22 พฤศจิกายน 2547 00:16 น.

รวมเรืองสั้น ชุด รอยวัน

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

รวมเรื่องสั้น   ก่อพงษ์  พงษพรชาญวิชช์
IIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIII
เรื่องสั้น    ปาล์ม  ดร. โม
IIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIII


แม้สมมติฐานยังพิสูจน์ไม่เสร็จ แต่เขาก็ได้ปาล์มต้นแบบแล้ว 1 เครื่อง
ประสิทธิภาพเบื้องต้น เป็นดังนี้
1. สแกนความคิดได้คราวละ 1 คน
2. แสดงความคิดเป็นภาษาต่าง ๆ ได้อย่างน้อย 3 ภาษา ( อังกฤษ , ไทย และเขมร )
3. เข้ารหัสป้องกันการแฮ็กส์ ได้อย่างน้อย 5 ชั้น

ดร.โม เฮงวัน คักเชาว์ โดยส่วนตัวเป็นกวี แต่งานในหน้าที่คือนักคิดต้นแบบอุปกรณ์สื่อสารของบริษัท แซ็ดไอเอส อินโฟเซอร์วิส ( ประเทศธัย) จำกัด มหาชน ประวัติสั้น ๆ ของเขา ( จากโฮมเพจของบริษัท ) ระบุว่าเป็นคนสัญชาติธัย อายุประมาณ 40 เศษ ๆ ชอบเขียนกลอนแบบบรรทัดละคำ ซึ่งได้รับความสนใจติดตามอ่านเป็นอย่างมากในเวบบอร์ดเกี่ยวกับกวี
สมมติฐานที่เป็นที่มาของปาล์มต้นแบบ คือ ความคิดของคนเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่อ่อนและซับซ้อนเป็นรูปแบบเฉพาะ ต้องใช้อุปกรณ์ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษตัดสัญญาณรบกวนออกให้เหลือเฉพาะคลื่นความคิดแล้วใช้เทคโนโลยีนาโนคอมพิวเตอร์แสดงผลออกมาเป็นภาษาต่าง ๆ
ดร.โม เคยพูดไว้ว่า มันค่อนข้างหมิ่นเหม่ต่อศีลธรรมของมนุษยชาติแต่นั่นแหละแม้เขาไม่คิด คนอื่นก็จะคิดเจ้าเครื่องที่ว่านี้ออกมาจนได้
ดร.โมได้ทดลองสแกนความคิดของเด็ก (ลูกชายของเขาเอง) โดยไม่บอกให้ทราบ ทั้งได้พิสูจน์ว่าเด็กคิดเช่นนั้นตามที่เครื่องบอกหรือไม่ โดยวิธีการต่าง ๆ เป็นเวลาร่วม 3 ปีเศษ ๆ แล้ว
นอกจากลองใช้ปาล์มนี้กับลูก เขายังได้ลองใช้กับภรรยาสาวคนเดียวของเขาโดยยังปิดบังเอาไว้อยู่ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา
ที่สำคัญเขาได้ลองให้เครื่องสแกนความคิดของตัวเอง ในสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น
1. คลิกเข้าไปในอินเตอร์เน็ตที่มีแต่ภาพนู้ด
2. นั่งฟังธรรมะ และเมื่อกำหนดจิตบางรูปแบบ
3. เมื่อฟังนักการเมืองพูด
4. เมื่อพูดกับภรรยาสาว
ฯลฯ
ปาล์มต้นแบบระบุได้เกือบตรงกับที่เขาคิดหรือรู้สึก แต่ก็มีบางอย่างที่ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง แต่เครื่องระบุว่าเป็นความคิดของเขาด้วย
เมื่อนำปาล์มต้นแบบไปลองใช้กับเพื่อนร่วมงานอายุน้อย ในสถานการณ์สมมติแบบต่าง ๆ ก็ได้ผลเป็นที่สนุกสนานครึกครื้น ดร.โมบอกว่าตอนนี้ทำเล่นเอาสนุกก่อนส่วนการพัฒนาเพื่อเข้าสู่ตลาดค่อยคิดอีกที
ดร.โม ใช้เวลาช่วงพักเขียนบทกวี หาคำตอบที่ค้างคาใจ ว่าไฉนอีกส่วนหนึ่งที่เครื่องระบุว่าเป็นความคิดของเขา เขากลับคิดว่าไม่ใช่
เช่น เมื่อคลิกดูภาพดาราเปลือย เขารู้สึกชอบ เครื่องก็บอกว่าเขาชอบ อันนี้เขาไม่โต้แย้ง แต่เครื่องก็ระบุอีกว่าเขาไม่ชอบด้วย ถ้ารันให้เครื่องคำนวณเปอร์เซ็นต์ส่วนแรกกับส่วนหลังมันต่างกันอยู่ถึง 70 ต่อ 20 ( อีก 10 error )
หรือเมื่อฟังธรรมะ และกำหนดจิตบางแบบ เขารู้สึกว่าดี เป็นทางที่จะช่วยให้หลุดพ้นได้ง่าย เครื่องก็ระบุเช่นนั้น แต่ก็ระบุขัดแย้งอีกด้วยว่า เขาเห็นว่าไม่ดี มีแต่จะทำให้ละและวางทุกอย่างไป สัดส่วนเป็นถึง 60 : 30 ( อีก 10 error )
หรือเมื่อฟังนักการเมืองพูด เขารู้สึกว่าเป็นแนวคิดที่ดี เป็นไปได้ในทางปฏิบัติ คนพูดพูดออกมาจากใจที่เต็มไปด้วยอุดมคติ ที่เห็นแก่ส่วนรวมแท้จริง และน่าจะได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายไม่ว่าอยู่ซีกฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล หรือในองค์กรตรวจสอบอื่น ๆ เครื่องก็ระบุอย่างนั้น รวมทั้งระบุขัดแย้งว่าเขาไม่เห็นด้วยด้วย คำพูดนั้นเป็นมายา แท้จริงความคิดและการกระทำนั้นแฝงด้วยเล่ห์กลอันหมายผลประโยชน์เอื้อให้เครือข่ายของตน ไม่มีทางที่จะได้รับความร่วมมือจากฝ่ายตรงกันข้ามรวมทั้งองค์กรตรวจสอบอื่น สัดส่วนเป็นถึง 50 :40 ( อีก 10 error )
หรือเมื่อเขาพูดกับภรรยาสาวและภรรยาสาวพูดกับเขา เขารู้สึกว่าเขาพูดกับเธออย่างจริงใจที่สุด คิดอย่างซื่อสัตย์กับเธอที่สุด เครื่องก็ระบุเช่นนั้น แต่ก็ยังระบุแย้งอีกว่า เขาไม่ได้จริงใจและซื่อสัตย์อย่างที่สุด สัดส่วนเป็นถึง 40 : 50 ( อีก 10 error )
สถานการณ์อื่น ๆ ก็ให้ผลในทำนองเดียวกัน คือมีทั้งส่วนที่ขัดและไม่ขัดความต่อความรู้สึกของเขา

ปัญหาเวลานี้คือ เจ้าเครื่องนี้จะเชื่อถือได้แค่ไหน
ไม่ใช่ปัญหาว่าจะขายได้หรือไม่

เพราะการขายได้ หรือไม่ได้ อยู่ที่กลยุทธการตลาดและทุนโฆษณา

ในขณะที่ ดร.โมกำลังหาคำตอบเป็นวันที่ 5 บริษัทคู่แข่ง ที่แย่งส่วนแบ่งการตลาดกันมาโดยตลอดก็ออกปาล์มรุ่นใหม่ รูปร่างหน้าตาเหมือนต้นแบบของเขาเป๊ะ แต่มีประสิทธิภาพสูงกว่า ถึง 3 เท่า
ดร.โมจ้องหน้าจอทีวีดูการแถลงข่าวเปิดตัวตาไม่กระพริบ

ผู้สื่อข่าวระบุว่า
ปาล์มของบริษัทดังกล่าวเป็นขีดสุดของความชาญฉลาดของมนุษย์ เพราะสามารถที่จะบอกได้ว่าคนแต่ละคนคิดอย่างไร โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยความเพียรใด ๆ เพื่อให้มีญาณวิเศษตามคำสอนในบางศาสนา ที่สำคัญคือ เครื่องนี้สามารถอัพเกรดได้อย่างไร้ขีดจำกัด ให้สามารถล่วงรู้ความคิดของสัตว์ ( ถ้ามี ) หรือสื่อสารกับสัตว์ได้
ราคาของเครื่อง เริ่มต้นที่ 1,XXX,XXX บาท
ตัวเลขจำนวนผู้สั่งจองเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทุก ๆ นาที
เมื่อแยกประเภทผู้สั่งจองจะพบว่าคนในวงสังคมชั้นสูงเป็นกลุ่มที่ให้ความสนใจสั่งจองและซื้อมากที่สุด รองลงมาคือวงการนักบวช , นักการเมือง และวงการบันเทิง

ดร.โมถอนหายใจเฮือกใหญ่ เมื่อรู้ว่าเพื่อนร่วมงานอายุน้อยที่ร่วมทดลองเครื่องต้นแบบกับเขาโดนซื้อตัวไปอยู่กับบริษัทที่กำลังแถลงข่าวอยู่ตอนนี้

แต่นั่นก็ไม่เป็นปัญหาหรอก
ปัญหามันบีบลงมาตรงที่ เขาจะทำอย่างไรดีกับตัวเอง
เมื่อรู้ว่าภรรยาสาวของเขาไม่ได้ซื่อสัตว์ต่อเขาเสียแล้ว .



IIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIII
เรื่องสั้น  คนละฝั่งฝัน
IIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIII


เล็กชอบเพลงพวกนี้หรือ
เขาพลิกหน้าหนังสือเพลงค่ายอาสาพัฒนาชนบทที่วางอยู่ตรงหน้า
ชอบเกือบทุกเพลงค่ะ
และเล็กก็เล่นเพลงพวกนี้ได้
ค่ะ

ดวงจันทร์กลมโตพ้นปลายไม้ด้านตะวันออกราวสองคืบสาดกระจ่างทั่วชานบ้านด้านไม่มุงหลังคาแลเห็นกระถางดอกไม้ป่าแจ่มชัด กระนั้นแสงเทียนก็ยังทำหน้าที่ขับความมืดหม่นตรงหน้าระหว่างคนสองคนอยู่อย่างซื่อตรงและเป็นผล
บ้านหลังนี้ชาวบ้านสร้างเป็นบ้านพักครูหลังแรกของโรงเรียนป่าเต็งวิทยา ส่วนหลังที่สองที่อยู่ถัดไปเป็นบ้านพักครูจากงบประมาณของรัฐ บ้านหลังที่สองดูสวยงามต่างจากหลังที่หนึ่งลิบลับ แต่กนกวรรณก็เลือกบ้านหลังแรกแม้ครูอีกคนในโรงเรียนเสนอให้เธออยู่บ้านพักหลังที่ดีกว่า
พิษณุนั่งเอนหลังพิงหมอนสามเหลี่ยมที่วางอยู่ชิดเสาหันหน้าไปทางเหนือ กนกวรรณยังประคองกีตาร์นิ่งคล้ายเหม่อมองจันทร์แต่ไม่ใช่ เธอยังไม่ขยับนิ้วเล่นสายใด ๆ ในความนิ่งงันชั่วครู่มีแต่เสียงน้ำตกที่ห่างออกไปไม่เกินห้าสิบเมตรได้ยินเสียงซ่าซ่าซู่ซู่อยู่อย่างนั้น ชายหนุ่มเดินทางมาที่นี่ตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็น ระยะทางเกือบสองร้อยกิโลเมตรห่างจากตัวจังหวัดอาจดูไม่ไกลสำหรับเขากับโฟวีลไดรฟ์สีเข้มที่จอดอยู่หน้าบ้านพัก แต่มันก็ทุลักทุเลเอาการเพราะต้องไต่มาตามทางชันแคบ ๆ ร่วมสิบสามกิโลเมตรกว่าจะถึงโรงเรียนบ้านป่าเต็งวิทยา
ทั้งพิษณุและกนกวรรณต่างเป็นเพื่อนร่วมคณะแต่ต่างสาขา ของมหาวิทยาลัยในภูมิภาค ฝ่ายชายเลือกที่จะทำงานกับบริษัทเอกชน แต่ฝ่ายหญิงเลือกที่จะเป็นครูตามความใฝ่ฝันวัยเด็ก
เล็กไม่คิดเปลี่ยนใจหรือ
ก็ไม่แน่ค่ะ อาจจะเปลี่ยนเร็ว ๆ นี้ก็ได้
เธอตอบออกไปอย่างนั้น แต่ความจริงเธอยังรู้สึกห่วงใยแววตาแป๋วแสนซื่อของเด็กบ้านป่าลูกศิษย์ของเธอ
ไปทำงานกับผมไหม มีตำแหน่งโปรโมตขึ้นใหม่ คิดว่าเหมาะกับเล็กมาก
เป็นยังไงคะ
เป็นงานฝ่ายอบรมและพัฒนาบุคลากร ก็เหมือนกับที่เล็กทำตอนนี้ เพียงแต่เป็นทำกับผู้ใหญ่เท่านั้นเอง เงินเดือนมากพอที่เล็กจะออกรถสบาย ๆ ในหนึ่งปี
หรือคะ
หญิงสาวเริ่มเกาสายกีตาร์ เป็นบทเพลงเปลี่ยวเหงาแห่งค่ำคืนของคนที่พลัดหลงไปบนเส้นทางอันไม่คุ้นเคย คนฟังไม่รู้จักเพลงนั้น ถ้าเธอเล่นเพลงสากลเก่า ๆ ยังจะรู้จักดีกว่า
ถ้าเล็กตัดสินใจ พรุ่งนี้ผมจะเข้าไปติดต่อเดินเรื่องย้ายให้ ผมมีญาติที่อยู่ข้างในและรู้จักกับนักการเมืองด้วย
เขาพูดแทรกเสียงจากสายคีย์ไมเนอร์ ส่วนหญิงสาวยังไม่ตอบรับและปฏิเสธ ความอึดอัดจึงเริ่มแผ่คลุมหัวใจเขา แต่ในใจของเล็กนั้นก็ยากที่ใครจะรู้ เธออาจอยากได้ยินถ้อยคำอย่างหนึ่งอย่างใดให้ชัดเจน หรืออาจอยากให้คืนนี้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว หรือสว่างเสียที เพื่อทีจะได้กลับไปอยู่กับแววตาซื่อ ๆ ของเด็กน้อย
ณุคะ เล็กขอคิดดูก่อนได้ไหมซักเดือนนึง แล้วเล็กจะเขียนไปบอก
นั่นเป็นคำพูดสั้น ๆ ที่ให้ความหวังเล็ก ๆ น้อย ๆ แก่หนุ่มหล่อมีอนาคตในการที่เขาบากบั่นเข้ามาเยี่ยมเพื่อนสาวหนแรกนี้
รุ่งเช้าฝุ่นแดงทิ้งตัวลงแล้วหยุดนิ่งหลังจากรถขับเคลื่อนสี่ล้อจากไปไม่นาน

ครูคะ แฟนของครูมาเยี่ยมหรือคะ เด็กน้อยท่าทางฉลาดที่สุดในห้องถามซื่อ ๆ
เพื่อนของครูจ้ะ เขาแวะมาเยี่ยม
เขาทำงานอะไรคะ ดูโก้จัง
เขาทำงานในบริษัท
พวกเรากลัวครูจะจากพวกเราไป
ไม่หรอกจ้ะ ครูจะอยู่กับพวกหนูที่นี่
เด็กน้อยแย้มยิ้มดีใจ น้ำตาเอ่อไหลยินดี

? ? ?

สมปอง เป็นครูสอนอยู่ที่นี่ก่อนหน้ากนกวรรณไม่นานนัก ก่อนหน้านี้เขาพักอยู่กับชาวบ้าน พอหญิงสาวเดินทางมาบรรจุทำงานที่นี่เขาก็เข้ามาอยู่บ้านพักด้วยความเป็นห่วงเธอ ถึงแม้ว่าบ้านพักครูกับบ้านชาวบ้านจะห่างกันไม่มากนักแต่หญิงสาวก็เป็นคนตัวคนเดียวจากต่างถิ่น
แถมไม่อยากเข้าไปพักกับชาวบ้านตามคำขอของผู้ใหญ่บ้านเสียด้วย เธอกลัวว่าจะเป็นการรบกวนสร้างความยุ่งยากให้ชาวบ้านนั่นเอง
สมปองยังไม่แต่งงานด้วยเหตุผลง่าย ๆ คือยังไม่พร้อม แม้ว่าจะมีสาวชาวบ้านหน้าตาดีมาแสดงความสนใจใยดีมากมายอย่างไรก็ตาม เขาว่าเขาต่ำต้อยเกินจะเอ่ยคำว่ารักกับใคร ชายหนุ่มจึงมีแต่ท่าทีสงบเสงี่ยมเจียมตัว ในขณะที่หญิงสาวในหมู่บ้านหลายคนกล่าวหาว่าเขาเย่อหยิ่งถือตัว เขาได้ยินก็ยิ้มแล้วปล่อยให้ผ่านเลย หนุ่มโสดไร้พันธะจึงขึ้นเขาลงห้วยไปไร่ไปสวนกับชาวบ้านได้อย่างเสรี
พี่สมปอง กลับบ้านบ้างหรือเปล่า ตั้งแต่หนูมาเห็นพี่ไปโน่นไปนี่กับชาวบ้าน ไม่เห็นพี่เข้าเมืองเลย
ครูหนุ่มสาวคุยกันระหว่างอาหารมื้อเที่ยงที่เพิงกินข้าวข้างอาคารเรียน
พี่เพิ่งกลับไปเยี่ยมบ้านเมื่อสองเดือนนี่เอง พ่อกับแม่ว่าพี่แก่ดำคล้ำไปเยอะ
เขาหัวเราะหึ ๆ หญิงสาวก็พลอยยิ้มกว้างไปด้วย เด็กที่กินข้าวอยู่ใกล้ ๆ มองครูของพวกเขาอย่างชื่นชม
หนูอยากใช้ชีวิตอย่างพี่จัง ทำโน่นทำนี่คงไม่เหงา
ก็ไม่ใช่พี่ไม่เหงานะ เวลาว่าง ๆ มันก็มีบ้าง แต่ส่วนใหญ่พี่ก็ไม่ให้มันว่าง ออกไปคุยกับคนเฒ่าคนแก่ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่เราไม่ต้องปลูก ที่สนุกกว่านั้นคือลงไปลุยกับเขา ขึ้นเขาลงห้วย หาปูหาปลา ทำไร่ทำนาอะไรก็ว่าไป มีอะไรที่เรายังไม่ได้เรียนรู้อีกมาก
หนูเพิ่งรู้จักชาวบ้านไม่กี่คนเลย
ก็ไม่เป็นไร ถ้าอยากเรียนรู้ก็เริ่มจากคนที่เราสนิทสนมรู้จักและไว้ใจก็ได้ น้องอยากไปช่วยเขาเกี่ยวข้าวขนข้าวไหมล่ะ
อืม น่าสนใจ ถ้าพี่ไปชวนหนูได้ไหมคะ
เดี๋ยวพี่จะบอกนะ
ขอบคุณค่ะ

สมปองกับกนกวรรณสอนนักเรียนคนละ 3 ชั้น ครูใหญ่ช่วยบ้างเป็นบางครั้ง ก่อนหน้านี้โรงเรียนป่าเต็งวิทยามีครูหลายคนแต่ก็ย้ายเข้าเมืองกันหมด ครูใหญ่เป็นครูที่พักอยู่ต่างหมู่บ้านออกไป เขาเข้ามาโรงเรียนสลับกับออกไปข้างนอกอยู่เสมอ ครูในบ้านพักครูจึงต้องอยู่กันอย่างเอื้อเฟื้อเอื้ออาทรทั้งชั่วโมงสอนและการใช้ชีวิต
ปีนี้ชาวบ้านป่าเต็งปลูกข้าวได้ผลดีเพราะน้ำท่าอุดม พวกเขาลงแขกเกี่ยวข้าวจนแล้วเสร็จและกำลังขนขึ้นลานเพื่อนวดก่อนขนขึ้นยุ้ง สมปองกับกนกวรรณมาช่วยชาวบ้านขนข้าวขึ้นลาน ชาวบ้านซึ่งเป็นผู้ปกครองของนักเรียนในชั้นที่กนกวรรณสอนปลื้มอกปลื้มใจมากคาดไม่ถึงว่าครูทั้งสองจะมาช่วย
อาหารบ้านป่าอร่อยไหมครับแม่ครู
เจ้าของลานนวดข้าวเอ่ยถามขณะล้อมวงกินข้าวเที่ยงกันใต้ร่มไม้ใหญ่
อร่อยมากค่ะ
อาหารมื้อเที่ยงที่รสชาติไม่เผ็ดร้อนจนเกินไปนักคือยำไข่มดแดง นอกนั้นเผ็ดร้อนทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นผัดเผ็ดปูหินพริกไทยอ่อน , คั่วอ่อมตะกวดหนุ่ม , ต้มยำปลากั้ง เผ็ดจนเหงื่อเม็ดโป้งๆผุดและย้อยเปียกชื้นไรผม
หาเกลือมาให้แม่ครูหน่อย แม่
เจ้าของนาหันไปบอกภรรยาของเขา เพราะรู้ว่าเกลือจะช่วยให้ครูไม่รู้สุกเผ็ดร้อนทรมานเกินไป
ครูสมปองกับแม่ครู อยู่ด้วยกันที่นี่เถิดนะ ได้ไหม พวกเราจะยกที่ดินให้ซักห้าสิบไร่กับปลูกบ้านหลังใหญ่ๆให้อยู่
แหม เล่นจีบกันดื้อ ๆ แบบนี้หนูก็เขินอายแย่ซิคะ แต่ว่าที่ดินที่ดอนยังมีเหลืออยู่เยอะขนาดนั้นหรือคะ เห็นครูสมปองบอกว่าแถวนี้เป็นป่าสงวน
เขามาสงวนกันตอนหลังนี้ดอกแม่ครู พวกเราตั้งหมู่บ้านอยู่ที่นี่มาตั้งแต่แปดสิบปีที่แล้ว โรงเรียนหมู่บ้านและวัดวามันอยู่ในที่สงวนหมดแหละถ้าจะว่าตามนั้น แต่ว่าแม่ครูก็ยังไม่ตอบคำถามของพวกเราอยู่ดี
ให้เวลาหนูคิดดูก่อน นะคะ
ไม่เป็นไรครับ ตามใจแม่ครูก็แล้วกัน พวกเรายินดีมากที่ครูมาสอนลูกหลานพวกเราที่นี่ พวกเขาจะได้ฉลาดทันเล่ห์เหลี่ยมคนในเมืองบ้าง
เย็นย่ำและค่ำนั้นหลังจากสมปองกับกนกวรรณกลับบ้านพักอาบน้ำอาบท่าแล้วต่างคนต่างม่อยหลับไปง่ายดายด้วยความเหน็ดเหนื่อยแต่เป็นสุขบนบ้านพักของแต่ละคน


? ? ?


ไม่ถึงเดือนพิษณุก็กลับมาอีกครั้งตอนสาย ๆ พร้อมกับรถคันใหญ่ที่ยกสูงขึ้นใหม่ เขาเปิดเพลงเสียงทุ้มกระแทกดังมาแต่ไกล ยิ่งใกล้เข้ามายิ่งก้องสะท้อนแปลกแยกกับหุบผาและป่าเขา เมื่อรถจอดที่หน้าบ้านพักหลังแรกเครื่องเสียงกระหึ่มจึงสงบลงได้ เขาขึ้นบ้านไปพบหญิงสาวที่นิ่งเงียบอยู่บนนั้น เสียงพูดคุยกันหลายประโยคแต่น้ำเสียงดูไม่แจ่มใสนัก
ครูสมปองเดินมาชะโงกหน้าถามหญิงสาว
ครูเล็กอยากได้อะไรไหมวันนี้พี่จะออกไปอำเภอกับผู้ใหญ่บ้าน
ยังหรอกค่ะ เอาไว้คราวหน้าก็แล้วกัน ขอบคุณมากนะคะ
เมื่อสมปองเดินห่างไป พิษณุจึงเริ่มสนทนา
เล็กไม่ไปกับผม เพราะไอ้หมอนั่นใช่ไหม
ณุไม่มีสิทธิ์ว่าอะไรเขาแบบนั้นนะ และเหนืออื่นใดเล็กก็มีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจอะไรเอง เห็นไหมคะก็รู้แล้วว่าในความพร้อมของณุ มันเป็นคนละอย่างกับความพร้อมของเล็ก
หญิงสาวพูดแล้วก็นิ่ง ปล่อยให้ความอึดอัดดำเนินไปตามสภาพของมัน

แล้วขุนเขาลำเนาป่าก็กลับคืนสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง หลังจากรถเสียงดังคันนั้นจากไปแล้วในตอนเที่ยงวัน ครูสาวมีสีหน้าเหงาปนว้าวุ่น ในใจของเธอนั้นบอกไม่ถูกว่าเป็นอย่างไรแน่ เวลาผ่านไปเร็วแต่เหมือนช้านัก เย็นย่ำค่ำแล้ว ครูสมปองยังไม่กลับมา 
ส่วนเธอยังคงนิ่งและเงียบ
กอดกีตาร์ตัวนั้นไม่เล่นเพลงใด ๆ



IIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIII
เรื่องสั้น   พ่อของทั้งเขาและผม
IIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIII

         ปีนี้ทางโรงเรียนให้นักเรียนเตรียมงานวันวิทยาศาสตร์ เพื่อจัดกิจกรรมในวันที่ 18 สิงหาคม เหมือนทุกปี แต่ปีนี้พิเศษตรงที่ผู้ปกครองจะได้รับเชิญมาชมงานทุกคน ทางโรงเรียนจะถือโอกาสประกาศผลการดำเนินงานของโรงเรียนให้ผู้ปกครองทราบ              

ผมได้รับมอบหมายจากครูที่ปรึกษาให้ดูแลนิทรรศการเกี่ยวกับความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์พันธุกรรม ซึ่งงานในส่วนนี้ของผมก้าวหน้าไปแล้วประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ ผมไม่ห่วงมากนัก ห่วงแต่พ่อเท่านั้น   ว่า  จะมาตามหนังสือเชิญไหม ซึ่ง  ปีที่แล้วพ่อไม่มาดูงาน ทั้งที่รับปากว่าจะมา ข้ออ้างของพ่อคืองานยุ่งนักต้องรีบทำส่งนาย
                     ส่วนหนึ่งของนิทรรศการของผมที่หลายคนชอบคือ การตรวจว่าตัวเองมีหมู่เลือดอะไร เป็นหมู่เอ หมู่บี หมู่โอ หรือหมู่เอบี ซึ่งหมู่เลือดแต่ละหมู่ก็จะมีคำทายเกี่ยวกับนิสัยใจคอ คู่รัก การงานที่เหมาะสม และอะไรอีกหลายอย่างที่สนุก ค่าตรวจก็ไม่กี่ตังค์บางครั้งทำให้ฟรี ๆ ถ้าสนิทกัน หมู่เลือดของผมเป็นหมู่เอครับ น้องทั้งสองคนของผมรวมทั้งแม่ด้วยต่างก็เป็นหมู่โอ มีพ่อคนเดียวที่เป็นหมู่ เอ

                     ผมเป็นลูกคนโตของพ่อ อายุย่างสิบห้าปี เพศที่แท้จริงเป็นเพศหญิง ผมมีประจำเดือนมาแล้วหลายปีแล้ว น้องสาวของผมอายุห่างจากผมกันคนละสองปี ผมไม่ได้คับข้องใจเรื่องเพศอะไรหรอกครับ ผมอยากเป็นผู้ชายก็เพื่อจะได้ปกป้องแม่ ก็เท่านั้น

                    พ่อของผมรับราชการ โดยย้ายจากกรุงเทพฯมาทำงานจังหวัดชายแดนภาคอีสานได้สามปีเศษ ๆ แล้ว เราย้ายที่ย้ายถิ่นมาแล้วหลายหน จนผมไม่แน่ใจว่าตัวเองเป็นคนภาคไหน แต่ไม่ว่าไปอยู่ที่ไหน ๆ พ่อก็เป็นคนเหมือนเก่า คือออกจากบ้านแต่เช้ากลับบ้านเอามืดค่ำ เราไม่ค่อยได้คุยกับพ่อ บางทีเสาร์อาทิตย์พ่อก็ไม่มีเวลาให้เรา ก็มีแต่โล่ข้าราชการดีเด่นหลังตู้เย็นเท่านั้นที่เราเจอทุกครั้งยามหิวน้ำเดินเข้าไปเปิดเอาขวดน้ำมาดับความกระหาย


แม่คะ พ่อไปไหน น้องเล็กถาม
ไปทำงาน
งานอะไร ห้าทุ่มก็ยังไม่กลับ ตัวผอมคนเดิมพูด
อย่ามาซักไซ้ โน่น ไปดูทีวีโน่น

                      หลัง ๆ มานี้ แม่อารมณ์เสียเสมอเมื่อถามถึงพ่อ แต่ผมรู้ ว่าแม่รักพ่อแค่ไหน ในวันที่เหงา ๆ ผมคิดอยากมีพ่อแม่เหมือนคนบ้านข้าง ๆ เรา เขาดูยากจนก็จริงแต่ทุกคนก็อยู่พร้อมหน้า มีอะไรก็กินกัน บางครั้งเขายังมีน้ำใจแบ่งของกินพวกแกงเห็ดป่า แกงหน่อไม้ น้ำพริกแย้อะไรเทือกนั้นให้เราด้วย    ผมคิดว่าคนจนพวกนั้นมีน้ำใจกับเรามากและบ่อย ส่วนเราแบ่งอะไรให้เขา ก็มีบ้างแต่นับครั้งได้น้อย

                       ทุกครั้งที่พ่อกลับมาดึก ๆ แม่จะยกสำรับข้าวมารอที่โต๊ะ ส่วนพ่อจะรีบเข้าห้องน้ำอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า มานั่งกินข้าวคนเดียวเงียบ ๆ พ่อกับแม่แทบไม่คุยกันถึงแม้จะอยู่ห่างกันแค่ครึ่งศอก และเป็นแบบนี้มาตั้งแต่แม่เริ่มรู้ว่าพ่อมีใจกับผู้หญิงคนอื่น 

แม่รู้เรื่องนี้เพราะมีคนกระซิบบอก 
และแม่ก็คงเห็นกับตาแล้วว่าพ่อกับเพื่อนในที่ทำงานของพ่อมีอะไรกันจริงตามที่คนบอกหรือไม่

                        หลายคืนแล้วที่ผมนอนครุ่นคิด   ตีสองแล้วก็ไม่ยอมหลับ ถึงแม้จะไม่ได้ยินเสียงกรนของพ่อก็ตาม ผมคิดหาคำตอบยังไงก็ไม่ออก ว่าแม่ด้อยกว่าผู้หญิงคนนั้นตรงไหน รูปร่างหน้าตาของแม่สวยกว่าคนนั้นตั้งเยอะ แม่เอาใจใส่ทุกคนในบ้านไม่มีที่ติ ขาดเพียงอย่างเดียวตรงที่ไม่ได้เรียนสูง ถึงกระนั้นแม่ก็จบการศึกษาผู้ใหญ่ และวิชาชีพตัดเย็บเสื้อผ้ามีรายได้จุนเจือครอบครัวช่วยพ่อด้วย

                        วันที่ 18 สิงหาคม มาถึง พ่อบอกว่ามีธุระราชการด่วน ให้ลูกนั่งรถโดยสารไปโรงเรียนกันเอง ถ้าเสร็จธุระแล้วพ่ออาจจะแวะไปชมนิทรรศการ เราไปโรงเรียนแต่เช้าโดยคาดหวังพ่ออยู่เต็มหัวใจว่าพ่อจะแวะไป จะได้ไม่อายเพื่อน ๆ ที่มีพ่อกับแม่อยู่เคียงข้างให้กำลังใจ 
                       พิธีเปิดเริ่มแล้ว คนมาชมงานมากตามคาดหมาย และจากที่แสดงนิทรรศการของผมซึ่งอยู่ห่างจากทางเข้าโรงเรียนไม่มากนักสามารถมองเห็นคนเดินหรือรถราที่เข้าออกขวักไขว่ จากเช้าเป็นสายผมก็ยังไม่เห็นวี่แววของพ่อหรือรถของพ่อ

                     อร นายชักจะใจลอยใหญ่แล้วนะ น้อง ๆ เขาอยากได้สารเคมีตรวจเลือดเพิ่มอีก
นายเบิกอาจารย์ให้หน่อย 

                      เพื่อนเรียกผมหลายครั้งแต่ผมก็ไม่ได้ยินเพราะมัวแต่คิดเรื่องพ่อ

                    อ้อ ขอโทษ ๆ เดี๋ยวเราเอามาให้

                      ผมหันหลังออกมาจากตรงนั้น แต่ก็ไม่วายที่จะมองไปที่ทางเข้าโรงเรียน
                       นาทีนั้นเองรถเก๋งสีแดงเหมือนรถพ่อก็แล่นชะลอ ๆ เข้ามา รถหยุดเลยประตูมาไม่มากนัก          คนที่ก้าวลงมาคนแรกเป็นผู้หญิงผิวขาวผอมบางร่างเล็ก สีหน้ายิ้มแย้มมีความสุข คนที่ก้าวตามลงมาเป็นเด็กชายวัยเดียวกับน้องสาวคนเล็กของผม ผู้หญิงคนนั้นจูงเด็กชายเดินตามถนนเข้ามาได้สองก้าวก็หันหลังกลับไปเหมือนลืมอะไรบางอย่าง คนที่อยู่ในรถหมุนกระจกติดฟิล์มลงและโผล่หน้าออกมาเล็กน้อย เพียงเท่านั้นผมก็จำได้ ..

                       พ่อ 

                      เสียงเรียกของผมจุกอยู่ที่คออันแห้งผาก
เมื่อผู้หญิงคนนั้นเดินกลับมา คนขับรถมองตามแล้วก็หมุนกระจกขึ้น และค่อย ๆ กลับรถออกจากโรงเรียนไป วันนั้นหัวใจของผมเต้นแทบไม่เป็นจังหวะ วูบคิดถึงแม่ รักแม่ขึ้นมาอย่างประหลาดจับจิตจับใจ
สิ่งที่ผมไม่คิดว่าจะรู้ก็ได้รู้

อะไรหรือครับ

ผู้หญิงคนนั้นพาลูกมาชมนิทรรศการของเรา น้อง ๆ ในกลุ่มของผมคะยั้นคะยอให้แม่และเขาตรวจเลือด โดยโฆษณายกแม่น้ำทั้งห้ามาหว่านล้อมจนเธอใจอ่อน หรือไม่แน่ เธออาจจะอยากได้ของที่ระลึกชิ้นสุดท้ายของโรงเรียนเราก็ได้ เธอมีหมู่เลือดบี ลูกชายของเธอมีหมู่เลือดเอบี และเมื่อปีที่แล้วผมก็ยังจำได้ เพราะตรวจเลือดด้วยตัวเองให้กับผู้ชายที่เด็กชายคนนั้นเรียกพ่อ ได้ว่า เขามีหมู่เลือดโอ

               ผมไม่อยากคิดอกตัญญูกับพ่อเลยว่า
คนที่แม่ของผมรักมาก
คือพ่อของทั้งผมและเขา

ณ วินาทีนี้ความรู้สึกเป็นผู้ชายของผมมันพุ่งขึ้นรุนแรงจนนึกอยากจะเตะต้นกล้วยให้ขาดไปซักสองท่อน

ผมไม่อยากให้พ่อของผม
เป็นพ่อของใครอื่นทั้งนั้น .


IIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIII
เรื่องสั้น ปฏิบัติการสุดท้ายของเหยี่ยวเดือนห้า TSH - 107
IIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIII



05.35 ปิดประตูห้องสัมภาระเก็บแผงกระจายความร้อน
06.50 ผู้บังคับการและนักบินสวมชุดสีส้มเข้าประจำที่นั่งด้านหน้าซ้ายและขวา
07.15 จุดเครื่องยนต์เป็นเวลา 2 นาที ครึ่ง พายานออกจากวงโคจร
07.44 เข้าสู่ขอบบรรยากาศที่ระดับ 121 กิโลเมตร อุณหภูมิเริ่มสูงขึ้น
07.53 ศูนย์ควบคุมพบว่า ตัวตรวจวัดอุณหภูมิและความดันสำหรับระบบไฮดรอลิกที่บังคับแฟลบปีกซ้ายบกพร่อง
07.56 ตัวตรวจวัดอุณหภูมิและความดันที่ระบบลงจอดในห้องเก็บล้อด้านซ้ายรายงานการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิในสายเบรกและล้อ
07.58 ตัวตรวจวัดอุณหภูมิและความดัน 3 ตัวที่ปีกซ้ายซึ่งฝังอยู่ในโครงสร้างของยานเสียหาย
07.59 ตัวตรวจวัดอุณหภูมิและความดัน 8 ตัวที่ปีกซ้ายซึ่งทำหน้าที่วัดอุณหภูมิและความดันในล้อเสียหาย


เหยี่ยวเดือนห้า(ชื่อกระสวยอวกาศลำแรกของทัย) จากลำนารายณ์(สถานีควบคุมภาคพื้นดิน) เราเห็นข้อความเกี่ยวกับความดันยางของคุณและเราไม่ได้ยินข้อความสุดท้ายจากคุณ


รับทราบเออ

ผู้บังคับการยานตอบแล้วสัญญาณก็ขาดหายไป ไม่มีคำพูดอีก การส่งข้อมูลอัตโนมัติหยุดลง


นั่นตรงกับวันที่ 4 มีนาคม 2978 เวลา 8.00 น. เวลาในทัย
กระสวยอวกาศเหยี่ยวเดือนห้าอยู่สูง 63 กิโลเมตรเหนือมาบตาพุด เคลื่อนที่ด้วยความเร็วมากกว่าเสียง 18.3 เท่า หมดหวังที่จะพบผู้รอดชีวิต
        
           ประเทศทัยทดลองการบินสู่อวกาศครั้งที่สองโดยยานเหยี่ยวเดือนห้าลำเดิม ภายใต้รหัสปฏิบัติการ TSH-107 เที่ยวบินนี้มีนักบิน 7 คน ได้แก่[ข้อมูลขัดข้อง]
ไม่มีใครคิดว่าเที่ยวบินนี้จะเป็นเที่ยวบินสุดท้ายของกระสวยอวกาศชื่อเก๋ลำนี้ โดยเฉพาะการบินกลับสู่โลกนั้นไม่เคยมีประวัติการระเบิดเสียหายเกินสองครั้ง ครั้งนี้ได้สร้างความเจ็บปวดและสะเทือนใจไปทั่ว เช่นเดียวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับกระสวยอวกาศแชลเลนเจอร์ ของนาซ่า เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2529 และกระสวยอวกาศโคลัมเบีย ของนาซ่าเช่นเดียวกัน  เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2546


432 ปีที่ผ่านมาประเทศต่าง ๆ มีความพยายามที่จะถีบตัวขึ้นเป็นประเทศแถวหน้าด้านอวกาศ ตามหลังญี่ปุ่น อเมริกา และยุโรป ประเทศทัย หรือประเทศอื่น ๆ บางประเทศก็คล้าย ๆ กัน แม้ว่าตัวเลขจีดีพีจะสูงลิ่วทะลุเพดาน แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังจนอยู่มาก ทั้งนี้เนื่องจากรายได้ประชาชาติมาจากรายได้ที่กระจุกอยู่กับชนชั้นนำของประเทศเท่านั้น 
  โครงการทดลองการบินสู่อวกาศครั้งที่สองนี้ถ้าประสบความสำเร็จก็จะเป็นการประกาศชัยชนะอย่างยิ่งใหญ่และสิ้นเชิงของกลุ่มทุนร่วมระหว่างธุรกิจอีดูเทนเม้นต์และธุรกิจสเต็ทยีนีติกโมดิฟายด์
โครงการนี้ต้องชะลอตัวลงอย่างน้อย 2 ปี นักวิเคราะห์ระดับสูงกล่าว 

สอดคล้องกับที่ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมการบินของ PPS ระบุเอาไว้ว่า ประเทศทัยมีปัญหาสำคัญ-ไม่ใช่เรื่องเทคนิคการบินหรือเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง แต่เป็นเรื่องของความขัดแย้งทางจริยธรรมชนชั้นที่ฝังรากลึกยากแก่การแก้ไขในช่วงอายุขัยหนึ่ง ๆ
      

อัตถวินิบาตกรรมบนเหยี่ยวเดือนห้าของนักบินซึ่งสืบสายโลหิตมาจากใต้ถุนสังคม เป็นข้อสรุปแบบฟันธงของผู้เชี่ยวชาญดังกล่าว



IIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIII
เรื่องสั้นสั้น  มุมโปรด
IIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIII

ห้องสมุดในสถาบันอุดมศึกษาใหญ่ ๆ
บางที่เรียกสำนักวิทยบริการ
บางที่ก็เรียกตรงตัว
บางทีอาจเรียกแบบอื่น

ที่นั่นแหละ เป็นที่ๆ นิสิต-นักศึกษา
เข้าไปศึกษาหาความรู้ด้วยตัวเอง
ความรู้ในนั้นมีทั้งทางลึกและทางกว้าง
เรียนรู้ได้ไม่รู้จบ(แต่อาจจะรู้เบื่อ)
ผมเป็นคนหนึ่งที่ชอบห้องสมุด
เพราะสงบ เย็น และมีมุมเป็นส่วนตัว

ในห้องสมุดมีการจัดที่นั่งอ่านหนังสือหลายแบบ
แบบโต๊ะยาวเพื่อนั่งกันเป็นกลุ่มใหญ่ กลุ่มย่อยก็มี
แบบโต๊ะเดี่ยวนั่งจ่อมอยู่คนเดียวมีแผงบังตาก็มี
นาน ๆ ผมจึงออกจากมุมศิลปินเดี่ยว
ไปนั่งอยู่ต่อหน้าใครต่อใคร-
ที่โต๊ะยาวกลางห้อง
ที่ต้องไปนั่งตรงนั้น เพราะหนังสือเล่มเขื่องเหมาะที่จะยกไปอ่านตรงนั้น
ยกไปไกลกว่านั้นก็ไม่เข้าที มันหนัก และดูเชย(ซื่อบื้อก็เรียก)

คุณเอ๋ย ที่กลางห้องนั่นแหละ
ก็ยังดันมีคนหลับ
เป็นผู้ชายเสียด้วย
ไม่รู้ง่วงมาจากไหน กรนเสียงซ๊อด ๆ เชียว
วันนั้นมีนิสิตเข้าห้องสมุดมากเป็นพิเศษ
ที่นั่งอ่านแบบเดี่ยว ๆ ก็มีคนจับจองอยู่หาว่างซักตัวได้ไม่

จึงไม่แปลกอะไรที่คนที่มาทีหลังจะมานั่งล้อมชายหนุ่มซึ่งฟุบหลับอยู่ตรงนั้น
คนนอน นอนไป
คนอ่าน อ่านไป
ต่างคนต่างก็มีเรื่องที่ตนสนใจอยู่เฉพาะตัว
คนมาก แตก็่ไม่วุ่น
คนชุม แต่ก็ไม่จุ้นจ้าน

ต่อจากนั้นอีกไม่นาน
ชายที่หลับก็ออกจากการหลับไหล
เขาลืมตาขึ้นช้า ๆ
แต่ดูเหมือนว่าไม่อยากมองหน้าไผ
เพราะน้ำลายเกรอะอยู่เต็มโต๊ะ
โทะ โทะ โทะ มันมาได้ไง
ทิชชู่ก็ไม่มี
เอาซิคราวนี้จะทำไฉน
อายสาวก็อายสาว
ครั้นคิดจะโกยอ้าวก็ดูกระไร
เขาเอามือลูยโต๊ะป๊าบ
มือเหมือนกระดาษทรายหยาบเบอร์ใหญ่
น้ำลายที่ยืดเยิ้มมันก็ยิ่งเพิ่มความอายให้
พวกผู้หญิงที่นั่งข้างๆ พากันลุกหนีอย่างกับร้อนไฟ
เพราะว่าน้ำลายนั้นมันเหม็น
ต่อมาหลายคงตั้งประเด็นว่าเป็นอะไร
โต๊ะนั้นโต๊ะหนึ่งจึงว่างเปล่า
เริ่มมีเสียงเจี๊ยวจ๊าวอยู่ยกใหญ่

ต่อเมื่อเจ้าหน้าที่มาเช็ดถู
หญิงสาวจึงกรูมานั่งใหม่
ผมเห็นอยากหัวเราะ
จะหัวฯได้ไงเนาะ -ไม่เหมาะไง

นับแต่นั้นผมกลับมุมโปรด
ไม่ออกไปเริงโลดกลางห้องใด
หลบอยู่ในแผงกั้น
เตรียมทิชชู่ไว้ให้ทันเช็ดน้ำลาย
แม้นหลับหลงเผลอหลับ
ก็คงไม่ถึงกับมุดดินอาย


IIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIII
เรื่องสั้น  ครูของผม
IIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIII



เธอกินข้าวเที่ยงหรือยังก่อพงษ์ ครูเดินมาเงียบๆ และถามเสียงทุ้มๆ ผมกำลังนั่งทำการบ้านอยู่หลังห้องเรียนคนเดียว

กินแล้วครับ

เมื่อวานเธอขาดเรียน ครูยืนกอดอก แต่น้ำเสียงไม่เปลี่ยน

ครับ ผมไม่มีตังค์ค่ารถ

ค่าโดยสารวันละกี่บาท ครูเปลี่ยนจากยืนเป็นนั่งโต๊ะนักเรียน ห่างจากผมไปราวสองศอก

ไปกลับสองบาทครับ

จากบ้านเธอถึงโรงเรียนกี่กิโล ครูกอดอกอีก

สิบเอ็ด ครับ ผมเริ่มปิดสมุดการบ้าน และตั้งใจฟังคำถามของครูจริงจังขึ้น

เธอขี่จักรยานเป็นไหม ครูเปลี่ยนจากกอดอกเป็นเท้าแขนซ้าย และยังนั่งที่เดิม

ไม่เป็นครับ พ่อเคยยืมเขามาหนหนึ่งผมหัดยังไม่เป็นก็เอาไปคืนแล้ว

งั้นเธอหัดนะ ตอนเที่ยงเอาจักรยานของครูไปหัด ครูมีสองคัน พอเป็นแล้วค่อยยืมครูขี่มาเรียน รถอยู่ใต้ถุนบ้านพักครู เธอไปลองหัดเลย

ว่าแล้วครูก็เดินตรวจห้องเรียนอื่น ๆ ต่อไปอีก เมื่อครูลับไปจากสายตา ผมจึงเหลือบดูนาฬิกาเหนือกระดาน มันบอกเวลา 12.31 น.

คำของครูยังก้องอยู่ในหัว ผมทั้งตื่นเต้นและดีใจ หนึ่งคือรู้สึกโก้มากที่จะได้ลองเจ้าฮัมเบิ้ล มีเกียร์ ที่ผมเห็นครูขี่ไปตลาดบ้าง ไปตามท้องนาบ้าง สองจะได้มาเรียนไม่ต้องขาด ผมไม่ใช่คนขี้เกียจเรียน สามจะมีเงินเก็บบ้างจากค่าโดยสาร และอะไรอีกเยอะแยะ

ผมนึกถึงเพื่อนที่จะช่วย ในห้องมีเพื่อนที่ไม่ข่มเหงผมอยู่สองสามคน เป็นลูกคนจนเหมือนกัน ผมขอให้เขาช่วยหัดรถถีบให้ ไม่ช้าผมก็ทำได้อย่างครูและอย่างเพื่อน
วันต่อ ๆ มา เมื่อแน่ใจว่าขี่ได้คล่อง ผมก็บอกครู ครูให้ขี่ให้ดู จนแน่ใจ ผมจึงได้เจ้าฮัมเบิ้ลพากลับบ้านและมาโรงเรียน

พ่อกับแม่ยิ้มเบิกบาน เมื่อผมเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง

รักษารถของครูให้ดี ๆนะอ้ายหนู พ่อกับแม่บอกเหมือนกัน
ผมยิ่งต้องเอาใจใส่ราวกับว่านี่คือสมบัติของตนเอง

คุณนึกภาพผู้ใหญ่ออกรถคันใหญ่คันใหม่ดูครับ เขาเอาใจใส่ดูแลรถดีขนาดไหน ผมก็คงคล้ายนั้น

OOOOO

          หลังเลิกเรียนทุกวันผมออกไปทุ่งนาเพื่อจับกบจับปลามาให้แม่ทำกับข้าว บางวันได้มากก็แบ่งไปฝากคุณครูหลายท่านด้วย ครูรับ ยิ้ม และว่า ขอบใจ ไม่เคยทำให้ผมเสียน้ำใจเลย

เย็นวันหนึ่งคุณครูกับเพื่อนปั่นจักรยานมาแวะบ้านผม ครูว่าครูอยากให้ผมพาไปจับปลา ผมตื่นเต้นและดีใจมากเหมือนตอนสอบได้ที่ 10 ของห้องเป็นครั้งแรกคราวย้ายที่เรียนไปเรียนโรงเรียนประจำอำเภอ

คุณครูกินข้าวเย็นหรือยังครับ

ยัง แต่ครูเตรียมมาด้วยแล้ว

ครูพูดพร้อมกับยกเถาปิ่นโตให้ดู ผมเตรียมน้ำและสัมภาระอื่นคือเบ็ด ข้อง โคมไฟ และพล้า ส่วนจอบขุดเหยื่อเบ็ดเก็บไว้ที่เถียงนาเรียบร้อย ไม่ต้องขนไปขนมา
ครูทั้งสองท่านปั่นจักรยานตามผม ชาวบ้านหลายคนมองตามอย่างแปลกใจจนพ้นท้ายบ้านเข้าสู่เขตทุ่งนา ถนนแคบเข้าจนเป็นแค่ทางควายและคันนาในที่สุด

ตรงไหน นาของเธอ คุณครูเจ้าของจักรยานที่ผมถีบ ถาม

ผมชี้มือขึ้นฟ้าเฉียงๆ เพราะยังอีกไกล ไม่มีถนนเข้าไปหรอกครับ มีแต่คันนา

คันนานี่กว้างพอครับครู ขี่ตามผมมาเลย

ครูทั้งสองท่านขี่จักรยานคล่องแคล่วกว่าผม คันนากิ่ว ๆ บางช่วงก็ผ่านมาได้ ดีที่ไม่มีใครตกคันนาซักคน
เมื่อถึงที่หมาย ครูและผมวางสัมภาระไว้บนเถียงนา ผมเตรียมจอบจะขุดไส้เดือน ครูบอกว่ากินข้าวเย็นก่อนได้ไหม ผมก็ตกลงตามนั้น อาหารเย็นกลางทุ่งมื้อนั้นของครู เป็นมื้อที่อร่อยที่สุดในชีวิตของผม และไม่เคยลืมเลย

ครูช่วยผมขุดไว้เดือนหลังอาหารเย็นลุล่วงไป ทั้งสองท่านเตรียมเบ็ดของตัวเองมาด้วยคนละกำมือ เมื่อได้เหยื่อ เราก็แยกกันปักเบ็ดตามคันนา ได้ยินทั้งสองท่านคุยกันว่า ตอนเป็นเด็กท่านก็เคยจับกบจับเขียดแบบนี้เหมือนผม แต่เวลาที่ผ่านไป ยิ่งโตก็ยิ่งห่างไปจากรากเหง้า

ตอนนั้นผมยังไม่เข้าใจหรอกครับ ว่า อะไรคือรากเหง้า ของครู

วันนี้  คุณคิดว่าผมกับครูใครจะได้ปลามากกว่ากันครับ ?


OOO

               ค่ำนั้นผมได้ปลาช่อนตัวเท่านิ้วชี้ของตัวเอง 1 ตัว ส่วนครูได้ปลาดุกเท่าแขนของผมคนละตัว ครูบอกว่า ปลาดุกให้ ก่อพงษ์ไว้กินนะ ผมก็รับไว้ด้วยความดีใจ 
               ที่จริงผมกะจะอวดครูว่าผมรู้ว่าตรงไหนที่ปลาข้ามคันนาไปมา ซึ่งวันก่อนๆ ถ้าผมปักเบ็ดตรงนั้นผมมักได้ปลาแบบไม่เคยพลาด เวลาผ่านมานาน ผมก็ยังคิด ว่า อะไรที่เราคิดว่าแน่ บางทีมันก็ไม่แน่  ดีแล้วที่ไม่ได้โม้โอ้อวดให้คนเย้ยหยันความเขลา

            ครูของผมทั้งสองท่านย้ายไปสอนที่อื่นนานแล้ว 20 ปีผ่านมา ผมยังไม่ได้พบท่านอีกเลย

              วันที่ 16 มกราคม ทุกปี ผมจะซื้อพวงมาลัยมาคล้องตรงดวงไฟหน้าของจักรยาน รำลึกถึงคุณของครู 
และก่อนนอน หลังกราบพระ นบพ่อ ไหว้แม่ ผมไม่เคยลืมที่จะก้มหัวลงให้หน้าผากจรดพื้นเคารพครู ผู้มีคุณ และอยู่ในหัวใจของผมเสมอ



IIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIII
เรื่องสั้น  คนจนกินอะไร
IIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIII



พ่อครับ คนจนเขากินอะไร

ลูกถามและมองของกินบนโต๊ะ ที่ซื้อมาจากร้านอาหารมีชื่อ เราไม่ต้องทำกับข้าวเอง บางวันแค่โทรสั่งก็มีคนเอามาส่ง

กินเหมือนเรานี่แหละลูก แต่อาหารที่เขากินส่วนมากไม่ต้องซื้อ

มีคนเอาไปให้หรือครับ

ไม่หรอกลูก ลูกรู้จักกุ้งหอยปูปลาไหมล่ะ

รู้ครับ ครูก็สอน

นั่นแหละ ของพวกนั้นมีอยู่ในน้ำในนา ก็จับมาเป็นอาหารได้ไม่ต้องซื้อ

 เข้าใจแล้วครับ แต่เขามีผลไม้กินแบบเราไหม

มีสิครับ ผลไม้แบบที่เรากิน มีขายเยอะไปตามห้างสรรพสินค้า 
คนจนคนรวยซื้อได้เหมือนกัน

ถ้ามีตังค์

ถ้ามีขาย

ถ้าอยากขาย

ถ้าอยากซื้อ

เราพ่อลูกคุยกันในมื้ออาหารทำให้รสชาติอาหารดีกว่าต่างคนต่างกินเงียบ ๆ

                  พื้นเพของผมมาจากต่างจังหวัด เข้ามาแสวงโชคในกรุงเทพฯ ตั้งแต่ 30 ปีที่แล้ว ผมไม่เคยลืมหรอกครับว่ารากของผมอยู่ไหน ผมไม่เคยลืม เพราะความไม่มีกินนั่นแหละเป็นแรงผลักอย่างดีสำหรับสู้ชีวิต

                  ผมเริ่มงานในกรุงเทพฯโดยเป็นลูกจ้างในร้านขายของชำของคนจีน ได้เห็นทุกวันว่า คนจีนนอนดึก ตื่นเช้า ทำงาน ทั้งวัน จับเงินทั้งวัน ลูกค้าอยากได้อะไร มีขายให้หมด แม้ของในร้านไม่มีก็ ขอยืมจากร้านข้าง ๆ เอามาให้ หรืออย่างช้าก็รุ่งขึ้นก็เอามาขายให้ได้ สลึง ห้าสิบสตางค์ก็ขายได้ มีจริงครับ ลูกค้าถือปากกาเคมี เข้ามาในร้าน เฮียเจ้าของร้านดูแล้วก็ว่าแบบนั้นเติมหมึกเอาก็ได้ไม่ต้องซื้อใหม่ จ่ายค่าเติมแค่ 2 บาท แทนที่จะซื้อใหม่ 15 บาท วิธีที่เฮียทำผูกใจลูกค้าคนยากคนจนได้หมด ไม่เคยดูถูกคน คนจึงมาหาเฮีย ซื้อทุกอย่างจากร้านชำของเฮีย

                   กิจการของเฮียไปไกลมากแล้วครับ  เฮียทำร้านขายส่งโดยหุ้นกับชาวต่างชาติ แตกสาขาออกไปมากมาย ผมซึ่งอายุมากขึ้นทุกวัน ขอเกษียณตัวเองจากงานในร้านชำมาเปิดร้านเล็ก ๆ ของตัวเอง ขายของใช้ในบ้านแบบชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปจนถึงของใช้ของสอยจากถิ่นอื่น แบบของที่ระลึก จนในที่สุดเห็นช่องทางใหม่ก็เปิดเป็นร้านขายของที่ระลึกให้ชาวต่างชาติที่มา เที่ยวชมสถานที่ต่าง ๆ ในกรุงเทพฯ         

                    ทุกวันจะมีไกด์พานักท่องเที่ยวเข้าร้านของผมจนนับไม่หวาดไม่ไหว ไกด์พวกนั้นก็ลูกหลานของผมเองจากบ้านนอกนั่นแหละ เขาได้รับการศึกษาดี ได้ภาษาหลายภาษา ที่ผ่านมาผมถือว่าเขาช่วยผม ผมก็ช่วยเขา เราไม่ดูแคลนคนอยู่แล้วครับ

พ่อครับ พ่อกำลังคิดใช่ไหม

ทำไมลูกรู้

เห็นพ่อมองโคมไฟเพดานนาน

เก่งครับ พ่อคิดจริงๆ คนเราต้องคิดนะ คิดถึงอดีต เพื่อสรุปบทเรียน คิดถึงปัจจุบันว่าเราได้ทำอะไรบ้าง ยังไม่ทำอะไรบ้าง คิดถึงอนาคตว่าอะไรกำลังจะไปทางไหน เพื่อจะได้..

ไม่กลายเป็นเหยื่อ..

ของตัวเอง..

ของคนอื่น..

ของสังคม..

ของโลก..

..

อาหารมื้อเย็นนั้นอร่อยมาก อร่อยเสมอ
ผมตักยำไข่มดแดงเข้าปากเคี้ยวกับข้าวเหนียวเพื่อรำลึกถึงความจนในวันเก่า ๆ ส่วนลูก ๆ เขามีสิทธิ์กินอะไรตามใจเขา ผมไม่ได้บังคับให้เขาต้องกินปลาร้าเหมือนผม


ผมขออย่างสองอย่างเท่านั้นจากลูก คือ
อย่ากินสินบาตร คาดสินบน 
และอย่ายอมให้คนกินแรง



IIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIII
เรื่องสั้นยาว           รอยวัน
IIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIII

	 รอยวรรณ  เป็นชื่อของผู้หญิงที่ผมชื่นชมมาตั้งแต่เรียนชั้น ป.1  เธอเรียนเก่งมาก   อ่านเขียนคล่องและพูดจาฉาดฉานที่สุดในห้อง    ตาที่โตและคมสะกดทุกคนให้อยู่ในอำนาจได้ไม่ยาก   เพื่อนในห้องไม่มีใครกล้าทำทียียวนกวนเธอสักคน  แม้เจ้าหมอที่เกเรที่สุดในห้อง  ก็ยังยกเธอไว้หนึ่งคน
	 บักไข่เขียด    มึงจะให้กูลอกไหม  ถ้ามึงไม่ให้กูลอก  ตอนเย็นมึงเจ็บตัว   นั่นเป็นคำที่ไอ้เกมันขู่ผมอยู่ทุกบ่อย   ผมเคยเจ็บตัวเพราะโดนพรรคพวกของมันรุมอยู่สองสามหนจึงไม่อยากมี เรื่องกับไอ้เกอีก  เมื่อทำงานเสร็จผมก็ยอมให้มันลอก และในใจก็คิดว่าไอ้หม-เอ๊ย  มึงกินแรงกูเสียจริงๆ ถ้ากูโตเท่ามึงกูไม่ปล่อยให้มึงรังแกอย่างนี้หรอก
	 ทุกครั้งที่ผมโดนรังแก  คนที่แสดงความเห็นอกเห็นใจมีรอยเพียงคนเดียว  เพื่อนคนอื่นๆ มองดูตาปริบๆ เหมือนดูการแสดงสนุกๆ    หนหนึ่งไอ้เกมันเอาทรายแห้งๆถูหน้าผม  มันว่าแป้งยี่ห้อของมันเป็นแป้งชั้นยอด    มันแกล้งผมเพราะมันอับอายเสียหน้าที่ครูชมผมกับรอยว่าอ่านหนังส ือเก่ง  แต่มันอ่านไม่ออก   ไอ้เกมันเก่งทางใช้กำลังข่มเหงคนทั้งโรงเรียน  มันอยากได้ดินสอของใครมันขู่เอาได้ทั้งนั้น  ไม่มีใครกล้าฟ้องครู  นอกจากอ้ายไข่เขียด  ฉายาที่มันตั้งให้คนผอมขี้โรคเช่นผม  หนนั้นรอยเป็นคนแอบเอาผ้ามาเช็ดหน้าให้ผม  โดยที่พวกนั้นไม่รู้    ผมมากกว่าชื่นชมรอยเสียแล้วตั้งแต่วันนั้น
เฮอะ..ความรักของเด็กป.1   แหละเอ๋ย..
 OOOO
 	            รอยวรรณเรียนถึงชั้น ป.2 ก็ย้ายไปเรียนที่อื่น ทิ้งให้อันดับ 2 อย่างผมให้ขึ้นมาเป็นที่ 1 แทน     
              ห้องเรียนของผมยุ่งเหยิงขึ้น ด้วยผมเป็นหัวหน้าที่ไม่มีใครฟัง   ตอนครูอยู่ไอ้เกมันก็เงียบล่ะแต่พอครูไปธุระมันก็โวยวาย  
              ในโรงเรียน  สมุด ดินสอ ยางลบ ไม้บรรทัด หายบ่อยมาก  แม้แต่สมุดดินสอสำหรับแจกที่ครูเก็บในลิ้นชักยังโดนคนงัดเอา     ผมรู้และผมเห็นว่า   ไอ้เกนั่นแหละเป็นคนออกอุบายให้สมุนของมันปีนห้องพักครูไปงัดเอาในวันหยุด
	            เมื่อครูสืบว่าใครขโมยครูก็มารู้จากผมที่กล้ายืนยันว่าเห็นใครข โมยและมันเอาของพวกนั้นซ่อนไว้ที่ไหน    ครูให้ไอ้เกกับพวกพาไปเอาของกลางได้คืนมาจนเกือบหมดและเชิญผู้ป กครองของพวกนั้นมาทำทัณฑ์บนด้วย
  	         การคบกันเป็นเพื่อนระหว่างผมกับไอ้เกก็เป็นอันสิ้นสุดลงแต่นั้น   เพราะมันกับพวกดักต่อยผมทุกวันหลังเลิกเรียน   ผมแพ้บ้างชนะบ้างเพราะพวกนั้นเปลี่ยนหน้ากันมาดวลกำปั้นกับผม  ไอ้เกมันไม่ยอมเปลืองตัวมาแลกหมัดกับผมหรอก  มันฉลาดที่จะใช้อำนาจเสียงของมันขู่ให้คนอื่นเจ็บตัวแทนมันได้
	            ไอ้ไข่เขียด   ถ้ามึงไม่อยากเจ็บตัวอีก  มึงสงบปากคำดีกว่า  คราวนี้คนที่พูดคำนี้ไม่ใช่ไอ้เก   แต่เป็นนักเรียนชั้นป.6  ชั้นสูงสุดของโรงเรียนในหมู่บ้าน   ผมรู้ว่ามันคือหัวขโมยตัวจริง  มันเคยลักเอาเงินของครูไป 200 บาท  มันเคยลักไก่ของภารโรง และมันเคยลักอ้อยของบ้านที่อยู่ข้างโรงเรียนด้วย   ไอ้เกก็เป็นลูกสมุนของมันอีกที
	            ช่ายมึงเฉยไว้ดีกว่าถ้าไม่อยากเจ็บตัว  ไอ้เกก็ยังตามมาสำทับจนได้เมื่อมันเห็นว่าลูกพี่มันว่าอะไรผม
         ผมได้แต่อึ้ง แม้ไม่สะทก   ก็อดหวั่นไม่ได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นถ้าครูใหญ่มาถามเอาความจริงจา กผมว่าใครเป็นหัวขโมยบ้างในโรงเรียนนี้ 
         ถ้าเวล านั้นมาถึง   บางทีผมอาจจะได้ไปจากเพื่อนขี้โกงและชอบรังแกเสียที
-------------------------------------------------------------
	
