3 สิงหาคม 2554 22:45 น.

**กาพย์ห่อโคลงเจนละ ๑๑**

คนกุลา

gula4kq4.jpg
ตำนานเจนละ
๑๑)
๐ แนวนทีอันบอกไว้....................จำเดิม
รอบทุ่งกุลาเสริม.........................ก่อสร้าง
ศิลาแต่งประตูเติม......................ฝายทด
คอยปิดเปิดปล่อยบ้าง.................เพื่อน้ำมีเสมอ๚ะ๛

๐ เมื่อเรียนเพ่งกสิณ
ก็รู้สิ้นดินหินทราย
น้ำมากจากทำลาย
นำมาใช้ได้ดั่งใจ

๐ ท้าวเธอท่านกะเกณฑ์
ตรวจตระเวนท่องแดนไกล
หุบห้วยละหารใด
ดูระดับจับหลักวาง

๐ สร้างฝาย ณ ที่ใด
น้ำจะไหลทุกถิ่นทาง
หุบใดที่ลึกกว้าง
ก็สร้างสระน้ำจะลอย

๐ บางย่านร่องผ่านแรง
กั้นกำแพงราวสันดอย
น้ำวนกระแทกค่อย
ทะลักพลันสู่สันเนิน

๐ หากช่องน้ำตกแก่ง
ศิลาแลงกั้นเผชิญ
ปิดเปิดเมื่อล้นเกิน
ควบคุมชลจนอุดม๚ะ๛

.....................คน  กุลา  ๓  สิงห์  ๕๔

(กว่าจะมาเป็น ไทย ภาค ๒)

 				
3 สิงหาคม 2554 19:20 น.

**สร้อยดอกปีบ**

คนกุลา

1257404570.jpg
                (๑)
๐ โอ้ดอกเอ๋ยเจ้าดอกปีบ
แม้จะรีบล่วงหว่านปูลานฝัน
ยังหอมเย็นเร้นนวลอบอวลจันทร์
กระจ่างพลันพรายพรมแสงห่มดาว

๐ ดอกสีขาวพราวระหงส์
กับรูปทรงสล้างดุจนางสาว
ผอมบอบบางพร่างพรายกรีดกรายราว
นึกโน้มน้าวแนบในหาใดปาน

๐ หากเปรียบอย่างนางแบบเอวแคบกิ่ว
ต้องหน้านิ่วเนื่องว่าอดอาหาร
เพราะทานเพลินเกินปองไม่ต้องการ
หุ่นหากพาลเผละผละใครจะดู

๐ ร่างระหงส์ทรงนอกสร้อยดอกปีบ
ชวนพี่รีบรุดกลับมารับรู้
ก่อนกลีบร่อนว่อนปลิวลมพลิ้วพรู
ไม่ค้างอยู่ยังต้นให้คนชม

๐ ในบรรดามาลัยดอกไม้หอม
ใครเคยดอมดอกปีบสูดทิพย์สม
ยามแย้มบานปานคล้ายเย้าสายลม
รื่นภิรมย์ร่ำฤดีมิมีวาย

๐ ปานหอมเทพเสพย์ไกลที่ในสรวง
เย็นหอมล่วงร่ำอยู่มิรู้หาย
ท่ามเถื่อนถ้ำแถวถิ่นกรุ่นกลิ่นอาย
ดอกโชยชายชื่นฤดีคราพี่ดอม

๐ อยากให้ดอกไม้ไทยบานในโลก
ให้ลมโบกเบิกบานกลิ่นหวานหอม
ผ่านพุ่มพฤกษ์พร่างพรมหายตรมตรอม
เมื่อปีบพร้อมบานไสวในค่ำคืน

               (๒)
๐ โอ้ดอกเอ๋ยเจ้าดอกปีบ
ถึงครารีบล่วงละเกินจะฝืน
หากอาวรณ์ย้อนย้ำสุดกล้ำกลืน
ยิ้มระรื่นกลืนกลบเสหลบตา

๐ ลอยละลิ่วปลิวควงยามร่วงหล่น
จากลำต้นแต่งราวพรมขาวหนา
ดอกงามช่อลออเด่นได้เห็นมา
ในเพลาคราที่กลีบคลี่บาน

๐ มีบางใครได้ยลบอกสนนัก
หมายว่าจักเจาะจงเพราะสงสาร
อยากจะมอบปลอบใจให้ยาวนาน
ยามซมซานซับซ้ำหยาดย้ำเตือน

๐ หากบางกลุ่มลุ่มหลงมั่นคงนัก
เริงแรงรักรุมเจ้าราวเสมือน
ให้ดวงใจใฝ่ปลื้มไม่ลืมเลือน
โรยกรายเกลื่อนกลิ่นกรุ่นอุ่นอารมณ์

๐ คุณค่ามีที่กล่าวบอกเล่าขาน
แทรกความหวานวับวาวขาวเหมาะสม
ชื้นกลีบบางกลางฝนที่หล่นพรม
ให้สายลมโลมเล้าเหมือนเย้ายวน

๐ เห็นที่ไหนใจเอ๋ยหมายเชยชื่น
กลิ่นระรื่นร่ำไกลจนใจหวน
ดั่งปีบเจ้าเคล้าเพลินเหมือนเชิญชวน
ให้พี่ป่วนปานอาจเกือบขาดใจ๚ะ๛

1257405144.jpg 


.............................คน  กุลา   ๓  สิงห์   ๕๔
 				
2 สิงหาคม 2554 13:16 น.

**กาพย์ห่อโคลงเจนละ ๑๐**

คนกุลา


ตำนานเจนละ
๑๐)
๐  ถลุงเหล็กทำที่ตั้ง................เมืองเตา
หมายมั่นทดลองเอา..................เร่งรู้
มีดจอบช่วยคนเรา...................หมายทุ่น   แรงเฮย
ดาบหอกทำเพื่อสู้......................ปกป้องแผ่นดิน๚ะ๛

๐ ถลุงเหล็กชั้นดี
เตาบุรีที่ตั้งเมือง
ช่างหมู่มากฟูเฟื่อง
สกัดหลอมพร้อมใช้งาน

๐ ขุดเกลือน้ำละลาย
เอามาใช้ดำเนินการ
ศิลาแลงแหล่งบาดาล
คลุกผสมต้มเผาไฟ

๐ ผ่านกรรมวิธี
เหล็กอย่างดีมีทั่วไป
ด้วยภูมิปัญญาไว
แปลงสิ่งไหนแถบใกล้ตัว

๐ สร้างเสียมจอบมีดพร้า
ใครทำนาใช้กันทั่ว
ดาบหอกออกน่ากลัว
ใช้ณรงค์การสงคราม

๐ ความรู้ล้วนสอนกัน
สืบต่อนั้นยิ่งงอกงาม
มุ่งหมายพยายาม
ครูสู่ศิษย์ผู้จิตเพียร๚ะ๛

.....................คน  กุลา  ๒  สิงห์  ๕๔

(กว่าจะมาเป็น ไทย ภาค ๒)

 				
31 กรกฎาคม 2554 21:57 น.

**ฝัน..กวี**(กลบทกลบกลืนกลอน แบบฉบับ จันทบูรณ์)

คนกุลา


                          (๑)
๐  กวีฝึกฝันกลอนกานท์สานกลอนฝัน
กวีฝึกร้อยเรียงวรรณมั่นเรียงร้อย
กวีฝึกคอยสื่อสารผ่านสื่อคอย
กวีฝึกความเรียงร้อยถ้อยเรียงความ

๐ นำกลอนเก้าสานประสงค์คงประสาน
นำกลอนกานท์หวามไหววาดอาจไหวหวาม
นำกลอนพิศตามติดนัยใฝ่ติดตาม
นำกลอนยามเยีอนเนาคอยค่อยเนาเยือน

๐ จึงให้กฎบทกวีคลายคลี่กวีบท
จึงให้จรดเหมือนคราวสุขทุกคราวเหมือน
จึงให้เพื่อนเตือนใจหมายใช้ใจเตือน
จึงให้เยือนกันลืมให้ไม่ลืมกัน

๐ ยามเขียนคราวเหงาหงอยช้ำย้ำหงอยเหงา
ยามเขียนเอาฝันใฝ่แนบแอบใฝ่ฝัน
ยามเขียนท่ามจันทร์พร่างใสในพร่างจันทร์
ยามเขียนวันคืนหวังคล้ายหมายหวังคืน

๐ เพื่อกลับหมายคว้าไขว่เอยเคยไขว่คว้า
เพื่อกลับมาฝืนใจรับกับใจฝืน
เพื่อกลับต้าวยืนหยัดหนอรอหยัดยืน
เพื่อกลับชื่นใจมั่นซึ้งซึ่งมั่นใจ

                          (๒) 
๐ แว่วเสียงขลุ่ยหวานแว่วหวังดังแว่วหวาน
แว่วเสียงขานไหวหวิวร่ำพร่ำหวิวไหว
แว่วเสียงครวญใจอวลกรุ่นอุ่นอวลใจ
แว่วเสียงใคร  ครวญคร่ำหา  ว่าคร่ำครวญ

๐ ฟังเสียงวอนร่ายคำเพียงเรียงคำร่าย
ฟังเสียงคล้ายหวนไห้ไยใจไห้หวน
ฟังเสียงล้วนชวนเชิญมาคราเชิญชวน
ฟังเสียงนวลลาจากย้ำจำจากลา

๐ เพลงขลุ่ยเพียงเผยใจยิ่งจริงใจเผย
เพลงขลุ่ยเอ่ยฟ้าฉ่ำเฉกเมฆฉ่ำฟ้า
เพลงขลุ่ยพรมลาลับเลือนเดือนลับลา
เพลงขลุ่ยมาคลอเคล้าราวเจ้าเคล้าคลอ

๐ แว่วขลุ่ยวนว่ายแหวกข้ามยามแหวกว่าย
แว่วขลุ่ยหมายหอห้องปองคืนห้องหอ
แว่วขลุ่ยราวรอคอยใครให้คอยรอ
แว่วขลุ่ยพ้อฤดีเศร้าร้าวเศร้าฤดี.๚ะ๛


...................คน กุลา ๓๑ กค. ๕๔
 				
31 กรกฎาคม 2554 11:37 น.

**กาพย์ห่อโคลงเจนละ ๙**

คนกุลา


ตำนานเจนละ
๙)

๐ ถนนตารางรูปนั้น...............จริงจัง
ทุกแห่งตัดเหมือนดัง................ขีดเส้น
คราคราวก่อนนั้นยัง..................คงขาด
หาเครื่องมือมาเน้น...................วัดให้มาตรฐาน๚ะ๛

๐ ทุกที่มีชุมชน
ตัดถนนเป็นตาราง
ให้คนใช้หนทาง
และวัวต่างได้เทียมเดิน

๐ ใช้เชือกสายรังวัด
มาใช้ตัดนับนานเนิ่น
ย่างกรายคล้ายเพลิดเพลิน
แบบแมงมุมสุมชักใย

๐ เรียนจากธรรมชาติ
จิตสะอาดพิสุทธิ์ใส
จิตไม่มากคราบไคล
คิดสิ่งใดก็แจ้งพลัน

๐ เครื่องมือไม่เป็นไร
สร้างลงไปตามมีกัน
ระดับจับแรงดัน
น้ำ~ฉากไม้ใช้วัดมุม

๐ คนเราต้องสัญจร
เที่ยวซอกซอนสร้างชุมนุม
ติดต่อกันในกลุ่ม
และระหว่างต่างบ้านเมือง๚ะ๛

.....................คน  กุลา  ๓๐  กรกฎ  ๕๔

(กว่าจะมาเป็น ไทย ภาค ๒)

 				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคนกุลา
Lovings  คนกุลา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคนกุลา
Lovings  คนกุลา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคนกุลา
Lovings  คนกุลา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงคนกุลา