8 ธันวาคม 2552 18:54 น.
				
												
				
								คนกุลา
		
					
				
 ๐ ยามจรพาโศกซึ้ง                ใจเรียม
ทนทุกข์หาใดเทียม                    หม่นไหม้
ขวัญเอยพี่ฤๅเจียม                     ตนดอก   แม่เฮย
หวังมั่นเคียงหมายได้                 ชื่นเจ้าสุขสม..ฯ
  ๐  คราจำใจจากเจ้าแสนเศร้านัก
ด้วยใจภักดิ์เพียงนุชสุดทานไหว
ทรวงเศร้าสร้อยโศกแสนแน่นหทัย
ปานดวงใจแทบขาดประหลาดครัน
๐ ปลอบคำเปรยเอ่ยปากสุดยากแสน
จะจากแดนแสนไกลไปสู่ฝัน
กับหัวใจไหวว่างในบางวัน
ลมเหมันต์นั้นหนาวจนร้าวทรวง
  ๐ จำใจจำจากเจ้า
พี่โศกเศร้าเพราะสุดหวง
เสน่หาสุดาดวง
สุดหนาวทรวงคราแรมไกล
   ๐ จูบประทับรับขวัญ
หวังเย้ยจันทร์ให้หวั่นไหว
วันร้าวรวดปวดหทัย
หมายสื่อใจคร่ำครวญคราง
  ๐ ขวัญเอยขวัญ
รำพันหมองหมาง
อยากปลอบนาง
พี่ร้างเพียงคราว
  ๐ รอคืนกลับ
มารับขวัญสาว
ส่งสร้อยดาว
แพรวพราวให้นวล
๐ เฝ้าฝันถึง
รำพึงใจหวล
คืนเชยชวน
แสนป่วนดวงใจ ฯ
  ๐ ยามจร  สู่ทางฝัน
ท่ามคืนวัน ขวัญหมองหมาง
ใจเคย เอ่ยร่ำ พร่ำปลอบพลาง
เชยสองปราง อย่างถนอม เจ้าจอมใจ
หริ่งเรไร ราวมาร้อง กล่อมสองเรา
  ๐ ปลอบน้อง เฝ้าครองขวัญ
อย่าไหวหวั่น แม้วันเหงา
ส่งใจ ใส่ความ ข้ามฟ้าเทา
เพื่อฝากเงา พี่ยา หาอำพราง
ฟ้าฤๅขวาง มากางกั้น วันพี่คืน..ฯ
  ๐ เปรยคำคราปลอบเจ้า         นวลปราง
คลอชื่นมิเคยจาง                    นิ่มเนื้อ
จำคืนค่ำลานาง                      สมรแม่     คุณเอย
คราวก่อนจากกรเกื้อ              โอบเคล้าเคียงขวัญ..ฯ
คนกุลา
ในเหมันต์
 
  ๐ ยามจรพาโศกซึ้ง                ใจเรียม
ทนทุกข์หาใดเทียม                    หม่นไหม้
ขวัญเอยพี่ฤๅเจียม                     ตนดอก   แม่เฮย
หวังมั่นเคียงหมายได้                 ชื่นเจ้าสุขสม..ฯ
  ๐  คราจำใจจากเจ้าแสนเศร้านัก
ด้วยใจภักดิ์เพียงนุชสุดทานไหว
ทรวงเศร้าสร้อยโศกแสนแน่นหทัย
ปานดวงใจแทบขาดประหลาดครัน
๐ ปลอบคำเปรยเอ่ยปากสุดยากแสน
จะจากแดนแสนไกลไปสู่ฝัน
กับหัวใจไหวว่างในบางวัน
ลมเหมันต์นั้นหนาวจนร้าวทรวง
  ๐ จำใจจำจากเจ้า
พี่โศกเศร้าเพราะสุดหวง
เสน่หาสุดาดวง
สุดหนาวทรวงคราแรมไกล
   ๐ จูบประทับรับขวัญ
หวังเย้ยจันทร์ให้หวั่นไหว
วันร้าวรวดปวดหทัย
หมายสื่อใจคร่ำครวญคราง
  ๐ ขวัญเอยขวัญ
รำพันหมองหมาง
อยากปลอบนาง
พี่ร้างเพียงคราว
  ๐ รอคืนกลับ
มารับขวัญสาว
ส่งสร้อยดาว
แพรวพราวให้นวล
๐ เฝ้าฝันถึง
รำพึงใจหวล
คืนเชยชวน
แสนป่วนดวงใจ ฯ
  ๐ ยามจร  สู่ทางฝัน
ท่ามคืนวัน ขวัญหมองหมาง
ใจเคย เอ่ยร่ำ พร่ำปลอบพลาง
เชยสองปราง อย่างถนอม เจ้าจอมใจ
หริ่งเรไร ราวมาร้อง กล่อมสองเรา
  ๐ ปลอบน้อง เฝ้าครองขวัญ
อย่าไหวหวั่น แม้วันเหงา
ส่งใจ ใส่ความ ข้ามฟ้าเทา
เพื่อฝากเงา พี่ยา หาอำพราง
ฟ้าฤๅขวาง มากางกั้น วันพี่คืน..ฯ
  ๐ เปรยคำคราปลอบเจ้า         นวลปราง
คลอชื่นมิเคยจาง                    นิ่มเนื้อ
จำคืนค่ำลานาง                      สมรแม่     คุณเอย
คราวก่อนจากกรเกื้อ              โอบเคล้าเคียงขวัญ..ฯ
คนกุลา
ในเหมันต์


 
				
			 
			
				8 ธันวาคม 2552 12:33 น.
				
												
				
								คนกุลา
		
					
				
 ๐ เสียงหมาหอนยิ่งให้         วังเวง
หลอนหลอกจนกลัวเกรง        อนาถแท้
กลางคืนค่ำยำเยง                 ใจหวั่น  หวาดนา
รีบสวดมนต์หมายแก้            ภูติร้ายมลายหนี..ฯ
  
  ๐ โหยหมาหอนหลอนใจจนไหวหวั่น
ในคืนอันดื่นดึกระทึกแสน
เสียงเยียบเย็นเน้นใจให้คลอนแคลน
ฟังแล้วแม้นละม้ายคล้ายวังเวง
   ๐ จากป่าช้ามาหยุดสุดหน้าบ้าน
ทอดรับผ่านต่อส่งกันตรงเผง
กลางดึกหนาวคราวใดใครไม่เกรง
แม้ผมเองไม่กลัวยังตัวเย็น
   ๐ ท่องคาถาสามจบกราบนบน้อม
สวดมนต์พร้อมแผ่ไปเท่าใจเห็น
ส่งเมตตาตรงไปใครลำเค็ญ
วิญญาณเข็ญยากไร้หวังให้เลย
   ๐ ตั้งสติพิจารณาคราได้คิด
หรือเป็นจิตหลอนฤดีค่อยคลี่เผย
เสียงหมาหอนตอนนั้นมันล่วงเลย
แต่ใจเอยหลอนตัวกลัวแทบตาย
  ๐ เสียงหมาหอน   คนนอนขวัญหาย
เย็นพระพาย          ยามกรายพัดโชย
  ๐ กลางคืนค่ำ       เสียงร่ำหวลโหย
เปล่งพลิ้วโปรย       ราวโรยกริ่งเกรง
  ๐ หรือใจหลอก     มาหยอกข่มเหง
ให้ยำเยง               วังเวงหลอนกัน
   ๐ ใครปดใคร       ไม่เท่าใจฉัน
มาลวงกัน               ใจสั่นแสนกลัว
    ๐ หลอนหลอกบอกใครหนา
หวั่นวิญญาคราสลัว
ใครบ้างอ้างบ่กลัว
ใจระรัวจนตัวเย็น
   ๐ เสียงหมาคราโหยหวน
หอนพาชวนผีมาเห็น
ส่งรับกับจันทร์เพ็ญ
ยิ่งสุดเน้นเยียบฤดี
    ๐ หากใครคราได้คิด
เพ่งพินิจจนถ้วนถี่
เสียงผ่านนานเต็มที
แต่ฤดียังหลอนตน
 ๐ หอนโหยหวนชวนผวา
เมฆมัวบังตาพร่าหม่น
ฟ้ามืดชืดดำคล้ำเบื้องบน
กดใจคนให้กลัวหนาวหัวใจ
หริ่งเรไรกรีดร้องร่ำในค่ำคืน
   ๐ เขย่าขวัญหวั่นระทึก
ในห้วงลึกสุดจะฝืน
เสียงหอนโหยย้ำแสนกล้ำกลืน
ต้องเฝ้าฝืนใจนั้นหายสั่นเทา
เพียงหวังเอาสติมั่นคุ้มกันตน..ฯ
   ๐ โบราณหนอหลอกได้      ดังหมาย
ผูกเรื่องเป็นผีพราย              ตอกย้ำ
หมาหอนส่งเสียงกราย          แสนน่า   กลัวแฮ
ฤทัยหวั่นสำทับซ้ำ               ยิ่งให้ขวัญหนี..ฯ
 
