31 ตุลาคม 2547 21:13 น.

::: เพื่อนมีฝันใดจะฝาก :::

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์





เอ่ยเถิด    เชิญเพื่อนเอื้อนเอ่ย

ฝันใดเล่าเอยจะเอื้อและฝาก

ไม่ถักเป็นร้อยกรองก็ฟัง

แม้เรื่องราวเก่าหลังอันมาก

ฝันใดที่ยังไม่เผย

ก็บอกได้เลย ถ้าไม่ลำบาก

ก็เพราะร่วมฝัน จึงสานฝัน

เพื่อวันที่ดีสักวันแหละเพื่อนยาก

				
31 ตุลาคม 2547 16:21 น.

::: ภาพเคียงคำ : ระวีเวียนเยี่ยมฟ้า :::

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์



1.    ระวีเวียนเยี่ยมฟ้าได้ต่อฝัน
        รุ่งอรุณอีกวันสว่างไสว
        ก่อรูปรอยสะเทือนจิตกระทบใจ
        ระวีลาลับไปย่อมราตรี

2.    เมื่อมืดค่ำการร่ำลาก็อาจเริ่ม
      ย่ำทางเดิมถึงต่างทางออกต่างที่
      ความผูกพันอันเชื่อมใจเป็นไมตรี
       ก็บางทีระวีโยงเป็นเยื่อใย

3.  จากรุ่งจวบเย็นย่ำจะค่ำจะคล้อย
       ระวีจะลับเพื่อจะคอยเป็นวันใหม่
        ยิ่งจะค่ำยิ่งใฝ่หาเรือนหทัย
       หมายจะเนาแนบใจแล้วได้พัก

4.    เย็นย่ำจะค่ำจะคืนเรือน
        บางทีก็ยิ่งเหมือนมีกรรมหนัก
        คือต้องไปคือต้องไกลห่างใยรัก
          อยากฟูมฟักใจบ้าง   กลับยังจร


				
31 ตุลาคม 2547 04:02 น.

:::ยังเหลือความเชื่อมั่น:::

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

 

แม้ทุกข์สิบ่ท้อ

ยังสานต่อถักใยฝัน

แม้ขื่นสิบ่หงอ

เชื่อมั่นพอกันและกัน

เคียงอยู่ยังเคียงอยู่

แม้ใครหลู่และเย้ยหยัน

ยังก้าวนับคืบก้าว

แม้เจ็บร้าวสารพัน

เอ็นโปดเส้นเลือดโปน

ไฟหวังโชนโดยเชื่อมั่น

ยื่นมือมาเถิดเพื่อน

ความหวังของเราเหมือนดวงตะวัน






     				
30 ตุลาคม 2547 04:59 น.

:::ซากความทรงจำ:::

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์




หมอกห่มนาหน้าหนาวดูพราวงาม
คิดถึงความหลังเราคราวแสนเด็ก
พ่อปลูกเถียงนาย่อมกระท่อมเล็ก
อยู่ระหว่างดงขี้เหล็กกับเนินดิน


แนวโคกเป็นฉากหลังยังครึ้มเขียว
มีทางเกวียนลดเลี้ยวไปต่างถิ่น
กระท่อมหลังห่างไปใจคุ้นชิน
เป็นที่นาของกระถินเพื่อนร่วมเรียน


เธอมีนามากกว่าใครในหมู่บ้าน
ข้าวเธอหอมไปทั่วย่านบ้านหนองเอี่ยน
ปู่และพ่อเธอขยันหมั่นเพียร
ฉันเองเคยแวะเวียนยามอยากไป


แม่เธอต้มปลาช่อนตัวเท่าเสา
ยายเธอเอาหมกปลาชะโดให้
ซดน้ำแกงเต็มตื้นชื่นหัวใจ
รอยยิ้มเธอหวานแค่ไหนเทียบไม่เป็น

รู้แต่ว่าหัวใจมันกรุ่นกรุ่น
เหมือนกับมันอบอุ่นยามไล่เล่น
ล้อกันเหมือนบ้าบอเพราะเล่นเลน
รอบคูน้ำที่ไผ่เอนเห็นเงางาม

ก็ยังเด็กเกินไปเกินใจฉุก
ไม่เคยคิดถึงเรื่องสุกหรือเรื่องห่าม
รู้แต่ว่าคิดพะวงทุกโมงยาม
อยากเห็นหน้ามาทักถามความอาทร

ฉันจากบ้านย่านนั้นวันต่อมา
เพราะได้ทุนการศึกษา-สโมสรฯ
ไปเรียนต่อที่กรุงเทพมหานคร
แล้วเราก็ต้องจรไปจากกัน

กรุงเทพฯนั้นเรื่อเรืองเมืองวิจิตร
เหนี่ยวชีวิตหลายคนให้ผกผัน
ตัวฉันเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
ยิ่งเมื่อวันเวลามันผ่านไป

แล้วฉันก็แอบคบกับหญิงสาว
ในตอนนั้นสองเราเป็นวัยใส
ทว่ารักยังไม่เพิ่มก็เริ่มใหม่
ต่างคนต่างตามใจตัวเอง

หันหลังให้กันไม่ทันนาน
ทั้งที่รักยังไม่ทันจะบานเบ่ง
หนุ่มเซ่อเจอรักจางก็คว้างเคว้ง
คิดแต่จะร้องเพลงอกเป็นแผล

ไม่นานฉันเรียนหนังสือจบ
ทว่ารักกลับพบความพ่ายแพ้
ใช้ชีวิตต่อไปเหมือนไม่แคร์
ทำงานตัวเป็นเกลียวแต่ยิ่งทุกข์ร้อน

กลับบ้านนามาหมายพักหัวใจ
ขี่รถเครื่องออกไปทุ่งนาก่อน
พอถึงทุ่งเหม่อหาเนินนาดอน
ไม่เห็นเถียงนาเหมือนก่อนตอนจากลา

น้ำในห้วยขอดเขินและขุ่นคลัก
ส่วนแนวโคกที่รู้จักก็แปลกหน้า
ทางเกวียนนั้นลบหายจากสายตา
เป็นทางรถยนต์พาไปถิ่นไกล

แม่บอกดอกกระถินไปถิ่นอื่น
ขายที่ดินทั้งผืนให้คนใหม่
ที่แปลงนั้นรกเรื้อแล้วเหลือใจ
ไม่มีคนทำอะไรจึงรกร้าง

ซากกระท่อมเหลือเห็นเป็นร่องรอย
ไผ่สีทองเซื่องหงอยเหลือซากบ้าง
น้ำตื้นเขินโคลนคล้ำจนดำด่าง
มีแต่น้ำใจไม่จางจากใจคน

ฉันกลับมาเนินโค้งดงขี้เหล็ก
กระท่อมเล็กยังหยัดได้อยู่หลายฝน
แขวนเปลนอนเขียนคำลำนำบน-
รอยหัวใจที่ช้ำจนเจียนเย็นชา

คิดถึงเธอจริงหนอช่อกระถิน
อยากให้เธอได้ยินยามเรียกหา
อยากจะอยู่เคียงใกล้ในสายตา
อยากชี้ชวนชมนายามราตรี

แสงจันทร์ชวนอ่อนไหวในคืนเพ็ญ
ยิ้มที่หันไปเห็นหวานเหลือที่
ขอมือเธอมาถือคือหวังดี
ฝันไม่ทันเต็มที่ก็ตื่นตูม

แม่ถือซองจดหมายมาให้อ่าน
ลายมือคล้ายคนวันวาน-ฉันเดาสุ่ม
อ่านถ้อยคำข้างในใจร้อนรุม
จากกระถิน ชัฏชุ่ม จริงหรือใจ

แม่บอกดอกกระถินอยู่ถิ่นหนาว
ณ หมู่บ้านชมดาวเมืองเชียงใหม่
ลุงคำสีกลับจากค้าขายแดนไกล
บอกกระถินฝากคำให้ไปเยี่ยมเยียน

เพียงเท่านั้นหัวใจฉันก็พองโต
ใหญ่ขึ้นเท่าแตงโมพลันคลื่นเหียน
ความเหนื่อยจุกดันขึ้นมาอยากอาเจียน
แล้วความคิดก็เหมือนเทียนวูบลา



คิดถึงเธอจริงหนอช่อกระถิน
อยากให้เธอได้ยินยามเรียกหา
อยากจะอยู่เคียงใกล้ในสายตา
อยากชี้ชวนชมนายามราตรี


แสงจันทร์ชวนอ่อนไหวในคืนเพ็ญ
ยิ้มที่หันไปเห็นหวานเหลือที่
ขอมือเธอมาถือคือหวังดี
ความคิดถึงเช่นนี้อยู่ที่ใด 

....................................				
27 ตุลาคม 2547 04:41 น.

::: ภาพเคียงคำ : ระวีเวียนเยี่ยมฟ้า:::

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์




1.    ระวีเวียนเยี่ยมฟ้าได้ต่อฝัน
        รุ่งอรุณอีกวันสว่างไสว
        ก่อรูปรอยสะเทือนจิตกระทบใจ
        ระวีลาลับไปย่อมราตรี

2.    เมื่อมืดค่ำการร่ำลาก็อาจเริ่ม
       ย่ำทางเดิมถึงต่างทางออกต่างที่
       ความผูกพันอันเชื่อมใจเป็นไมตรี
       ก็บางทีระวีโยงเป็นเยื่อใย  				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
Lovings  ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  1 คน เลิฟก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
Lovings  ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์ เลิฟ 1 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
Lovings  ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์