18 พฤษภาคม 2552 20:42 น.

**คิดถึงโนราห์**

คนกุลา

....

ออกมารำออกมาร้องป้องเสียงสาว
ดังฉาวฉาวไปถึงพี่มีบ้างไหม
ท่าทางนวยนาดผุดผาดเกินใคร
คนหัวไทรหัวใจอ่อนระรวย

ขยับจับเทริด..ว่าคนสวยจับเทริด..
(พี่บ่าวเหอ) ..ตัวเหิดแลคนสวย
จ้องน้องจัง..จนจังงังงงงวย
จัดไรมวยพอช่วยแก้ขัดเขิน

ทิพย์โนราห์บอกว่ามาชอบกลอน
อรชรสวยแก้มแต่งแดงเผิน
ร้องโนราห์พอได้ว่าเพลินเพลิน
ขาดขาดเกินเกินเพราะจากเนิ่นนานมา

ปี่กลองโนราห์ดังมาคราวไหน
ในหัวใจยังสดใสเสดสา
หัวใจพี่นี่ยังมีโนราห์
เก็บรักษาในก้นบึ้งตรึงใจ

นานเท่าใด..น้องเหอคิดถึงเธอไม่หาย
หัวใจชายยังคำนึงถึงไหน
คนพรากบ้านแตกซ่านมาไกล
ไม่โร่วันไหนจึงอี้ได้คืนเรือน

ไปครองขวัญทิพย์โนราห์พันดาว
ใจพี่บ่าวไม่โร่ใจสาวอี้เหมือน
ขอเพียงน้องนางรับพี่บ้างเป็นเพื่อน
วันคืนเรือนให้น้องน้อยคอยแล

นะสาวเหอ...ให้นุ้ยน้อยคอยแล


.


...........

เรียนรู้คำถิ่นภาษาใต้

ฉาว   =    เสียงดังมาก
เทริด  =    เครื่องสรวมศรีษะมโนราห์   เหมือนชฎา
พี่บ่าว  =    พี่ชาย
เหอ     =    จ๋า  จ๊ะ  ครับม  หรือจ๊ะ   หรือครับ
เหิด     =   แหนหน้า
แล       =  มอง
โร่        =   รู้
อี้         =    จะ
นุ้ย       =    น้องสาว น้องชาย (ที่เป็นเด็กเล็กๆ)

เพิ่งนึกได้  ว่าควรมีการแปลบางคำเพื่อการเรียนรู้ ครับ

.....				
18 พฤษภาคม 2552 14:57 น.

**จันทน์กะพ้อ..ร่วงพรู**

คนกุลา

....

จันทน์กะพ้อร่วงพรูอยู่ลานบ้าน
ยามเมื่อผ่านได้ดมกลิ่นประทินขวัญ
งามละออล้อแสงแห่งเพ็ญจันทร์
ที่ชื่อจันทน์กะพ้อพ้อถึงใคร

ดอกไม้ไทยใครไม่เน้นเห็นคุณค่า
ไร้มารยาร้อยร่ำทำสาไถย
เจ้าส่งกลิ่นรินหอมลอยย้อมใจ
เหมือนงามไทยอวลบุหงาในราตรี

เมื่อบานเหงาบอบบางย่างหน้าฝน
และร่วงหล่นเต็มลานบ้านที่นี่
ยังส่งกลิ่นรินหวลย้ำยวนยี
เหมือนเย้าพี่ที่รำพึงคิดถึงนวล

ขอรักจงอย่าเลือนเหมือนจันทน์กะพ้อ
ที่บานรอเพียงวันจันทร์ไห้หวล
เมื่อจันทรามาพบได้ทบทวน
ก็รีบด่วนร่ำลาไม่อาวรณ์

หากขอได้อยากให้รักเราหนักแน่น
ดุจดังแผ่นศิลานิ่งแห่งสิงขร
อย่าเหมือนจันทน์กะพ้อพออาทร
บานออดอ้อนเพียงข้ามวันก็พลันโรย


.

  
...........

ตอนแรกผมเขียนเป็น จันทร์กระพ้อ  

คุณ พุด กรุณามาแนะนำ ว่าที่ถูก เขาเขียนว่า  จันทน์กะพ้อ

ซึ่งถูกต้องตามที่คุณ พุด เธอ ว่านะครับ

เพราะไปค้นดูในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน ก็เขียนว่า    ไว้อย่างนี้ ครับ

จันทน์กะพ้อ น. ชื่อไม้ต้นขนาดกลางชนิด Vatica diospyroides Symington ใน

วงศ์ Dipterocarpaceae ขึ้นตามป่าดิบทางปักษ์ใต้และปลูกกันตามบ้าน 

ดอกขาว หอมคล้ายนํ้ามันจันทน์. 

ต้องขออภัย ทุกท่านนะครับโดยเฉพาะ อาจารย์ภาษาไทย ทั้งหลาย ที่เขียนผิดไป 

และได้รีบไปแก้ เรียบร้อยแล้ว เพราะเชื่อ Google  มากไป เลยผิด ไป ครับ 


ขออภัย และขอบคุณ คุณพุด  ผู้แสนดี ครับ

คนกุลา				
18 พฤษภาคม 2552 12:17 น.

**สู่..เชิงตะกอน**

คนกุลา

....