............
คนกุลา
ต้นเหมันต์
  
   
  ๐ เสียงหมาหอนยิ่งให้         วังเวง
หลอนหลอกจนกลัวเกรง        อนาถแท้
กลางคืนค่ำยำเยง                 ใจหวั่น  หวาดนา
รีบสวดมนต์หมายแก้            ภูติร้ายมลายหนี..ฯ
  
  ๐ โหยหมาหอนหลอนใจจนไหวหวั่น
ในคืนอันดื่นดึกระทึกแสน
เสียงเยียบเย็นเน้นใจให้คลอนแคลน
ฟังแล้วแม้นละม้ายคล้ายวังเวง
   ๐ จากป่าช้ามาหยุดสุดหน้าบ้าน
ทอดรับผ่านต่อส่งกันตรงเผง
กลางดึกหนาวคราวใดใครไม่เกรง
แม้ผมเองไม่กลัวยังตัวเย็น
   ๐ ท่องคาถาสามจบกราบนบน้อม
สวดมนต์พร้อมแผ่ไปเท่าใจเห็น
ส่งเมตตาตรงไปใครลำเค็ญ
วิญญาณเข็ญยากไร้หวังให้เลย
   ๐ ตั้งสติพิจารณาคราได้คิด
หรือเป็นจิตหลอนฤดีค่อยคลี่เผย
เสียงหมาหอนตอนนั้นมันล่วงเลย
แต่ใจเอยหลอนตัวกลัวแทบตาย
  ๐ เสียงหมาหอน   คนนอนขวัญหาย
เย็นพระพาย          ยามกรายพัดโชย
  ๐ กลางคืนค่ำ       เสียงร่ำหวลโหย
เปล่งพลิ้วโปรย       ราวโรยกริ่งเกรง
  ๐ หรือใจหลอก     มาหยอกข่มเหง
ให้ยำเยง               วังเวงหลอนกัน
   ๐ ใครปดใคร       ไม่เท่าใจฉัน
มาลวงกัน               ใจสั่นแสนกลัว
    ๐ หลอนหลอกบอกใครหนา
หวั่นวิญญาคราสลัว
ใครบ้างอ้างบ่กลัว
ใจระรัวจนตัวเย็น
   ๐ เสียงหมาคราโหยหวน
หอนพาชวนผีมาเห็น
ส่งรับกับจันทร์เพ็ญ
ยิ่งสุดเน้นเยียบฤดี
    ๐ หากใครคราได้คิด
เพ่งพินิจจนถ้วนถี่
เสียงผ่านนานเต็มที
แต่ฤดียังหลอนตน
 ๐ หอนโหยหวนชวนผวา
เมฆมัวบังตาพร่าหม่น
ฟ้ามืดชืดดำคล้ำเบื้องบน
กดใจคนให้กลัวหนาวหัวใจ
หริ่งเรไรกรีดร้องร่ำในค่ำคืน
   ๐ เขย่าขวัญหวั่นระทึก
ในห้วงลึกสุดจะฝืน
เสียงหอนโหยย้ำแสนกล้ำกลืน
ต้องเฝ้าฝืนใจนั้นหายสั่นเทา
เพียงหวังเอาสติมั่นคุ้มกันตน..ฯ
   ๐ โบราณหนอหลอกได้      ดังหมาย
ผูกเรื่องเป็นผีพราย              ตอกย้ำ
หมาหอนส่งเสียงกราย          แสนน่า   กลัวแฮ
ฤทัยหวั่นสำทับซ้ำ               ยิ่งให้ขวัญหนี..ฯ
 
............
คนกุลา
ต้นเหมันต์

 
				
			 
			
				6 ธันวาคม 2552 14:40 น.
				
												
				
								คนกุลา
		
					
				
 ๐ รัก  ใครไหนเท่าด้วย                     ราชันย์
พ่อ   ดุจองค์เทวัญ                             จุติเอื้อ
พอ   วันผ่านเฉลิมขวัญ                     ทูนเทอด     ธ  นา
เพียง  ดั่งบารมีเกื้อ                             ปกเกล้าชนเกษม..ฯ
  ๐ รัก ด้วยใจใฝ่ภักดิ์
รัก พ่อนักเกินกล่าวขาน
รัก หวังยังตระการ
รัก เทอดท่านจนหมดใจ
   ๐ พ่อ พระเสโทหยด
พ่อ ท่องจรดสุดแคว้นไหน
พ่อ ทุกข์พระหทัย
พ่อ หวังให้ชนสุขครอง
    ๐ พอ กราบฝ่าพระบาท
พอ อศิรวาทด้วยใจปอง
พอ อุทิศท่ามครรลอง
พอ สนองใคร่เดินตาม
   ๐ เพียง ทราบ ธ ประชวร
เพียง ชนล้วนฤทัยหวาม
เพียง หวังตั้งใจงาม
เพียง สื่อความกราบบาทองค์
   ๐ รัก ในใจไทยภักดิ์ประจักษ์จิต
รัก อุทิศปวงข้าฯ ธ ประสงค์
รัก ตามรอยเบื้องพระบาทชาติดำรงค์
รัก เห็นทรงพระภาระมาประดัง
   ๐ พ่อ คือศูนย์รวมใจไทยทั้งผอง
พ่อ วางแนวครรลองให้ปองหวัง
พ่อ คือขวัญหทัยเติมใส่พลัง
พ่อ เป็นดั่งฉัตรทองของปวงชน
     ๐ พอ หมายทำความดีที่พ่อสอน
พอ ได้ผ่อนเบาแรงทุกแห่งหน
พอ ได้สานงานฝันกันทุกคน
พอ เปี่ยมล้นสุขใจพ่อได้มี
    ๐  เพียง หนึ่งใจใฝ่จำในคำพ่อ
เพียง สร้างก่อต่อเติมเพิ่มสุขศรี
เพียง สุขล้วนถ้วนหน้าประชาชี
เพียง เท่านี้พ่อหวังเราตั้งใจ
   ๐  เศรษฐ การ  ธ มุ่งสร้าง                     แดนไทย
กิจ แห่งการงานใด                                   ทั่วถ้วน
พอ หมายทุกดวงใจ                                 แสนสด   ชื่นนา
เพียง เมื่อชนสุขล้วน                               พ่อนั้นสมหมาย....ฯ
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
ข้าพระพุทธเจ้า "คนกุลา" พระพุทธเจ้าข้า
   
๐ รัก  ใครไหนเท่าด้วย                     ราชันย์
พ่อ   ดุจองค์เทวัญ                             จุติเอื้อ
พอ   วันผ่านเฉลิมขวัญ                     ทูนเทอด     ธ  นา
เพียง  ดั่งบารมีเกื้อ                             ปกเกล้าชนเกษม..ฯ
  ๐ รัก ด้วยใจใฝ่ภักดิ์
รัก พ่อนักเกินกล่าวขาน
รัก หวังยังตระการ
รัก เทอดท่านจนหมดใจ
   ๐ พ่อ พระเสโทหยด
พ่อ ท่องจรดสุดแคว้นไหน
พ่อ ทุกข์พระหทัย
พ่อ หวังให้ชนสุขครอง
    ๐ พอ กราบฝ่าพระบาท
พอ อศิรวาทด้วยใจปอง
พอ อุทิศท่ามครรลอง
พอ สนองใคร่เดินตาม
   ๐ เพียง ทราบ ธ ประชวร
เพียง ชนล้วนฤทัยหวาม
เพียง หวังตั้งใจงาม
เพียง สื่อความกราบบาทองค์
   ๐ รัก ในใจไทยภักดิ์ประจักษ์จิต
รัก อุทิศปวงข้าฯ ธ ประสงค์
รัก ตามรอยเบื้องพระบาทชาติดำรงค์
รัก เห็นทรงพระภาระมาประดัง
   ๐ พ่อ คือศูนย์รวมใจไทยทั้งผอง
พ่อ วางแนวครรลองให้ปองหวัง
พ่อ คือขวัญหทัยเติมใส่พลัง
พ่อ เป็นดั่งฉัตรทองของปวงชน
     ๐ พอ หมายทำความดีที่พ่อสอน
พอ ได้ผ่อนเบาแรงทุกแห่งหน
พอ ได้สานงานฝันกันทุกคน
พอ เปี่ยมล้นสุขใจพ่อได้มี
    ๐  เพียง หนึ่งใจใฝ่จำในคำพ่อ
เพียง สร้างก่อต่อเติมเพิ่มสุขศรี
เพียง สุขล้วนถ้วนหน้าประชาชี
เพียง เท่านี้พ่อหวังเราตั้งใจ
   ๐  เศรษฐ การ  ธ มุ่งสร้าง                     แดนไทย
กิจ แห่งการงานใด                                   ทั่วถ้วน
พอ หมายทุกดวงใจ                                 แสนสด   ชื่นนา
เพียง เมื่อชนสุขล้วน                               พ่อนั้นสมหมาย....ฯ
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
ข้าพระพุทธเจ้า "คนกุลา" พระพุทธเจ้าข้า 
 
				
			 
			
			
				1 ธันวาคม 2552 17:47 น.
				
												
				
								คนกุลา
		
					
				
 ๐ ทิวาวารผ่านมาคราบรรจบ
มอบวันครบเกิดดิถี-พรที่หวัง
ขออินทรีย์ที่หมายกลายพลัง
เสริมประดังครั้งประเดิมเริ่มวันดี
๐ ขอสุขกายสบายใจได้ดังคิด
ขอดวงจิตแจ่มใสไร้หมองศรี
ขอสมองครองขวัญปัญญามี
ขอสุขขีมีชัยไปนานวัน
๐ หวังกวีวจีพากษ์มากรสถ้อย
หวังกวีน้อยคอยสานแต่งงานฝัน
หวังสาวรั้งพลังธรรมมากำนัล
หวังมุ่งมั่นแห่ง"กวี"คลี่ม่านงาม
๐ มามอบคำจำนรรจ์สรรคำสร้าง
มามอบบางความนัยเคยไถ่ถาม
มามอบทางหว่างใจที่ใสวาม
มามอบความหวังดีมีให้กัน
๐ ในหน้าหนาวคราวหลังครั้งกระโน้น
แววอ่อนโยนโชนวาวราวในฝัน
สายตาแม่แลมาว่าผูกพัน
นั้นคือวันกวีน้อยค่อยเกิดกาย
๐ อย่าลืมลำนำรักในตักแม่
อย่าลืมแม้เพียงวันเจ้าฝันหาย
อย่าลืมมืออุ้มชูมิดูดาย
คือความหมายคุ้มขวัญวันเกิดเธอ
สุขสันต์วันเกิดนะครับ กวีน้อยฯ
ด้วยมิตรไมตรี
คนกุลา
ต้นเหมันต์
๐ ทิวาวารผ่านมาคราบรรจบ
มอบวันครบเกิดดิถี-พรที่หวัง
ขออินทรีย์ที่หมายกลายพลัง
เสริมประดังครั้งประเดิมเริ่มวันดี
๐ ขอสุขกายสบายใจได้ดังคิด
ขอดวงจิตแจ่มใสไร้หมองศรี
ขอสมองครองขวัญปัญญามี
ขอสุขขีมีชัยไปนานวัน
๐ หวังกวีวจีพากษ์มากรสถ้อย
หวังกวีน้อยคอยสานแต่งงานฝัน
หวังสาวรั้งพลังธรรมมากำนัล
หวังมุ่งมั่นแห่ง"กวี"คลี่ม่านงาม
๐ มามอบคำจำนรรจ์สรรคำสร้าง
มามอบบางความนัยเคยไถ่ถาม
มามอบทางหว่างใจที่ใสวาม
มามอบความหวังดีมีให้กัน
๐ ในหน้าหนาวคราวหลังครั้งกระโน้น
แววอ่อนโยนโชนวาวราวในฝัน
สายตาแม่แลมาว่าผูกพัน
นั้นคือวันกวีน้อยค่อยเกิดกาย
๐ อย่าลืมลำนำรักในตักแม่
อย่าลืมแม้เพียงวันเจ้าฝันหาย
อย่าลืมมืออุ้มชูมิดูดาย
คือความหมายคุ้มขวัญวันเกิดเธอ
สุขสันต์วันเกิดนะครับ กวีน้อยฯ
ด้วยมิตรไมตรี
คนกุลา
ต้นเหมันต์