	ผมอยากตัวโตสูงใหญ่อย่างคนอื่น ๆ  แต่มันก็เหมือนความฝันอยากบินโดยไม่มีปีกนั่นแหละ          ผมพยายามโหนกิ่งไม้ทุกวัน หวังให้กระดูกยืดออกบ้าง    ทั้งยังหัดต่อยเตะถุงใส่แกลบที่ผูกโยงจากคาคบไม้เพื่อให้เป็นมวยบ้างยามต้องต่อยตีป้องกันตัว    บางหนผมยังลองเตะต้นกล้วยดูด้วยว่าฝีแข้งของผมคมแข็งปานใด   และผมก็รู้แล้วว่ามันเจ็บ    
ระหว่างคนธรรมดากับนักมวย       ถ้าแลกลำแข้งกัน    คือโยนแข้งใส่กัน     คนธรรมดาเจ็บกว่าแน่นอนเพราะไม่ได้ฝึกรับความเจ็บปวดให้ชิน      เนื้อ - กล้ามเนื้อ-กระดูก และเอ็นของนักมวยนั้นไม่ได้ยวบอ่อนแบบของคนธรรมดาหรอก    แต่แน่นเปรี๊ยะแข็งปั๋ง     ในสถานการณ์ที่ถูกโยนแข้งหรือเข่าเข้าใส่   หากมีการตั้งรับที่เหมาะสมบางทีก็แทบจะพูดได้ว่า เจ็บแค่จิ๊บจ๊อยแบบมดแดงกัดนั่นล่ะมั้ง         เมื่อรู้ความจริงนี้จากนักมวยที่อยู่บ้านข้างกันผมจึงมีกำลังใจที่จะประเคนแข้งใส่กระสอบแกลบ  และสวิงซ้ายขวาใส่เป้านิ่งที่สมมุติเอาว่าเป็นหน้าไอ้เก ได้ทุกวัน
 ไม่อยากเป็นนักมวยหรือไอ้น้อง  คนที่สอนผมเรื่องมวยถาม
 ผมกลัวโดนต่อยเตะครับ
 ใครจะมาเตะเราได้ง่ายๆ       ถ้าเราเป็นมวย
ผมไม่ออกเสียงเถียงเขา      แต่ผมเถียงดังๆ ในใจว่า     --อ้าวแล้วที่พี่แพ้น็อคหลับกลางอากาศน่ะมันอะไรหล่ะ   ไม่ใช่เพราะลูกตีนโดนก้านคอหรอกหรือ  และพี่ก็ว่าพี่เป็นมวยนี่นา--
นักมวยข้างบ้านย้ายไปอยู่ที่อื่นในไม่นานนัก   แต่ผมก็ไม่หยุดชกกระสอบ และโหนบาร์  โดยหวังว่าสักวันหนึ่งผมจะโตอย่างน้อยก็เท่าไอ้เก    มันจะได้ไม่กล้ารังแกผมอีก

-------------------------------------------------------------------
	
	ความขัดแย้งระหว่างผมกับไอ้เกมาแตกหักเอาตอนปลายปีของชั้น ป.4   	ซึ่งครูประจำชั้นไม่ค่อยอยู่โรงเรียน  ทำให้ผมต้องรับภาระเขียนกระดานแทนครูอยู่เสมอ   ในชั้นนั้นไอ้เกจะคอยโวยวายว่าผมเขียนกระดานเร็ว  เขียนมาก และพวกมันเหนื่อย   ผมก็เขียนตามที่ครูบอกให้เขียนนั่นแหละ   ถ้าพวกมันเหนื่อยผมก็ยิ่งต้องเมื่อยเพราะต้องเขียน 2 ครั้ง หนึ่งในกระดาน สองในกระดาษ   เมื่อทางอำเภอออกมาทดสอบความรู้  เพื่อนของผมสอบตกเป็นแถว ก็จะไม่ตกได้อย่างไรเพราะผมเขียนให้ลอกเท่านั้นผมอธิบายให้ฟังไม่เป็น  ผมไม่ใช่ครู-โธ่เอ๋ย
	ผมกับไอ้เกทะเลาะกันเรื่องจดกระดานอีก  มันแย่งหนังสือไปจากผมแล้วเขวี้ยงลงกลางห้องและว่ามีครูสีดาคนเดียวก็น่าเบื่อพอแล้วยังต้องมาทนกับอ้ายครูไข่เขียดอีก   เพื่อนหลายคนเฮ เข้าข้างไอ้เก  ผมเก็บหนังสือขึ้นมามันถีบผมล้มลงไป   มวยคู่เอกจึงได้ออกหมัดกันตรงนั้น  ผลการชก  หน้าของผมเป็นแผลยาวใต้ตาขามาจนถึงขากรรไกขวา  เพราะโดนเล็บหัวแม่มือจากหมัดเหวี่ยงของไอ้หมอนั่น   แล้วคู่ชกของผมเป็นไงมั่ง   อ้ายนั่นลงไปนอนกุมเป้าเลย  มันโดนหลังteenของผมเข้าที่กลางหว่างขานั่นเอง
	ผู้ปกครองของนักเรียนที่ตีกันโดนเรียกพบ  ส่วนเด็กที่ตีกันไม่ได้เข้าฟังด้วย   พ่อออกจากห้องครูใหญ่มาเงียบๆ   และไม่พูดอะไรกับผมด้วย  จนตอนเย็นหลังเลิกเรียนนั่นแหละผมจึงได้บอกความจริงกับพ่อ
	
	
OOOOO
 
	 เมื่อพ่อรู้ความจริงว่าอะไรคือแรงผลักเบื้องหลังให้ผมโหนบาร์ทุ กวันและเตะต่อยถุงแกลบทั้งเช้าและเย็น    พ่อก็ไม่ขัดเมื่อผมขอไปสอบแข่งขันเพื่อเข้าเรียนในโรงเรียนประจำอำเภอ    
ที่นี่เองที่ทำให้ผมได้พบรอยวรรณอีกครั้ง
	 รอยวรรณสอบเข้าเรียนได้อันดับ 1   ส่วนผมได้อันดับ 7   
	 เด็ก ป.5 อย่างผมเก้อเขินแทบทำอะไรไม่ถูกเมื่อเจอคนที่ตัวเองปลื้มเข้าอี กครั้ง 
	   นี่คุณไข่เขียด   กะจะทำเป็นจำรอยไม่ได้ใช่ไหมนี่    
	  ปะ..เปล่า ครับ คุณรอย   ผมจำคุณรอยได้    รอยคือเพื่อนที่ผมปลื้มที่สุด   คำพูดเพราะ ๆ แบบนั้นพวกเราได้มาจากครูประจำชั้น ป.1  ในโรงเรียนหมู่บ้านนะครับ
	  ทำไมทิ้งพรรคพวก มาเสียล่ะ เธอคงหมายถึงเพื่อน ๆ  และไอ้เกด้วยมั้ง
	  ต่อยตีกันทุกวันครับ  พ่อเลยให้สอบย้ายเข้ามานี่   ผมดีใจนะครับที่ได้เจอคุณรอยอีก
	 รอยก็เหมือนกันค่ะ
 
	 ที่โรงเรียนใหม่เพื่อนใหม่ชั้น ป.5  มีตั้ง 4 ห้องเรียน   เวลาเข้าแถวจึงยาวเฟื้อยแถวตรงเหมือนงูเลื้อย   หลังพักเที่ยงก่อนขึ้นเรียนภาคบ่ายครูประจำชั้น จะมายืนพูดคุยให้สาระความรู้ทุกวัน  ในชั้นเรียนครูประจำวิชาเปลี่ยนกันมาสอน ไม่ใช่คนเดียวสอนทุกอย่างอย่างโรงเรียนเก่าของผมอีกแล้ว   อาจารย์ใหญ่มาสอนภาษาอังกฤษ  ผู้ช่วยอาจารย์ใหญ่สอนเลข  ครูประจำชั้นสอนภาษาไทย  ครูฝ่ายปกครองสอนวิทยาศาสตร์   ทุกคนที่มาสอน  เสียงดัง ฟังชัดทั้งนั้น    แน่ล่ะนักเรียนก็ต้องพูดดังด้วย    คงอยากให้เราพูดจาฉาดฉาน  ชัดถ้อยชัดคำนั่นเอง  
	  เด็กชายไข่เขียด    เธอพูดเบาไป   เพิ่มอีกซัก
สี่หลอดได้ไหม   ครูสอนเลขบอกให้ผมพูดดังขึ้น
	  เสียงเบาเหมือนเขียดครางเลย อ้ายหมอนี่
เพื่อนใหม่  - ตัวใหญ่       นั่งข้างหลังผมพูดเหมือนจงใจให้ผมได้ยิน   คนทั้งห้องหัวเราะขึ้นพร้อมกันเหมือนขบขันเหลือแสนกับถ้อยขำของ เขา
	  เงียบหน่อย   พวกขี้กะตืกแปทั้งหลาย   เสียงครูดุแบบกึ่งเล่นกึ่งจริง  แต่เด็กทั้งห้องก็เงียบกริบลงฉับพลัน ทีเดียว
	  ไข่เขียด  เธอไปซื้อบุหรี่ให้ครูที  เอาสามิต 14  หนึ่งมวนนะ  รีบไปรีบมา  ระวังรถด้วย
	 
	 ที่โรงเรียนหมู่บ้าน  ครูประจำชั้นเรียกใช้ผมเป็นประจำ ในโรงเรียนประจำอำเภอ  ครูสอนเลขก็เป็นคนแรกที่ประเดิมใช้ผมไปซื้อบุหรี่ที่ตลาดซึ่งห่างออกไปถึง  500 เมตร    ตอนออกจากห้องเรียนไปซื้อบุหรี่บรรดาเพื่อนๆของผมก็ยังเรียนบวก ลบคูณหารเลขอยู่ด้วย   แล้วผมจะเรียนเข้าใจไหมล่ะ    มันเข้าใจได้ก็เก่งพิลึกล่ะครับ
	 
	  อ้ายไข่เขียด   มึงจะเป็นอ้ายคอยีราฟ รึ   ชะโงกหน้าไปดูเขาทำไม  ครูสอนเลขดุว่าที่ผมหันไปลอกเพื่อนที่นั่งข้างกัน
	 อ้าว  ก็ครูให้ผมออกไปซื้อยาสูบ   ไม่ลอกแล้วมันจะได้ส่งเอาคะแนนหรือ"    
                 ผมเถียงในความคิด  แต่การกระทำคือชะงักไปเลย   ทำได้หรือทำไม่ได้ผมก็ไม่มีแก่ใจจะทำต่อเสียแล้ว   มันเสียใจไงครับ
                 เสียใจที่ได้ยินครูดุว่าผมเช่นนั้น     มันอายด้วยแหละคุณเอ๋ย    ผมเคยแต่ให้เพื่อนลอก  คราวนี้ผมมาเป็นนักช่างลอกแบบไอ้เกเสียเอง  อับอายแบบอยากดำดินหนีเลยแหละ    ผมแทบจะไม่กล้าหันไปทางรอยเลย   มันเหนียมเสียยิ่งกว่าเหนียมแล้วแหละ
                 แต่สิ่งที่หันไปแล้วเห็น...คือ รอยยิ้มของรอยวรรณที่ไม่เปลี่ยนแปลงครับ  ยังเป็นยิ้มที่เจือไมตรีอันเฟื้อเฟื้อสำหรับผม เหมือนเช่นเดิม
                 ถ้าหากรอยวรรณก็ยังยิ้มหยันเยาะเย้ยผมด้วยอีกคนหนึ่ง  บางทีอ้ายไข่เขียดคงกลายไปเป็นมนุษย์ขวางโลกแต่วันนั้นแล้ว
                 ไม่ดอกครับ
                  หัวใจของผมจะแข็งกระด้างได้อย่างไร   ในเมื่อผมได้รับสิ่งที่อ่อนหวานสดใสนั้นแล้วเต็มสองตาและหนึ่งก อบใจ

ตอนที่ 2   รอยวัน
	
	 รอยวรรณเรียนในโรงเรียนประจำอำเภอนั้นได้ไม่นานก็ต้องย้ายตามผู้ปกครองไปต่างจังหวัดอีก   
เออ..ความคิดถึงนี่มันก็ทำให้รู้สึกเจ็บๆปวดๆนะ  ผมนึกไปถึงวันที่รอยจะไป เธอให้สมุดเล่มเล็กๆไว้แก่ผม
	สมุดนี่ให้ไข่เขียดเขียนอะไรก็ได้   วันหน้าถ้าได้เจอกันอีก  จะได้แลกอ่านกับรอย
	
	ตอนอยู่ ป.1  ผมเคยไปบ้านรอย   บ้านของเธอมีไผ่สีสุกอยู่รอบบ่อปลา   บ้าน ไม้สองชั้นใต้ถุนสูงหลังนั้นมีชานกว้างโล่งแลเห็นดาวได้ในค่ำคืน  คุณแม่ของรอยเป็นแม่บ้านส่วนคุณพ่อเป็นข้าราชการในจังหวัด    รอบๆบ้านของรอยมีไม้ผลหลากชนิดให้กินได้ทั้งปี    ถ้าผมมีบ้านเป็นของตัวเองผมก็คงแต่งบ้านแต่งสวนแบบนั้น
	
	ผมไม่ได้ข่าวคราวของรอยอีกเลยจนกระทั่งจะจบ ม.6
	
	ไข่เขียด   เมื่อวานมีเพื่อนชื่อรอยมาหาลูกที่บ้าน  เขาฝากจดหมายไว้ให้ด้วย   จำเขาได้ไหม  แม่บอกข่าวนั้นเมื่อผมต้อนวัวจากนากลับมาเข้าคอกที่บ้าน
	จำได้ครับแม่   คนนี้เรียนเก่งเป็นที่หนึ่งของห้องเลย  เขามาตอนกี่โมงหรือครับ
	บ่ายโมง ..  เธอมากับพี่ชายชื่ออ๊อด
	อ๋อ  อ๊อดผมจำได้ตอนเขาอยู่ป.2   เคยต่อยกันกับผม    น่าเสียดายที่ไม่ได้เจอกัน   รอยเหมือนเดิมไหมครับแม่
	 เป็นสาวขึ้น   ยังคมขำเหมือนเดิม
	ผมยิ้มๆ ในถ้อยคำของแม่    เมื่อเอาวัวเข้าคอกแล้วก็ผละไปหามุมของตัวเองเพื่อจะอ่านจดหมาย

	รอยวรรณบอกไว้สั้นๆว่าเธอสอบเอ็นส์ทรานซ์ได้คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์  สาขาพัฒนาชุมชน   และเธออยากทราบข่าวดีของไข่เขียดด้วย

	ผมก็มีแต่ข่าวร้ายแหละครับ   เพราะสอบไม่ติดที่ไหนสักแห่ง   พ่อกับแม่ปลอบใจไม่ให้คิดสั้น   เรื่องอะไรผมจะไปคิดสั้น   เพราะทำใจได้แล้ว   ผมผิดหวังมาทีละเล็กทีละน้อย เมื่อผิดหวังเรื่องสอบเรียนต่ออีกสักหนก็จะเป็นไรไป  แต่เพื่อนของผมบางคนก็ทำใจไม่ได้นะครับ  เข้าไปอยู่โรงพยาบาลบ้าก็มี
	
	หลังจากจบ ม.6  แล้วพลาดเรียนต่อผมก็ลงไร่ลงนากับพ่อ  ทำงานอย่างเอาเป็นเอาตาย    
	พ่อกับผมช่วยกันขุดบ่อเลี้ยงปลากลางทุ่งนา  หาบดินด้วยบุ้งกี๋สลับกับหามเปลกระสอบ ขนดิน  จากวันเป็นอาทิตย์เป็นเดือนเป็นสามเดือนในที่สุดก็ได้บ่อขนาดใหญ่ และลึก    เมื่อน้ำมาในหน้าฝนพ่อก็หาปลากินพืชมาปล่อยเลี้ยง   คันคูอันกว้างรอบบ่อปลามีแถวแนวของไม้ผลอันหวาน-เปรี้ยวน่าอร่อยลิ้นอีกไม่นานคงพออวดใครต่อใครได้ว่าเราก็เป็นคนมีอยู่มีกิน
	ฝันของผมกับพ่อเดินทางมาถึงจุดหมายใน ปีที่ 4 หลังจากผมจบ ม.6    เพื่อนคนแรกที่ผมคิดถึงและอยากพบมากที่สุดคือรอยวรรณ     

---------------------------------
	
นอกจากจดหมายสั้น ๆ ฉบับนั้นกับสมุดบันทึกเล่มเล็กที่ผมเขียนจนล้นหน้ากระดาษก็ไม่มีข่าวคราวใดอื่นจากรอยวรรณคนนั้น
 ไอ้ไข่เขียดลูกพ่อ     เอง ไม่คิดจะมีเมียรึ   พ่อถามน้ำเสียงอย่างคนสบายใจและไม่จริงจังกับคำถามนัก    ปลาฮุบเหยื่อที่พ่อโยนลงไปทีละชิ้นสองชิ้น เพื่อให้ดูเพลินๆ
 จนๆอย่างเราใครจะสนเล่าพ่อ  ผมโยนเหยื่อลงไปบ้าง   ปลาพรวดฮุบตูมเลย  ผมยักคิ้วให้มัน
มันก็คงมีบ้างแหละน่า   ตอนนี้เองมีเงินในธนาคารเท่าไหร่แล้ว  พ่อหันมาทางผมแต่ตอนพ่นควันยาฉุนพ่อหันไปทางอื่น
เกือบแปดหมื่นแล้วครับ
งั้นก็ยังไม่พอแต่งเมีย  ให้เองมีเงินในบัญชีซักสองสามแสนแล้วพ่อจะไปขอผู้หญิงให้  
ไปขอใครเล่าครับ   ผู้หญิงในหมู่บ้านไม่มีใครมองอ้ายไข่เขียดตัวดำนี่ซักคน   คราวนี้ผมกำอาหารปลาโยนโครมลงไป  ปลาฮุบฟลุบฟลับจนน้ำกระเพื่อมเป็นวงคลื่นซ้อนกันซับซ้อน
เออ  ให้มันได้ยังงั้น   ไม่เอาเมีย  เองก็จะบวชล่ะซิ
บวชให้ศาสนาเสื่อมน่ะพ่อเอาไหมล่ะ
ฮ่า   ๆ   พ่อไม่อยากไปทัวร์นรกโว้ย   โน่นๆ แม่เองเรียกแล้ว   คงเตรียมมื้อเที่ยงเสร็จแล้วมั้ง    ผมลุกและเดินตามพ่อจากโคนต้นหมากม่วงสามฤดูริมคันคูบ่อปลาไปยังกระท่อมกลางนา ซึ่งไม่ไกลนัก     ไอ้ช่อนต้มส้มใบมะขามอ่อนกับน้ำพริกพริกขี้หนูสดใส่น้ำปลาร้า   เพียงแค่นึกก็ยั่วน้ำลายสอเสียแล้ว 

--------------------
	 เพื่อนที่ชื่อรอยไม่ส่งข่าวมาบ้างเลยหรือหือ แม่ถามก่อนซดน้ำแกง
	 หายไปเลยแม่เอ๋ย  เว้นวรรคจังหวะเคี้ยวข้าวได้แค่นั้น พ่อก็ต่อ
	สงสัยมีแฟนไปแล้วมั้ง    ข่าวคราวเงียบหายไปนานขนาดนั้น   รักแท้แพ้ใกล้ชิด  อ้ายเขียดมันก็รู้
	ไม่ให้ความหวังไข่เขียดบ้างเลยหรือครับพ่อ
	ผมก็ว่าไปอย่างนั้นล่ะเพื่อให้อาหารมื้อเที่ยงอิ่มเอมเต็มรสอย่างที่สุด    แม้ผมจะรักหรือชอบใครปานใดผมก็เผื่อใจไว้ไม่ให้เจ็บเกินจำเป็น

	
	งานในนาปีหลัง ๆ มานี้สบายขึ้นมาก   ปูปลาก็มีพ่อค้ามารับซื้อเอง  ไม่ต้องขนไปขายที่ตลาด   ถ้าพวกนั้นกดราคานัก  พ่อก็ไม่ขาย   ต้องง้ออะไรล่ะ   อาหารเลี้ยงปลาเราก็ไม่ได้ซื้อ  หนี้สินเราก็ไม่มีสักบาท   ข้าวเราก็มีกิน  ปุ๋ยเคมีเราก็ไม่ใช้  ไม่มีอะไรต้องซื้อนอกจากน้ำมันเติมรถยนต์กับของใช้จำเป็น    ที่ผมว่ามานี่แหละที่ทำให้ผมคิดว่าพ่อของผมไม่เหมือนชาวนาทั่วไปทั้งหลายที่พากันเป็นลูกหนี้รัฐบาลแบบโงหัวไม่ขึ้น

-----------------------------

	แม่ รักกับพ่อได้ยังไง   ผมถามขึ้นมาแบบแทบไม่มีปี่มีขลุ่ย ในเย็นวันหนึ่ง  พ่อเอนหลังพิงหมอนสามเหลี่ยม  ดูเหมือนเคลิ้มหลับแต่ไม่ใช่
	 พ่อมาออกค่ายอาสาพัฒนาชนบทที่นี่  เลยเจอกันกับแม่แกซึ่งเป็นสาวที่สวยที่สุดของหมู่บ้าน   พอเรียนจบพ่อก็กลับมาจีบอีกที
	 เลยมีผม  อ้ายไข่เขียดเป็นโซ่ทองคล้องใจ
	ฮ่า  ๆ  สำนวนของเองใช้ได้  ต่อไปภายหน้าจะได้เป็นชาวนานักเขียน  พ่อมีลูกล่อความสนใจของผมอีกจนได้    นั่นเองที่ทำให้ผมกลับไปค้นหาบันทึกของพ่อบนหิ้งและในตู้หนังสือ   ผมอยากรู้จริง ๆ ว่าชีวิตนักศึกษาเป็นอย่างไร   และรอยวรรณใช้ชีวิตนักศึกษาของเธออย่างไร   และชาวนาชาวสวนอย่างผมมีอะไรที่จะคู่ควรกันไหม

	บันทึกของพ่ออ่านมันดี  เหมือนนิยายเลย  เดี๋ยววันหลังผมจะเล่าเรื่องของพ่อให้ฟัง
	
	อ่านบันทึกนั้นไปผมก็วาดภาพของรอยวรรณไป   เธอว่าเธอเรียนด้านพัฒนาชุมชน   อย่างน้อยค่ายอาสาพัฒนาชนบทแบบที่พ่อเล่าไว้ เธอก็คงได้สัมผัสและรับรู้    และนั่นคงพอทำให้เธอเห็นในหัวใจของคนทำนาทำสวนแบบนายไข่เขียดได้บ้างแหละน่า   ผมคิดเพ้อไปก่อนหลับไหลเหมือนทุกค่ำคืน

-------------------------
รอยวัน  ตอนที่ 3 

                             วันว่าง ๆ ที่ผมเข้าไปในเมืองวันหนึ่ง    ผมได้พบกับครูที่สอนผมตอนอยู่ ป.4       ครูจำผมได้   ถามผมว่าเรียนจบอะไรมา    ผมหัวเราะตัวเองให้ครูได้ยิน  และบอกออกไปอย่างขื่น ๆ และขัน ๆ  .ถูกครับมันไม่ถึงกับขื่นขม

ผมเรียนจบเกษตรจากพ่อโจ้มาครับ

ครูเหมือนงงอยู่แป๊บเดียวก็หัวเราะก๊าก   

นี่เธอจะอำครูหรือ  โจ้น่ะชื่อพ่อของเธอนี่นา    ตอนนายเกกับเธอชกต่อยกัน   เขายังมาถามครูเลยว่าดีไหมถ้าจะให้ลูกย้ายไปเรียนที่อื่น


                 แล้วครูว่าไงครับตอนนั้น

	ครูก็ว่าครูเสียดายกำลังหลักอย่างไข่เขียดไปน่ะสิ    ตอนนั้นไข่เขียดรู้ไหม  ชีวิตครูอยู่ในช่วงวิกฤติ   ตอนนี้สบายขึ้นแล้ว   ครูยืมแรงเธอเขียนกระดานอยู่เป็นเดือน  เธอจะเอาค่าจ้างย้อนหลังไหมล่ะ  ครูพูดแกมยิ้มอารมณ์ดีมาก

	ไม่ดอกครับ   ครูใช้งานผม ผมก็ปลื้มสุดๆแล้ว

	ขอบใจๆ   เออเธอได้ข่าวรอยวรรณไหม   ครูรู้นะว่าเธอแอบชอบรอยวรรณ    คนพูดยักคิ้ว   คนฟังขมวดคิ้ว

	ครูรู้แต่เมื่อไหร่

	ก็ตั้งแต่ตอนอยู่ ป.1  ก่อนที่จะย้ายขึ้นไปสอน ป.4   แล้วจริงไหมล่ะ

	เอ่อ..   ผมเขิน   เคิ้น   เขิน   ครูอะไรสังเกตเก่งจริง  ๆ  ผมว่าครูในใจ

	ครูได้เจอรอยวรรณในกรุงเทพ     เธอทำงานด้านพัฒนาชนบทกับองค์กรเอกชนของอเมริกันอยู่แถวภาคเหนือตอนล่าง    ครูมีที่อยู่ของรอยวรรณด้วยนะ     

เหมือนรู้ใจ  ครูหยิบสมุดพกออกมาแล้วพลิกคลี่หาสิ่งที่ผมอยากได้ก่อนยื่นมาให้
	
ถ้าติดต่อกันแล้ว  ผลเป็นอย่างไรอย่าลืมส่งข่าวถึงครูบ้างนะ   
	
คุณได้ยินเสียอะไรตุ๊บๆ  ไหมครับ

	นั่นแหละเสียงหัวใจของผมล่ะ    มันคงอยากออกมายิ้มร่าและเริงใจ

	ครูแนะไว้ก่อนไปด้วยว่าให้ผมเรียนมหาวิทยาลัยเปิด  เลือกเอาสาขาที่ชอบ   เรียนอยู่ที่บ้านแล้วไปสอบตามที่เข้ากำหนดอีกหน่อยก็ได้ปริญญาบัตรเหมือนคนอื่น ๆ  มันไม่ยากเย็นอะไร     ส่วนคำเชิญไปเยี่ยมบ้านของผม  ครูว่าให้ครูว่างๆ กว่านี้ก่อนแล้วครูจะมาใหม่

	ผมไม่รีรอเลยที่จะเขียนจดหมายถึงรอยวรรณในค่ำนั้นที่แม้พระจันทร์ก็ยังเป็นใจ


OOOO
	จดหมายจากชาวนาถึงรอยวรรณ

:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
                    สวัสดีครับรอยวรรณ
ผมได้ที่อยู่ของรอยจากครูสีดา     รอยวรรณอยู่ในความทรงจำของผม         
ไม่เคยลบเลือนไปเลย     ส่งข่าวถึงไข่เขียดบ้างซีครับ    ถ้ายังไม่ลืมกัน
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::


	ได้ผลครับ   อีกไม่นานต่อมาผมก็ได้รับจดหมายจากรอย  เธอว่าจะหาโอกาสแวะมาเยี่ยมผมเร็วๆนี้
   
                       เปลยวนใต้ต้นม่วงที่ผมนอนอยู่ไม่ขยับนานเท่าไหร่ไม่รู้ เมื่อผมคิดอะไรไปเพลิน  ๆ

	ไข่เขียดเอ้ยไปรษณีย์มาส่งจดหมาย  เองออกไปรับหน่อย  

   เสียงของแม่ทำให้ผมตื่น สู่โลกจริงๆที่อะไรๆก็ยังเห็นเพียงเลือนๆ ลาง ๆ     

                      " ไปซื้อกะปิ น้ำปลาในหมู่บ้านให้แม่หน่อยไข่เขียด" แม่บอกพลางรับจดหมายและสิ่งตีพิมพ์ที่ผมรับมาจากไปรษณีย์อีกที
                     
                      ที่ตลาดสาธิตกลางหมู่บ้านผมก็ได้เจอคู่ปรับเก่าอีก   นี่มันกี่ปีเข้าไปแล้ว                   
                       มันทักผมก่อน

	เป็นไงอ้ายไข่เขียด    ไม่ต้องทำเป็นหลบหน้าหรอก   มึงตัวโตขึ้นแล้วคิดว่ากูจะกลัวหรือ  อ้ายคนมีปมด้อย    

	ไอ้เกจากบ้านไปนานหลายปี   เพิ่งกลับมาจากภาคตะวันออก  มันตกงานและติดเหล้า   หน้าตาดำคล้ำออกโทรม   จมูกผิดรูปไป  รอยบากที่หน้าคงเพิ่งมีตอนหลัง    ฟันซี่บนหักไปหนึ่งซี่  ขี้ริ้วขี้เหร่ขึ้นเยอะทีเดียว

	มึงจะไม่ให้เกียรติกินเหล้ากับกูเลยหรือฮึ    อ้ายคนเรียนเก่ง   มึงน่าจะได้เป็นดอรอไปแล้ว  ใยมาต๊อกต๋อยย่ำต๊อกพอๆกันกับกู

                       เจ้าของร้านส่ายหน้าและส่งสัญญาณว่าอย่าไปต่อปากต่อคำ

	เป็นไงลูกพี่   คุยกับใครอยู่หรือ  

                        นั่นไง   สมุนของไอ้เกนั่นแหละ      พวกนั้นคงเมาน้อยกว่าไอ้เก    ผมคาดว่าไอ้คนพูดคงขึ้นมาเป็นลูกพี่ตัวจริงของไอ้เกด้วยล่ะ   แต่มันยังเรียกไอ้เกว่าลูกพี่ตามศักดิ์เดิมๆตอน ป .4

	อ๋อ   มึงไอ้ไข่เขียดใช่ไหม    บ๊ะหล่อกว่าเก่านี่  หน้าตัวเมียเหมือนเก่าไหมวะ  มันพูดโดยไม่ได้มองผม  

	มึงพูดดี ๆ  อ้ายเสริม   กูไม่ใช่เด็ก ป.4  มึงคิดว่ากูกลัวอยู่หรือ"  ผมไม่ได้เกรงพวกมันนัก   ก็แน่ล่ะ  หนึ่งผมก็เป็นมวย  สองตัวโตกว่าพวกนั้นอีก
อ้ายพวกนั้นเงียบเสียงลง  แต่คงไม่พอใจลึก ๆ

	เสียงไอ้เกกับพวกพูดให้ได้ยินตามหลังมาว่า ไอ้ไข่เขียดมันเรียนเก่งแต่สอบที่ไหนก็ไม่ติด   มันเป็นคนมีปมด้อย

	ผมหัวเราะในใจ  ระคนเคืองในถ้อยคำของคู่แค้น  
                   
                      "กูสอบเรียนต่อไม่ได้   กูก็จบปริญญาตรีได้"

                      ผมคิดแล้วยักไหล่หัวเราะกับลมกับแล้งอีกก่อนกลับบ้านกลางทุ่ง
อย่างเกือบเซ็ง 


ตอนที่ 4 รอยวัน

	 ผมรอรอยวรรณเหมือนข้าวรอเคียวมั้ง

เร็ว ๆ นี้    ที่รอยวรรณว่าจะมาเยือน   นั่นก็ไม่มีกำหนดเวลาเสียด้วย  ว่าเป็นกี่วันเดือนปี     อ้ายไข่เขียดเอ๋ย    เองเข้าใจความเจ็บๆปวดๆของหัวใจแจ่มแล้วใช่ไหม   ความรักความคิดถึงมันก็เป็นอย่างนั้นแหละ     รอไปทำงานไปดีกว่าจะได้ไม่ต้องตรมและตรอม   ฮั่นแน่ !   เก็บเอาคำพวกนี้มาจากบันทึกของพ่อใช่ไหมล่ะ

	มหาวิทยาลัยในจังหวัดใกล้บ้านจัดอบรมให้ความรู้แก่เกษตรกรเรื่องการแปรรูปผลผลิตเพื่อเพิ่มมูลค่า  ผมไม่รีรอที่จะไปสมัคร  ผู้จัดเชิญวิทยากรชาวบ้านที่ชำนาญการด้านนั้นมาให้ความรู้และพาทำ    หลายอย่างตั้งแต่การทำปลาร้าชั้นคุณภาพที่ 1 เพื่อการส่งออก   การทำน้ำผลไม้พร้อมดื่มและน้ำผลไม้เข้มข้น การทำไวน์ผลไม้หลากชนิด   การทำปลาส้มสารพัดรูปแบบ  การทำโยเกิร์ต   โอ้โฮ  ผมนึกไม่ถึงว่าตัวเองจะโชคดีขนาดนี้   นักศึกษาที่มาเป็นลูกมือของอาจารย์ก็สุภาพน่ารักทั้งนั้น   ภาพของรอยวรรณที่ผมวาดไว้เหมือนทับซ้อนกับความจริงวันนี้เอง   แต่ก็ยังหรอกครับ
	พี่ไข่เขียด   ชื่อน่าขำปนน่ารักดีค่ะ
	ขอบคุณครับผม แต่คงน่าขำมากกว่า  น้องนักศึกษาที่ช่วยดูแลกลุ่มผู้เข้าอบรมพูดจาเป็นกันเองกับทุกคนจนผมเองก็คลายความตื่นเต้นประหม่าก่อนที่จะออกไปนำเสนอผลการปฏิบัติของกลุ่มเพื่อรับการประเมินว่าผ่านการอบรมหรือไม่    เมื่อการเสนอผลงานจบลงไข่เขียดได้รับการปรบมือกราวใหญ่  หัวใจของไข่เขียดก็เต้นตุบตุ้บ   น้องนักศึกษาที่เป็นผู้ดูแลกลุ่มของผมยิ้มหวานเป็นแรงเชียร์   ผมยิ้มตอบแต่ออกแหยๆมากกว่า   อืม..ช่างเหมือนยิ้มของรอยวรรณเสียจริงๆ    
	
	ผู้เข้าอบรมทุกคนได้ให้ที่อยู่ไว้แก่ทางมหาวิทยาลัยเพื่อให้ฝ่ายผู้จัดสามารถติดตามผลหรือให้ความช่วยเหลือได้ในโอกาสต่อไป
	หนูรู้สึกคุ้นกับพี่นะคะ   เหมือนเคยเห็นที่ไหนซักแห่ง
	ผมยิ้มในคำของเธอ และก็ได้แต่กล่าวลาหลังถ่ายรูปหมู่รับใบประกาศผ่านการอบรม    เธอว่า
	แล้วพวกเราจะไปเยี่ยมนะคะ

	
เมื่อกลับจากมหาวิทยาลัยผมก็ลงมือทำงานใหม่ทันที
มีหลายอย่างครับที่อยากทำ  แต่อันแรกที่ลงมือคือไวน์

	ผมอ่านเรื่องไวน์เคยเห็นว่าราคาเป็นแสนก็มี  นี่แหละที่มันกระตุ้นความอยากรู้รสชาติจากฝีมือตนเอง
	
	จารุวรรณ   น้องนักศึกษาคนนั้นแนะนำผมในที่อบรมว่ามีผลไม้พื้นบ้านหลายอย่างที่นำมาทำไวน์แล้วรสชาติยอดเยี่ยม  และผลไม้พวกนั้นผมเองก็ลงไว้ในสวนกับพ่อจนออกหมากออกผลแล้วด้วย
	ดีเลย   นายไข่เขียด  จะได้ทำโรงไวน์ย่อมก็คราวนี้

	พ่ออนุญาตให้ผมเก็บลูกหม่อนในแปลงได้ทั้งหมดเพื่อเอามาทดลองทำไวน์  ลูกหม่อนสดนี่ขายได้กิโลละ 20-40 บาทนะครับ ลูกโตที่สุดก็เท่านิ้วก้อย  จิ้มเกลือกิน รสดีวิตามินซีเยอะ   สวนหม่อนนี่แม่เป็นคนดูแล   แม่เลี้ยงไหมนะครับและงานผ้าไหมนี้ก็สืบสายมาตั้งแต่รุ่นย่าของย่าแล้ว   ถ้ามีลูกสาวแม่ก็คงถ่ายทอดให้เธอต่อยอดต่อไป   แต่ถ้าให้อ้ายไข่เขียดไปทอผ้าไหมก็คงดูกะไร และคงออกทางจะพิลึกด้วยแหละ  อ้ายหนุ่มกล้ามเป็นมัดๆฟัดฟืมกี่กระตุก   แหม   มันน่าขำดีจัง   ผมนึก

	เอง ไม่กลัวเบื่อเมาหรือไข่เขียด   คำของแม่ขณะยืนดูผมทำงาน
	เบื่อคงไม่ครับ  แต่เมานี่แน่นอน   
	เองอยากจะเมารึ
	โธ่   แม่ครับ  อ้ายไข่เขียดน่ะมันนิสัยดีจะตาย   ที่ทำนี่เพื่อการศึกษานะครับ    อาจารย์ในมหาวิทยาลัยจะออกมาติดตามผลงาน  จะได้มีอะไรอวดหน่อยว่าคนทุ่งคนนาอย่างผมก็เรียนรู้ได้
	ตามใจก็แล้วกัน   ว่าแต่แม่คงไม่โชคร้ายได้ลูกหยำเปหรอกนะ
	แม่พูดยิ้ม ๆ ครับ   ผมไม่เคยทำให้แม่ร้องไห้ แม่จึงปล่อยผมทำงานของผมไป

	ผมทดลองทำไวน์หม่อนตามคำแนะของน้องนักศึกษาโดยครั้งแรกนำลูกหม่อนมา 3 กิโลกรัม ล้างสะอาดแล้วปั่นก่อนต้มด้วยหม้อใบใหญ่เติมน้ำลงไปราว 5 ลิตร  ใส่น้ำตาลทรายแดงอีก  2 กิโลกรัม คนให้น้ำตาลละลายปล่อยให้เดือดปุดๆแล้วจึงทิ้งให้เย็นก่อนรินใส่ขวดน้ำขนาดใหญ่แบบถังน้ำโพลาลิสต์ กับแบ่งไว้ทำสตาร์ทเตอร์อีก   1 แก้ว
	สตาร์ทเตอร์นี่คือยีสต์ในน้ำหวานที่ออกลูกออกหลานเยอะแยะเพื่อเติมลงในถังน้ำผลไม้ที่เตรียมไว้     ยีสต์จะกินน้ำหวานจากผลไม้แล้วสร้างแอลกอฮอล์ขึ้นมากลายเป็นไวน์   ซึ่งรสชาติของไวน์จะดีหรือไม่ดีก็อยู่ที่คุณภาพของยีสต์ ชนิดของผลไม้   กระบวนการทำและเคล็ดอื่นๆ   แหมผมถอดถ้อยคำของอาจารย์มาเกือบทุกคำนะนี่
	จารุวรรณและเพื่อนบอกว่ายินดีตรวจสอบคุณภาพของไวน์ให้ฟรีเพียงแต่มาติดต่ออาจารย์ที่ภาควิชาเท่านั้น    ผมจำคำนั้นและขอบคุณไว้ล่วงหน้าแล้ว
	เมื่อยีสต์เริ่มทำงานก็เริ่มได้กลิ่นแอลกอฮอล์ลอดสำลีปิดปากขวดน้ำนั้นออกมาก   ความมั่นใจของผมมีมากขึ้นเพราะเป็นไปตามทฤษฎีที่อาจารย์และน้องนักศึกษาบอกทุกประการ   เมื่อลูกหม่อนในสวนทยอยสุกจนดูพราว   ผมคงต่อถังที่สอง  ถังที่สามในไม่ช้า   หลังถังแรกได้รับการรับรองจากน้องจารุวรรณและอาจารย์ว่าใช้ได้หรือดีมาก
	
	ผมวาดภาพโรงงานไข่เขียดไวน์เนอรี่เอาไว้แล้วครับ  ทั้งๆที่ผลการทดลองแรกก็ยังไม่สรุป-แฮ่ๆ


	OOO

	ไม่ถึง3สัปดาห์ดีผมก็นำตัวอย่างไวน์ไปหาอาจารย์  น้องจารุวรรณเป็นผู้ใช้เครื่องมืออย่างง่ายตรวจหาปริมาณแอลกอฮอล์ให้ผม   ส่วนการตรวจอย่างละเอียดว่ามีอะไรเท่าไหร่นั้นต้องใช้เวลาอีก   อาจารย์ชมว่าไวน์ของผมมีรสชาติใช้ได้   เท่านั้นอ้ายไข่เขียดก็กลับบ้านอย่างอิ่มเอมใจ       คุณครับน้องจารุวรรณยิ้มเป็นแรงใจแถมให้ด้วยนะครับ    นี่ถ้าทำได้ผมอยากให้ไวน์ของผมมีรสของรอยยิ้มหวานแบบนั้นเจืออยู่ด้วย

	เมื่อมีความเชื่อมั่นผมก็ลงมือต่อ
	ซื้อถังน้ำพลาสติกมาอีกสิบลูก  เก็บลูกหม่อนจนเกลี้ยงสวน   นี่ผมจะทำโรงงานจริงๆ หรือนี่   คงใช่ล่ะ
	พ่อเห็นก็ยิ้มในความพยายามของนายไข่เขียด   ใช่แล้ว ! พ่อรู้กำลังของผมแล้วตั้งแต่ขุดบ่อด้วยกันจนได้สระขนาดใหญ่ที่บัดนี้มีปลาตัวโตๆโผ่ฮุบอยู่ตูมๆ   แรงงานและแรงใจนี่แหละคือต้นทุนชั้นยอดของชีวิต

	อีกไม่นานต่อมาจารุวรรณกับอาจารย์ก็ออกมาเยี่ยมผมโดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า  โอย.. คุณครับหัวใจผมแทบจะวายเพราะตื่นเต้น
	เชิญขึ้นบนบ้านก่อนครับอาจารย์   เชิญน้องๆ ด้วย  พ่อต้อนรับผู้มาเยือนอย่างไม่เคอะเขิน แต่ผมกลับมึนตึ๊บ ไม่รู้จะทำอะไรดี  
	ขอบคุณค่ะ     แต่จารย์คะหนูกับเพื่อนขอเดินดูไปรอบๆก่อนได้ไหมคะ เราคงไม่รีบไปไหนต่อใช่ไหม  
	อืม...งั้นตามใจเหอะ ครูจะคุยกับเจ้าของบ้านอยู่นี่แหละ อย่าลืมเก็บรูปล่ะ   อาจารย์หันมาทางพ่อก่อนก้าวขึ้นบันได ให้เด็กๆเขาเก็บภาพหน่อยนะ ดูท่าทางจะตื่นเต้นเอาการล่ะ
	ไม่มีปัญหาครับอาจารย์ เชิญน้องๆเขาตามสบายได้เลย
	
	แม่ปูเสื่อและยกเหยือกน้ำเย็นมารอไว้แล้วบนบ้าน ผู้มาเยือนยิ้มให้แม่อย่างอารี
	
	ดูเหมือนคุ้นเคยมากเลยนะ  เคยเห็นเรื่องราวของคุณในนิตยสารการเกษตรใช่ไหม   อาจารย์ถามขณะลงนั่งที่เสื่อ
	หรือครับอาจารย์
	เคยมีเรื่องของคุณ..คุณโจ้ ใช่ไหมในนิตยสารการเกษตรและ หนังสือพิมพ์รายวันฉบับวันอาทิตย์เมื่อหลายเดือนก่อน
	ครับผม  เขามาสัมภาษณ์และเอาเรื่องไปลง
	เออ..จริง   ฉันจำได้แล้ว   มิน่าล่ะ    จารุวรรณถึงบอกว่าคุ้นๆ กับไข่เขียด  เหมือนเคยเห็นกันที่ไหน
	พ่อยิ้ม   ผมก็ยิ้ม
	ไข่เขียดเก่งนะ  พูดจาใช้ได้   ถ้าชาวนาพูดได้ขนาดไข่เขียดนี่ก็ถือว่าไม่เลว    รู้ไหมไวน์ของนายน่ะเยี่ยมเลยแหละ
	ขอบคุณครับอาจารย์   ผมทำเพิ่มอีกสิบถังครับ เป็นหม่อนทั้งหมด   อาจารย์พยักหน้ารับทราบและว่า
	ดีแล้ว   ครูเชื่อมั่นว่าเธอทำได้

	ผู้ใหญ่ยังนั่งคุยกันต่อเรื่องการศึกษาของประเทศไทย          นั่นเกินกำลังสติปัญญาของไข่เขียดไปเสียแล้ว    ผมจึงขอตัวลงมาข้างล่าง     ดูเหมือนน้องๆนักศึกษากำลังเพลินกับการให้อาหารปลา ผมตามไปสมทบดีกว่า     จารุวรรณคงเห็นผมเดินลงบันไดเธอกวักมือเรียกแล้วครับ
	
	-------------
	
	หนูนึกออกแล้วค่ะพี่ไข่เขียด
	นึกอะไรออกหรือครับ   ไม่ใช่แต่คำถามและคำตอบเท่านั้นครับที่เจือยิ้ม     แววตาของเพื่อนของจารุวรรณก็แจ่มบอกจะแจมยิ้มด้วย        สดใสครับ  ท้องทุ่งของผมวันนี้   ปลาตัวโตๆโผ่มาทำท่ายิ้มๆด้วยแหละ    ปีทั้งปีก็ไม่มีอะไรที่สดใสแบบนี้ใช่ไหม  
	หนูเคยเห็นรูปพี่กับคุณพ่อในหนังสือ
	เกษตรธรรมชาติ
	ใช่เลยค่ะ  นึกไม่ถึงว่าจะได้เจอตัวจริงเสียงจริง
	 ขอสัมผัสมือคนที่น่าปลื้มหน่อยสิคะ เพื่อนของจารุวรรณอีกคนว่าและยื่นมือมา  เพื่อนๆเธอก็ยื่นตาม ไข่เขียดยื่นมือออกไปครับพร้อมๆกับ
	แหมผมเขินแย่เลยครับ ผมแค่นายไข่เขียด ชาวนาตัวดำๆธรรมดาคนหนึ่งเอง
	อย่าถล่มตัวไปค่ะพี่เขียด สิ่งที่เราเห็นอยู่ตรงหน้าและได้รับรู้แล้วมันไม่ใช่แบบที่พี่พูดนี่คะ
	คนพูดค้อนน้อย ๆ  ละม้ายใครบางคนที่ผมรอคอยการมาเยี่ยมของเขา
	หลายคนคงไม่อยากเชื่อนะคะว่าพี่กับคุณพ่อขุดดินเองและแบกขนจนเป็นสระน้ำขนาดใหญ่ขนาดนี้ได้
	ช่าย   เรายังนึกว่าขุดด้วยรถแบ็คโฮล์เลย  กี่ไร่หรือคะ
	เกือบไร่ครับ
	ลึกมากไหม คนยิ้มหวานถาม
	ตรงที่ลึกสุดไข่เขียดชี้ไปทางใต้สุด ก็เกือบสองเมตรครึ่ง  ตรงนี้ตื้นหน่อย เมตรถึงเมตรห้าสิบ   น้องๆว่ายน้ำเป็นกันไหมล่ะครับ
	ไม่เป็นค่ะจารุวรรณตอบ กลัวความลึกด้วย
	แล้วไป นึกว่ากลัวน้ำ เพื่อนเขาแซวกันเอง   คนโดนแซวหันไปบิดเอวเพื่อนแล้วต่างแย้มยิ้ม
	ในหนังสือที่วรรณเคยอ่านเห็นพี่ว่าเลี้ยงปลาแบบรวมมิตร
	เป็นพวกปลากินพืชหลายชนิดตามแต่จะหาได้พวก ปลานิล   ตะเพียน  ปลาแรด    ปลาจีน  ยี่สกก็มี   นั่นไงที่โผล่ขึ้นมาและฮุบอาหารเนิบๆนิ่มๆนั่นก็ปลาแรด 
	อืม   กินอาหารสุภาพจัง
	ที่ฮุบพรวดตูมๆนั่นก็พวกตะเพียนยี่สกเขาล่ะ
	ดูเพลินดีนะคะ 
	
	อาจารย์ของจารุวรรณเดินคุยกันมาทางพวกเราพร้อมกับพ่อ  ผู้ใหญ่ท่าทางคุยกันถูกคอครับ

	เป็นไงจ๊ะเด็กๆ  มาเจอทุ่งนาในฝันแล้วใช่ไหม
	ใช่เลยค่ะอาจารย์แม่  น่าดูน่าอยู่มากค่ะ
	นี่แหละของจริงล่ะ    เจ้าของนี่ก็รุ่นพี่ของพวกเธอนะ ยังไม่มีใครรู้ใช่ไหม
	หรือคะ  สวัสดีค่ะพี่คณะ ทุกคนหันไปไหว้พ่อ
	ขอบคุณมากครับที่ให้เกียรติผมกับลูก ขอบคุณอาจารย์ด้วยครับ
	ทุกคนปลื้มใจในกันและกันนะครับ   และมื้อเที่ยงวันพวกเราคงได้ลิ้มรสอาหารอร่อยจากฝีมือของแม่กัน   อ๋อเมนูหรือครับ  ส้มตำ   ปลาเผา  ต้มส้มปลาหลดอ้วนใบมะขามอ่อนกินกะไวน์หม่อนไงครับ


รอยวันตอนที่ 5

	อาหารมื้อปลื้มผ่านไปแล้ว สีหน้าของพ่อกับแม่ของไข่เขียดเหมือนลูกชายได้รับความสำเร็จทางการเรียน   อืม..ก็คงอีกไม่นานนักหรอกครับเพราะไข่เขียดลงทะเบียนเรียนและสอบเก็บหน่วยกิตไปเกือบครบแล้ว เมื่อผลการเรียนวิชาสุดท้ายออกไข่เขียดจึงจะบอกความข้อนี้แก่ใครสักคน      ถึงเวลานั้น   แม้ไข่ไม่ได้เป็นนิสิตก็คงไม่ได้คิดอะไรเท่าไหร่แล้ว-แฮ่
	
	อาจารย์และน้องนักศึกษาให้คำแนะนำแก่ผมเรื่องบรรจุภัณฑ์ทั้งบอกสถานที่ศึกษาดูงานเพิ่มเติมหลายแห่ง  ผมกำหนดในใจไว้แล้วครับว่าจะไปไหนบ้าง   เวลาเช่นนั้นผมอยากมีเพื่อนสักคนเคียงคู่ไปด้วยกัน  แบบเป็นคู่คิดหรือคู่สร้างก็ได้ถ้าเป็นได้ถึงขั้นนั้น   คงได้แต่คาดหวังแบบลมๆแล้งๆ  แหละไข่เขียดเอ๋ย
	ไม้ผลในสวนของไข่เขียดที่จะนำมาแปรรูปเป็นไวน์   น้ำผลไม้พื้นบ้านพร้อมดื่ม  น้ำผลไม้เข้มข้น  ผลไม้กวน ผลไม้แช่อิ่ม มีหลายอย่าง   ที่คนนิยมแล้วก็มี  มะม่วงไข่คำ   หมากเม่า  หม่อน  ลิ้นจี่  หมากเบ็น  
	ไม้พวกนี้ปลูกง่ายดูแลง่าย  ไม่ต้องใช้สารเคมีฆ่าแมลง  ผมเองเคยคิดอยากปลูกองุ่นเหมือนกันแต่ไปดูงานหลายที่แล้วเห็นใช้ยาเคมีสารพัดชนิดก็หงอ  คนสวนที่ดูแลองุ่นหลายคนเจ็บป่วยด้วยโรคภัยแบบตายครึ่งซีก  จึงไม่เอาดีกว่า  ไม่แต่องุ่นหรอกครับ พืชผักของกินอย่างอื่นคนปลูกก็ตายคนกินคนขายก็โซกันทั้งนั้นเพราะใช้ยาพิษฆ่าแมลงเยอะเหลือเกิน  -อ้าวแล้วผมไม่ใช้เหรอ   มีสมุนไพรแยะไปครับที่ลดการทำลายของศัตรูพืชได้  แมลงที่เป็นศัตรูกันเองกินกันเองก็ช่วยได้  ความรู้พวกนี้หน่วยงานต่างๆ รวมทั้งมหาวิทยาลัยใกล้บ้านอบรมให้ความรู้อยู่เป็นประจำ   แต่มักไม่ค่อยมีคนสนใจเอาไปทำหรอก  มันแพ้ความมักไวมั้งครับ
	อ้ายหนูไข่เขียด  พ่อเห็นเองสดชื่นแจ่มใสนะตอนที่น้องนักศึกษาเขามาแวะเยี่ยม
	พ่อสังเกตตอนไหน    
	ก็ตอนเองคุยกับเขาแหละ  คนที่พูดเก่งๆนะชื่อวรรณใช่ไหม  เขาชมเองนะว่าฉลาด
	อย่างผมหรือครับพ่อฉลาด
	บ๊ะ   อ้ายไข่   รู้จักพอใจในตัวเองเสียบ้าง เดี๋ยวก็เหงาหัวใจตาย
	อืม คนเรานี่ต้องรู้จักชื่นชมตัวเองบ้าง   ถ้ามัวแต่คิดว่าตัวเองด้อยมันก็จะยิ่งดึงตัวเองลงจนต่ำต้อย  หมดกำลังแรงใจ ผมไม่ขัดพ่อแล้ว
	รอยวรรณ เขาไม่ส่งข่าวมาอีกเลยใช่ไหม
	  ครับ   ว่าจะมาก็ไม่มา
	อย่าไปคาดหวังเขาเลย   บางทีภาระหน้าที่ในชีวิตก็บีบรัดคนจนไม่มีเวลาสำหรับตัวเอง   ถ้าเองเป็นเขาก็คงเหมือนกัน
	พ่อพูดคุยกับผมแล้วก็ผละไปทำงานของตัวเองคือแต่งกิ่ง ทาบกิ่งต้นไม้เพื่อเลี้ยงไว้ขาย  ส่วนผมก็ทำไวน์หม่อนของผมต่อ    จะสิบห้าถังแล้วนะครับ    Dawik Mulbery  (D.M) Wine ผมเขียนไว้ที่ถังทุกใบแล้วครับ  ไวน์หม่อนรสวิเศษจากหุบเขาภูพาน เป็นไงครับ พอจะติดหูติดปากไหมครับ  dawik   ก็ ไข่เขียดไงครับ  -ภาษาของผมเอง
	ไวน์ของผมคงไม่ถึงแสน   แต่จะเป็นไวน์ที่คนกล่าวขวัญถึงไปทุกอนุทวีป-มันแปลว่าอะไรล่ะไข่เขียด   รสของไวน์ราคาแสนผมนึกไม่ออก   แต่ถ้าเป็น Dawik Mulbery Wine ต้องวิเศษแบบเจือรสหวานของยิ้มที่เต็มไมตรี  -นั่นแหละ ๆ ที่จะเป็นสิ่งที่คนกล่าวขวัญกันถึงไปไกลๆ
	ผมน็อคยีสต์เมื่อรสของไวน์ได้ตามนึก   นี่ถ้ามีคนที่จริงใจต่อกันมาชิมและติคงได้รสที่ผมหวังไว้ล่ะ  ผมขอพ่อเก็บถังไวน์หม่อนไว้ที่โรงนาที่ปลูกขึ้นมิดชิดในส่วนลึกของสวน  คงมีไม่กี่คนครับที่รู้ว่าผมกำลังบ่มไวน์หม่อนที่รสวิเศษแสนวิเศษ-บางอย่างที่พิเศษเราคงสงวนไว้สำหรับใครบางคนที่วิเศษมั้งครับ
	
ผมหยุดงานไวน์ชุดแรกไว้ที่ 20 ถัง  เพื่อไปสอบเก็บหน่วยกิจสุดท้ายและฝึกงาน   ไปไกลนะครับถึงภาคเหนือตอนล่างโน่นแน่ะ

---------------------

นายไข่เขียด   กุศลอำนวย เลือกไปฝึกงานในหน่วยงานด้านการพัฒนาชุมชนของรัฐ  และอำเภอที่เลือกไปคือไพศาลี จ.นครสวรรค์  

หน่วยงานของเอกชนที่ทำงานด้านพัฒนาชนบทในแถบนั้นมีหลายองค์กร พัฒนากรอำเภอแนะนำผมแบบรวบสั้นแล้วให้ผมไปทำความรู้จักเอง  โดยให้ DT-100 กว่าๆ เป็นคู่ชีพในการเดินทางไปตามพื้นที่รับผิดชอบ เติมน้ำมันเองบ้าง เบิกเอาบ้าง  เขาให้แผนที่แผ่นหนึ่งกับรายชื่อผู้นำหมู่บ้านที่สามารถเข้าไปพูดคุยแนะนำตัวและขอข้อมูลความรู้  
 
ไข่เขียด ลุยทันทีในวันที่สองที่ไปถึง -ก็ตามคำสั่งครับ  งานที่ได้รับมอบหมายคือศึกษาชุมชนค้นหาผู้นำและรวมรวมแหล่งเรียนรู้ดูงาน-คำของพี่เขาทั้งหมดแหละครับ  ต้องนำเสนอให้ทันภายในการประชุมปลายเดือนจึงจะถือว่าผ่านงาน
ไข่เขียดต้องไปทุกตำบล หมู่บ้านเป้าหมายมีอยู่เป็นบางตำบล และมีบางหมู่บ้านด้วยที่หน่วยงานของรัฐร่วมกับเอกชนทำงานพัฒนาด้วยกัน
ไพศาลีเป็นที่ราบลาดเทลงทางทิศตะวันตก ที่ราบกว้างใหญ่นี้ต่อเขตกับอำเภอท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์ อำเภอหนองบัว จังหวัดพิจิตร และอำเภอสำโรงชัย จังหวัดลพบุรี  ด้านตะวันออกมีภูเขาหินปูน เรียงตัวในแนวเหนือใต้ หลายลูก ถนนเชื่อมจังหวัดจากนครสวรรค์ตัดผ่านทุ่งนาท่าตะโก ไพศาลี ข้ามเขาเข้าเขตที่ราบเชิงเขาของอำเภอบึงสามพัน จังหวัดเพชรบูรณ์ แล้วไต่ขึ้นภูเขาสูงสู่ดินแดนที่ราบสูงในเขตจังหวัดชัยภูมิ
หมู่บ้านในเขตอำเภอไพศาลีมีทั้งหมู่บ้านทำนาและหมู่บ้านทำไร่   อาชีพนั้นสัมพันธ์กับสภาพพื้นที่  ถ้าเป็นที่ลุ่มก็หนักไปทางทำนา ถ้าเป็นที่สูงที่ลาดชันก็ทำไร่  หรือเลี้ยงสัตว์   ผู้คนในเขตนี้รักสงบแต่ก็มี หัวใจแกร่งแบบนักเลง 
  ไอ้น้องชื่ออะไร  มาจากพัฒนาชุมชนหรือ ถ้อยคำออกห้าวนั้นเป็นของชายร่างใหญ่ในองค์กรเอกชนที่สำนักงานสนามอยู่ใกล้กับที่ว่าการอำเภอที่สำนักงานพัฒนาชุมชนตั้งอยู่
ผม ไข่เขียด  เรียกไข่ก็ได้ครับ  มาฝึกงานใน หน่วยพัฒนาการอำเภอครับ   ได้รับมอบหมายให้ศึกษาชุมชนแบบเร่งด่วน และต้องเสนอรายงานครั้งแรกปลายเดือนนี้  คิดว่าพี่ซึ่งทำงานอยู่ในเขตนี้คงแนะนำผมบ้าง
เองเป็นคนที่ไหน กินเหล้าเป็นไหม
ผมตอบไปตามตรง ส่วนเรื่องเหล้าผมตอบอ้อมค้อมว่ากินบ้าง   
ชาวบ้านเขากินเหล้าดุนะ  ถ้ายังไม่เป็นก็หัดไว้มั่งจะได้คุยกับเขาสะดวก
พี่คนนั้นแนะนำผมอย่างกับพี่ชายแท้ๆ   เขาพาเข้าหมู่บ้าน  ขี่ Honda MTX พาไต่ไปตามคันนาสูง ๆ ต่ำ ๆ คอดๆกิ่วๆ สลับกัน  ผมพาเจ้า Yamaha DT ตามไปอย่างทุลักทุเล  จากหมู่บ้านนั้นออกหมู่บ้านนี้แนะนำให้ผู้นำในหมู่บ้านรู้จักตัวไว้ทั้งบอกความประสงค์ของการมาของผมด้วย งานของผมจึงสะดวกกว่าที่วิตกไว้ครับ  วันต่อมาเมื่อผมเข้าไปพบชาวบ้านเพื่อถามข้อมูลชุมชนจึงไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับผู้นำและชาวบ้าน  ตอนเย็นทุกวันพี่แกชวนดื่มกินและพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานในองค์กรของเขาจนผมรู้สึกสนิทสนมราวคบกันมาเป็นปี
เองบอกว่าเองเป็นคนแถบเทือกเขาภูพานรึ พี่แกจิบเบียร์จากแก้วทรงสูงช้าๆ  ร้านลาบข้างสำนักงานเป็นร้านประจำของคนทำงานที่นี่
ครับผม ผมจิบช้ากว่า
ในสำนักงานใหญ่ในตัวจังหวัดมีคนมาจากทางโน้นด้วยสองสามคน เป็นเลขานุการผู้อำนวยการคนหนึ่ง  เป็นฝ่ายบัญชีคนหนึ่ง  และอีกคนเป็นผู้ประสานงานสนามแต่ทำงานอยู่คนละเขตกับพวกพี่   เดี๋ยววันหลังจะพามารู้จัก   เออ ไอ้รอยชือเต็มๆ ของมันว่าไงนะ พี่ร่างใหญ่หันไปถามเพื่อน
 อะไรน้องเขาซ้อนท้ายมาด้วยทุกบ่อย ทำแกล้งเป็นจำชื่อไม่ได้ไปได้
อ๋อ  เอ้อ.รอยวรรณ  อ้ายห่อ  กูไม่ได้คิดอะไรกะน้องเขาแบบที่ใครคิดนะโว้ย มึงอย่าว่าให้ใครเขาเสียหายแบบนั้น 

หัวใจของอ้ายไข่เขียดเต้นตูมๆ เลยครับ
ภาพของหญิงสาวผิวเข้มตาคมกริบชัดเจนขึ้นมาในห้วงนึกทันที   แทนที่จะยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่มผมกลับวางลง
เป็นไรล่ะอ้ายน้อง   เองรู้จักรอยวรรณใช่ไหม
ไม่แน่ใจครับว่าเป็นรอยวรรณที่ผมรู้จักไหม
คงไม่ผิดหรอกมั้ง  ชื่อแปลกๆแบบนี้มีกี่คนกันวะในประเทศไทย
พรุ่งนี้มีประชุมย่อยที่สำนักงานใหญ่ไปแวะก็ได้นี่ไข่เขียด  เพื่อนร่วมงานของพี่ร่างใหญ่แนะนำ
เออ  ดีจริง   คนบ้านเดียวกันรู้จักกันไว้แหละดีที่สุด

วงสนทนาแยกย้ายกันในตอนมืดค่ำ  ผมกลับบ้านพักหลังอำเภอ ส่วนพี่ๆในองค์กรเอกชนพัฒนาชนบทก็กลับเรือนรังของตนเอง
ตอนเช้าทุกคนจะเอารถเครื่องเข้าเมืองเพื่อไปประชุมย่อยที่สำนักงานใหญ่กัน  ไข่เขียดอาจได้เจอรอยวรรณที่เขาหวังพบก็คราวนี้

รอยวัน ตอนที่ 6

	รอยวรรณที่พี่เขาพูดถึงกันคือรอยวรรณคนเดียวกับที่ไข่เขียดรู้จักครับ	เธอเป็นผู้ประสานงานสนามในต่างอำเภอออกไป  
	ไข่เขียดเป็นนักศึกษาฝึกงานในหน่วยพัฒนาการอำเภอ  เขาเรียนรู้งานไวมาก  มาแป๊บเดียวก็ได้ข้อมูลชุมชนที่น่าสนใจทีเดียว พี่ร่างใหญ่แนะนำจนผมอึ้ง  
	หญิงสาวผิวเข้มตาคมกริบเพิ่งเดินทางมาจากอำเภอลาดยาว แต่ก็มาถึงที่ประชุมก่อนเวลานัดประชุมเกือบ 5 นาทีล่ะ  นี่ยังไม่ถึงเวลาประชุมดีหัวหน้าที่ประชุมก็เปิดประชุมก่อนเพราะสมาชิกครบองค์ประชุมแล้ว   หญิงสาวท่าทางยังเหนื่อยอยู่ทีเดียว แม้จะนั่งรถยนต์มาก็ตาม
	
	ดูเหมือนในนี้มีคนรู้จักกันด้วยใช่ไหมครับคุณรอยวรรณกับคุณไข่เขียด
	หญิงสาวยิ้มและว่า
	รอยไม่ใช่คนลืมง่ายพอที่จะลืมเพื่อนที่สนิทที่สุดที่ชื่อไข่เขียด   เธอหันมาทางผมแล้วส่งสัญญาณว่าเดี๋ยวค่อยคุยกันส่วนตัว   เมื่อทุกคนยิ้มถ้วนหน้าแล้ว  การประชุมย่อยจึงดำเนินไปอย่างเป็นกันเอง แต่โต้กันด้วยเหตุผลน่าฟังทุกคน
	การประชุมย่อยเลิกเอาเกือบบ่าย อาหารมื้อเที่ยงพี่ใหญ่เป็นคนเลี้ยงเองที่ร้านอาหารริมแม่น้ำเจ้าพระยา
	นายไปไงมาไง  รอยวรรณขยับมาถามที่ข้างหูผมขณะซ้อนท้ายเพื่อไปกินมื้อเที่ยง
	จะจบวิชาสุดท้ายต้องฝึกงานครับรอย
	แล้วรู้ไงว่ารอยอยู่นี่  เลี้ยวซ้ายแยกข้างหน้าค่ะ
	ไม่รู้   ถ้ารู้ก็มาหาแล้ว  แต่ไหนรอยว่าจะไปเยี่ยมไข่ไง
	งานรัดตัวมากเลยจ้ะขอโทษ   รอยก็รู้สึกผิด   แต่ต้องเร่งสรุปงบประมาณค่าใช้จ่ายให้สำนักงานใหญ่หัวหมุนเชียวค่ะ
	ไม่เป็นไรครับรอย ได้พบคุณนี่ผมดีใจมาก 
	รอยเองคงก็เช่นกันค่ะ
	รอยพักที่ไหนหรือครับ
	ถ้าเข้ามาสำนักงานใหญ่ก็พักค้างกับเพื่อนในเมือง   แต่ถ้ากลับสำนักงานสนามก็อยู่บ้านเช่า
	มีครอบครัวหรือยัง
	อะไรกันจ๊ะ  ถ้ามีแล้วเราจะไม่ส่งข่าวไข่เขียดได้อย่างไร  โน่นไงร้านอยู่ทางซ้ายมือ   
	ผมคุมรถเครื่องซึ่งมีหญิงสาวที่ผมคิดถึงซ้อนท้ายเข้าไปจอดเทียบรถเพื่อนของเธอ   พี่ร่างใหญ่และคนอื่นๆ รออยู่นั่นกันแล้ว
	มาช้านะคู่นี้     ก็น่าเห็นใจอยู่หรอก  นานๆได้เจอกัน เป็นข้าขี่วนไปซักสองสามรอบค่อยมา
	พี่ใหญ่แซวคนที่เพิ่งไปถึง คนอื่นๆบ้างยิ้มบ้างหัวเราะ
	น้องกินอะไรสั่งเลย   มื้อนี้พี่เลี้ยง

	คนร่วมวงอาหารกินกันไปคุยกันไปแซวกันไป  ทุกคนถามนี่ถามโน่นกันไปมาไม่มีใครไม่มีความสำคัญ น่าประทับใจแท้
	ถามจริงๆ เถอะ รอยวรรณกับไข่เขียดนี่ชอบกันหรือเปล่า  พี่ตัวใหญ่แหละครับผ่าขึ้นมากลางปล้อง
	ถ้าชอบแล้วพี่เป็นเฒ่าแก่ให้ไหมล่ะ  คนนั่งข้างรอยว่า
	ได้  ไม่ยาก  พี่แถมข้าวให้อีกสองกระสอบ
	รอยวรรณไม่พูดแต่ยิ้ม  ส่วนอ้ายไข่เขียด-เขิน!

	อาหารเที่ยงจบเอาตอนบ่ายสองโมง  ทุกคนแยกย้ายกันไปทำธุระและนัดจะกลับพร้อมกันตอนค่ำ   รอยบอกทุกคนว่าจะแวะเยี่ยมสำนักงานไพศาลีวันรุ่งขึ้น  เธอว่ามีเรื่องจะคุยกับไข่เขียดหลายอย่าง

	OOO

	รอยวรรณกับเพื่อนสาวอีกคนเดินทางมาถึงครึ่งทางรถประจำทางเกิดเสีย เธอโทรศัพท์ให้เพื่อนร่วมงานออกไปรับ พี่ร่างใหญ่ในองค์กรเอกชนเป็นคนขี่รถเครื่องมาบอกผม  และแกก็จะออกไปรับด้วย
	จุดที่รถเสียห่างออกไปยี่สิบกิโลเมตรเศษ   ผู้โดยสารพากันหลบแดดตามร่มไม้ข้างถนน  รอยวรรณกับเพื่อนรออยู่ใต้ร่มไม้ใกล้รถโดยสารนั่นเอง
	รถเป็นไรวะ พี่ตัวโตถามเมื่อไปถึง
	เขาบอกสายคันเร่งขาด
	ไม่เป็นไรกันใช่ไหม
	ไม่หรอกค่ะ  นี่กว่าอีกคันจะมาคนรอคงร้อนแย่
	ไอ้รอยไปกับไข่เขียดนะส่วนนุชมากับพี่
	MTX ของพี่ร่างใหญ่ออกตัวสลับเบรก คนซ้อนท้ายทุบหลังให้หลายตุบ  ส่วน   DT-100 ออกตัวนิ่มนวล   
	รอยวรรณเกาะดีๆนะครับ  ไข่เขียดหันไปบอกลอดหมวกกันน็อค
	รอยเคยทำงานที่นี่นะก่อนย้ายไปที่อำเภอลาดยาว
	เธอขยับมาชิดเพื่อให้คุยกันได้ยิน  รถเครื่องของผมลดคั่นเร่งลงไปที่ 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เธอยังเล่าต่อ
	ที่นี่เขาทำงานเป็นทีม   ผู้นำชาวบ้านเก่งมาก เออ..ไข่จะอยู่นี่นานไหม
	  อยู่เกือบเดือนครับรอย
	แล้วยังไงต่อ  ระวังสี่แยกข้างหน้านะ  ไฟแดงเสีย
	ครับผม ก็กลับบ้านและรอฟังผลจบ
	คงไม่มีปัญหามั้ง นายต้องทำได้แน่นอน
	ขอบคุณมากรอย  ผมมีแรงฮึดขึ้นมากรู้ไหม
	
	เรามาถึงสำนักงานสนามของพี่ร่างใหญ่ในเวลาไล่เลี่ยกันนั่นเอง  เพราะพี่แกก็ไม่รีบร้อนทั้งรอเราด้วยนั่นเอง
	
	พวกเองจะนอนที่ไหน ที่สำนักงานน่ะระวังผีเจ้าบ้านหลอกเอา
	บรื๋อ  ไม่เอาหรอกจ้ะ  บ้านพี่อ้วนก็ไม่ได้เพราะเมียพี่ดุ  เพื่อนของรอยว่า
	ถ้าไม่รังเกียจ บ้านพักของผมมีห้องนอนสองห้อง ผมแบ่งให้ห้องหนึ่งก็ได้ครับ
	ก็น่าจะดี นุชตัดสินใจแทนเพื่อน
	งั้นก็ได้ค่ะ  เรื่องที่อยู่ที่นอนคงไม่เป็นปัญหาแล้ว นุชจะไปกับเราไหม  เราจะพาไข่เขียดไปหมู่บ้านที่เราเคยอยู่กับชาวบ้าน   ตอนบ่าย ๆ จึงจะออกมา
	ไม่ล่ะ เป็นกอขอคอ มันบาป
	หญิงสาวที่ผมรู้จักค้อนเพื่อนขวับเลยทีเดียว แต่ก็เป็นชั่วแป๊บ เธอว่า
	งั้นนุชไปกับพี่อ้วนก็แล้วกัน  พี่แกจะเข้าไปพบกลุ่มผู้นำสัญจรทางตำบลวังน้ำลัดโน่น  ส่วนเราจะเข้าทางหนองไผ่  ตอนบ่ายๆเย็นๆค่อยเจอกันนะ OK ?
	
	รอยวรรณทำงานที่นี่มานานครับรู้จักพื้นภูมิของที่นี่ดีมาข้อมูลที่ผมต้องการเธอก็แนะได้  แต่เธอว่าให้ผมค้นพบเองดีกว่า   เธอเป็นคนพาไปพบผู้นำชาวบ้านและแนะนำให้ผมรู้จักผู้นำเหล่านั้นจนผมได้ข้อมูลชุมชนมากพอที่จะนำเสนอในที่ประชุมของพัฒนากรอำเภอในปลายเดือนนี้
	ผมกับรอยลาผู้นำชาวบ้านกลับออกมาในตอนบ่ายเกือบค่ำ  ชุดคำถามที่ผมเตรียมไว้มีคำตอบทุกคำถามพอที่จะปิดปะต่อเรื่องราวคร่าวของชุมชนที่ไปศึกษาได้
	พี่อ้วน  นุชและแฟนพี่อ้วนรอกินมื้อค่ำกับเรานะที่บ้านของแก อาบน้ำอาบท่าแล้วเราไปแวะบ้านพี่เขากัน
	นุชล่ะครับรอย
	รายนั้นไม่ต้องห่วงเธอหรอก   ไปไหนไปกันไม่กลัวใคร  ไม่ยอมเสียเปรียบใครด้วยถ้าไม่จำเป็น
	รอยนัดให้ผมมารับอีกทีตอนหนึ่งทุ่มเพื่อไปบ้านพี่อ้วน  เธอแวะสำนักงานเพื่ออาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าส่วนผมกลับบ้านพักพัฒนากร

	เอ้า..เชิญข้างบนเลยไข่เขียด  รอยวรรณ
	เจ้าของบ้านร้องเชิญมาจากบนบ้านใต้ถุนสูงทันทีที่เราไปถึง   คนบนบ้านมีนุช พี่อ้วน  แฟนพี่อ้วน กับเจ้าของบ้านเช่า
เจ้าบ้านปูเสื่อและเตรียมของกินประเภทจิ้มจุ่มรอไว้แล้ว
	เชิญนั่งน้องๆ รอย ไข่  พี่ยินดีมากที่ได้ต้อนรับน้องๆที่นี่   คนอื่นในสำนักงานพากันติดธุระหมด  จะกลับเข้ามาก็พรุ่งนี้บ่ายๆ พวกเราก็กินกันไปก่อน  พร้อมหน้าพร้อมตาเมื่อไหร่ค่อยกินอีกที
	เห็นแก่กินจังนิ นุชว่า
	ก็กองทัพเดินด้วยท้องนี่อีนังหนู่นุช  พี่อ้วนทำท่าจะยีผม ก็ยั้งมือชำเลืองเมีย
	กินจิ้มจุ่มกันไอ้น้อง  แฟนพี่ทำอร่อย พี่อ้วนพูดยิ้มๆแล้วยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่ม
	น้องมาฝึกงานหรือคะ เห็นพี่อ้วนว่าอย่างนั้น  แฟนพี่อ้วนถาม
	ครับผม  ฝึกงานเก็บหน่วยกิตสุดท้าย
	จบแล้วมาทำงานกับพี่สิพี่อ้วนเสนอ
	เออใช่ๆ  สำนักงานมีตำแหน่งใหม่สำหรับเขตอำเภอลาดยาวอีก 3 ตำแหน่ง นายสนใจไหมล่ะ
	นุชให้ข้อมูล
	น่าสนใจมากครับ  ให้ผมเขียนใบสมัครไว้ก่อนได้ไหมล่ะครับ  จบแล้วผมอาจจะมา
	ต้องมาสิ  ไม่ใช่อาจจะมา  พี่อ้วนว่า
	ที่ไข่เขียดตอบไปเช่นนั้นไม่ใช่ไม่อยากอยู่ใกล้รอย  งานในสวนในนาที่ลงแรงเอาไว้ก็เรียกร้องให้กลับไปทำอยู่เต็มๆ
	ที่บ้านเองทำอะไรวะไข่เขียด
	ทำสวนทำนาครับพี่
	รอยทำนาเป็นไหม  ไม่เป็นล่ะมั้งพี่ว่า
	ตอนเรียนม.3 เคยไปช่วยไข่เขียดเขาอยู่วันหนึ่งพร้อมกับเพื่อนๆ
	นั่นเขาไม่เรียกว่าทำเป็นหรอก
	เคยปักดำ   เจ้าของบ้านเช่าพูดยิ้มๆ
	ช่าย เสียงลากยาวของเพื่อของรอย
	ถ้าให้เลือกระหว่างทำงานต่อที่นี่กับไปกับไข่เขียด เองเลือกอย่างไหน  
	พี่ทายซิ  รอยรุกคืน
	พี่ว่าเองไม่กล้าตัดสินใจ
	พี่ทายผิด   รอยเลือกไปกับไข่ สีหน้าและน้ำเสียงของคนพูด ไข่เดาไม่ออก  ว่าเธอหมายความตามที่พูดหรือล้อเล่น เท่านั้นก็ทำให้อ้ายไข่รู้สึกชา ๆ ที่หน้า   ด้วยปมบางอยางที่ซ่อนเสียมิดมานานวัน
	อ้ายไข่พูดได้น้อยลงจนกระทั่งมื้อเย็นจวนจะจบพี่อ้วนจึงไขความ
	นี่ไข่เขียด   เอ็งเป็นคนโชคดีแล้วล่ะ   ผู้หญิงที่ชื่อรอยวรรณเป็นคนที่ตรงไปตรงมาอย่างที่สุด  ใครมาจีบรอยก็บอกเขาทุกรายว่ามีแฟนแล้วชื่อไข่เขียด	 อย่างนี้เองควรจะดีใจไหมวะ
	ไข่มันยิ้มแหยๆ ครับ  อย่างไรเสียนั่นก็มาจากปากคนอื่น   ที่สำคัญเขาและรอยก็ยังไม่เคยเอ่ยถ้อยถามถึงความรักที่มีต่อกัน
	พี่อ้วนขับรถมาส่ง ส่วนรอยวรรณซ้อนท้ายไข่เขียด  คืนนี้ทั้งคู่จะพักค้างที่บ้านผม
	
-----------------


	  พี่ใหญ่มาส่งแล้วก็กลับรถออกไป หญิงสาวทั้งคู่เดินตามไข่เขียดอย่างสำรวจเข้าไปในบ้าน
	ที่พักมีห้องนอนสองห้องอยู่ชั้นบน   ห้องน้ำ ห้องนั่งเล่นอย่างละห้องอยู่ข้างล่าง
	ห้องข้างบนทางขวามือรอยกับนุชพักตามสะดวกนะครับ แม่บ้านดูแลความสะอาดให้เรียบร้อยแล้ว ห้องน้ำอยู่นี่  ถือเหมือนบ้านคุณแล้วกัน	
ไข่เขียดนี่น่ารักเนาะ นั่นเป็นคำของนุช อ้าวมีกีตาร์ด้วยหรือ ดีจัง
ครับผม   เป็นของพี่พัฒนากรบ้านหลังโน้นครับ  แกถือมาเล่นและ ไม่ได้เอากลับสองสามวันแล้ว
ไข่ เล่นได้ไหมคะ  เพื่อนของรอยถามและนั่งลงอิงฝาหยิบกีตาร์มาประคองไว้  รอยวางข้าวของลงข้าง ๆ นุชแล้วนั่งเอนหลังพิงหมอนทรงสามเหลี่ยมหยิบนิตยสารในชั้นเตี้ยๆขึ้นมาเปิดพลิก
นิดหน่อยครับคุณนุช   หัดกับเพื่อนตั้งแต่เรียน ม.2  แต่ก็ไม่ก้าวหน้านัก
ไข่เล่นได้ รอยเคยฟัง รอยหันไปพูดกับเพื่อน
นั่นไง  คนเก่งมักถ่อมตัว  นุชว่าแล้วก็ยื่นกีตาร์มาให้

เพื่อนในวัยร่วมชั้นเรียน ม.3  มีคนเล่นกีตาร์ได้หลายคน  บางคนไปไกลถึงขั้นเล่นเป็นวงบนเวทีได้   ไข่เขียดไม่ถึงขั้นนั้นแต่ร้องเพลงใช้ได้ล่ะ
จะสารภาพรักกันก็อย่าเกรงใจนะเราเป็นพยานให้ได้ เพื่อนของรอยอีกนั่นแหละที่เป็นกองเชียร์ออกหน้าออกตา  รอยค้อนเพื่อน  ส่วนไข่-ผมไม่บอก
เมื่อไข่ไล้นิ้วเบา ๆ ไปบนเส้นสายก็ก่อเสียงอันพลิ้ว เพื่อนของรอยหันมาสนใจดูและฟังอย่างจริงๆจังๆ
 ไข่เก่งกว่าที่เราคิดอีก เธอว่า
รอยวางนิตยสารไว้ที่เดิมแล้วขยับมานั่งใกล้ไข่แค่คืบ
ไข่คะ  หญิงสาวเอียงหน้าหันมาพูดคุย รอยอยากขอโทษอีกที  ที่ไม่ได้แวะไปหาไข่หนนั้น
ไม่เป็นไรหรอกรอย  อย่าให้มันรบกวนใจเลยครับ  เราได้พบกันแล้วนี่ไง
รอยฟังเพลงนะเราจะร้องให้ฟังและไม่ต้องร้องแซงด้วย เธอหันไปทำตาขึงขังกับเพื่อนสาว   นี่ไข่เขียดรู้ไหม   รอยน่ะพูดถึงไข่เขียดบ๊อยบ่อยนะ   ได้เจอไข่เขียดวันนี้เราจึงไม่สงสัยเลยว่าทำไม
ทำไม  ทำไม   คนพูดเอื้อมหยิบหมอนเหลี่ยมใกล้มุมห้องมาถือแล้วก็เปลี่ยนเป็นวางลง  เธอเอียงข้างลงนอนมองเพื่อนนักร้องของตัวเอง
ไม่บอก  - ขอเพลงสายลมแห่งรักนะคะไข่  คนขอเลื่อนหนังสือเพลงมาตรงหน้านักดนตรี   เธอเริ่มเสียงน่าฟังเชียวครับ

เดียวดายเหมือนนกไร้รัง.
อยากหวังมีรังเรือนรักพักใจ
ปลอบขวัญยามที่ฉันหวั่นไหว
ฉันไม่มีใครได้ไหม..ขอคิดถึงเธอ.
 ฯ

แววตาและรอยยิ้มของเพื่อนของนุชหวานยิ่งกว่าหวานครับเวลานี้

นี่ไงผู้หญิงที่ไข่เขียดรักมากที่สุด

นี่ ๆ อิจฉานะ หวานกันสองคนเองเหรอ  นุชมองเห็นไข่กับรอยยิ้มให้กัน    ดูเหมือนเธอว่าไปอย่างนั้นเอง  เพราะแววตาก็เหมือนเชียร์กันอยู่
เราสิควรอิจฉาตัวเอง  ร้องเพลงแล้วแถมมีคนเล่นกีตาร์เพราะๆให้   คราวนี้เพื่อนรอยยิ้มกว้างเลย
นอนข้างล่างนี่ก็น่าจะสบายดีนะ ใช่ไหม เพื่อนของรอยถาม
ครับ   ผมเอาผ้านวมมาปูนอนตรงนี้บ่อย
ถ้ามีแฟน   ขอมีแบบนี้ล่ะ นุชทำกรุ้มกริ่มคงอยากยวนๆกันเองนั่นเอง  มีแฟนนี่คงมีความสุขนะ  ใช่ไหม
ไม่มีคนตอบแต่ยิ้มกันทั้งสาม

นุชร้องเพลงโปรดจนอิ่มใจก่อนขอตัวขึ้นไปข้างบนก่อนเพื่อน
ตามสบายกันนะจ๊ะ   เราเป็นก้างอยู่นานก็จะบาปนานเปล่าๆ  คนพูดว่ายิ้มๆแล้วเดินขึ้นบันใดไป

ไข่คะ  ไข่เคยรักใครไหม คนถามเลื่อนหมอนหนุนมาใกล้ คนจะตอบ
ผมรักรอยครับ  รอยเป็นผู้หญิงที่ไม่เคยหายไปจากหัวใจผมเลย  แต่ไหนแต่ไรมา  ผมรู้หัวใจตัวเองดี
ถ้าผู้หญิงที่ไข่รักแต่งงานไปแล้วล่ะ  ไข่ยังรักเขาไหม  คนถามเอามือกำหลวมๆตีหัวเข่าคนฟังเบาๆเหมือนบอกว่านี่ไม่ใช่อะไรที่เลื่อนลอยเหมือนความฝันในความหลับ
ความรักคืออะไรล่ะครับรอย    ถ้าคือการเป็นเจ้าเข้าเจ้าของผมก็ไม่สิทธิ์อันใดใช่ไหม  แต่ความรักคือความใยดีนะครับ มันคงไม่อยู่ในเงื่อนทางสังคมอะไรมากมาย
รอยเคยคิดอยู่เป็นโสด   แต่มันเหงาเหลือ..
คนโสดมีอิสระล่ะ  แต่ก็ขาดแคลนเยื่อใยที่จะปลอบยามเหงา  ไข่คว่ำกีตาร์ลงกับตัก
ถ้าเราเป็นแฟนกันจริงๆและอยู่ห่างกันอย่างนี้รอยจะทำใจยังไง.. หญิงสาวยื่นมือมาให้ไข่ยุดเพื่อลุกขึ้นนั่งพิงฝา เคียงกัน
รอยจะทำงานที่นี่อีกนานหรือครับ  ไข่ถามแทนคำตอบ
สัญญาจ้างงานเหลืออีก 2 ปี  ก็นานล่ะ
คราวนี้ผมสมมติบ้าง  ถ้าผมมาทำงานเป็นเพื่อนรอย 2 ปี  รอยจะลำบากใจไหม
ไข่ไม่พูดเล่นใช่ไหม
ไม่หรอกครับ   รอยคงพอรู้  ตั้งแต่เรารู้จักกันมาในวัยเยาว์ผมพูดคำไหนคำนั้นกับทุกคน
ขอบคุณค่ะไข่   รอยรักไข่เขียดนะคะ
ผมก็รักรอยครับ




รอยวัน  ตอนที่ 7  

เมื่อการฝึกงานจบลง ไข่เขียดเขียนใบสมัครงานในตำแหน่งผู้ประสานงานสนามยื่นไว้กับสำนักงานใหญ่ของพี่อ้วนก่อนเดินทางกลับ

ถ้าสำนักงานใหญ่เขามีหนังสือไป เอ็งมาทำงานกับพี่นะ    หน่วยก้านอย่างเอ็งลุยงานแบบนี้ได้สบาย   ส่วนไอ้รอยเอ็งไม่ต้องห่วง  คนนี้มั่นคงดังภูเขา พี่เดาไม่ผิดหรอก  รอยรักเอ็ง

พี่อ้วนโปรยยาหอมก่อนไข่เขียดจะกลับ

กลับมาทำงานด้วยกันนะไข่  คำของนุช

อย่าให้รอเปล่านะคะ   คำของรอย



OOO

งานพัฒนาชนบทที่ไข่เขียดได้สัมผัสจากการไปฝึกงานหนนี้ทำให้ภาพที่เคยประติดประต่อเอาไว้แจ่มชัด เมื่อนึกทบทวนถึงบันทึกของพ่อก็ยิ่งเห็นได้ชัดเจนถึงอุดมคติของนิสิตนักศึกษาที่ต้องการเห็นสังคมสมดุลดีงาม  และยิ่งเมื่อคิดถึงหญิงสาวตัวเล็กๆคนหนึ่งที่เพิ่งได้รู้จักหัวใจก็ยิ่งทำให้ไข่เขียดเห็นความสำคัญของการเดินทางกลับไปที่พื้นที่ทำงานที่รอยวรรณเป็นผู้ประสานงานอยู่

มหาวิทยาลัยที่ไข่เขียดลงทะเบียนเรียนทางไกลแจ้งผลการเรียนมาแล้วว่าไข่เขียดเก็บหน่วยกิตได้ครบ   -อ้ายไข่ได้ปลดปล่อยปมด้อยออกไปจากหัวใจเสียทีก็คราวนี้    ก็รอแต่หนังสือจากองค์กรเอกชนพัฒนาชนเรียกตัวมาเท่านั้น เขาก็จะได้กลับไปหารอยอีก

ไข่เอ๊ย   น้องนักศึกษาที่ชื่อจารุวรรณกับเพื่อนๆ แวะมาที่บ้านเราอีก  แต่อาจารย์ไม่ได้มาด้วย  เขาถามหาแก

เขาได้คุยกับพ่อไหม

ไม่ได้คุย   พ่อไปดูงานเกษตรที่บางเขน กรุงเทพกับอาจารย์มหาวิทยาลัยที่เคยมาบ้านเรา

เขาว่าไงมั่งครับแม่

ก็ว่าไม่มีอะไร  เพียงอยากมาพูดคุยขอความรู้และประสบการณ์

แล้วเขาถามอะไรเกี่ยวกับสิ่งที่แม่ทำไหมล่ะ

ก็ถามเรื่องการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม  การมัดหมี่  และอีกหลายอย่าง  น้อง ๆ เขาว่าจะเอาไปเขียนรายงาน  สัปดาห์หน้าจะแวะมาอีก

หรือครับ   ผมคงไม่มีความรู้ที่จะให้ใครได้มั้ง  ถ้าเป็นพ่อคงได้ล่ะ   พ่อพูดได้ทั้งวัน   ผมฟังยังเพลิน   แม่เหนื่อยก็พักบ้างนะครับ  ทำงานทั้งวันเลย

ขอบใจจ้ะ แม่ทำเพลินๆ  ถ้าไม่ทำก็เพลีย

อ๋อ   อันนี้ผมก็เริ่มเข้าใจครับ   ยิ่งทำยิ่งมีแรง   ยิ่งพักยิ่งเหนื่อยหนักและล้า   งั้นผมไปทำงานของผมนะครับ

ไข่เขียดกลับไปที่โรงไวน์หม่อนของตัวเองอีกครั้งหลังจากห่างไปนาน  ถังไวน์สีขาวยังตั้งเรียงอยู่เรียบร้อยเหมือนหัวใจของคนที่ไม่สับสนยุ่ง
วันนี้คงได้เริ่มงานไวน์ถังที่ยี่สิบเอ็ดล่ะ   ลูกหม่อนยังสุกพราวเต็มสวน
                      
               ความฝัน  ความหวังของคนเราก็ควรจะสุกปลั่งเต็มหวังเต็มฝันแบบนั้น
ใช่ไหมไข่เขียด
-------------------

	
	ไวน์หม่อนจากหุบเขาภูพานต้องลิ้น...วิเศษเหมือนรสไมตรีที่เจือในจุมพิตแห่งรักของคู่รัก
	ไข่เขียดนึกถ้อยคำที่จะบอกถึงน้ำและเนื้อของ Dawik Mulbery  (D.M) Wine ที่เขาเพียรหมักสะสมในโรงไวน์กลางสวน  ถ้ามีใครสักคนรับรู้ความฝันส่วนนี้ของชีวิตของไข่เขียดนั่นคงทำให้หัวใจส่วนลึกนั้นไม่แห้งแล้งเปลี่ยวเหงาจนเกินไป
	จารุวรรณกับเพื่อนกลับมาที่บ้านกลางทุ่งของไข่เขียดอีกครั้ง หลังจากแวะบ้านหลังใหญ่ของพ่อกับแม่แล้วเธอก็แวะบ้านหลังเล็กและโรงไวน์ของไข่เขียด   เธอแจ้งความมุ่งหมายอย่างที่แม่เคยบอกไข่เขียดไว้แล้ว
	วรรณทำช่วยพี่นะคะ  แลกกับสิ่งที่จะขอจากพี่
	ขอบคุณมากครับ ถ้าพี่มีให้พี่ก็ยินดี
	วรรณเพิ่งทราบว่าพี่ไปฝึกงานที่นครสวรรค์
	ครับผมเป็นงานเกี่ยวกับชุมชนชนบท
	น่าปลื้มนะคะ
	พี่ไม่เคยสัมผัส   เคยได้ยินแต่พ่อเล่า มันยั่วใจให้อยากรับรู้จริง
	น่าอิจฉาพี่นะ   ได้ทำตามความใฝ่ฝัน
	คงเพราะมีแรงส่งจากครอบครัวนั่นแหละ
	พี่ไข่เคยอ่านเรื่องโฮมสเตย์ไหมคะ
	เคยนิดหน่อยครับ  น้องลองเล่าไปซิครับ
	เอาบวกๆกันไปนะคะระหว่างที่รู้มากับที่คิดทำ-นี่ไวน์ถังที่เท่าไหร่คะนี่  คนพูดจับเหมือนจะยกถังหมักไวน์ที่เพิ่งบรรจุเสร็จ
	เล่าเลยครับ   -อ๋อถังที่ยี่สิบสามครับ        มันหนักนะวรรณ    เดี๋ยวพี่ยกขึ้นชั้นเอง 
	บ้านสวนของพี่ไข่เขียดนี่ก็น่าจะจัดเป็นโฮมสเตย์ได้นะคะ   เพื่อนของจารุวรรณออกความเห็น
	ดูซิ   มีภูมิทัศน์สวยมาก   มีภูเขาโอบล้อมเป็นฉากไกล   ทุ่งข้าวเขียวงามจากไกลมาใกล้  ลำห้วยจากทางโน้นมาก็ราววิวในภาพที่เขาพิมพ์ขาย
	จริงของแจมค่ะ  วิวข้างนอกนั่นก็เอื้อให้เนื้อในของสวนเกษตรในนี้ตรึงจิดใจคนมาสัมผัสมากทีเดียว -น้ำลูกหม่อนเหลืออยู่นะคะ  คงหมักได้อีกถังนึง
	ดีครับ   วรรณทำงานคล่องตัวจังครับ
	ที่ภาควิชาอาจารย์ก็ให้ฝึกทำประจำค่ะ  เลยคล่อง เรื่องโฮมสเตย์ วรรณก็มาคิดภาพได้ชัดๆ เอาที่นี่แหละคะพี่ไข่เขียด
	คนที่มาที่นี่คงรู้สึกเหมือนวรรณ   คือมันสบายใจนะคะ   เหมือนบ้านในความฝันของตัวเอง    นาข้าวเขียวๆกำลังถอกรวง  ลำห้วยใสๆมีปลาว่ายให้เห็น     สวนผักหมากไม้ก็กำลังออกผลเก็บกินได้ไม่ต้องกลัวพิษของสารแปลกปลอม   แต่เสน่ห์ที่น่าจะดึงดูดความสนใจของคนแวะมาได้มากก็คือผ้าไหมของคุณแม่ของพี่กับเกษตรอินทรีย์ของคุณพ่อและโรงไวน์ผลไม้พื้นบ้านของพี่เอง-เฮ้อหนูอยากมีอย่างนี้บ้าง
	ไข่เขียดมองเห็นได้ถึงประกายความหวังในแววตาของเด็กสาว
	ที่บ้านของวรรณค้าขายค่ะ   ไม่มีอะไรแบบนี้ทำ เธอว่าต่อ แต่ที่วรรณว่ามาก็คงออกไปทางขายแหละ  คือขายเสน่ห์ของงานที่เราทำอยู่   คนมาดูมาพักด้วยเขาก็คงอยากใช้ชีวิตแบบเรา  อยากลองทำงานแบบเรา   เราจัดให้เขาก็ได้ มีสวนผักให้ปลูกโดยไม่ใช้ยาฆ่าแมลง  ผักที่เก็บกินได้เลยก็มี  ปูปลาที่อยากทำกับข้าวเองก็จับหาได้   หมากไม้ผลไม้ก็มีให้เก็บกินได้  หรืออยากลองปลูกอยากลองติดตาต่อกิ่งเสียบยอดก็มีที่ให้ลอง  บ้านพักอาจจัดเป็นสัดส่วนเป็นหลังเล็กๆ ในสวนหรือริมห้วย
	ไข่เขียดนึกภาพตามที่น้องนักศึกษาคนนั้นวาด อืม..ไม่เลวเลย   เสน่ห์เช่นนั้นซ่อนอยู่ในนี้เอง  
	ขอบคุณมากครับน้องวรรณและแจม  ช่วยพี่หมักไวน์ได้ตั้งห้าถังแน่ะ  นี่กลายเป็นว่าพี่เอ็งเป็นฝ่ายได้ความรู้จากน้องๆ  พี่เอาเปรียบวรรณหรือเปล่าครับเนี่ย
	ไม่เอาเปรียบหรอกค่ะ   สิ่งที่วรรณกับแจมได้จากพี่ก็คือกำลังใจและความฝันไงคะ  เข้ามาในบ้านกลางทุ่งของพี่แล้วทำให้รู้สึกว่าความฝันของคนเดินทางไปถึงความจริงได้ แม้มีต้นทุนชีวิตนิดน้อยนักก็ตาม
	แม่เก็บหม่อนสุกกับปลาย่างเป็นของฝากให้น้องนิสิตทั้งสองคนที่มาแวะเรา    เมื่อรถของจารุวรรณลับตาไปแล้วไข่เขียดจึงหันมาสังเกตเห็นแม่ยิ้มๆ


	OOOO

	แม่ชอบน้อง ๆ นิสิตใช่ไหมครับ  ไข่เขียดถามแม่ในวันต่อ ๆ มา
	ชอบจ้ะ   และแม่ก็รู้ว่าเอ็งนึกนิยมเขา
	แม่เก่งล่ะ     แต่ผมคงนิยมในใจ เงียบๆ  ผมมีผู้หญิงที่ยิ่งกว่าชอบแล้ว
	รอยวันใช่ไหม คนถามยังทอหูกด้วยจังหวะสม่ำเสมอ ถ้าใช่บางทีเอ็งต้องรู้จักทำใจ
	ทำไมล่ะแม่
	รักแท้แพ้ใกล้ชิด  เอ็งก็เคยได้ยินใช่ไหม
	ข้อนั้นผมทำเป็นครับ  แต่แม่คงไม่ขัดใช่ไหมถ้าผมจะห่างแม่ไปซักปีสองปี  ผมอยากไปหาประสบการณ์ชีวิตอีกสักช่วง 
	เอ็งจะไปทำงานที่ภาคกลางใช่ไหม   พ่อเอ็งว่าไงล่ะ  แม่ช้าลง แล้วหันมาจ้อง
	พ่ออนุญาตครับ
	แม่ไม่ห้ามหรอก  ลูกผู้ชายก็อย่างนี้  ดิ้นรนไปข้างหน้าเรื่อย    แม่ทำใจตั้งแต่วันเอ็งเกิดแล้ว  เขียนจดหมายมาหาแม่บ่อยๆก็แล้วกัน

		
	ไข่เขียดได้งานผู้ประสานงานสนามตามที่เคยคุยกันไว้กับหน่วยงานของรอยวัน     

	ตอนแรกองค์กรกะจะให้เอ็งไปทำงานกับรอย แต่ทางนี้มีคนลาออก เอ็งเลยต้องเข้าทำแทน  หมู่บ้านซับสมบูรณ์เอ็งเคยไปแล้วใช่ไหม
	เคยไปกับรอยช่วงฝึกงานครับ
	ดีแล้ว  งั้นเอ็งลุยได้เลยศึกษาชุมชนต่อ ได้ข้อมูลแล้วคุยกันกลางเดือน   งานเป็นทีมไม่มีอะไรต้องหนักใจ  หรือถ้ามีอะไรขัดข้องคุยกับพี่และพรรคพวกได้ตลอด  เจอไอ้รอยหรือยังล่ะ
	ยังครับ   แต่เห็นเธอว่าจะมาแวะไพศาลีเสาร์นี้
	รอยมีข้อมูลทางนี้เยอะ   เอ็งคงได้เปรียบล่ะ แถมมีแรงส่งอีกด้วย  ฮ่า ๆ  รีบแต่งกันไว ๆ ก็ดี  พี่จะได้สบายใจว่าไม่มีใครหนีไปไหนอีก
	อย่าเพิ่งด่วนคาดหวังอะไรนะครับ
	เออ    พี่ตัวโตรับคำแกมหัวเราะแล้วก็ละเพื่อจะเข้าหมู่บ้านที่แกประสานงาน อยู่    ไข่เขียดเองก็ผละจากสำนักงานอำเภอเพื่อจะเข้าหมู่บ้านเริ่มงานของตนทันทีเหมือนกัน

	ทฤษฎีกับงานเดินทางมาพบกันทุกครั้งที่ลงมือทำสิ่งใด ๆ   ไม่มีหลักคิด  งานก็คงไปแบบสะเปะสะปะ  ไข่เขียดเห็นค่าของการศึกษาชัดเจนแล้ว   และแจ้งแก่ใจด้วยว่าทำไมพ่อจึงได้คล่องแคล่วนักในการคิดและทำ  รวมทั้งในการพบปะคบหาใครต่อใคร     -ใช่แล้วส่วนหนึ่งพ่อผ่านความโชกโชนในการใช้ชีวิตนั่นเอง

	ไข่เขียดเข้าหาผู้นำที่ได้รู้จักตั้งแต่คราวมาฝึกงาน  เมื่อแนะนำตัวกันแล้วก็สนิทใจได้ไม่ยาก  การศึกษาชุมชนที่สะดวกที่สุดคือการใช้ชีวิตกับเขา   ทำงานช่วย   ออกแรงช่วย  พูดคุยซักถาม  ลุยไหนลุยกัน     ปัญหาของเขาคือสิ่งที่คนทำงานสนามต้องรู้ชัด   เพื่อจะช่วยกันหาทางออกให้ได้   พลังของความร่วมมือจากความรู้ความเข้าใจตนเองของชุมชนนั้นได้ทำให้เกิดการพึ่งตนเองได้มาเกือบทุกที่ที่มีงานด้านพัฒนาชุมชน    และผู้นำที่ผ่านกระบวนการเช่นนี้มากับผู้ประสานงานสนามล้วนเป็นผู้นำหัวก้าวหน้าในการพัฒนาชุมชนของตนทั้งนั้น    แน่นอนองค์กรเอกชนพัฒนาชนบทก็ต้องถึงเวลาจากลาเมื่อชุมชนแกร่งด้วยตนเองเช่นนั้น  - เก็บจากถ้อยคำของพี่อ้วนเกือบทั้งหมด

	งานเลี้ยงเล็กๆ ต้อนรับไข่เขียดจัดในสำนักงานสนามขององค์กรในเย็นวันเสาร์   รอยวัน  นุช  และเพื่อนอีกหลายคนมาร่วมต้อนรับสมาชิกใหม่อย่างน่าอบอุ่นใจ

	พวกเอ็งจะพักค้างที่สำนักงานนี่เลยใช่ไหมพี่อ้วนหันไปถามรอยกับนุช แน่ใจนะว่าไม่กลัวผี คำถามนั้นแกมความขัน  คนจะตอบยังไม่ตอบ  แต่หันมาทางไข่เขียด  ทว่าไม่เห็นแววไหวหวั่น

งานเลี้ยงคงใกล้โรยแล้ว  เข็มสั้นนาฬิกาติดผนังของสำนักงานชี้ที่ระหว่างเลข 12 กับเลข 1
	
	ผม ยังไม่ได้บ้านเช่าครับ  ยังพักอยู่นี่   ห้องข้างบนยังว่างอีกสองนะครับ เลือกพักได้ตามใจ

	เมื่องานเลี้ยงโรยไปแล้ว สำนักงานสนามก็มีเพียงไข่เขียด  รอยวัน และนุชเท่านั้นอยู่เฝ้า   บ้านชาวบ้านรอบสำนักงานสงัดเงียบไปตั้งแต่ 5 ทุ่ม  หญิงสาวทั้งคู่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วหากยังไม่ขึ้นนอน นุชมานั่งที่โซฟาร์ก่อน  รอยยังเตรียมกาแฟสำหรับ 3 คน

	ไข่เขียดเปิดเพลงเพื่อชีวิตจากเครื่องเล่นเทปบนโต๊ะทำงานได้ยินเบา ๆ    เพลงอันอุดมด้วยกำลังใจกล่อมมิตรภาพกับความรักไปพร้อมกัน

	นุชอยากพูดอีกว่าดีใจมากๆ ที่ไข่กลับมา
	ผมก็ตื่นเต้นดีใจครับคุณนุช  เหมือนกลับมาพบเพื่อนเก่า
	ไข่ต้องทำสัญญาทำงาน 2  ปีใช่ไหม
	ครับผม วันจันทร์ผมต้องเข้าไปสำนักงานใหญ่เรื่องนั้นแหละ
	รอยยังไม่บอกไข่เขียดใช่ไหมว่าเธอต้องไปฟิลิปปินส์ เดือนหน้า
	ยังไม่ได้คุยอะไรกันเลยครับ
	กาแฟเสร็จแล้วค่ะ รสประมาณกลางๆนะคะ
	ขอบคุณครับ  ไข่รับถ้วยกาแฟจากรอย ต่อจากนุช  คนชงกาแฟมานั่งลงข้างเพื่อนสาวของเธอ
	คุยอะไรกันอยู่หรือคะ
	อ๋อก็เรื่องที่รอยจะไปทำงานที่ฟิลิปปินส์  เห็นว่าเธอกับไข่ยังไม่ได้คุยกันนี่
	จ้ะ..คงคุยวันนี้ล่ะ
	ไปฟิลิปปินส์หรือครับรอย
	ค่ะ ผู้อำนวยการสำนักงานใหญ่ให้รอยกับทีมงานไปเตรียมเปิดพื้นที่ทำงานที่โน่นเอาไว้   คงเป็นซัก 5 ถึง 6 เดือนก็กลับ
	นึกว่ารอยจะหนีผมไปเสียแล้ว
	ไม่หนีหรอกค่ะ   คือรอยเขียนใบสมัครไว้นานแล้วนึกว่าสำนักงานใหญ่ในต่างประเทศเขาจะยกเลิกโครงการไปแล้ว  นี่จู่ ๆ ก็เรียกตัวไปรับการอบรม  รอยกะว่าหลังจากนี้ก็จะไม่ไปไหนไกลๆอีก   ไข่ไม่ว่ารอยนะคะ   ที่พอไข่เขียดมารอยวรรณก็จะไป
	ผมเข้าใจครับรอย   ขอเอาใจช่วยด้วยให้งานลุล่วง ด้วยดี   ผมเลือกที่จะมาหาประสบการณ์ชีวิตแล้วยังไงผมก็พร้อมรับและลุย
	รอยสบายใจขึ้นล่ะ  รู้ไหมรอยห่วงความรู้สึกของไข่มากนะคะ
	นี่เป็นสิ่งที่ผมอยากพูดว่าผมปลื้มใจที่หัวใจของผมมีความหมายต่อใครบ้างซักคน  อืมคุณนุชท่าทางจะง่วงมากแล้ว  ถ้าไม่ขึ้นนอนข้างบนผมเอาหมอนกับผ้าห่มลงมาให้นะครับ  นอนที่โซฟาข้างล่างนี่ก็ได้   รอยด้วยไหมครับ
	ดีเหมือนกันค่ะ  แต่เดี๋ยวรอยช่วยด้วยค่ะ
	ทั้งรอยและไข่เขียดช่วยกันหอบหมอน ผ้าปูที่นอนและผ้าห่มจากห้องนอนข้างบนลงมาเตรียมที่นอนให้เพื่อน  แล้วนุชก็หลับโดยง่ายดาย  ข้างๆกันนั้นเอง
	ส่วนเพื่อนเก่ายังคุยกันต่อ

	ไข่คะเรื่องมันเป็นอย่างนี้นะคะ  คือคนอื่น ๆ ยังคงไม่ได้พูดคุยกันให้ชัดว่าสำนักงานประเทศไทยทั้งหมดจะปิดตัวลงภายในไม่เกิน 3 ปีนี้  องค์กรใหญ่ในอเมริกาจะเปิดพื้นที่ในฟิลิปปินส์แทน
	แล้วทำไมเขาเรียกตัวผมมาทำงานทั้งที่กำลังจะปิดพื้นที่ทำงานลงล่ะรอย
	มีคนเก่าลาออกไปทำธุรกิจค่ะ  และงานหลายอย่างยังต้องมีการดำเนินการต่อ องค์กรเลยเรียกตัวคุณมา  เพราะเห็นว่าอย่างน้อยคุณก็เคยรู้จักพื้นที่แถบนี้
	แล้วพี่อ้วนรู้เรื่องนี้ไหมรอย
	รู้ค่ะ เพราะเพิ่งคุยกับผู้อำนวยการเมื่อไม่นานนี้เอง
	ถ้าเตรียมปิดพื้นที่ทำงาน ก็แสดงว่าเราไม่จำเป็นต้องเริ่มงานใหม่ก็ได้
	ก็คงอย่างนั้นมั้งคะ นอกจากทีมงานเห็นว่ามีสิ่งที่ต้องเริ่มจริงๆ
	ผมคิดว่าชาวบ้านและผู้นำชาวบ้านในพื้นที่ที่เราประสานงานอยู่มีความสามารถสูงและคล่องตัวในการประสานงานกับแหล่งทุนได้เอง  และพี่อ้วนก็ว่าการรวมตัวขององค์กรชาวบ้านนั้นค่อนข้างเข้มแข็งแล้ว
	ค่ะ  หลายฝ่ายก็วิเคราะห์ออกทางบวกอย่างนั้น
	งั้นผมก็เป็นเหมือนเป็นส่วนเกินไปแล้วมั้งครับ
	ไม่นะคะ   อย่างที่พูดล่ะว่ายังมีงานที่ต้องสานต่ออีกอย่างน้อยปีเกือบสองปี   อันนี้ต้องขอแรงไข่เขียดล่ะ
	รอยพูดอย่างนั้นผมค่อยรู้สึกดีขึ้นหน่อย

	เข็มสั้นของนาฬิกาติดผนังผ่านเลข 1 ไปนานแล้ว  ไข่เขียดขอให้หญิงสาวพักผ่อน ที่โซฟายาวใกล้กันกับนุช  ส่วนตัวเอง เอาเสื่อมาปูแล้วรองทับด้วยผ้าปูที่นอนเขาเอนหลังพิงฝาอยู่อารักขาคนสำคัญของเขาทั้งคืน


ตอนที่  8  รอยวัน

	ไข่เขียดโดยสารรถประจำทางเข้าสำนักงานใหญ่ในตัวจังหวัดพร้อมกับรอยและนุชในเช้ารุ่งขึ้น  รอยพาไข่เขียดไปพบผู้อำนวยการแล้วเธอก็ขอลากลับพื้นที่ทำงานที่อำเภอลาดยาว
	คุณเป็นเพื่อนกับรอยวรรณใช่ไหมครับ ผู้อำนวยการชาวอเมริกันพูดไทยชัดเจนมาก
	ครับผม  เธอเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนในวัยเด็กของผม
	เขาพูดถึงคุณอย่างชื่นชมนะ
	หรือครับ  เธอเป็นเพื่อนที่ดีมากๆ ครับ
	ดีมาก   คุณไข่เขียดพูดภาษาอังกฤษได้ไหม
	นิดหน่อยครับ   รอยวรรณน่ะปร๋อยเลยล่ะเธอเก่งมาตั้งแต่ชั้นประถม  ตอนนั้นผมยังลอกคำอ่านภาษาอังกะหริดจากเธออยู่เลย
	คุณไข่เขียดถ่อมตัวมั้งครับ  รอยวรรณว่าคุณพูดเก่ง
	
	เมื่อสัญญาการจ้างงานมีผลไข่เขียดก็เดินทางกลับพื้นที่ทำงานทันที  ฝังตัวในหมู่บ้าน  เรียนรู้จากชาวบ้าน ประสานงานการศึกษาดูงานของผู้นำชาวบ้าน  เก็บรวบรวมข้อมูล  ร่วมวิเคราะห์ปัญหาชุมชนกับผู้นำชาวบ้าน ฯลฯ  งานน่าสนุกทั้งนั้น  ไข่เขียดเพลิดเพลิน   เพลินจนลืมไปว่าส่วนหนึ่งที่ตนเองมาทำงานที่นี่คือผู้หญิงคนหนึ่ง  ที่ชื่อรอยวรรณ
	ไข่เขียดเข้ามาสำนักงานสนามเพื่อประชุมกลางเดือนจึงทราบว่ารอยวรรณเดินทางไปฟิลิปปินส์แล้วจากจดหมายที่เธอฝากมากับเพื่อน
	เป็นไงวะไข่เขียด  ทำไมเอ็งปล่อยผู้หญิงตัวคนเดียวไปไกลตาอย่างนั้น  
	โธ่พี่อ้วน  ผมมีสิทธิ์อะไรในตัวเธอหรือครับ
	ม่าย..  บางทีถ้าเอ็งบอกว่าไม่ไปได้ไหมไอ้รอยมันอาจจะอยู่
	ถ้อรอยอยากอยู่เธอก็คงไม่ไป เพื่อนร่วมงานอีกคนแย้งพี่อ้วน
	เอ็งเคยได้ยินเพลงที่เนื้อร้องมันว่า สามวันจาก  นารีเป็นอื่นไหมวะ
เคยพี่   แต่เป็นเว้นวรรคแบบ     สามวันจากนารี   เราเป็นอื่น
ฮ่า  ๆ เอิ๊ก  เสียงหลายในวงสนทนา
 การพูดคุยนอกรอบเรื่องความรักภายหลังการประชุมกลางเดือนออกมีรสชาติมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเพื่อนร่วมงานทยอยลำเลียงเครื่องดื่มมีดิกรีออกมาวางบนโต๊ะเตี้ยกลางห้อง  พี่อ้วนยกคีย์บอร์ดมีลำโพงในตัวออกมาวางและเริ่มพรมนิ้ว  สลับกับยกแก้วแอลกอฮอล์ขึ้นกรึ๊บ
เองร้องเพลงได้ใช่ไหมไข่เขียด  ร้องให้ฟังซักเพลงซี
เสียงกะลาแตก   พี่ไม่รังเกียจใช่ไหม
เหอะน่า  ร้องเลย

เพื่อนในวงสนทนาได้สลับกันเป็นนักร้องเกือบทุกคน  และถ้าวันนี้มีเพื่อนร่วมงานจากต่างพื้นที่ทำงานมาร่วมวงด้วยบรรยากาศของการพูดคุยเรื่องชีวิตอาจจะสนุกต่างไปอีกแบบ
ไอ้น้อง  เอ็งรักรอยมันมากไหม
ทำไมล่ะครับ
อย่าโกรธพี่นะถ้าพี่จะบอกความจริงกับเอ็ง น้ำเสียงนั้นเจือดีกรีแน่
บอกมาเลยพี่   ผมเป็นลูกผู้ชายพอ  อย่างมากก็ซึมเท่านั้นแหละ
ดี   เอ็งทำใจไว้เลยนะ   ไอ้รอยนะเป็นตัวจริงของผู้อำนวยการที่สำนักงานใหญ่  เอ็งพอจะเข้าใจไหม
ผมโง่นะพี่
เฮ้ยอย่าแกล้งโง่สิ
เขาอยู่ด้วยกันมาสองปีแล้ว
งั้น..อ้ายไข่ออกอาการอึ้งกิมกี่
ทำไมพี่ถึงเชียร์เอ็งกับรอยวรรณน่ะหรือ เสียงจากอิเล็คโทนพลันเงียบ
พี่เห็นผมเป็นตัวตลก
ไม่ๆ  เอ็งอย่าเพิ่งว่าอย่างนั้น
แล้วอะไรเล่า
พี่ก็อยากดูใจว่ารอยมันจะมีปฏิกิริยาอย่างไรต่อหน้าเอ็งและพี่ที่รู้เรื่องนี้
ผมไม่อยากเชื่อเลยพี่อ้วน รอยหลอกผมงั้นหรือ
ก็ไม่รู้  บางทีความรักกับการอยู่ด้วยกันมันคงเป็นคนละอย่างมั้ง  เอ็งไม่โกรธพี่นะ
ไม่หรอกพี่   ผมต้องขอบคุณพี่ต่างหาก  เอ้าดื่มกันต่อพี่  พรุ่งนี้ผมจะเข้าหมู่บ้านไม่ต้องออกมากันล่ะ
เฮ้ย  อย่าซีเรียสอย่างนั้นซิโว้ยไข่   พี่เขาลองใจเอ็ง เพื่อนร่วมงานของไข่เขียดช่วยคลายบรรยากาศที่เริ่มจะร้อนรุ่มให้เย็นลงได้
โธ่พี่  ทำไมต้องลองกันแบบนี้
ไข่เขียดหยิบกีตาร์ของสำนักงานจากมุมห้องทำงานมาแจมคีย์บอร์ดกับพี่อ้วน ลีลาไล่รุก สอดรับ ดวลและด้นท่อน  ทำเอาเพื่อนๆในวงถึงกับเงียบกริบ   แล้วในที่สุดเมื่อถึงค่อนคืนแต่ละคนก็หามุมของตัวเองเพื่อหลับ   ปานตาย  ก่อนจะออกไปทำงานของตนตามแรงใจและสำนึกอันมั่งคงชัดเจน   ไม่มีใครอิดออดต่อเช้าวันใหม่เลยซักคน


	OOOO

	ไข่เขียดเก็บซ่อนความแคลงใจไว้เร้นลึก  อาจเพราะเห็นว่าฟังจากคนอื่นบางทีจะยิ่งทำให้ความรู้สึกแย่ลงไปอีก   แม้กับนุช  คนที่รอยสนิทสนมที่สุดไข่ก็จะไม่ถามให้ใครขุ่นใจ

	ผู้ใหญ่ครับ  แถบนี้   ใกล้ๆ เรานี่   มีใครทำเกษตรธรรมชาติไหม   ผู้ใหญ่เขียวผู้นำหมู่บ้านที่ไข่เขียดรู้จักและสนิทด้วยเป็นคนแรกในพื้นที่ทำงาน  นิ่งนึกอยู่ครู่สั้น ๆ ก่อนเอ่ย
	เกษตรธรรมชาติแบบที่เราไปดูงานที่พิจิตรมานั่นใช่ไหม  เอ้า นี่ครับน้ำเย็น  แม่บ้านทำน้ำใบเตย หอมเย็นชื่นใจดีครับ แม่บ้านผู้ใหญ่เขียวยิ้มรับก่อนละไปทำงานทางหลังบ้านไม้ใต้ถุนสูง พื้นซีเมนต์กว้าง
	ขอบคุณครับผม   เกษตรธรรมชาติหรือแบบ ใกล้เคียงก็ได้ 
	ผมเห็นมีที่สำโรงชัย ลพบุรีนะ เลาะไร่ข้าวโพด ตามแนวเขาลูกนี้ไปไม่ไกลก็ถึง  ถ้าคุณจะไปเดี๋ยวผมให้น้องเขยผมพาไป
	น้องเขยของผู้ใหญ่เขียวควบม้า MTX นำหน้าม้าแกลบของไข่   พาลัดเลาะถนนแดงที่ตัดไปตามไร่ข้าวโพดเพื่อจะไปดูงานเกษตรธรรมชาติตามที่ผู้ใหญ่เขียวแนะไว้    ทางบางตอนตัดขึ้นเขาเพื่อข้ามฟากเขตจังหวัด  และก่อนถึงทางลาดชันและไม่สะดวกน้องเขยผู้ใหญ่ก็คุมม้าญี่ปุ่นเข้ามาเคียงและบอกสภาพทาง   ไข่เขียดรู้สึกมันมากกว่าที่จะหวาด   การคุมรถเครื่องไต่ทางวิบากด้วยหินคมแข็งลาดชันคงเป็นความรู้สึกท้าทายอย่างหนึ่งของวัยมั้ง  -แท้จริงมีทางลูกรังเรียบครับ  หากวิจิตรเลือกเอาทางนั้นพาไปถึงจุดหมาย
	พี่จะไปทำไมที่นั่น  วิจิตรถามเมื่อลงเขาเข้าสู่ทางโล่งเรียบแบบโรยลูกรัง
	ไปดูงาน  บางทีอาจพาผู้นำชาวบ้านคนอื่นๆไปศึกษาเรียนรู้
	ผมเข้าใจแล้ว  งั้นเชิญพี่ตามสะดวก  ไปถึงแล้วผมจะแนะนำให้รู้จักเขา  ญาติของผมเองแหละ  มีคนไปกวนแกเรื่องไม้ อยู่หลายหน   ถ้าไม่มีอะไรก็คงไม่มีปัญหา  แกเป็นคนใจดี
	
	แล้วไข่เขียดก็ได้รู้จักกับญาติของวิจิตรผู้ทำเกษตรแบบวัว ป่า นาข้าว    เขาพาพักค้างพูดคุยกับเจ้าของสวนเกษตรที่นั่นหนึ่งคืนหนึ่งวันก่อนลาจากเพื่อไปดูงานแหล่งใหม่ต่อไปอีก
	ไข่เขียดเก็บรวบรวมเรื่องราวชีวิตของคนที่ได้พบ  คนผู้ยืนอยู่ด้วยลำแข็งตนบนถนนสายการเกษตรมีอยู่มากมาย  คนเหล่านี้แหละที่เลี้ยงสังคมไม่ให้แร้นแค้น  งานของเขาหล่อเลี้ยงผืนแผ่นดินไม่ให้แห้งผาก   แต่เขาก็พอใจที่จะอยู่เงียบ ๆ มีกินแบบเงียบ ๆ  เอื้อคนอื่นอย่างเงียบ  ๆ   -สมุดบันทึกของไข่เขียดปิดแผ่นสุดท้ายไปหลายเล่ม และฟิลม์ก็เก็บภาพนั้นไว้มากพอที่จะเอื้อคนอีกมากที่หัวใจต้องการการเกื้อกูล
	เมื่อกลับมาจากดูงานแต่ละที่ไข่เขียดแวะเล่าให้ผู้ใหญ่เขียวได้ฟัง   ถ้อยคำของวิจิตรสมทบเข้าอีกทำให้ผู้ใหญ่อยากไปด้วย  หนต่อมาชาวบ้านจึงได้เห็นรถเครื่อง 2 คัน คนสามคนเดินทางไกลบ้างใกล้บ้างดูงานการเกษตรในวิถีของการพึ่งลำแข้งตนเองแล้วยืนหยัดอยู่ได้อย่างเต็มศักดิ์  - มีโฮกาสไข่เขียดคงเอาบันทึกของเขาที่เขียนถึงการท่องเส้นทางเกษตรทางเลือกมาให้อ่านครับ
	หลังจากลุยที่โน่นที่นี่อยู่หลายวันไข่เขียดก็กลับเข้าสำนักงานสนามเพื่อประชุมกลางเดือนตามปฏิทิน  
 มีจดหมายจากไอ้รอยมาหาเอ็ง  พี่อ้วนยื่นจดหมายอากาศให้ไข่เขียด
ขอบคุณครับพี่  ประชุมสามโมงตรงใช่ไหมครับ
อือ..แต่คงเริ่มช้าหน่อยวันนี้พรรคพวกโทรมาว่าอาจมาถึงช้าซักสามสิบนาที  รถยางรั่ว
งั้นผมหามุมอ่านจดหมายซักหน่อย  เหลือเวลาอีกร่วม 20 นาทีจะสามโมง
เออ

	จดหมายจากรอย   ไม่มีน้ำเสียงใดๆที่แปร่งเพี้ยนไปจากที่ไข่เขียดเคยรับและรู้   เธอเล่าเรื่องที่โน่นให้ฟัง จดหมายก็จบอย่างปกติ   เพียงแต่เธอว่าบางทีอาจจะต้องเลื่อนกำหนดกลับออกไปอีก
	ไข่เขียดพับจดหมายเก็บแล้วกลับไปห้องนั่งเล่นของสำนักงาน
	เป็นไงวะข่าวคราวทางไกล พี่อ้วนถามดูสนใจจริงจัง
	เรื่อย ๆ ครับ ไม่มีอะไรมากนอกจากว่าอาจเลื่อนช่วงเวลาเตรียมงานออกไป
	เอ็งยังเคืองพี่อยู่ไหมวะไข่
	เคืองอะไรกันพี่  ผมเพลินมากกว่าได้คุยกันออกรส
	ดีว่ะ  พี่นิยมใจเอ็ง  เรื่องผู้หญิงนี่บางทีเราก็เข้าใจเขายาก  พี่ก็จะพูดแค่นี้แหละ  เอ็งดูเอาแล้วกัน
	ไข่เขียดยิ้มกับถ้อยคำของพี่ใหญ่และยังนั่งพลิกหน้านิตยสาร ส่วนพี่อ้วนพูดเสร็จก็ผละไปเตรียมประชุมที่ห้องประชุม  เมื่อสมาชิกมาครบ   การพูดคุยเป็นการเป็นงานก็เริ่มทันที
	เอ้า  ขึ้นอะเจ็นด้าหน่อยไข่เขียด  เรื่องที่หนึ่ง สรุปความก้าวหน้าของงานพืนที่  สองเรื่องพื้นที่ทำงานใหม่ที่ฟิลิปปินส์ สามการเตรียมปิดพื้นที่ทำงานในประเทศไทยภายในสามปีข้างหน้า และเรื่องอื่น ๆ 
	การพูดคุยเรื่องงานดุและเด็ดด้วยเหตุด้วยผล ด้วยข้อมูล  เหมือนมีอารมณ์แต่ก็ไม่ใช่  ทุกคนที่ทำงานด้านพัฒนาชนบทแม้มีอัตตาที่ยกไว้สูงแต่ก็เปิดช่องให้เพื่อนวิพากษ์ได้ด้วย เมื่อมีข้อสรุปในแต่ละเรื่อง ข้อสรุปนั้นจึงเป็นของทุกคน งานก็เป็นงานของทุกคน
	ทีนี้มาเรื่องอื่น ๆ  เรื่องสุดท้าย   อาจไม่สุดท้ายก็ได้   ผู้อำนวยการให้แจ้งว่าท่านจะไปฟิลิปปินส์ต้นเดือนหน้าใครอยากไปบ้างมีโควต้า 2 ที่นั่งคือหัวหน้าสำนักงานสนามกับผู้ประสานงานสนามอีก 1
	ผมเสนอไข่เขียด เพื่อนร่วมงานที่ช่วยคลี่คลายบรรยากาศเครียดในคืนดวลคีย์บอร์ดกับกีตาร์ออกความเห็น
	ผมขอสละสิทธิ์ เขียดแจ้งโดยเกือบฉับพลัน
	ทำไมวะพี่อ้วนหันมาถาม
	ผมอยากลุยงานในหมู่บ้าน  ในนี้ยังมีอีกหลายเรื่องที่ผมคงสนใจมากกว่าฟิลิปปินส์
	ดีมากอ้ายน้อง งั้นใครจะไปบอกมา
	เพื่อนในสำนักงานสนามไม่มีใครเสนอตัวไป  
เมื่อเวลาเดินทางมาถึง พี่อ้วนกับนุชได้ไปพร้อมกับผู้อำนวยการ เพื่อเยี่ยมทีมทำงานที่โน่น  ส่วนไข่เขียด และ คนอื่นๆ ก็ลุยคลุกฝุ่นในหมู่บ้านไร่ข้าวโพดในงานของตนของตนต่อ

	OOO
ไข่เขียดแวะบ้านผู้ใหญ่เขียวอีกครั้งก่อนที่จะไปบ้านน้องเขยของผู้ใหญ่
ผู้ใหญ่จำรอยวันได้ไหมครับ 
ผมจำได้ว่าเธอย้ายไปทำงานที่ลาดยาวเข้าปีที่ 2 นี่แหละ  ชาวบ้านทุกคนก็คงจำเธอได้
ตอนนี้เขาไปทำงานที่ฟิลิปปินส์นะครับ
เหรอ  เก่งนะ  ตอนทำงานที่นี่ผู้อำนวยการยังแวะมาเยี่ยมบ่อย ๆ เขาเข้ากับชาวบ้านเก่งมาก
 เธอคงอยู่ที่โน่นหลายเดือนล่ะ   อืม ..ผู้ใหญ่ครับวันนี้วิจิตรนัดผมไปดูงานเกษตรสวนครัวบ้านบึงสามพัน  เพชรบูรณ์ แล้วจะกลับมาเล่าสู่ฟังนะครับ

	การเดินทางหนสุดท้ายนี้ค่อนข้างสะดวกเพราะถนนหนทางดีมาก  แม้หลายช่วงเป็นถนนโรยกรวดก็ไม่ถึงกับวิบาก  ไข่เขียดได้เรื่องราวการทำการเกษตรสวนครัวบนพื้นที่จำกัดของชาวบ้านอีกหนึ่งเรื่องใหญ่   ทุกที่ที่วิจิตรพาไปดูเป็นแหล่งดูงานได้อย่างเยี่ยมยอด  อืม..เขามีอะไรมากกว่าที่ไข่เขียดรู้จักเสียอีก  
	

	ถ้าให้วิจิตรทำงานแทนผมเอาไหม การพูดคุยก่อนอาหารมื้อเย็นที่บ้านของน้องเขยผู้ใหญ่ เริ่มขึ้นง่าย ๆ อย่างนั้น   ภรรยาของเขาค่อยทยอยยกของกินออกมา  ปิดท้ายด้วยน้ำเย็นขันใหญ่ ก่อนลงนั่งกินข้าวที่แคร่ไม้ไผ่ด้วยกัน แม่บ้านปล่อยให้ผู้ชายคุย เธอกินไปยิ้มไป
	พูดเล่นหรือครับ  เขาจะสนใจผมหรือ แค่ชาวบ้านธรรมดา
	ไม่ธรรมดาหรอกครับ  ดูคุณเข้าใจงานนี้ไม่น้อย
	ผมเคยทำงานช่วยคุณรอยวรรณตอนเธอทำงานอยู่ที่นี่
	อ้าวเหรอ  มิน่าเล่าวิจิตรจึงดูเหมือนอ่านใจผมออกหลายอย่าง
	ชูผมมากไปมั้งครับคุณไข่    ผมจำมาจากคุณรอยวรรณทั้งนั้น
	ผมพูดจริงครับ
	รอยวรรณมาอยู่นี่ชาวบ้านรักทุกคน   เธอพักอยู่บ้านผมเอง  ไม่รังเกียจชาวบ้านเลย มีอะไรก็กินกัน   แต่ถ้าเรื่องพูดจาเรื่องเหตุผล เธอไม่ยอมใครง่าย ๆ สองสามวันก่อนพวกเรายังพูดถึงเธอกันอยู่เลย   กองทุนหมู่บ้านนี่เธอก็พาไปดูงานแล้วกลับมาทำกัน  ชาวบ้านได้พึ่งกองทุนนี่สร้างอาชีพกันหลายล่ะ
	อืม..น่าดีใจแทนเธอนะ
	คุณไข่เขียดเป็นคนทางไหนหรือ
	ผมมาจากทางโน้นครับเทือกเขาภูพาน
	อ้าว  ทางเดียวกับคุณรอยวรรณนี่
	ครับผม เราเคยเรียนด้วยกันด้วย
	ไปๆ มาๆ ก็คนกันเองนี่เอง  คุณยังโสดใช่ไหม
	โสดครับ
	เป็นโสดน่ะดีแล้ว  อยากทำอะไรก็ได้ทำ  มีครอบครัวล่ะก็ทำอะไรตามใจไม่ได้
	แต่มีครอบครัวก็ได้ทำอะไร ๆ  ที่คนโสดทำไม่ได้ตั้งหลายอย่าง
	ฮ่า ๆ อะไรบ้างละ
	มีลูกเอง
	เออจริง
	
	อาหารมือเย็นที่บ้านของวิจิตรง่าย ๆ แต่อร่อยยากจะลืม    เมนูเย็น  :   แกงขี้เหล็กทรงเครื่อง   หนังวัวเผาทุบกินกะวิสกี้ข้าวเหนียวและน้ำพริกปลาร้า   ข้าวหมดหม้อบ่รู้ตัว-ฮา
	

	
	
	
	
	
	
	
ตอนที่ 9 รอยวัน 

	เกือบห้าโมงเช้าวันใหม่ไข่เขียดก็กลับจากหมู่บ้านเข้าสำนักงานเพื่อทำธุระ เขาก็เห็นจดหมายวางอยู่บนโต๊ะทำงาน 3 ฉบับ  แม่บ้านประจำสำนักงานคงรับไว้ให้    2 ฉบับนั้นจ่าหน้าด้วยลายมือที่คุ้นมาก  อีกฉบับไม่เคยเห็นลายมือนั้น

	ฉบับที่ไม่คุ้นลายมือเป็นของนุช
	อีกสองฉบับเป็นของแม่กับรอย
	ไข่เขียดเปิดจดหมายจากบ้านก่อนฉบับอื่น

	ข้อความในจดหมายด่วนและลงทะเบียนฉบับแรกบอกว่าพ่อไม่สบายมากอยากให้ลูกกลับไปดูแลพ่อด่วน
	ข้อความในจดหมายฉบับที่สองที่คุ้นลายมือมากบอกว่ารอยขอโทษที่ต้องปิดบังบางสิ่งบางอย่าง  รอยกำลังจะเป็นแม่คนและ
ไข่เขียดพับจดหมายไม่อยากอ่านต่อ แต่ก็คลี่ออกอ่านอีกจนได้   รอยเธอปิดบังอะไรหรือ ?
	จดหมายฉบับสุดท้ายนุชพูดคล้ายรอยคือขอโทษที่ปกปิดความจริงเรื่องของเพื่อน
	ไข่เขียดรู้สึกปวดหนึบภายในกะโหลกหัว   จิตใจรวดร้าวจะหลุดขาดจากขั้ว 
	ก่อนที่โลกจะหมุนคว้างไร้ทิศเขาก็ได้ยินเสียงเพื่อนร่วมงานดังขึ้น

	เฮ้ยนายหน้าซีดเหมือนจะเป็นลมใช่ไหมนี่   นอนลงที่โซฟาสิเพื่อน   เพื่อนของไข่เขียดเข้ามาถึงก่อนจะจบคำเสียอีก 

	โอ้โฮวันนี้อากาศร้อนมากเลยนายควบม้าแกลบฝ่าแดดร้อนมากว่า 40 กิโลเมตร เป็นเราก็หมอบเหมือนกัน เพื่อนคนเดิมว่า

	ร้อนกายคงไม่เท่าไหร่สหาย เสียงไข่เขียดเครือ ๆ

	แล้วร้อนเรื่องอะไรวะไข่  อ๋อ..เรื่องรอยใช่ไหม

	อือ..อ่านจดหมายดูเถิดเพื่อน ข้าขอพักเงียบๆ ซักงีบ

	เพื่อนอ่านจดหมายแล้วก็ถอนหายใจยาว  ก่อนวางจดหมายบนโต๊ะแล้วผละออกไป

	ข้าคงช่วยอะไรแกไม่ได้จริงๆ เพื่อนเอ๋ย

------------------

	ไข่เขียดเดินทางกลับบ้านอย่างออกหงอย  แต่แรงดีดอย่างประหลาดอย่างหนึ่งก็ค่อยแทรกขึ้นมาในใจ จนในที่สุดก็โชนกล้า       ใช่แล้วไข่เขียดอยากเขียน เขียนถ้อยคำที่ใครก็ตามเมื่อได้ อ่าน  ต้องซึม    ซึ้งกำซาบบึ้งใจ  โอ..การอกหักทำให้เกิดแรงเหวี่ยงอย่างแรงได้อะไรปานนี้

	อาการอาหารเป็นพิษของพ่อได้รับการดูแลอย่างดีจากคุณหมอที่เป็นเพื่อนของพ่อเอง   ตลอดเวลาที่อยู่ห้องพิเศษในโรงพยาบาล คนที่มาเฝ้าไข้สลับกับแม่คือน้องจารุวรรณ ที่เคยไข่เขียดรู้สึกชื่นชมมาก่อนนั่นเอง  ทุกคนกำลังเตรียมพาพ่อกลับบ้านกลางทุ่ง
	หนูเป็นคนเอาของมาฝากพ่อกับแม่ค่ะ  พอทำอาหารกินกันพ่อก็ท้องเสียอย่างแรง   เป็นความผิดของหนูเอง  พ่อจะนั่งรถของหนูหรือรถพี่ไข่ดีคะ
	รถไข่เขียดพ่อคงสะดวกนะ  ขอบใจจ้ะ   เรื่องนั้นมันไม่ใช่ความผิดของหนูจารุวรรณหรอกนะครับ  ร่างกายของพ่อไม่แข็งแรงเอง    เอาล่ะเมื่อพ่อหายดีแล้วก็อย่าคิดโทษตัวเองเลยนะ  พ่อขอบใจมาก ๆ ที่ดูแลพ่อโดยไม่รังเกียจ  เออ ไข่เขียดเอ้ยเอารถมาจอดเทียบข้างหน้านี่เลยลูก 
	ครับผม
	 แม่นั่งรถของจารุวรรณ  เธอขับตามพวกเรามาอย่างช้า ๆ   ไข่เขียดกับพ่อและอานั่งมาด้วยกัน  ไม่นานก็ถึงบ้าน  จารุวรรณจัดเตรียมที่ให้พ่ออย่างคล่องแคล่ว
	ตอนป๊ะป๋าของหนูป่วยเป็นโรคลงท้องหนูก็ดูแลเองสองคนกับน้อง  แม่เสียไปตอนหนูเรียนปีที่ 2 น่ะค่ะ
	ทั้งแม่และพ่อต่างก็ยิ้มชื่นชมหญิงสาวที่กำลังจัดแจงดูแลอยู่ใกล้ๆ   ไข่เขียดรู้สึกปลื้มและลืมความหงอยไปได้มาก

	เมื่อพ่อหลับพักผ่อนแล้ว แม่ก็บอกให้พวกเราพักบ้างท่านจะดูแลพ่อเอง  

	พี่ไข่เขียดคะ พี่คงไม่ว่าหนูนะคะเรื่องที่ทำให้พ่อเจ็บป่วยและพี่ก็ต้องทิ้งงานมานี่
	ไม่ว่าหรอกครับ  พี่สิรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณน้อง  ไม่รู้จะขอบคุณอย่างไรที่ดูแลพ่อแทนพี่  เราเดินไปนั่งคุยกันทางโน้นดีไหม  น้องเหนื่อยอยากพักไหม
	ไม่เหนื่อยหรอกค่ะ  เพราะวรรณเพิ่งตื่นตอนสายๆนี่เอง  ไปกันเถอะคะ  ที่ร่มไม้ข้างโรงไวน์ดีกว่าไหมคะ  ม้าหินอ่อนตรงนั้น เราไม่ได้นั่งคุยกันนานแล้ว  รู้สึกคิดถึงอยากไปตรงนั้นค่ะ
	
	เมื่อถึงที่หมาย  บทสนทนายาวระหว่างจารุวรรณและไข่เขียดก็เริ่มขึ้นและดำเนินไปโดยใยดี  หญิงสาวขอให้ไข่เขียดเล่าเรื่องงานในองค์กรเอกชนพัฒนาชนบทให้ฟัง           แววตากระหายใคร่รู้นั้นละม้ายใครบางคนที่ไกลห่างออกไปสุดประมาณแล้วคนนั้น   น้ำเสียงและคำถามสัมผัสใจให้อยากตอบทีเดียว   จารุวรรณถามได้เรื่อย  ๆ ไข่เขียดตอบได้เรื่อย ๆ  น้ำดื่มพล่องไปทีละเล็กละน้อย  เวลานั้นเหมือนไม่มีใครสนใจใยดีมัน   
	
	พี่ไข่เขียดเคยรักใครบ้างไหม  เล่าได้ไหมคะ  วรรณขอฟัง

-----------------------------------
	
	นุชส่งหนังสือแจ้ง การให้ลาออกขององค์กรมาให้ไข่เขียดพร้อมกับเงินชดเชยอีกก้อนหนึ่ง  พร้อมนั้นเธอแนบจดหมายจากรอยมาด้วย    

---------------------
จดหมายจากรอยวรรณ

ไข่เขียดคะ
                 หวังว่าจดหมายนี้คงไม่ทำร้ายหัวใจของคุณจนเกินไป
	และถ้อยคำที่รอยเคยเอ่ยกับจะเอ่ยต่อไปนี้ก็ไม่ใช่การเสแสร้างแกล้งให้เจ็บร้าว
	รอยรักไข่เขียด
	รอยรักไข่เขียด  ด้วยหัวใจของรอย

	ขอโทษสักพันครั้งด้วย  หากคำสองบรรทัดข้างบนนั้นระหายหัวใจของไข่

	ไข่คะ..สิ่งที่เข้ามาในชีวิตของคนเราโดยไม่ได้เตรียมใจไว้นั้นคงมีมากน้อยไม่เท่ากัน    บางเรื่องมันก็ทำให้เจ็บช้ำเสียจนไม่อยากคิดย้อนไปถึง  ไม่อยากเอ่ยกับต่อใครแม้จะคุ้นเคยสนิทสนมปานใด  รอยขอเอ่ยอย่างตรงไปตรงมาเลย เพื่อไม่ให้เสียเวลาอันมีค่าของไข่เขียด
	
	ผอ.ได้รับรู้เสี้ยวชีวิตขมขื่นของรอยตั้งแต่คราวเริ่มทำงานในหมู่บ้าน   เขาให้กำลังใจรอยเรื่อยมาไม่ให้คิดสั้นฆ่าตัวตายจากเหตุการณ์อันเป็นตราบาปสำหรับลูกผู้หญิงคราวนั้น  และหากไม่มีเขา คนที่ทำร้ายรอยก็อาจไม่โดนจับขังคุก 
ห้วงเวลาก่อนนี้   รอยรู้ว่าความรู้สึกที่เขามีต่อรอยมันไม่ใช่ความรัก  มันคงเป็นความเห็นใจหรืออะไรแบบนั้น   และรอยก็รู้สึก เป็นหนี้น้ำใจเขา  อย่างนั้น
หัวใจของรอยคืออยากมีคนที่รักรอยจริง ๆ อยู่เคียงข้างกัน   แต่ใครจะรักรอยได้จริง ๆ ล่ะคะ  ถ้าเขารู้ว่ารอยมีตราบาปอย่างไร
ที่ผ่านมารอยก็รู้สึกผิดอยู่เต็มอก  มันคล้ายหลอกตัวเอง  หลอกไข่เขียด  รวมทั้งหลอก ผอ.ด้วย   
ก่อนที่รอยจะรู้สึกแย่ไปกว่านี้  รอยจึงขอรับผิดชอบต่อชะตากรรม  ตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตร่วมกับผอ.โดยเปิดเผยตามที่เขาขอเสียที

รอยขอโทษไข่เขียด
ขอโทษ 
ไม่รู้จะกล่าวอย่างไรจึงจะไม่ระคายใจ
รอยคงจดจำไข่เขียดที่รอยรักไว้ไม่ลืมเลือน
ดูแลตัวเองด้วยนะคะ

รอยวรรณ    เลวิแทน 


ตอนที่ 10 รอยวัน

เวลาผ่านไปไม่นานคุณสตีฟ  เลวิแทน อดีตผอ.ขององค์กรเอกชนพัฒนาชนบทก็พาคุณรอยวรรณและลูกชายมาเยี่ยมไข่เขียดที่บ้านกลางทุ่ง และครอบครัวเลวิแทนจะพักผ่อนที่ รอยวัน โฮมสเตย์ ของไข่เขียด  1 สัปดาห์ก่อนเดินทางกลับอเมริกา

แล้วการล่ำลาก็มาถึง

ผมรู้ว่ารอยรักคุณ  ผมอยากขอบคุณคุณมาก ๆ ที่ทำให้รอยเห็นคุณค่าของการมีชีวิตอยู่และเห็นค่าของความรัก

ขอบคุณคุณสตีฟมากครับ  ที่ให้เกียรติผม  และขอบคุณไมตรีจิตที่มอบให้   ผมขอรำลึกถึงทั้งคุณและรอยวรรณไปตราบนานครับ  ขอให้คุณและครอบครัวเดินทางโดยสวัสดิภาพ

คุณสตีฟคะ  รอยขออะไรคุณอย่างหนึ่งคุณคงไม่ขัด 

บอกมาสิครับ

รอยอยากขอแลกสมุดบันทึกกับไข่เขียด เราเคยแลกกันไว้นานแล้ว  ไข่เขียดคงจำได้ใช่ไหม

จำได้ครับ  และน้องวรรณเตรียมไว้ให้แล้ว นั่นไงเธอกำลังเดินถือมาพอดี

ทุกคนหันไปทางเธอ   แววตาของรอยวรรณ  คุณสตีฟ และไข่เขียดต่างก็ชื่นชมผู้หญิงคล่องแคล่วเฉลียวฉลาดที่ดูแลทุกคนที่แวะมาที่รอยวันโฮมสเตย์แห่งนี้  ที่กำลังเดินมา


พี่ไข่ให้เตรียมของนี้ให้คุณรอยวรรณค่ะ เธอยื่นสมุดบันทึกในกระดาษห่อของขวัญผูกริบบิ้นสีสดให้รอวรรณ คนรับยิ้มยินดี แววตารู้ได้ว่าปลื้ม ตื้นตัน

ฝากดูแลไข่เขียดด้วยนะคะ   ไข่เขียดเป็นคนดี เขาจะรักและดูแลคุณวรรณด้วยหัวใจของเขา  ขอให้ครองรักมีความสุขตลอดไป

ลาก่อนครับคุณไข่เขียด คุณจารุวรรณ

เมื่อรถตู้พาคุณคุณสตีฟ  รอยวรรณและลูกชายลับตาไปแล้ว ชายหนุ่มหญิงสายก็หันมาจ้องตากันโดยไม่ได้นัดหมาย ยิ้มนั้นจริงใจอย่างที่สุด

จารุวรรณเป็นเจ้าหัวใจของผมแต่เพียงผู้เดียวครับ  โปรดรับรู้

ไม่รับรู้หรอกค่ะ  แต่จะค่อยๆรับทราบ

ความรู้สึกของแต่ละคนคลี่คลาย ผ่อนคลาย  อย่างน้อยมิตรภาพก็เป็นความรู้สึกดี ๆ ที่ควรให้หัวใจได้ปลื้มบ้าง


พ่อกับแม่ของไข่เขียดยิ้มดีใจเมื่อมองจากบ้านหลังใหญ่เห็นลูกชายโอบ - อุ้ม  หญิงสาวไว้ในอ้อมแขนแห่งรัก

	

IIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIII
เรื่องสั้น  เมื่ออดีตไล่ต้อนผม
IIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIIII


ผมไม่ได้ล้อเลียนคุณฮวน เอนริเกซ์ ( JUAN ENRIQUEZ ) คนเขียน เมื่ออนาคตไล่ล่าคุณ ( AS THE FUTURE CATCHES YOU ) ดอกครับ อย่างไรเสียผมก็หนีอนาคตไม่พ้น ที่แย่กว่าคือผมก็ยังโดนอดีตไล่ต้อนอีกด้วย ผมจะหนีเขาได้ซักกี่น้ำ

ผมเขียนความร้อยไว้ว่า.
(คุณจะข้ามไปเลยก็ได้ครับ ถ้าไม่ชอบร้อยกรอง)

เพื่อนไปไกลเสียแล้วล่ะแก้วเอ๋ย
อย่าถามถึงเขาเลยจะได้ไหม
เพราะเอ่ยชื่อของเขามาคราวใด
ก็ปวดใจเต็มขีดเหมือนมีดแทง 

อาจจะจริงเหตุข่วนใจไม่ใช่เขา
เป็นคนก่อต่อเราในหลายแหล่ง
เพื่อนของเขาไม่ใช่เขาทำเราแรง
วันนี้แผลแลดูแห้งหากแทงใจ

เธอจำได้ใช่ไหมเล่าในคราวก่อน
เขาเอาแก้วสามก้อนก้อนใหญ่ใหญ่
มาแลกกับเบี้ยบาทชาติพงไพร
บอกเอาไปสำรองเป็นทองเค

เราเอาเบี้ยบวกไปให้พื่อนเขา
ใจของเราไร้เหลี่ยมกลลืมสนเท่ห์
เบี้ยหลุดมือของเราเขายิ่งเก-
ทับเราเป๋อ่อนเปลี้ยหวิดเสียคน

ขอข้าวเราบอกจะเอาไปปรับพันธุ์
ของเดิมมันปลูกอีกหน่อยจะด้อยผล
ข้าวพันธุ์เก่าเราปล่อยปั๊บก็อับจน
กลายเป็นคนหงอยหงอปีต่อปี

พันธุ์ใหม่มันฉกาจสร้างทาสใหม่
ผลผลิตต่อไร่สูงเต็มที่
แต่โทษเถิดต้นทุนคุณก็มี
ราคาดีอยู่กี่ฝนก็ป่นลง

พันธุ์ของคุณเหนือชั้นแพงบรรลัย
พันธุ์พงไพรแม้ใครคุ้นไม่หนุนส่ง
เหนียวไม่เจ้าจึงงั้นงั้นพากันปลง
นั่นคือความจริงตรงกลางจอตา

เอาเข้าซีดีเอ็นเอโมดิฟายด์
เปิดช่องทางมากมายขายปัญหา
คุณนั่นแหละขี่หลังไหล่ใครทำนา
แถมเพื่อนคุณเป็นคนฆ่าคนแทนคุณ

ความก้าวหน้าทุกแถวช่องมีช่องดี
สุดแอนตี้เพราะเราต่ำเดินย่ำฝุ่น
ยิ่งโนว์ฮาวอยู่ในที่ไม่คุ้น
ผมกับคุณยิ่งไกลห่างอยู่ต่างวอ

เอ่ยปาก มากไปคงไม่ดี
พวกจะตีด้วยนึกกลัวว่าหัวหมอ
แต่เห็นเพื่อนมักได้ไม่เคยพอ-
กรรมเวรก่อกลับตกไหม้ใครอื่นแทน

จึงพูดอย่างสั้นที่สุด -ไม่ไว้ใจ !
คุณตัดต่อเอาเล่ห์ใส่ได้เป็นแสน
ใครจะรู้กับคุณได้ ใช่ไหมแฟน
คิดแล้วแสนหวั่นหวาดปนขลาดกลัว

เปิดช่องว่าง ทิ้งทางไว้ให้ทางเขา
อย่าด่วนเหมาว่าพงพีควรตีหัว
ไม่ทำตามเท่าขี้เล็บต้องเจ็บตัว
คนไม่ใช่ควายงัว -มีหัวใจ

ตราบที่ตัวยังต้องพึ่งแต่คนอื่น
จะยิ้มรื่นเต็มที่ได้ที่ไหน
พึ่งตนได้จึงยิ้มได้สบายใจ
อยากเป็นไทหรือเป็นทาสประกาศเอง .


---------------------------------------
แก้ว 3 ก้อน= NPK 


สิ่งที่ผมเขียนเป็นส่วนหนึ่งที่ผมคิด เวลานี้ผมกำลังวิ่งหนีจากสิ่งที่ผมเคยคิด สุดชีวิต 
ทำไมต้องหนี ?
ผมลาออกจากงานในองค์กรเอกชนพัฒนาชนบทองค์กรหนึ่ง แล้วได้งานในบริษัทยักษ์ใหญ่ทางด้านเทคโนโลยีชีวภาพและพันธุกรรมแทน -ผมเรียนมาทางด้านจุลชีวเคมี 
หนังสือพิมพ์หัวธุรกิจรายสามวัน บางฉบับเอาเรื่องราวของผมไปเขียนในหน้ากอสซิป ว่า มันเกินความคาดหมายของหลายคนที่เห็นผมมานั่งแป้นเป็นรองซีอีโอของบริษัทนี้ และได้กลายเป็นคนมีรายได้ติดอันดับท็อปทเวนตี้ของคนวัยไม่เกินสี่สิบที่มั่งคั่งที่สุดของประเทศ จนบางคนถึงกับหาว่าผมเป็นนักต้มตุ๋นและฟอกเงิน ก็ไม่ว่าอะไร ผมรู้จักที่มาของตัวเองดี

ที่มาที่ไปที่ทำให้ผมต้องหนีอดีต เป็นเรื่องอื่น แต่ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะผมดันไปคิดค้นและพบวิธีการเปลี่ยนยีนลดการย่นของผิวของคุณผู้หญิง(รวมทั้งผู้ชายและตุ๊ดด้วย)โดยไม่ต้องผ่าตัดดัดแปลงอะไร เพียงแต่กินข้าวเหนียวที่ตัดแต่งพันธุกรรมวันละมื้อเท่านั้น สินค้าลงตลาดครั้งแรกได้รับการตอบรับน้อยเพราะคนในวงสังคมชั้นสูงรังเกียจ ข้าวชนิดนี้มาก (ก็เล่นเปรียบเทียบข้าวจ้าวกับข้าวไพร่นี่ครับ) ต่อมาเมื่อดาราและนางแบบ(ลูกข้าวเหนียว) ที่กินข้าวของผมเด่นดังขึ้นมาในระดับอินเตอร์เนชั่นแนลนั่นแหละ สินค้าของผมจึงได้รับความสนใจแบบพลิกความคาดหมาย รายได้ของบริษัทที่ผมเป็นรองซีอีโอ จึงแซงรายได้ของบริษัทมัลติเอ็นเทอร์เทนเม้นต์ ที่มีเส้นสายเกี่ยวโยงกับวงการเมืองไปแบบเฉียดฉิวในไตรมาสแรก แล้วทิ้งห่างไม่เห็นฝุ่นในทศมาสถัดมา
ผมไม่ได้เน้นตรงคำว่า -ข้าวเหนียว- เพราะรู้สึกต่ำต้อยน้อยหน้าอะไรดอกนะครับ ก็จริงล่ะ ! ที่ในอดีตผมคับข้องใจ ที่จำต้องใส่แต่กางเกงคับ ที่คนข้างบ้านโยนเป็นทานมาให้ พร้อมกับพูดให้จุกอกว่า พวกขี้ทุกข์ (จนที่สุด) สำนึกมันบอกว่า เขาโยนมาให้ก็ดีถม ผมควรใส่ของผมไป 
ข้าวเหนียวเป็นข้าวที่มีลักษณะเด่นตรงทนทานต่อโรคและแมลง ปรับตัวต่อความแห้งแล้งได้อย่างมหัศจรรย์ เมื่อเอามาตัดต่อพันธุกรรมก็สามารถทำได้อย่างเหลือเชื่อ ซีอีโอบอกผมว่า จะไม่มหัศจรรย์ได้อย่างไร ในเมื่อข้าวพวกนี้ปรับตัวอย่างรุนแรงสุดขีดมาตั้งแต่ยุคบ้านเชียงแล้ว เขาท้าทายผมด้วยว่า ลองเอาข้าวเปลือกในไหบ้านเชียงขึ้นมาตัดแต่งและต่อพันธุกรรมกับข้าวเหนียวทุ่งกุลาดูซี บางทีอาจจะได้ข้าวที่ดีกว่าที่เรากำลังทำอยู่เป็นไหน ๆ ผมทึ่งความคิดของซีอีโอมาก ผมคงทำแน่ เพราะช่องทางทำเงินมันเปิดกว้าง ถ่างอ้า อย่างกับอะไรดี
OOOOO

ทีมงานศึกษายีนของข้าวในไหบ้านเชียงเดินทางกลับมาในวันที่ห้าของการวิจัยภาคสนามพร้อมกับตัวอย่างเมล็ดข้าวจำนวน 2 3 เมล็ดมาด้วย การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อแตกไลน์ไปจากสินค้าที่ลงตลาดครั้งแรก ต้องมีข้าวบ้านเชียงที่แต่งพันธุกรรมเป็นวัตถุตั้งต้นหลัก 
คุณยังคงจำได้ใช่ไหมครับว่าสินค้าตัวแรกเราเน้นไปที่กลุ่มคนวัยทำงานและคนชั้นสูงผู้ไม่ต้องการมีใบหน้าเหี่ยวย่นก่อนวัย กลุ่มนี้มีกำลังซื้อที่แน่นอน แต่มันก็ดันไปบูมในกลุ่มวัยรุ่นที่ยังต้องขอเงินพ่อแม่ ไม่มีอะไรผิดปกติหรอกครับมันตรงกับผลการวิจัยตลาดที่ระบุว่ากลุ่มคนที่ตกอยู่ในอิทธิพลการโฆษณามากที่สุดคือเด็กและคนวัยเรียน นี่ถ้าพวกเด็ก ๆ มีปัญหาเรื่องหน้าย่น บริษัทของผมรับรองรวยอื้อแน่ (อย่าพิมพ์เป็นรวยเละ เชียวนะครับ) 

ในที่ประชุมผู้บริหาร เราได้มติว่าจะออกสินค้าตัวใหม่ไม่เกินปักษ์นี้ : โดยใช้ข้าวชุดเก่าไปก่อน ส่วนการโฆษณาก็ใช้ประสิทธิภาพจากข้าวบ้านเชียงที่ยังไม่แต่งพันธุกรรมนั่นแหละออกไปเลย บริษัทผลิตโปรแกรมหน้าต่างที่ใช้กับคอมพิวเตอร์ก็ใช้เล่ห์นี้แหละน่า

ผมไม่ปิดบังคุณหรอก เพราะการบอกคุณก็เท่ากับการโฆษณาอีกแบบหนึ่ง คุณรู้แล้วคุณต้องพูดอยู่ดี ไม่กับตัวเองก็คนข้าง ๆ คุณ นั่นแหละ ลูกไม้นี้มันไปเด็ดอยู่ตรงการแจกแถมย้อนหลังจนคุณพอใจไงครับ

สินค้าตัวนี้จะตอบสนองคนเกือบทุกคนที่มีปัญหาความจำเสื่อม -อัลไซเมอร์นั่นแล 
เวลานี้ เซลล์สมองของคนเราถูกทำลายลงทุกนาที จากอาหารที่เรากินเข้าไป จากเครื่องดื่มที่เราดื่ม จากรูปแบบการใช้ชีวิตในบางรูปแบบ 
จริงอยู่เทคโนโลยีผ่าตัดก้าวหน้าไปไกลมากจนคุณสามารถเปลี่ยนเซลล์สมองของคนอื่นมาให้คุณได้ แต่นั่นก็จะทำให้คุณได้ยีนที่ไม่เข้าท่าบางอย่างติดมาด้วย ยีนพวกนั้น ทุกวันนี้มันวิวัฒน์จนสามารถแลกที่และทำลายยีนของคุณได้ด้วย

ผมจึงไม่แนะนำให้คุณผ่าตัดเปลี่ยนเซลล์สมอง แม้ว่าใครจะยืนยันว่าเซลล์พวกนั้นเป็นของนักคิดเลื่องชื่อของสหัสวรรษคนใดก็ตาม ก็อย่างที่บอก มันกันยีนแย่ ๆ บางตัวไม่ได้ 

คุณรอหน่อยแล้วกัน ถ้าการตัดต่อพันธุกรรมเสร็จไว คุณจะได้เห็น BC-II รุ่น Beta ภายใน 3.5 เดือนข้างหน้านี้แน่นอน

BC-II อ่าน บีซี  ทู ครับ มาจากคำบ้านเชียง นั่นแหละ ตัวนี้แก้ความจำเสื่อมตรง ๆ เลย


คุณถาม..

อย่าเพิ่งถามราคาซีครับ

เราขอค่าความรู้นิดหน่อย ที่เราต้องการจริง ๆ เป็นอุดมคตินะ 
คือต้องการให้คนมีความจำดีเยี่ยม นักการเมืองนี่จะไม่ลืมเลยว่าตัวเองพูดอย่างไรกับประชนชน

คุณถามอีก..

อ๋อ ปัญหาแค่นั้นเองหรือครับ แบบที่เพลงว่า อยากจำกลับลืม อยากลืมกลับจำ
เราแก้ได้หมดครับ ส่วนไหนที่อยากลืมก็ทำได้ หรืออยากจำส่วนไหนก็ทำได้ มี BC-II plus ไว้ให้เลือกด้วย

คุณว่า..

ไม่เว่อร์หรอก ไม่เชื่อลองดูซิครับ ตัวนี้งดขายให้คนสังกัดพรรค มันเป็นอุดมคติ ไง

คุณย้อน..

จริงของคุณ ผมพูดถึง BC  I ( อ่านบีซี-วัน ) น้อยไปนิด
เอาย่อ ๆ ก็แล้วกันนะครับ เพราะยังไงก็ติดตลาดไปแล้ว

ตัวนี้ช่วยลดการเหี่ยวย่นของผิวหน้า แขนขา หน้าท้อง เพียงแต่กินข้าวเหนียวไก่ย่าง ไก่ย่างของห้าดาวก็ได้ ของเจมส์ก็ได้ ของคนอื่น ๆ ก็ได้ แต่ข้าวเหนียวนี่ต้องเป็นของเราเท่านั้นนะครับ

คุณแย้ง..

แหม คุณอย่าห่วงไปเลย ลืมรูปแบบกระติบข้าวในโอทอป อินเตอร์เนชั่นแนลไปได้เลย เราทิ้งรูปแบบนั้นไปไกลแล้ว คุณยังว่าเชยอีกเหรอ งั้นรอดู 49 ชั่วโมงต่อไปซิครับ มันจะออกมาแบบไหน แต่ว่าของเก่าของเรา ตัวเลขการขายก็ยังวิ่งเร็วจี๋ ไม่มีสะดุดคุณก็เห็น ใช่ไหมครับ

คุณหันไปทางคนที่เดินตรงรี่เข้ามา

อ้าว ผมเคยรู้จักเขานี่ ใช่แล้ว อ้ายหมอนี่คือ ย้อนวัน มหมิตร นายอดีต ที่เคยเถียงกันเอาเป็นเอาตายเรื่องพันธุ์ข้าว และจีเอ็มโอส์ ตอนทำงานในองค์กรเอกชนพัฒนาชนบทนั่นเอง 

คุณขยับหลบ ๆ มันนิดหนึ่งครับ ไอ้หมอนี่มันตัวใหญ่ แถมทรงตัวไม่ค่อยดี

คุณจะกลับ ( ท่าทางอยากหลีกมวยด้วย)

ขอบคุณมากครับที่แวะมา แผนโฆษณาของคุณผมสนใจนะ แล้วจะติดต่อไป เชิญครับ ระวังไอ้ช้างนั้นด้วย

คนตัวใหญ่สวนเข้ามาในทันที ที่ลูกค้าของผมถึงประตูที่เปิดเข้าออกได้ทั้งสองทาง

อดีต : ไง อ้ายซีอีโอใหญ่ ไม่ได้เจอกันนาน มะรึงจำกะรูได้ไหม

คนพูดตรงมาจะประชิด ยื่นมือมาจะจับมือแบบฝรั่ง แต่เปลี่ยนเป้าหมายเป็นคอเสื้อของคนฟังแต่ช้าไป ผมหลอกไอ้ช้างว่านุชอยู่ข้างหลัง มันชะงัก หันไป ได้ที ผมเกี่ยวเก้าอี้ติดล้อ ที่ลูกค้าคนเมื่อครู่นั่ง ไปกันมันไว้ พอดีกับจังหวะมันหันมา เสียหลักด้วย จึงได้จับพนักเก้าอี้ นั่งลงแก้เก้อ

ผม : ใจเย็นครับ คุณย้อนวัน ผมจำได้ทุกอย่าง ไม่ลืม และ
ไม่คิดลืมด้วย

อดีต : แล้วมะรึง หนีกะรูทำมาย 
มะรึงเอาแฟนกะรูมาแล้ว ยังจะทำลายบริษัทของกะรูอีกด้วยหรือ
ไอ้ช้างทุบโต๊ะไม่แรงนัก คงกลัวเจ็บมือ โต๊ะไม้มะค่าของรองซีอีโอ ดูขรึมขลังขึ้นมาเป็นกอง ข่มคนโตนั้นได้ไม่น้อย ถ้าเป็นสำนักงานที่ผมเคยทำงานกับเขา ป่านนี้โต๊ะบุบเป็นรอยมือไปแล้ว ตาของเขายังจ้องเขม็ง แข็งกร้าว มองผมราวจะกินเลือด

ผม : เดี๋ยวก่อน ๆ ผมทำลายบริษัทของคุณยังไง

อดีต : มะรึงอย่าแกล้งเซ่อ ไอ้คุณซีอีโอใหญ่ มะรึงรู้ดีว่าใคร
กว้านซื้อพันธุ์ข้าวของชาวบ้านไปจนหมด แล้วเอาข้าวแต่งพันธุกรรมไปให้เขาปลูกแทน แบบนี้บริษัทเล็กๆของกะรูจะไม่เจ๊งได้ยังไง

คนพูดกลืนน้ำลายเอื๊อก ผมยื่นแก้วน้ำทางซ้ายมือไปให้ แต่คนโตไม่ยอมแตะ

อดีต : ไอ้หอยเอ๋ย มะรึงก็พอรู้ ว่าบริษัทที่ทำข้าวปลอดสารพิษมีกี่บริษัท กะรูไปขอให้
ชาวบ้านปลูกข้าวไม่ใช้ปุ๋ย เขาไม่เอาด้วยซักคน มะรึงแหละทำ ตัดหน้ากะรู ข้าวมะรึงเล่นขายได้แพงออกอย่างนั้น
มึงอย่าแกล้งโง่ ไอ้วิวรรธน์

ผม : พูดกันได้ พูดกันได้ 

ผมทำใจให้เย็นที่สุด และว่า
เอ้างี้ไหม คุณย้อนวัน มหมิตร เอาข้าวของผมไปส่งเสริมให้เขาปลูก แบบปลอดสารพิษนั่นแหละ แล้วผมจะรับต่อจากคุณอีกที คอมมิสชั่นเท่าไร ไม่เกี่ยง เพียงคุณว่ามา

อดีต : มะรึงหยามกะรูนี่ ไอ้วิวรรธน์ 
กะรูอยากฆ่ามะรึงให้ตาย 
ไหน เมียมะรึงอยู่ไหน
กะรูจะฆ่ามะรึงให้เธอดู

คนพูดลุกไวจะจับคอเสื้อผมอีก แต่ช้า ด้วยลูกไม้เดิม ผมเดาได้ ว่าย้อนวันคิดอะไรอยู่บ้าง เมื่อผมบอกว่านุชมา เขาก็หันไปอีก ผมฉวยนาทีวิกฤตินั้นไว้ทันที หลบโต๊ะใหญ่กลางห้องออกทางซ้าย พ้นประตูออกไปเพียงเสี้ยวก้อยก่อนหน้าไอ้ช้างนิดเดียว ซิกแนลที่ผมบอก รปภ.หน้าเหลี่ยม ( ก็ตระกูลเดียวกับผมนั่นแหละ)ได้ผลทันที พวกนั้นกรูกันเข้ามาล้อม ชายร่างยักษ์ไว้ เมื่อเห็นว่าปลอดภัยแน่ผมก็รีบย้อนกลับมาหาเขา คนโต :คุณอดีต

ผม : คุณย้อนวันครับ เมียของผม 
คุณนุชของคุณที่ผมพรากเธอมาจากคุณเมื่อ 5 ปีก่อน เธอท้อง 8 เดือนแล้ว ที่
ผ่านมาเธอบ่นหาแต่คุณ และไม่ยอมมีลูกให้ผมเลย
ยกโทษให้ผมได้ไหมครับ คุณย้อนวัน ผมยอมไหว้คุณล่ะ ผมรักนีรนุชจริงๆ 
เธอรักคุณมาก ผมรู้ จะให้ผมทำอะไรก็ยอม มาทำบริษัทด้วยกันก็ได้ สิ่งที่ผม
เคยคิด ว่าจะไม่ยอมใช้หนี้คุณ ผมเปลี่ยนความคิดแล้ว ตั้งแต่นุชท้อง ผมยินดีจะ
จ่ายคืนเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยทุกบาททุกสตางค์ 
ขออย่างเดียว อย่าพรากนุชไปจากผม
อย่าพรากผมไปจากเธอเลย
ผมรักเธอ ผมรักนุช

นีรนุชยืนอยู่ถัดประตูห้องทำงานของผมเข้ามาแต่เมื่อไร ผมไม่ทันสังเกต

น้ำตาของคนโต-ไอ้ช้าง ซึมเปื้อนลงมาที่แก้ม แล้วก็เลือนหายไปกับแขนเสื้อ
เขามีท่าทีอ่อนลงมาก เมื่อหันไปเห็นผู้หญิงท้องแก่ ที่ชื่อนีรนุช ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น

ผม: ผมหนีอดีตไม่พ้นแล้วครับคุณย้อนวัน
ต้อนผมให้จนมุมเถิด 
ผมยอม
เว้นแต่นีรนุชกับลูกเท่านั้น 
ผมขอ

น้ำตาของคนโต-ไอ้ช้าง ซึมเปื้อนลงมาที่แก้ม แล้วก็เลือนหายไปกับแขนเสื้อ
เขามีท่าทีอ่อนลงมาก เมื่อหันไปเห็นผู้หญิงท้องแก่ ที่ชื่อนีรนุช ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น นีรนุชเคยเป็นคนข้างกายของคุณอดีต และคนในสำนักงานเก่าของผมต่างก็รู้เรื่องดี แต่นั่นแหละ ผมไม่ได้แย่งเธอมาแบบไม่มีเหตุไม่มีผล นายช้างเองก็น่าจะจำได้ว่าทำอะไรกับเธอไว้บ้าง ใครล่ะที่ทิ้งเธอไปและควงหญิงอื่นมาราวกับจะเยาะเย้ย ใครเข้าไปปลอบโยน รั้งเธอไว้ในช่วงนั้น ให้เธอยอมลงมาจากดาดฟ้าล้มเลิกความคิดที่จะฆ่าตัวตาย

ใครล่ะ
นายอดีตคนนี้ไม่ใช่หรือ คุณย้อนวัน



*************************************				
15 พฤศจิกายน 2547 22:22 น.

::: บทส่งท้าย เรื่องสั้นยาว รอยวัน :::

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

ตอนที่ 10 รอยวัน
	 
	เวลาผ่านไปไม่นานคุณสตีฟ  เลวิแทน อดีตผอ.ขององค์กรเอกชนพัฒนาชนบทก็พาคุณรอยวรรณและลูกชายมาเยี่ยมไข่เขียดที่บ้านกลางทุ่ง และครอบครัวเลวิแทนจะพักผ่อนที่ รอยวัน โฮมสเตย์ ของไข่เขียด  1 สัปดาห์ก่อนเดินทางกลับอเมริกา

	แล้วการล่ำลาก็มาถึง

	ผมรู้ว่ารอยรักคุณ  ผมอยากขอบคุณคุณมาก ๆ ที่ทำให้รอยเห็นคุณค่าของการมีชีวิตอยู่และเห็นค่าของความรัก

	ขอบคุณคุณสตีฟมากครับ  ที่ให้เกียรติผม  และขอบคุณไมตรีจิตที่มอบให้   ผมขอรำลึกถึงทั้งคุณและรอยวรรณไปตราบนานครับ  ขอให้คุณและครอบครัวเดินทางโดยสวัสดิภาพ

	คุณสตีฟคะ  รอยขออะไรคุณอย่างหนึ่งคุณคงไม่ขัด 

	บอกมาสิครับ

	รอยอยากขอแลกสมุดบันทึกกับไข่เขียด เราเคยแลกกันไว้นานแล้ว  ไข่เขียดคงจำได้ใช่ไหม

	จำได้ครับ  และน้องวรรณเตรียมไว้ให้แล้ว นั่นไงเธอกำลังเดินถือมาพอดี

	ทุกคนหันไปทางเธอ   แววตาของรอยวรรณ  คุณสตีฟ และไข่เขียดต่างก็ชื่นชมผู้หญิงคล่องแคล่วเฉลียวฉลาดที่ดูแลทุกคนที่แวะมาที่รอยวันโฮมสเตย์แห่งนี้  ที่กำลังเดินมา


	พี่ไข่ให้เตรียมของนี้ให้คุณรอยวรรณค่ะ เธอยื่นสมุดบันทึกในกระดาษห่อของขวัญผูกริบบิ้นสีสดให้รอวรรณ คนรับยิ้มยินดี แววตารู้ได้ว่าปลื้ม ตื้นตัน

	ฝากดูแลไข่เขียดด้วยนะคะ   ไข่เขียดเป็นคนดี เขาจะรักและดูแลคุณวรรณด้วยหัวใจของเขา  ขอให้ครองรักมีความสุขตลอดไป

	ลาก่อนครับคุณไข่เขียด คุณจารุวรรณ

	เมื่อรถตู้พาคุณคุณสตีฟ  รอยวรรณและลูกชายลับตาไปแล้ว ชายหนุ่มหญิงสายก็หันมาจ้องตากันโดยไม่ได้นัดหมาย ยิ้มนั้นจริงใจอย่างที่สุด

	จารุวรรณเป็นเจ้าหัวใจของผมแต่เพียงผู้เดียวครับ  โปรดรับรู้

	ไม่รับรู้หรอกค่ะ  แต่จะค่อยๆรับทราบ
	
	ความรู้สึกของแต่ละคนคลี่คลาย ผ่อนคลาย  อย่างน้อยมิตรภาพก็เป็นความรู้สึกดี ๆ ที่ควรให้หัวใจได้ปลื้มบ้าง

	
	พ่อกับแม่ของไข่เขียดยิ้มดีใจเมื่อมองจากบ้านหลังใหญ่เห็นลูกชายโอบ - อุ้ม  หญิงสาวไว้ในอ้อมแขนแห่งรัก				
14 พฤศจิกายน 2547 06:47 น.

:::เมืองผี:::

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

เมืองผี
เรื่องสั้น โดยก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

	5 แยกที่ตัดกันกลางป่าเต็งรังค่อนข้างทึบ ไม่มีป้ายบอกว่าเส้นไหนจะไปออกที่ไหน    เว้นแต่เส้นทาง 60 กิโลเมตรที่เพิ่งผ่านมาและไม่อยากย้อนกลับไปอีกเท่านั้นที่ผมรู้จัก

	ตะวันลาลง  แสงฟ้าลับแล้ว  ความมืดขมุกขมัวคลี่คลุมป่าที่เริ่มเย็น   รถเครื่องของผมครางเหมือนหมาแก่ที่หนาวและหนังเป็นเวิงเรื้อน   ถ้ารถเป็นอะไรไปอีกผมก็คงต้องกินข้าวลิงแถวนี้เป็นแน่

	มีทางลัดใกล้กว่าที่คุณจะอ้อมภูลูกนั้น.. คนท้องถิ่นบอกทางแก่ผมตอนก่อนค่ำ ไปกลางค่ำกลางคืนอย่างนี้พวกบนภูจะตีเอารถนะผมบอกไว้ก่อน     คุณลัดไปทางนี้เถอะ  หมู่บ้านแม้จะห่างก็ยังพออุ่นใจ

	ผมมีทางเลือกไม่มากนัก  จะย้อนกลับก็ไม่มีที่จะหวังอันใดอีก   หมู่บ้านเวิ้งลากรรม เท่านั้นที่ผมอาจจะพอจะฝากหัวใจร้าวได้   ผมเคยได้ยินจากพ่อว่าญาติห่าง ๆ ของเราคนหนึ่งหักร้างถางพงทำไร่อยู่ที่นั่น

	ผมเลือกเส้นทางขวามือซึ่งค่อนข้างแคบเมื่อเทียบกับอีก 4 ทางที่เหลือ ตามคำของคนบอกทาง  ความไม่คุ้นทำให้ผมผ่อนคันเร่งลงไม่เกิน 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง   ฟ้าหน้ารถยังทำงานได้ดีแต่ก็ไม่แน่ใจว่ามันจะดีอยู่กี่มากน้อยเพราะบางหนมันก็เคยดับลงไปเฉย ๆ    

รถห่าง 5 แยกมาไม่มากนักหูของผมก็ได้ยินเสียงกระดึงคอควายและยิ่งชัดขึ้นเหมือนพวกมันวิ่งไล่กันใกล้เข้ามา   อ้าวเฮ้ย..หลบ ๆ เว้ย  ความตกใจทำให้กำเบรกและบิดคันเร่ง  เสียงเครื่องรถเร่งแรงหากไม่ขยับ ล้อหลังจึงเบนออกขวา   เงาตะคุ่มของควายที่พรวดออกมาอย่างน้อยคงสี่ห้าตัวจากสุมทุมข้างทางวิ่งไปตามทางแคบ ลับหายไปกับความมืด เมื่อจะออกรถอีกครั้งเครื่องยนต์ก็ดับลงกระทันหัน สตาร์ทใหม่อย่างไรก็ไร้แวว   รายรอบมีแต่ความมืด สงัด ดาวดวงเล็กๆแลเห็นริบหรี่ที่ปลายไม้ไกล   นอกจากเสียงเปรี๊ยะแตกของสะเก็ดจากกองไฟที่เพิ่งเห็นทางขวามือห่างออกไปไม่มากก็แทบไม่ได้ยินเสียงใดอื่นอีก

เมื่อหมดความหวังที่จะบังคับให้รถเคลื่อนไปด้วยแรงของมันผมก็ล้มเลิกความตั้งใจที่จะฝ่าความมืดไปในที่ไม่รู้  กองไฟที่เห็นเป็นที่หวังที่ยังเหลือ
แสงจากกองไฟที่พวยขึ้นเป็นครั้ง ๆ ทำให้มองเห็นได้ว่ารอบ ๆ นี้เป็นที่เกือบโล่ง  มีไม้ใหญ่ขึ้นรายรอบ และบ้านชาวบ้านก็น่าจะไม่ไกลจากนี้นัก  ผมมัวแต่สังเกตรายรอบไม่ทันได้มองเห็นว่ามีใครนั่งเหมือนผิงไฟอยู่

มาตามควายรึ  เมื่อกี้ลุงเห็นมันไล่กันไปทางโน้น น้ำเสียงนั้นเจืออารีฟังอุ่นใจ

เปล่าหรอกครับ ผมจะไปหาญาติ  เมื่อกี้ผมก็เกือบชนควายแหละครับ  เบรกทันแต่เครื่องรถก็ดับมันสตาร์ทไม่ยอมติด

ลุงมานอนเฝ้าสวน  บ้านของลุงอยู่ข้างในโน้น  ชายแก่บอกเหมือนรู้ว่าจะถามอะไร  ผมเดินเข้าไปใกล้ชายเจ้าของเสียงที่นั่งอังมือเหมือนเอาอุ่น

แล้วลุงรู้จักบ้านเวิ้งลากรรมไหมล่ะครับ  อยู่ห่างจากนี่มากไหม 

โห้ย  รู้จักดี  เอ้า..นั่งลงผิงไฟสิ  ข้าเอ็งก็มาจากนั่นก่อนมาเอาเมียอยู่ทางนี้  ว่าแต่จะไปทำอะไรที่นั่น ถามจริงๆ  พวกหนีคดีมาหลบอยู่นี่ทั้งนั้น หรือว่าเอ็งก็หนีอะไรมา     เออ..มันก็ข้ามเนินแบบนี้ไป 2 ลูกก็ถึงล่ะ

เออจะว่าหนีก็หนีแหละครับผมค่อยนั่งลง ชายที่นั่งอยู่ก่อนหันมาทางผม แสงจากกองไฟทำให้เห็นได้ว่าแกไว้หนวดเครายาวแต่ไม่ถึงกับรกรุงรัง  ลุงรู้จักความขมขื่นไหมล่ะครับ  ผมหนีมันมาแหละ  ไม่ต้องคดีอะไรหรอกลุงสบายใจได้

เอ็งว่าน่ะตลกดี  เอ็งชื่อไรล่ะ  เป็นคนที่ไหน

ผมบอกชื่อเสียงเรียงนาม  ชื่อพ่อชื่อแม่  ชื่อบ้านเกิดและชื่อญาติที่จะไปหาแก่ชายแก่จนครบถ้วนตามที่แกถาม  

เอ็งมาไกลนี่หว่า   ถ้าเอ็งง่วงก็ไปนอนก่อนข้าได้เลย  จะแขวนเปลนอนก็ได้  ข้าสุมควันตะไคร้ไล่ริ้นยุงแต่หัววันแล้ว นอนได้สบาย

ไม่สิ้นเสียงของชายแก่ดีผมก็รู้สึกง่วงงุนเสียเต็มประดา ลุกเดินตามแกอย่างว่าง่ายไปที่กระท่อม หลับไปทั้งรองเท้าอย่างนั้นมารู้สึกตัวอีกทีแสงตะวันก็แยงตายิบ ๆ แล้ว

อา..นี่มันเถียงนาร้างข้างป่าช้านี่   และกองไฟกองนั้นแท้จริงเป็นกองฟอนที่ศพเพิ่งไหม้หมดตอนหัวค่ำนั่นเอง  ผมเย็นหลังวาบ  คำแผ่เมตตาว่าไปโดยอัตโนมัติ  ขอบคุณคุณลุงเคราดกที่ดูแลผมอย่างดี				
12 พฤศจิกายน 2547 23:57 น.

เรื่องสั้นยาว รอยวัน ตอนที่ 9 ส่วนหลัง

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

ตอนที่ 9 รอยวัน ท่อนท้าย

	ไข่เขียดเดินทางกลับบ้านอย่างออกหงอย  แต่แรงดีดอย่างประหลาดอย่างหนึ่งก็ค่อยแทรกขึ้นมาในใจ จนในที่สุดก็โชนกล้า       ใช่แล้วไข่เขียดอยากเขียน เขียนถ้อยคำที่ใครก็ตามเมื่อได้ อ่าน  ต้องซึม    ซึ้งกำซาบบึ้งใจ  โอ..การอกหักทำให้เกิดแรงเหวี่ยงอย่างแรงได้อะไรปานนี้

	อาการอาหารเป็นพิษของพ่อได้รับการดูแลอย่างดีจากคุณหมอที่เป็นเพื่อนของพ่อเอง   ตลอดเวลาที่อยู่ห้องพิเศษในโรงพยาบาล คนที่มาเฝ้าไข้สลับกับแม่คือน้องจารุวรรณ ที่เคยไข่เขียดรู้สึกชื่นชมมาก่อนนั่นเอง  ทุกคนกำลังเตรียมพาพ่อกลับบ้านกลางทุ่ง

	หนูเป็นคนเอาของมาฝากพ่อกับแม่ค่ะ  พอทำอาหารกินกันพ่อก็ท้องเสียอย่างแรง   เป็นความผิดของหนูเอง  พ่อจะนั่งรถของหนูหรือรถพี่ไข่ดีคะ

	รถไข่เขียดพ่อคงสะดวกนะ  ขอบใจจ้ะ   เรื่องนั้นมันไม่ใช่ความผิดของหนูจารุวรรณหรอกนะครับ  ร่างกายของพ่อไม่แข็งแรงเอง    เอาล่ะเมื่อพ่อหายดีแล้วก็อย่าคิดโทษตัวเองเลยนะ  พ่อขอบใจมาก ๆ ที่ดูแลพ่อโดยไม่รังเกียจ  เออ ไข่เขียดเอ้ยเอารถมาจอดเทียบข้างหน้านี่เลยลูก 

	ครับผม

	 แม่นั่งรถของจารุวรรณ  เธอขับตามพวกเรามาอย่างช้า ๆ   ไข่เขียดกับพ่อและอานั่งมาด้วยกัน  ไม่นานก็ถึงบ้าน  จารุวรรณจัดเตรียมที่ให้พ่ออย่างคล่องแคล่ว

	ตอนป๊ะป๋าของหนูป่วยเป็นโรคลงท้องหนูก็ดูแลเองสองคนกับน้อง  แม่เสียไปตอนหนูเรียนปีที่ 2 น่ะค่ะ

	ทั้งแม่และพ่อต่างก็ยิ้มชื่นชมหญิงสาวที่กำลังจัดแจงดูแลอยู่ใกล้ๆ   ไข่เขียดรู้สึกปลื้มและลืมความหงอยไปได้มาก

	เมื่อพ่อหลับพักผ่อนแล้ว แม่ก็บอกให้พวกเราพักบ้างท่านจะดูแลพ่อเอง  

	พี่ไข่เขียดคะ พี่คงไม่ว่าหนูนะคะเรื่องที่ทำให้พ่อเจ็บป่วยและพี่ก็ต้องทิ้งงานมานี่

	ไม่ว่าหรอกครับ  พี่สิรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณน้อง  ไม่รู้จะขอบคุณอย่างไรที่ดูแลพ่อแทนพี่  เราเดินไปนั่งคุยกันทางโน้นดีไหม  น้องเหนื่อยอยากพักไหม

	ไม่เหนื่อยหรอกค่ะ  เพราะวรรณเพิ่งตื่นตอนสายๆนี่เอง  ไปกันเถอะคะ  ที่ร่มไม้ข้างโรงไวน์ดีกว่าไหมคะ  ม้าหินอ่อนตรงนั้น เราไม่ได้นั่งคุยกันนานแล้ว  รู้สึกคิดถึงอยากไปตรงนั้นค่ะ

	
	เมื่อถึงที่หมาย  บทสนทนายาวระหว่างจารุวรรณและไข่เขียดก็เริ่มขึ้นและดำเนินไปโดยใยดี  หญิงสาวขอให้ไข่เขียดเล่าเรื่องงานในองค์กรเอกชนพัฒนาชนบทให้ฟัง           แววตากระหายใคร่รู้นั้นละม้ายใครบางคนที่ไกลห่างออกไปสุดประมาณแล้วคนนั้น   น้ำเสียงและคำถามสัมผัสใจให้อยากตอบทีเดียว   จารุวรรณถามได้เรื่อย  ๆ ไข่เขียดตอบได้เรื่อย ๆ  น้ำดื่มพล่องไปทีละเล็กละน้อย  เวลานั้นเหมือนไม่มีใครสนใจใยดีมัน   
	

	พี่ไข่เขียดเคยรักใครบ้างไหม  เล่าได้ไหมคะ  วรรณขอฟัง


-----------------------------------
	

	นุชส่งหนังสือแจ้ง การให้ลาออกขององค์กรมาให้ไข่เขียดพร้อมกับเงินชดเชยอีกก้อนหนึ่ง  พร้อมนั้นเธอแนบจดหมายจากรอยมาด้วย				
10 พฤศจิกายน 2547 01:18 น.

เรื่องสั้นยาว รอยวัน ตอนที่ 9

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

ตอนที่ 9 รอยวัน 

	เกือบห้าโมงเช้าวันใหม่ไข่เขียดก็กลับจากหมู่บ้านเข้าสำนักงานเพื่อทำธุระ เขาก็เห็นจดหมายวางอยู่บนโต๊ะทำงาน 3 ฉบับ  แม่บ้านประจำสำนักงานคงรับไว้ให้    2 ฉบับนั้นจ่าหน้าด้วยลายมือที่คุ้นมาก  อีกฉบับไม่เคยเห็นลายมือนั้น

	ฉบับที่ไม่คุ้นลายมือเป็นของนุช
	อีกสองฉบับเป็นของแม่กับรอย
	ไข่เขียดเปิดจดหมายจากบ้านก่อนฉบับอื่น

	ข้อความในจดหมายด่วนและลงทะเบียนฉบับแรกบอกว่าพ่อไม่สบายมากอยากให้ลูกกลับไปดูแลพ่อด่วน
	ข้อความในจดหมายฉบับที่สองที่คุ้นลายมือมากบอกว่ารอยขอโทษที่ต้องปิดบังบางสิ่งบางอย่าง  รอยกำลังจะเป็นแม่คนและ
ไข่เขียดพับจดหมายไม่อยากอ่านต่อ แต่ก็คลี่ออกอ่านอีกจนได้   รอยเธอปิดบังอะไรหรือ ?
	จดหมายฉบับสุดท้ายนุชพูดคล้ายรอยคือขอโทษที่ปกปิดความจริงเรื่องของเพื่อน
	ไข่เขียดรู้สึกปวดหนึบภายในกะโหลกหัว   จิตใจรวดร้าวจะหลุดขาดจากขั้ว 
	ก่อนที่โลกจะหมุนคว้างไร้ทิศเขาก็ได้ยินเสียงเพื่อนร่วมงานดังขึ้น

	เฮ้ยนายหน้าซีดเหมือนจะเป็นลมใช่ไหมนี่   นอนลงที่โซฟาสิเพื่อน   เพื่อนของไข่เขียดเข้ามาถึงก่อนจะจบคำเสียอีก 

	โอ้โฮวันนี้อากาศร้อนมากเลยนายควบม้าแกลบฝ่าแดดร้อนมากว่า 40 กิโลเมตร เป็นเราก็หมอบเหมือนกัน เพื่อนคนเดิมว่า

	ร้อนกายคงไม่เท่าไหร่สหาย เสียงไข่เขียดเครือ ๆ

	แล้วร้อนเรื่องอะไรวะไข่  อ๋อ..เรื่องรอยใช่ไหม

	อือ..อ่านจดหมายดูเถิดเพื่อน ข้าขอพักเงียบๆ ซักงีบ

	เพื่อนอ่านจดหมายแล้วก็ถอนหายใจยาว  ก่อนวางจดหมายบนโต๊ะแล้วผละออกไป

	ข้าคงช่วยอะไรแกไม่ได้จริงๆ เพื่อนเอ๋ย				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
Lovings  ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  1 คน เลิฟก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
Lovings  ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์ เลิฟ 1 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
Lovings  ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์