ท่ามเพลงลาพญาโศกวิโยคหวล
ดุจยิ่งชวนให้เศร้าใจกระไรนี่
คิดถึงชีวิตหลังครั้งยังมี
คุณความดีทำไว้ได้ทำมา

เขียนคำกลอนวอนมาว่าเศร้านัก
ยามที่รักจากไกลสู่ไหนหนา
ต่อแต่นี้คงลับร่างสุดห่างตา
ไม่มีวันเวลากลับมาคืน

เหลือเรื่องราวที่ทำให้ย้ำคิด
ระลึกจิตดีร้ายได้ทนฝืน
ภาพอยู่ในความหลังนั่งนอนยืน
ยามหลับตื่นก็คงยังฝังใจจำ

มาฉุกคิดได้ว่าเวลาหนึ่ง
เวลาซึ่งเป็นเวลามากค่าล้ำ
วันที่เราจากไปใครระกำ
เขาจะทำศพเราเห็นภาพเช่นไร

คนรำพันพิลาปหรือสาปแช่ง
มีคนแต่งทุกข์ร่วมหม่นล้นหลามไหล
พรรณาถึงความดีที่ทำไป
หรือจากไกลอย่างโดดเดี่ยวแสนเดียวดาย

ก็คงอยู่ที่เราสร้างทางวันนี้
กับวันที่ยังเหลืออยู่สู่จุดหมาย
สิ่งพบแท้แน่นอนคือความตาย
จะเหลือไว้สิ่งใดให้โลกจำ

จะให้กล่าวถึงเราวันเผาศพ
ให้เคารพหรือว่ามาหยียบย่ำ
จะให้ถ่มน้ำลายรดหรือจดจำ
การกระทำในวันนี้.....จะชี้ทาง


"""""""""""""""				
17 พฤษภาคม 2552 21:20 น.

**กล่อมดาว**

คนกุลา

.

ดาวเอ๋ย โอ้ดาวจ๋า
คืนนี้ฟ้า มืดคล้ำฝน
จึงหลบ ลบหาย สายตาคน
ละยินยล ปล่อยพี่ ไม่มีใคร
ฤๅล้าใจ สุดส่องผ่าน ม่านเมฆบัง

ยามจ้องท้อง ฟ้าหม่น
เหมือนคน จมใน ความหลัง
หมู่เมฆ เหมือนเพียง ก่อเวียงวัง
ที่สานหวัง คราเรา เข้าใจกัน
คือคืนวัน ที่ดาว มาพราวแพรว

เพียงไม่กี่ วันผ่าน
ไยดั่งนาน นะเกินแล้ว
ที่ดาว พราวใจ ไม่ใสแวว
ดุจดังแก้ว หลุดหล่น หล่มโคลนตม
สุดจะข่ม ใจหวลหา คราไร้ดาว

อีกนานปาน ใดหนอ
ดาวจะทอ แสงมาเย้า
พร่างพริบ ทิพย์ฟ้า ดาราพราว
แลัวตัวดาว รู้ไหม ใครเขาคอย
ให้ดาวลอย มาให้เห็น เช่นทุกวัน

กลับมาเถิด ดาวจ๋า
รอเวลา กล่อมดาวฝัน
ยามใด หากคืน มาหากัน
จะชื่นขวัญ เชยดาว ทุกคราวนอน
กล่อมถึงตอน ตื่นนิทรา ทุกคราเลย




...............				
16 พฤษภาคม 2552 18:15 น.

**กล่อมจันทร์**

คนกุลา

.   .
ในมัวเมฆ หม่นฟ้า
ข้ามเวลา ทะเลฝัน
อาศัย ขี่ข้าม สำเภาจันทร์
โล้คลื่นอัน ปรุงแต่ง ด้วยแรงใจ
ยามอยู่ใน ห้วงสมุทร สุดคะนา

ในวันเลือน เดือนลับ
ล่วงดับไป ในเวหา
ท้องฟ้า มืดมิด ดุจปิดตา
เหมือนดั่งว่า ฟ้าตรอม ย้อมสีดำ
ดุจจะย้ำ คำหมองหม่น บนคัคนางค์

คืนเดือนพร่าง เวหาส
ฉายแสงพาด เพ็ญเย็นสว่าง
ห้วงน้ำ เขาฟ้า ทาบทาจาง
กลางเดือนพร่าง งามเห็น ด้วยเพ็ญจันทร์
ในคืนวัน ที่โสมงาม ยามผ่องพราว

เปรียบจันทร์ดั่ง หน้าน้อง
นวลละออง พักตร์ใสวาว
งามขนง-วงตา หน้ายั่วเย้า
งามแท้เจ้า พิศมัย แบบไทยเดิม
เพื่อช่วยเติม เสริมสานก่อ ต่อเผ่าพงศ์

ใบหน้าอิ่ม พริ้มพร่าง
น้องงาม ดุจอย่าง นางหงส์
งามดุจ กินรี คลี่ทรวดทรง
ยามลงสรง สระสนาน ตำนานมี
ในวันที่ มโนราห์ มาอวดนวล

เปรียบจันทร์เพ็ญ เช่นสาว
พักตร์พราว ผ่องมล ยลใจหวล
ประดับ ห้วงให้ ใจรัญจวน
กระบิดกระ บวนคล้าย ละม้ายจันทร์
เหมือนเสกสรรค์ ร่ายมนตรา มากล่อมใจ

โอ ละ เห่ จันทร์ เอย
ทรามเชย โฉมตรู อยู่ไหน
ฝ่าฉ่ำ น้ำฝน สู่หนใด
แลไปก็ ไม่เห็น เจ้าเพ็ญจันทร์
แต่ใจมั่น รอจันทร์เฝ้า กล่อมเจ้านอน

.


...............				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคนกุลา
Lovings  คนกุลา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคนกุลา
Lovings  คนกุลา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคนกุลา
Lovings  คนกุลา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงคนกุลา