บหลัง เพราะก้มๆ เงยมาทั้งวัน    ปกติผมนอนที่ระเบียงบนบ้านเพราะอากาศโปร่งดีมาก   แต่หนนี้ผมหลับกับพื้นกระเบื้องชั้นล่างของบ้าน เพราะรู้สึกเย็นตัวเมื่อเอาท้องแนบพื้น   ความเหน็ดเหนื่อยจากงานหายเป็นปลิดทิ้งเมื่อผมตื่นขึ้นมาอีกที    แต่ขณะที่ผมเอื้อมจะหยิบเอาหมอนขึ้นมาจากพื้นตรงที่ผมนอน  ผมก็ต้องตกใจสุดขีดขนลุกขนพองเมื่อเจ้าตะขาบตัวใหญ่ไต่ออกมาจากใต้หมอนใบนั้น  .. นี่ผมนอนกกสิ่งที่น่าขยะแขยงอยู่เกือบทั้งคืนหรือนี่

	รอบบ้านของผมมีต้นไม้เยอะ   เศษใบไม้ใบหญ้าสุมทับกันอยู่หลายที่  ผมไม่ค่อยมีเวลาดูแล  บางทีปลวกนั่นแหละเป็นคนคอยจัดการกองใบไม้นั้นให้จนมันยุบกลายเป็นดินไปเอง  ผมมีเวลาสำหรับคนอื่นมากนะครับ   แต่เวลาสำหรับตัวเองน้อยเต็มที   อายุของผมก็ปูนนี้แล้ว   อยากหยุดทำเพื่อคนอื่นก็หยุดไม่ได้    ผมอยากมีเวลาของตัวเองบ้าง   เพื่อเก็บกวาดเศษใบไม้ใบหญ้ารายรอบบ้าน  กับพรวนดินให้พืชผักหมากไม้ที่มีเวลาปลูกแต่ไม่มีเวลาดูแล   หลังบ้านที่รกด้วยกองไม้ ผมก็อยากจัดการให้มันเรียบร้อยไปเสียที  หนก่อนผมรื้อกองไม้เพื่อเอามาซ่อมรั้ว  ยังได้สะดุ้งโหยงกับเจ้างูขี้เซายาวเกือบวา  ไม่ชังก็ต้องฆ่ากันครับ   ผมกลัวมันงับหัวแม้เท้า

	หลายหนผมต้องผจญกับเพื่อนบ้านผู้อาศัยอยู่ใต้ขอนไม้แบบไม่ตั้งใจ   ไม่แปลกหน้ากันดอกครับแต่ผมก็ไม่รู้สึกชื่นชมเขาเท่าไร   ผมรื้อกองไม้บางกองด้านเหนือของตัวบ้าน  แมงป่องช้าง ไต่เข้ามาเกือบถึงหัวแม่เท้าของผมตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้  ถ้าผมไม่ขยับเท้าบางทีก็อาจโดนต่อยป๊าบเข้าไปแล้ว    พิษสงของแมงป่องตัวเล็กนั่นผมรู้ดีเพราะเคยโดนต่อยมาบ่อยมากตอนเป็นเด็ก

	พวกมดตัวดำ ๆ ที่กัดเจ็บ ๆ ที่บ้านของผมก็มีเยอะมาก   แผลมดกัดนี่บวมพองเลยนะครับ   บางคนแพ้มาก ๆ ไปหาหมอไม่ทันถึงตายก็มี

	ถ้าผมมีเวลาสำหรับตัวเองเพิ่มขึ้น  บางที่ผมจะจัดการบ้านได้ดีกว่านี้    ผมอยากทำชั้น และจัดหมวดหมู่หนังสือที่กองทับกันอยู่นั้นเสียที   นี่ยังดีครับที่พื้นบ้านเป็นซีเมนต์ไม่งั้นเพื่อนปลวกอาจดูแลหนังสือเก่า ๆ ที่ผมอุตส่าห์สะสมและหอบหิ้วไปไหนต่อไหนมาหลายปีนั้นแล้วก็ได้   โอ๊ย..มีอีกหลายอย่างครับที่ผมจะทำถ้ามีเวลา  เช่นวาดรูป เขียนกลอน หรือแม้แต่อ่านหนังสือบางเล่มที่จนป่านนี้ เวลาผ่านไป 4-5 ปีผมก็ยังอ่านได้ไม่ถึงครึ่งเล่ม   มันเป็นเช่นนั้นเพราะผมต้องเอาเวลาของผมไปทำงานเพื่อคนอื่น
	
..

(เดี๋ยวมาต่อครับ)				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
Lovings  ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  1 คน เลิฟก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
Lovings  ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์ เลิฟ 1 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
Lovings  ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์