1 เมษายน 2549 16:47 น.

นิทานกบ

ธรรมาภิวัฏ


..กาลครั้งหนึ่งเสียนานเน๑
มีผู้เห่ลำนำพร่ำขับขาน
ให้หวานแว่วกล่อมกลับเกินกังวาน
สิ่งตำนานเดิมทีมีแต่เก่า

..ณ สถานกาฬบึงแห่งป่าใหญ่๒
มีฝูงนกร้องไห้ใกล้ขุนเขา
มีฝูงลิงห้อยโหนโจนลำเนา
เกาะกิ่งเถาแมกไม้อันไหวเอน

..ฝูงส่ำสัตว์โดดเต้นระเริงร้อง๓
ขับทำนองขานขับกระแซ่เส็ง
ด้วยภาษาเข้าใจอย่างกันเอง
ด้วยร้องเพลงสัตว์ป่าว่าเข้าใจ

..สู่ถิ่นริมบึง๔
หมู่กบกว่าร้อยนึงประมาณได้
ตัวผู้เฒ่ายั้งเขย่งเปล่งความนัย
โอ้ว่าได้เวลามาปราชุม

..เราจะทำอย่างไรกันดีหนอ๕
อันตัวข้าเก่าก่อในกบกลุ่ม
เป็นหัวหน้าประชาการกบชุมนุม
ด้วยแก่กร้าวเก่ากุมรุมสังขาร์

..คงไว้เหตุละแล้วในฉะนี้๖
จะหาผู้บุญมีปีกว่ากว่า
ไหน.. ใดผู้จะนำพา
จงก้าวมาอาสาประชาการ

..หากไม่เห็นไม่หาไม่รู้เห็น๗
จะไม่เป็นชาติพันธุ์ดำรงค์สาน
ต้องสูญสิ้นกบชาติกะลาการ
จึงต้องสืบสานชาติประชาชน

..ไอ้กบเขียว๘
กะลาข้าผู้เดียวไม่ขัดสน
ข้าคือผู้ยิ่งใหญ่กะลาวน
ขอนำชนประชาชาติกบต่อไป

..ชะช่า๙
ไอ้กบด้อยปัญญาอย่าเฉไฉ
ด้วยลายพล้อยของมึงไม่แจ้งใจ
กูไม่ให้มึงดอกดูหลอกลวง


..ไอ้กบแดง๑๑
ยิ้มแฉ่งแฉ่งโดดเหยงหัวร่วน
ถึงข้ากบตาเดียวดูสมควร
ด้วยข้าล้วนฉลาดล้ำนำปัญญา

..ไอ้ชาติง่าว๑๒
ดูขี้ขลาดตาขาวเสนอหน้า
ปัญญามึงมันน้อยด้อยราคา
เสียจรรยากะลากบคบไม่ได้

..จะมีใครบ้าง๑๓
จะนำทางจบแจ้งแถลงไข
นำชาติประชากบดำรงค์ไว้
ด้วยหัวใจธรรมรงค์รักสามัคคี

..ท่านผู้เฒ่า๑๔
ตัวข้าก็กบเก่าในที่นี้
หากไม่แจ้งผู้นำดังเคยมี
ข้าก็พอจะมีวิถีทาง

..หว่ะเหวย๑๕
สหายเก่าจงเอ่ยในคำอ้าง
ทางอะไรยังดีพอมีทาง
อย่าได้วางนิ่งแน่อยู่แก่ใจ

..กบเฒ่า๑๖
เราต้องพึ่งกระสาขาวจะดีไว้
ด้วยกายาใหญ่ยิ่งกว่าสิ่งใด
ด้วยว่องไวชาญฉลาดฉกาจกล้า

..กะลาประชามติ๑๗
ฝูงเราจะดำริแห่งปรึกษา
เลือกนกขาวผู้ยิ่งยงในวนา
เป็นผู้พาฝูงเราดำรงค์ไป..

..อนาจยิ่งนิ่งในหัวใจตก๑๘
ดูปรกปรกเปล่าเปลี้ยน้ำตาไหล
ด้วยชะตาไม่อาจเปลี่ยนความเป็นไป
จึงแจ้งไว้เรื่องราวเล่าต่อมา

..สิ่งที่อาจเปลี่ยนแปลง๑๙
เราจะแจ้งใจจริงในปัญหา
ปัญญาประชาชาติ.. แจ้งใจจะนำพา
ด้วยตัดสินควรค่าประชาไทย

----------------------------------------------------------------------------------


2 เมษา 2549 วันเลือกตั้ง 
ใช้สิทธิ์ของเราเลือกผู้แทนที่เหมาะสม..


				
26 มีนาคม 2549 16:33 น.

ชื่นแดด

ธรรมาภิวัฏ


..โอ้หล่ะหนอ
ตะวันรอนเมื่อตอนเที่ยง
ระอุผ่าวแผ่วเพี้ยงบรรลัยผลาญ
ร้อนอรุโณสีห อโยทาน
ดุจจักผลาญวอดวายใต้พระเพลิง
เพลิงมิแผ่วลมมิพัดด้วยพลัดพล้าย
พระลบร้ายด้วยลอยรอแต่พอเนิ่น
นานสิแน่วแผ่วลงไปใจบ่เพลิน
เพราะรอพลบลบเติมชีวตา
สิออกแดดจักแสดแสบผิ ว ต้อง
อนาจสิ่งนิ่งนอนกระไรหวา
จักฉวยร่มบดอุดรพระสุริยา
ด้วยแพร่งพาผ่านแผ้วแนวสุรีย์
ธานีแน่แน่นขนัดถนัดถนน
ด้วยวายุมหาชนจนล้นปลี่
จักเบียดเสียดเยียดยัดถนัดที
จักแหวกคลื่นกรณีประดังไป
ฝ่าฟันสู่จุดหมายที่ปลายหน้า
จักโหนหิ้วคิ้วขาพาหวั่นไหว
เพียงเจ็ดเฟื้องสลึงบาทแทบขาดใจ
ถึงลาภได้ลงพนักพักอาสน์เอม
เดินสิเดินชมตลาดศาสน์สถาน
จวบชื่นแล้วเบิกบานการเกษม
ด่ำน้ำทิพย์จิบหกบาทอาจสิเปรม
ที่ใต้ร่มขอลมเย็นสักสองครั้ง
แม่เนื้อหอมยองใยใต้พระส่อง
กั้นคันฉ่องห่องเหินเพลินบุหลัน
เปรียบดอกไม้ใต้สวนรุกข์เทวัน
ด้วยยิ้มนั้นฝันกลางแดดพอแผดลม
สยมสมนิ่งแน่กระแท้จิต
สดุดด้วยดัดจริตจิตสนม
ขอพี่พักขนักข้างพอปรารมณ์
พอได้ชมปราณีพระพี่ น้อง
พระลบพลบแสงใต้คล้ายกำหนด
วาระหมดหนทางพลางจักต้อง
ด้วยอาลัยสายสุดาตาลำยอง
คงจักครองคลาไคลไปฉะนี้
คลื่นคำรณคนผู้ก็ซาหาย
ด้วยว่าบ่ายเบือนหน้าว่าวิถี
เบนลำนำพำนักสักราตรี
หากบุญมีคงได้พบประสบครา..



				
25 มีนาคม 2549 11:10 น.

อธิษฐานในวันดี..

ธรรมาภิวัฏ


..อธิษฐานแห่งจิต..........นิ่งนิรมิตรสาดสะท้อน๑
แน่วหทัยด่ำดิ่งดุริยพร.......สมาธิ์สมสิ่งซ้อนยิ่งฤดี

..นิ่งแน่แลนิ่งใน.........อธิกรรมฐานไซร์เยี่ยงวิถี๒
ธรรมชาติยิ่งนิ่งในที.........สงบสมเปรมปรีย์นฤพาน

..มิแปรปัน...............ผวนสู่สิ่งสรรพ์สังสาร๓
จากนานตราบเวียนว่ายสายธารทำนองสิ่งยิ่งผ่านสารพัน

..คมสิ่งสู่จิตรี...............อวยพรพิมวดีเฉิดฉันท์๔
ฉายชับดาราครานั้น.........สมสิ่งอินทร์ปันประศาส์พร

..วันดี...................สมปรารถนาดีศรีสมร๕
แรมร้ายเลือนลับดับร้อน.......เย็นสู่เอมอรกมลมาลย์

.

ในวันดี.. ขอให้สิ่งดีๆ ผ่านเข้ามา
สิ่งเลวร้ายอย่าได้หวนรำลึก
ความเหงาและความเศร้าจงมลายหายไป
พบแต่สิ่งดีๆ เถิดนะ..  
๒๕ มีนา ๒๕๔๙
				
24 มีนาคม 2549 22:43 น.

ทักทาย

ธรรมาภิวัฏ


..จากปิดตาดับเลือนอย่างหายห่าง๑
ใจยังถามความงามที่หวามไหว
จึงเปิดสู่อารมณ์ที่กว้างไกล
จึงกลายมาเปิดใจสู่ความรัก

..เปิดหน้าต่างออกมาเพื่อรับรู้๒
เปิดประตูฟ้ากว้างให้ประจักษ์
ด้วยอารมณ์ที่แช่มชื่นในความรัก
จึงได้ทักได้ทายที่รายทาง

..กับอีกหนึ่งกระดาษที่ว่างเปล่า๓
ยังรอเงาหัวใจใคร่สะสาง
จะขีดเขียนความนัยไม่ไว้วาง
จะเติมต่างกระดาษวาดพู่กัน

..ลายอักษรยังมิเลือนจากหัวใจ๔
เพียงอารมณ์ที่หวั่นไหวในคืนนั้น
ยังตั้งคำถามแห่งใจสารพัน
ที่คืนนั้นจันทร์แรมเคยแจ่มจาย

..ถามหาความคิดถึงที่คำถาม๕
เปิดหน้าต่างเยี่ยมจันทร์งามดั่งใจหมาย
ฉายแสงแห่งอักษร พรพราย
ใต้เลื่อมลายสายเทียนส่องซุ้มซอ

..กระท่อมบ้านร้านรวงฤาเงียบเหงา๖
บ้านกลอนก่ำลำนำเก่าเคยพร่ำผลอ
ด่ำอารมณ์ชมกวีที่พนอ
ด้วยเพลงคลอสำเนียงแห่งเสียงเพลง

..เพลงยาวคราวนั้นยังคิดถึง๗
ยังหวานซึ้งเสียงใสใจขะเหนง
อารมณ์ ดนตรี กวี ความรัก เคยบรรเลง
ด้วยครื้นเครงเพลงเก่ากวีกาล

..จึงเปิดหน้าต่างมารับรู้๘
เปิดประตูหัวใจในคำถาม
ถึงห่างจากหัวใจที่ไหววาม
แต่ความรักยังเบิกงามในหัวใจ

..สานสมลมลอยร้อยเรียบ๙
เปรียบเทียบหัวใจหวามไหว
หวิวอารมณ์คมคิดสนิทใน
กลอนไกรประดิษฐ์วิจิตรจาร

..รักแลคิดถึง๑๐
สหายเก่าเราจึง ใคร่ถาม
สุขทุกข์อย่างไร ฤาคร้าม
ชีวิตก็ยังงามอยู่อย่างนั้น..


------------------------------------------------------------------

				
17 พฤศจิกายน 2548 13:56 น.

รอยยิ้มในความฝัน

ธรรมาภิวัฏ


ป่านนี้เธอคงนอนแล้วกระมัง..

........................................

ฝันดี
รดีดาวดารเลื่อนเกลื่อนสกล
ทวิวีปกะกล้ำกั้นคณนาผิว์จะพ้น
กลับสกลด้นเดียวแห่งผืนฟ้า

ฝันดี
จะมีตะราตรีสลองเลื่อนที่แรมมา
หากจะห่างใจกั้นกะเพี้ยงฟ้า
ผิว์จะมาห่างฝืนกลืนเกลียวใจ

ฝันดี
แนบนิจสนิทรเนาว์วดีจะมีให้
ปันสารฉีกผนึกปึกตองใบ
ขิดจารแบ่งให้เยี่ยมไมตรี

ฝันดี
สิ่งฝันแพร้วเพริดไตรโลกนี้
ลิขิตตรึกใต้ดั่งใจที่
ธ เธอมีสมมนัสมนสิกรานต์

.......................................

ให้รอยยิ้มนั้นอยู่ในใจ และ ความฝัน ทุกวันคืน
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟธรรมาภิวัฏ
Lovings  ธรรมาภิวัฏ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟธรรมาภิวัฏ
Lovings  ธรรมาภิวัฏ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟธรรมาภิวัฏ
Lovings  ธรรมาภิวัฏ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงธรรมาภิวัฏ