1 กุมภาพันธ์ 2553 19:44 น.
				
												
				
								คนกุลา
		
					
				
 ๐ ปิดตาหลับตรับเสียงสำเนียงพลิ้ว
วู่ลมปลิวเมฆหม่นบนฟ้าใส
หลับแล้วลงตรงตักหมายพักใจ
เพื่อจะได้เฝ้าฝันกลางจันทร์นวล
  ๐ คืนจันทร์ผ่องส่องดาวหลบพราวแสง
ด้วยเริงแรงสาดไสวพาใจหวล
นิ่งสนิทในนิทราครารัญจวน
สู่กระบวนนิมิตจิตเพริศพราย
   ๐ โสมผ่องเพ็ญเย็นวับจับผิวน้ำ
ดุจระบำโบกพัดสะบัดสาย
ระลอกพลิ้วทิวคลื่นชื่นพระพาย
กระพริบพรายคล้ายริ้วธงทิวงาม
  ๐ ไม้ตะคุ่มซุ่มดูอยู่ริมฝั่ง
ปานระวังชั่งใจหากไหวหวาม
คลอลมครวญหวลไห้ร่ายนิยาม
ราวทวงถามความหนึ่งซึ่งยังจำ
 ๐ ยังนึกได้ใช่ไหมในครั้งโน้น
ใครปลอบโยนยั่วเย้าให้เจ้าขำ
บอกหลับตาคราหลังดั่งเคยทำ
ค่อนคืนค่ำย้ำหาทุกราตรี
............
คนกุลา
ต้นเหมันต์
  ๐ ปิดตาหลับตรับเสียงสำเนียงพลิ้ว
วู่ลมปลิวเมฆหม่นบนฟ้าใส
หลับแล้วลงตรงตักหมายพักใจ
เพื่อจะได้เฝ้าฝันกลางจันทร์นวล
  ๐ คืนจันทร์ผ่องส่องดาวหลบพราวแสง
ด้วยเริงแรงสาดไสวพาใจหวล
นิ่งสนิทในนิทราครารัญจวน
สู่กระบวนนิมิตจิตเพริศพราย
   ๐ โสมผ่องเพ็ญเย็นวับจับผิวน้ำ
ดุจระบำโบกพัดสะบัดสาย
ระลอกพลิ้วทิวคลื่นชื่นพระพาย
กระพริบพรายคล้ายริ้วธงทิวงาม
  ๐ ไม้ตะคุ่มซุ่มดูอยู่ริมฝั่ง
ปานระวังชั่งใจหากไหวหวาม
คลอลมครวญหวลไห้ร่ายนิยาม
ราวทวงถามความหนึ่งซึ่งยังจำ
 ๐ ยังนึกได้ใช่ไหมในครั้งโน้น
ใครปลอบโยนยั่วเย้าให้เจ้าขำ
บอกหลับตาคราหลังดั่งเคยทำ
ค่อนคืนค่ำย้ำหาทุกราตรี
............
คนกุลา
ต้นเหมันต์
  


 
				
			 
			
			
				3 มกราคม 2553 17:20 น.
				
												
				
								คนกุลา
		
					
				
 หลับตาลงตรงนี้เถิดที่รัก
ณ.ตรงตักว่างว่างกลางสวนฝัน
ตรับกวีคีตศิลป์พิณพระจันทร์
ปลอบปลุกขวัญวันหนาวแสนยาวนาน
ฟินแลนเดร์เห่กล่อมหอมลมหนาว 
หิมะพราวพร่างพรมห่มกิ่งก้าน
เพียงเพื่อรอฤดูใหม่ได้ผลิบาน
ลมซ่าซ่านใบสนร่ายดนตรี
ละอองพลิ้วทิวฝนปนหมอกใส 
ระบัดใบสลับลายระบายสี
หม่นความหมองของดาวคราวเคยมี
วันเหงาที่ลมหวนไม่ทวนคืน
ในคืนค่ำฉ่ำดาวไม่พราวฟ้า  
เชิญขวัญมาพักใจให้เริงรื่น
จะเอาหวังอุ่นหวังต่างไฟฟืน 
ลบรอยขื่นจางจางบางเวลา
หลับตาลงตรงนี้นะที่รัก 
หลับและพักผ่อนกายหายเหว่ว้า
ลืมวันเก่าเศร้าหมองนองน้ำตา
มุ่งฟันฝ่าคืนหนาวสู่ดาวใจ
.
  
 ๐ หวังกล่อมนวลนุชเจ้า       จอมใจ
อันตรายใดใด                      จักป้อง
กลางสวนแห่งกวีไทย           งามงด    นวลเอย
สรรสุดคำเรียงพ้อง               แต่งให้สดับฝัน...ฯ
.  
หลับเถิดนะคนดี
หากวันนี้ไม่มีใคร
พี่เพียงหวังเคียงใจ
มอบหทัยให้นงคราญ
หลับลงในดงรัก
ที่ทอถักภักดิ์แสนหวาน
กรองวางวรรณกานท์
ผสานรสบทกวี
ฟังเพลงบรรเลงขวัญ
แจ่มนวลจันทน์รัศมี
อาบอวลนวลฤดี
กอดรตีสู่นิทรา
คืนค่ำราวย้ำเตือน
ม่านดาวเดือนห่มคลุมฟ้า
เอาอุ่นกรุ่นรักพา
พักพิงคราฝ่าแดนทิพย์
  (กาพย์ยานี ๑๑)
 
.
  ๐ ดาวประดับ
ระยับระยิบ
พราวกระพริบ
ละลิบแดนสรวง
  ๐ ปานพิมาน
สถาน ธ ปวง
เกินละล่วง
ทลวงแดนใจ
 ๐ หมายจะกล่อม
สิหลอมหทัย
จารนัย
มิใคร่หมดจินต์
 ๐ หวังนะว่า
สุดาถวิล
หวังยุพิน
จะยินพี่เปรย
  (ราชิกาฉันท์ ๗)
.
  ๐ แสงดาวคราวพร่างฟ้า   ราตรี
อวลอาบนวลฤดี                   อะคร้าว
ไกลนานเนิ่นแสนปี              หวังปลอบ    แม่เอย
วันที่นางคืนก้าว                  กลับให้เรียมถนอม..ฯ
..........
คนกุลา
คราเหมันต์
 
หลับตาลงตรงนี้เถิดที่รัก
ณ.ตรงตักว่างว่างกลางสวนฝัน
ตรับกวีคีตศิลป์พิณพระจันทร์
ปลอบปลุกขวัญวันหนาวแสนยาวนาน
ฟินแลนเดร์เห่กล่อมหอมลมหนาว 
หิมะพราวพร่างพรมห่มกิ่งก้าน
เพียงเพื่อรอฤดูใหม่ได้ผลิบาน
ลมซ่าซ่านใบสนร่ายดนตรี
ละอองพลิ้วทิวฝนปนหมอกใส 
ระบัดใบสลับลายระบายสี
หม่นความหมองของดาวคราวเคยมี
วันเหงาที่ลมหวนไม่ทวนคืน
ในคืนค่ำฉ่ำดาวไม่พราวฟ้า  
เชิญขวัญมาพักใจให้เริงรื่น
จะเอาหวังอุ่นหวังต่างไฟฟืน 
ลบรอยขื่นจางจางบางเวลา
หลับตาลงตรงนี้นะที่รัก 
หลับและพักผ่อนกายหายเหว่ว้า
ลืมวันเก่าเศร้าหมองนองน้ำตา
มุ่งฟันฝ่าคืนหนาวสู่ดาวใจ
.
  
 ๐ หวังกล่อมนวลนุชเจ้า       จอมใจ
อันตรายใดใด                      จักป้อง
กลางสวนแห่งกวีไทย           งามงด    นวลเอย
สรรสุดคำเรียงพ้อง               แต่งให้สดับฝัน...ฯ
.  
หลับเถิดนะคนดี
หากวันนี้ไม่มีใคร
พี่เพียงหวังเคียงใจ
มอบหทัยให้นงคราญ
หลับลงในดงรัก
ที่ทอถักภักดิ์แสนหวาน
กรองวางวรรณกานท์
ผสานรสบทกวี
ฟังเพลงบรรเลงขวัญ
แจ่มนวลจันทน์รัศมี
อาบอวลนวลฤดี
กอดรตีสู่นิทรา
คืนค่ำราวย้ำเตือน
ม่านดาวเดือนห่มคลุมฟ้า
เอาอุ่นกรุ่นรักพา
พักพิงคราฝ่าแดนทิพย์
  (กาพย์ยานี ๑๑)
 
.
  ๐ ดาวประดับ
ระยับระยิบ
พราวกระพริบ
ละลิบแดนสรวง
  ๐ ปานพิมาน
สถาน ธ ปวง
เกินละล่วง
ทลวงแดนใจ
 ๐ หมายจะกล่อม
สิหลอมหทัย
จารนัย
มิใคร่หมดจินต์
 ๐ หวังนะว่า
สุดาถวิล
หวังยุพิน
จะยินพี่เปรย
  (ราชิกาฉันท์ ๗)
.
  ๐ แสงดาวคราวพร่างฟ้า   ราตรี
อวลอาบนวลฤดี                   อะคร้าว
ไกลนานเนิ่นแสนปี              หวังปลอบ    แม่เอย
วันที่นางคืนก้าว                  กลับให้เรียมถนอม..ฯ
..........
คนกุลา
คราเหมันต์       
 
				
			 
			
				2 มกราคม 2553 11:59 น.
				
												
				
								คนกุลา
		
					
				
 ๐ วาระวาร
จะผ่านดิถี
สุขฤดี
เพราะที่สมปอง
  ๐ พรสวรรค์
ประพันธ์สนอง
กอบประคอง
ตระกองมอบมา
  ๐ ร้อยบุหลัน
และพรรณบุหงา
เป็นชฎา
สง่าสรวมลง
  ๐ แม้มิหวัง
พลังประสงค์
ใจก็คง
พะวงอวยชัย
  ๐ ในดิถี
ณ ที่สมัย
คราจะไกล
สิไม่หวนคืน
  ๐ ศรีสวัสดิ์
พิพัฒน์มิฝืน
กลมนะกลืน
ระรื่นสมจินต์
 ๐ สุขสนาน
ตระการถวิล
หวังยุพิน
สุบินแสนดี..ฯ
........
คนกุลา
คราเหมันต์
(ราชิกาฉันท์ ๗)
  ๐ วาระวาร
จะผ่านดิถี
สุขฤดี
เพราะที่สมปอง
  ๐ พรสวรรค์
ประพันธ์สนอง
กอบประคอง
ตระกองมอบมา
  ๐ ร้อยบุหลัน
และพรรณบุหงา
เป็นชฎา
สง่าสรวมลง
  ๐ แม้มิหวัง
พลังประสงค์
ใจก็คง
พะวงอวยชัย
  ๐ ในดิถี
ณ ที่สมัย
คราจะไกล
สิไม่หวนคืน
  ๐ ศรีสวัสดิ์
พิพัฒน์มิฝืน
กลมนะกลืน
ระรื่นสมจินต์
 ๐ สุขสนาน
ตระการถวิล
หวังยุพิน
สุบินแสนดี..ฯ
........
คนกุลา
คราเหมันต์
(ราชิกาฉันท์ ๗)  
 
				
			 
			
				1 มกราคม 2553 20:45 น.
				
												
				
								คนกุลา
		
					
				
 ๐ โรยละออง 
มิหมองเสมือน
ราวจะเตือน
ลุเดือนผ่านกาล
  ๐ ลอยละลิ่ว
ผิปลิวประสาน
ล่วงพิมาน
สิผ่านดวงใจ
  ๐ ครวญตลอด
จะกอดไฉน
หวานละไม
ฤทัยสองเรา
  ๐ คิดคนึง
ประหนึ่งเพราะเหงา
ดุจจะเนาว์
สิเฝ้าครวญคำ
 ๐ หวังเฉลย
บเคยถลำ
จริงนะจำ
ยะย้ำใจปอง
  ๐ ยามปะหน้า
ณ คราสนอง
คอยประคอง
ตระกองเคียงเชย
............
คนกุลา
ต้นเหมันต์
  
แต่ง โดยใช้ ราชิกาฉันท์ ๗ ครับ
   
  ๐ โรยละออง 
มิหมองเสมือน
ราวจะเตือน
ลุเดือนผ่านกาล
  ๐ ลอยละลิ่ว
ผิปลิวประสาน
ล่วงพิมาน
สิผ่านดวงใจ
  ๐ ครวญตลอด
จะกอดไฉน
หวานละไม
ฤทัยสองเรา
  ๐ คิดคนึง
ประหนึ่งเพราะเหงา
ดุจจะเนาว์
สิเฝ้าครวญคำ
 ๐ หวังเฉลย
บเคยถลำ
จริงนะจำ
ยะย้ำใจปอง
  ๐ ยามปะหน้า
ณ คราสนอง
คอยประคอง
ตระกองเคียงเชย
............
คนกุลา
ต้นเหมันต์
  
แต่ง โดยใช้ ราชิกาฉันท์ ๗ ครับ
