6 พฤษภาคม 2552 15:17 น.

"วันไกล"

คนกุลา

.............


ดุจมือเท้าจะหนาวเย็นเป็นน้ำแข็ง
ลมพัดแรงดุจดังมีดมากรีดเฉือน
กรวดดินทรายปรายเข้าตาจนพร่าเลือน
ซ่อนรอยเปื้อนเตือนช้ำคราบน้ำตา

บนยอดเขาในเงาฝันวันไกลบ้าน
เกิดอาการเศร้าเศร้าเหงาในหน้า
คิดถึงคนไกลมากที่จากมา
ให้ขอบฟ้าฟูมฟักรักษาใจ

บนยอดเขาสร้างโบสถ์ไว้ให้เคารพ
จึงพานพบผู้คนมากจากแดนไหน
มาแสวงแหล่งบุญสร้างทุนไป
หวังจะให้ผลบุญหนุนประทัง

เราต่างคนต่างภาษามาถึงนี่
ก็หวังมีผลบุญได้หนุนหวัง
ในยามไกลใจอยากหากบุญยัง
ระลึกหวังจากความดีที่ได้ทำ

บนยอดเขาเงาทาบอาบน้ำพลิ้ว
ระลอกริ้วไล่ทิวคลื่นสุดกลืนกล้ำ
หวังส่งฟ้าข้ามฟากฝากลำนำ
เพื่อเตือนย้ำซ้ำหม่น..จากคนไกล

.............................				
6 พฤษภาคม 2552 13:33 น.

"บนกงกรรม"

คนกุลา

รำพึง  ในวัน พระใหญ่


.

ชีวิตคนล้วนมีกรรมนำวิถี

ชีวิตมีทางนำกำหนดหมาย

ชีวิตถูกผูกลิขิตขีดระบาย

ชีวิตหมายเพียงทำกรรมดีเติม

.

กรรมที่ทำนำทางอย่างรอยโค

กรรมคือโซ่ชักเกวียนเวียนซ้ำเสริม

กรรมเหมือนจะยิ่งย้ำทำอย่างเดิม

กรรมยิ่งเพิ่มเสริมย้ำกรรมก่อนนั้น

.

ใครรู้บ้างสร้างกรรมใดทำไว้

ใครรู้ได้กรรมของตนบนทางฝัน

ใครรู้ได้ชีพที่ผ่านมานานวัน

ใครรู้นั่นบ้างตัวคนที่ตนมี

.

คู่ที่ผ่านเข้ามาช่างน่ารัก

คู่ที่พักพิงใจในโลกนี้

คู่ที่เดินร่วมทางสร้างกรรมดี

คู่ที่มีธรรมะเสมอกัน

.

เกิดมาเพียงคนเดียวเที่ยวท่องโลก

เกิดมาโศกทุกข์เหงาเศร้าสุขสรรค์

เกิดมาใช้กรรมที่มีด้วยชีวัน

เกิดแสนกัลป์กัปป์วิถีที่ต้องเป็น

.

เรามาเพียงเดียวดายให้สำนึก

เราคือผลึกแห่งกรรมตามที่เห็น

เราสงสัยทำใมไม่จำเป็น

เราควรเน้นปัจจุบันเท่านั้นพอ

.



...................				
5 พฤษภาคม 2552 12:49 น.

"แค่พี่ชาย"

คนกุลา

"
มาอุบลราชธานีอีกกี่ครั้ง

มาเพื่อฟังคำตัดรอนเหมือนก่อนโน้น

ลืมแล้วหรือคำสร้อยคอยปลอบโยน

ใครตะโกนยั่วเย้าคราวแง่งอน



คอยปลอบใจในวันอันหน่วงหนัก

สายใยรักเคยสานก่อล้อออดอ้อน

เมื่อเธอมีคนใหม่ไม่อาทร

ใจรอนรอนเราอย่างดีแค่พี่ชาย


ทั้งที่รู้อยู่ว่าน่าจะจบ

แต่ทำใมถึงลบเขาไม่หาย

หรือต้องกอดสัญญากว่าจะตาย

หรือสุดท้ายมีเพียงเราเฝ้าทุกข์ทน


สัญญาใจไร้ลายเซ็นต์เป็นประจักษ์

สัญญารักไร้ลายเซ็นต์ไม่เห็นผล

สัญญาฝันเมื่อทำกันเพียงสองคน

สัญญาหม่นเห็นทีตรมล้มละลาย


คงมาพบสบตาเพื่อลาจาก

ความรักเอยคงสุดยากหากจะหมาย

ความในใจหวังเอ่ยปากตั้งมากมาย

ที่ทำได้เพียงหลบตาไม่กล้ามอง


มาอุบลบ้านคนดีอีกกี่ครั้ง

มาเพื่อฝังซากใจไหม้หม่นหมอง

เก็บงำคำฉ่ำหน้าน้ำตานอง

ป่วยการต้องถามหา...สัญญาแล้ว



....................				
4 พฤษภาคม 2552 19:01 น.

เยียบหัวใจ,,ในเมืองหลับ

คนกุลา

.............


เยราวานย่านนี้มีใครรู้

ไกลสุดกู่ขอบฟ้าเวหาหาว

มาเพื่อเพียงเลี่ยงให้ไกลใครบางคราว

ลืมเรื่องราวเศร้าใจใครบางคน

.

ฟ้าทั้งฟ้ายังมืดชืดและเงียบ

ลมเย็นเฉียบพัดเบาเบาสานเงาฝน

เมฆบางปอยลอยล่องฟ้าท้าลมบน

เมฆและฝนเป็นเช่นนี้ทุกที่ไป

.

ไฟหลายดวงพร่างแสงแต่งเมืองหลับ

ส่องแสงวับขับสายตาฟ้าเริ่มใส

ภาพรอบข้างกระจ่างย้ำขึ้นรำไร

หากหัวใจเราชืดเย็น..เหมือนเช่นเดิม

.

..................				
3 พฤษภาคม 2552 23:07 น.

สัญญาเรา...เขาลืม

คนกุลา

""""

ปุยเมฆขาวพราวหม่นบนม่านเมฆ

ก่อเกิดเฉกสลับก่อเป็นช่อชั้น

ต้นฤดูฝนใหม่ในบางวัน

ขอบฟ้าฝันทาบทอจางอย่างที่มี          



เมฆจับตัวเป็นปุยใยเหมือนในฝัน                             

เกิดภาพอันวิจิตรนิมิตสี

น้ำเบื้องล่างทางเคี้ยวคดฝายทดมี

ขุ่นวารีสีปูนข้นล้นฝั่งนอง



ที่ขอบฟ้าตอนนี้เป็นสีส้ม

ส่วนผสมสีเหลืองแดงแต่งแต้มหมอง                              

เมื่อวันนี้ไม่มีฟ้าสีทอง

หม่นสีหมองจึงต้องจำเอ่ยคำลา



แม้ไม่อยากย้ำว่าต้องลาจาก

ความคิดถึงจึงมากเกินตากหน้า

ยิ้มเย็นเย็นเร้นน้ำใสปริ่มนัยตา

คำสัญญาเคยให้เรา...เขาคงลืม                                      


.


.....................				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคนกุลา
Lovings  คนกุลา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคนกุลา
Lovings  คนกุลา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคนกุลา
Lovings  คนกุลา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงคนกุลา