เรื่องของโรงพยาบาล โปรดใช้วิจารณญานในการอ่าน (กลัวขี้เกียจอ่านกันจัง)

เสี้ยว

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อต้นเดือนม.ค.2545นี้เอง เป็นเรื่องจริงที่ไม่
เคยรับรู้มาก่อนจนกระทั่งได้พบเห็นกับตนเอง และครอบครัว เมื่อ
กลางดึกของคืนวันที่ 1 ม.ค. พ่อแน่นหน้าอกหายใจไม่ออกต้องรีบ
นำส่งรพ.โดยด่วน จึงนำส่งที่รพ.จุฬา เพราะเห็นว่าใกล้บ้านที่สุด
และมีบัตรคนไข้อยู่แล้ว (เมื่อวันที่ 30 ธ.ค.2544 พี่สาวพาพ่อไปหา
หมอที่จุฬาเพราะ มีอาการไอเจ็บคอ หมอตรวจแล้วบอกไม่มีอะไร
และให้ยามาทาน) 
คืนนั้นพ่อต้องนอนรพ.เพราะอาการหนัก หมอได้เจาะคอต่อท่อช่วย
หายใจและต่อสายให้ยาและอาหารทางจมูก หมอบอกให้ญาติกลับ
บ้านได้พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่เพราะห้ามเฝ้า เนื่องจากต้องนอนห้องรวม
ที่ ตึกวชิราวุธ (ชั้นล่าง) ทุกคนจึงต้องกลับบ้านในเวลาเกือบตีสาม 
วันรุ่งขึ้น (2 ม.ค.2545) พวกเราไปเยี่ยมพ่อ เมื่อไปถึงได้เห็นสภาพ
ห้องรวม 10 เตียง มีพัดลม 1 ตัว มีหนูวิ่งเล่น และยุงเยอะมาก (ตัว
โตเหมือนยุงป่า) เมื่อดูสภาพคนไข้แต่ละเตียงก็ยิ่งสลดหดหู่ใจ 
อาการหนักหนาสาหัสทุกราย 
ซ้ำร้ายเมื่อได้คุยกับญาติผู้ป่วยเตียงอื่นจึงรู้ว่ามีคนป่วยที่เป็นโรค
เอดส์, วัณโรค ฯลฯ ซึ่งเราคิดว่าไม่น่าที่จะนำมารวมอยู่ในห้องเดียว
กันเลย เพราะคนไข้แต่ละรายไม่แข็งแรงอยุ่แล้วอาจเกิดโรค
ติดต่อกันทางอากาศ และทำให้ทรุดหนักลงกว่าเดิม 
เราจึงถามพยาบาลและหมอว่าต้องการย้ายไปห้องพิเศษเดี่ยวได้
ไหม ซึ่งเขาบอกให้ติดต่อที่พยาบาลประจำการของวอร์ดนี้ ชื่อ มา
ณี สื่อทรงธรรม เมื่อเข้าไปสอบถามเราได้รับการมองลอดแว่นตา
ของพยาบาลผู้นี้ (ประมาณว่าคงไม่มีเงิน) และถามห้วน ๆ ว่าต้องการ
ห้องราคาเท่าไหร่ ราคาสูงสุด 3,000 บาท พี่ชายเราจึงตอบว่าราคา
เท่าไรก็ได้ขอย้ายห้อง พยาบาลคนนี้ก็ตอบว่าตอนนี้ไม่มีห้องเต็ม
หมดแล้ว แถมยังบอกอีกว่าได้นอนเตียงที่ตึกนี้ก็โชคดีอยู่แล้ว 
เพราะบางคนไม่มีเตียงจึงต้องนอนรอในห้องอุบัติเหตุ-ฉุกเฉินด้วย
ซ้ำไป 
แต่พี่ชายก็ยืนยันว่าย้ายไปห้องพิเศษเพราะไม่อยากให้ต้องนอน
ในสภาพที่เป็นอยู่ ก็ได้รับคำตอบว่างั้นต้องจองคิวไว้ก่อน และยังขอ
ให้ฝากเงินไว้ด้วย 5,000 บาท เพื่อเป็นค่าจองห้องพิเศษ 
ขณะที่กำลังดูเงินว่าพอหรือเปล่าและหันไปถามน้องสาวที่ยืนอยู่ด้วย
ว่า มีเงินเท่าไร พยาบาลคนนี้ก็มองลอดแว่นด้วยท่าทีดูถูกและบอก
ว่า ถ้ามีไม่ถึงเอามาสัก 3,000 บาทก่อนก็ได้ พี่ชายจึงวางเงินไว้ให้ 
หลังจากนั้นเราก็เข้าไปดูอาการของพ่อและถามหมอเจ้าของไข้ ได้
รับคำตอบว่าพ่อมีอาการหัวใจวาย แต่ยังไม่แน่ใจ ต้องรอตรวจให้
แน่นอนก่อนซึ่งหมอบอกว่ายังไม่สามารถทำอะไร จนกว่าจะรอให้
อาการดีขึ้นกว่านี้ก่อน เราจึงต้องเฝ้ารอดูอาการกันต่อไป 
ต่อมาช่วงบ่าย มีญาติคนไข้รายหนึ่งร้องไห้จากนั้นหมอและ 
พยาบาลประจำวอร์ดเข้ามาดูและบอกว่าเสียชีวิตแล้ว จากนั้นเอาผ้า
คลุมและเดินออกไป (โชคดีที่พ่อเราหลับอยู่ไม่งั้นถ้าเห็นคงแย่) 
จากนั้นมีคนไข้อีกรายเข้ามาพร้อมลูก เราได้ยินเขาบ่นกับลูกสาวว่า
ไม่เอาไม่นอนที่นี่ (อาจเป็นเพราะเห็นอาการแต่ละรายสาหัสและ
สภาพแวดล้อมแย่มาก) แต่ลูกเขาบอกว่าเออน่านอนไปก่อนพ่อ
เดี่ยวจัดการให้ แล้ววันรุ่งขึ้นเขาก็ได้ย้ายไปห้องพิเศษทันที (เพิ่ง
มาทราบภายหลังว่าเป็นข้าราชการซี 8) 
ขณะที่เฝ้าพ่ออยู่ห้องรวมเราได้เจอและพูดคุยกับญาติคนไข้หลาย
ราย เขาบอกกันว่าจองเตียงพิเศษทั้งห้องเดี่ยวหรือห้องรวมก็ได้มา
นานแล้ว บางเตียงอยู่เป็นอาทิตย์แล้วก็ยังไม่ได้เตียงเลย เขาบอก
กันว่าคงยากที่จะได้ห้อง บางคนบอกกลับบ้านแล้วยังไม่ได้ห้องเลย
มั้ง 
ตอนนั้นทุกคนพยายามทุกวิถีทางติดต่อหาคนรู้จักเผื่อพอมีเส้นสาย
ได้บ้าง จะได้ย้ายเตียงย้ายตึกเพราะเห็นว่าถ้ายังอยู่ตึกนี้อาจอาการ
แย่กว่าเดิม หรือตายเพราะเป็นไข้เลือดออกแน่ และอีกอย่างคือ 
ขาดการเอาใจใส่ของแพทย์ (ดูแล้วแต่ละคนจะเพิ่งเรียนจบ) คำ
ตอบของแพทย์ไม่สามารถแจงได้ว่าพ่อเป็นอะไรแน่ ทำให้ทุกคน
ไม่มั่นใจในการรักษาและมีความรู้สึกว่า เหมือนเอาคนไข้มาเป็น
หนูทดลองเรียนของสถาบันแห่งนี้ 
เราปรึกษากันและบอกหมอว่าต้องการย้ายพ่อไปรพ.เอกชน แต่ได้
รับคำตอบว่าเคลื่อนย้ายไม่ได้ หากจะย้ายญาติคนไข้ ต้องเซ็นย้าย
เอง หมอไม่เซ็นให้และยังพูดอีกว่า ระหว่างย้ายอาจช็อกอันตรายถึง
แก่ชีวิตก็ได้ 
เราจึงบอกไปตามตรงว่าไม่ค่อยสบายใจที่เห็นพ่อต้องนอนอยู่ใน
สภาพแวดล้อมที่เป็นอยู่ อีกทั้งยังสรุปไม่ได้ว่าเป็นอะไรแน่ หมอทำ
เป็นยึนยันว่าหัวใจแน่นอน เราจึงถามไปว่างั้นมีที่ไหนที่มีการ
รักษาโดยตรงเกี่ยวกับโรคหัวใจ ก็ได้รับคำตอบอย่างหยิ่งยโสของ
หมอ (ที่ดูแล้วเหมือนเพิ่งเรียนจบ) ว่าไม่มี และหมอของที่นี่ก็เก่งกัน
ทุกคน พวกเราไม่สามารถทำอะไรได้ และรู้ว่าหมอไม่พอใจเพราะหลังจากวันนั้น หมอก็ไม่ค่อยมาสนใจ คงมีแต่อาจารย์พยาบาลที่นำ
นร.พยาบาลมาฝึกภาคปฎิบัติเป็นผู้ที่ เราคอยสอบถามอาการของพ่อ
ได้ แต่ท่านและนร.จะอยู่ช่วยดูแลผู้ป่วยแค่ 3 วัน (พุธ,พฤหัส,
ศุกร์) และกลับกันตอน 4 โมงเย็น เมื่อท่านและเด็ก ๆ กลับไปแล้ว 
ก็เพลือแต่พยาบาลเวรและแพทย์เวรประจำวอร์ด ซึ่งไร้
จรรยาบรรณไม่ใส่ใจดูแลคนไข้ เพราะเมื่อมีการกดออดเรียกจาก
คนไข้หลายเตียง ซึ่งส่วนใหญ่ลุกไม่ได้และต่อท่ออากาศและท่อ
หายใจ มีคนไข้ไอและมีเสลดจึงจำเป็นต้องเรียกพยาบาลมาดูดให้ ตอนนั้นพ่อเราก็ไอเช่นกัน มีคนไข้ประมาณ 4 เตียงกดออดเรียก 
พยาบาลเวรผู้หนึ่งเดินเข้ามาด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ และยืนเท้า
สะเอวและพูดว่า กดเรียกกันอยู่ได้ ทำเตียงไหนก่อนดีวะ จาก
นั้นก็เดินไปดูดเสลดคนไข้แต่ละเตียงอย่างไม่เต็มใจ และมาที่
เตียง พ่อเรา ซึ่งเรายืนอยู่ข้างเตียงพยาบาลผู้นี้ สั่งให้เราถอดสาย
ท่อตรงจมูกให้พ่อ ซึ่งเรางงว่า เราไม่ใช่พยาบาลถ้าทำพลาดแล้วจะ
เกิดอะไรขึ้น จึงบอกให้พยาบาลผู้นั้นช่วยทำเอง เธอจึงทำและหัน
มาบอกว่า ทำแบบนี้นะทีหลังจะได้ทำเองไม่ต้องเรียกพยาบาล (เรา
ลืมดูชื่อมาไม่งั้นจะพิมพ์ชื่อประจานให้คนทั่วไปได้รับรู้ถึง ความเลว
ร้ายของที่นี้) 
เราต้องมาเฝ้าพ่อทุกวันซึ่งที่นี่ให้อยู่ได้จนถึง 2 ทุ่มเท่านั้น ได้เห็น
และรับรู้พฤติกรรมเลว ๆ ของที่นี่หลายอย่าง เราได้พูดคุยกับอาจา
ร์ยที่พานร.พยาบาลมาสอน เขาบอกว่าเราเสียเงินมาใช้บริการของ
รพ.แล้วจึงควรใช้บริการ และเป็นหน้าที่รับผิดชอบของพยาบาลที่
ต้องทำ 
เรารู้ว่าท่านเข้าใจความรู้สึกและรู้ดีว่าการทำงานของเจ้าหน้าที่ตึกนี้
เป็นอย่างไรแต่ท่านไม่มีสิทธิ์หรืออำนาจใดๆที่จะช่วยเราได้ 
ยังมีเรื่องที่เราอยากให้ทุกคนได้รับรู้ถึงระบบการโกงเงินที่ทำได้
ง่าย ของจนท. นั่นคือ การให้ญาติฝากเงินไว้ ย้อนไปที่เล่าว่าวันที่ 
2 พยาบาลชื่อ มาณี สื่อทรงธรรม ได้เรียกเก็บเงินจากพี่เราไป 
3,000 บาท โดยบอกว่าเป็นค่าจองห้อง พอวันรุ่งขึ้น (3 ม.ค.) 
พยาบาลผู้นี้เรียกเราไป บอกว่าเงินที่ฝากไว้หมดแล้ว ขอเงินฝาก
เพิ่มใหม่ เนี่ยเมื่อคืนเลยไม่กล้าให้ยาคนไข้ เพราะไม่มีเงินเบิก 
เราก็งงไม่เข้าใจ (เพราะปกติรพ.ทั่วไปจะออกใบแจ้งหนี้ ทุก 3 วัน
เพื่อให้นำไปจ่ายเองที่ฝ่ายการเงิน) เราได้รับการชี้แจงแบบห้วน 
ๆ และไม่พอใจของพยาบาลผู้นี้ว่าเป็นระเบียบใหม่ของรพ..ต้องฝาก
เงินไว้ก่อน สำหรับเบิกค่ายาต่าง ๆ ให้คนไข้ ถ้าหมดแล้วต้องฝาก
ใหม่หรือ จะฝากทีเดียวก้อนใหญ่ถ้าเหลือจะคืนวันออกจากร พ. เรา
บอกขอใบเสร็จว่า ใช้ค่าอะไรไปบ้าง หล่อนบอกต้องรอวันพรุ่งนี้ถึง
ได้ แถมยังย้ำอีกว่า ถ้าฝากเงินไว้ไม่พอเวลาจำเป็นต้องเบิกยาให้
คนไข้ก็เบิกไม่ได้ จนกว่าจะมาฝากเงินเพิ่ม เราจึงถามหล่อนไปว่า 
งั้นคนไข้รายไหน ไม่มีเงินฝากไว้ก็จะมาก็ตอนเช้า หากเกิดฉุก
เฉินตอนกลางคืน ซึ่งห้ามญาติอยู่เฝ้า คนไข้ไม่ตายก่อนเหรอ 
หล่อนจึงตอบว่า เป็นระเบียบใหม่รพ.และไม่พอใจเรา และพูดว่า
งั้นไม่ต้องฝากก็ได้ แต่ต้องจ่ายเงินทุกวันหากบิลมาเก็บค่ายาหรือ
เอ็กซเรย์ต่าง ๆ ซึ่งทุกวันที่เรามาเฝ้าพ่อต้องจ่ายเงินสารพัด รวม 5 
วันที่นอน ตึกวชิราวุธ (ชั้นล่าง) รวมเป็นเงินเกือบสามหมื่นบาท 
นี่หรือรพ.ของรัฐบาลสำหรับประชาชน ขนาดไม่ได้อยู่ในโครงการ 
30 บาทรักษาทุกโรค ยังบริการย่ำแย่ห่วยแตกขนาดนี้ แล้วถ้าคน
ไข้ที่ไม่มีเงินละ คงเหมือนวันแรกที่ต้องตายนั่นแหละ 5 วันที่ต้อง
รักษาอยุ่ที่ตึกนี้ ทรมานมากทั้งคนไข้และญาติ พวกเราดิ้นรน
พยายามหารายชื่อหมอที่เป็นอาจาร์ยหมอบนคลินิกพิเศษและไป
เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟัง ท่านบอกเป็นอาจารย์คุมตึกนี้และจะไป
ดูอาการของพ่อให้ วันนั้นที่ท่านมามีแพทย์เวรประจำวอร์ดนี้หลาย
คนตามเข้ามา และโดนอาจารย์ท่านนี้ต่อว่า บอกให้เอาต่อท่อสาย
ต่างๆ ออก เพื่อคนไข้จะได้ดีขึ้นกว่านี้ และยังพูดกับแพทย์เวรเหล่า
นั้นว่า เขาไม่ใช่คนไข้ 30 บาท รักษาทุกโรคนะ จากนั้นก็ เรียกเข้า
ไปคุยกันต่อในห้อง หลังจากนั้นพวกเรารับรู้ได้ว่า ทั้งแพทย์เวร
และพยาบาลเวรประจำตึกนี้ไม่พอใจกับการถูกต่อว่า จึงยิ่งไม่ไส่ใจ
หนักขึ้นกว่าเดิม เรากลัวว่าช่วงกลางคืน คนเหล่านี้จะทำอะไรพ่อเราหรือเปล่า เพราะไม่มีคนเฝ้า เราจึงจ้างพยาบาลพิเศษมาเฝ้า
ต้องเสียเงินคืนละ 1,200 บาททุกคืน พวกเราไม่มั่นใจในความ
ปลอดภัยของพ่อ (ไม่ใช่ว่าคิดวิตกจริตไปเอง แต่หากเราเชื่อว่าสิ่ง
เหล่านี้อาจเกิดขึ้นได้) ในวันที่ 5 ม.ค. มีโอกาสเจอหัวหน้าตึกนี้ เรา
และพี่ชายจึงไปถามเรื่องขอย้ายรพ. ท่านจึงถามเหตุผล ขณะนั้น
แพทย์เวรเห็นจึงเดินมาหาและบอกว่า พ่อเราก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ 
แล้วอย่าย้ายเลย (ทั้งที่ความจริงไม่เห็นดีขึ้นเลย) 
แต่เรายืนยันว่าอยากย้าย แพทย์เวรจึงบอกว่าย้ายไม่ได้ เดี๋ยว
อาการกำเริบระหว่างทางอันตราย เราก็เลยพูดกับหน.ตึกว่า ขอย้าย
ไปห้องพิเศษซึ่งเราแจ้งพยาบายมาณีไว้ 5 วันแล้วยังไม่ได้เลย 
ท่านหน.ตึกจึงเดินไปห้องและต่อโทรศัพท์ สักพักเดินมาบอกว่า ได้
ห้องพิเศษแต่เป็นเตียงรวม 9 เตียงเพราะเดี่ยวเต็มหมด เราและ
พี่ชายตอบทันทีว่าเอาเพราะไม่อยากอยู่รักษาที่ตึกนี้แล้ว ท่านหน.
ตึกจึงเดินไปบอกพยาบาลมาณีและให้จัดการให้ พยาบาลผู้นี้เดิน
มาบอกเราว่า จริง ๆ ยังไม่ถึงคิวของพวกคุณ แล้วห้องพิเศษรวม
เป็นแอร์นะถ้าคนไข้หนาวขึ้นมาปิดไม่ได้นะ ย้ายไปแล้วจะขอย้าย
กลับมาไม่ได้นะ แต่เราก็ยืนยันว่าจะย้าย กว่าจะทำเรื่องเสร็จจาก 
10 โมงเช้ากว่าจะได้ย้ายปาเข้าไปเกือบ 4 โมงเย็น 
พวกเราทุกคนรวมทั้งพ่อมีความรู้สึกเหมือนได้ออกจากขุมนรก
มาก ทางตึกใหม่ก็เป็นแพทย์ประจำวอร์ดกลุ่มใหม่ (นศ.เพิ่งจบ
เหมือนกัน) เขาอ่านประวัติคนไข้ตามแพทย์ที่ตึกเดิมส่งมา แต่แรา
ได้ยินเขาคุยกันว่าดูแล้วผลการตรวจวินิจฉัยแปลก ๆ จึงต้องตรวจ
ใหม่หาสาเหตุใหม่มาสอบถามกันใหม่ว่าอาการเป็นอย่างไร เมื่อ
ย้ายมาตึกนี้แพทย์ตึกนี้ได้ถอดท่อต่าง ๆ ออกหมด และให้รับ
ประทานอาหารอ่อนๆ และไม่ให้ใส่แพมเพอร์สเหมือนตึกเก่าอีก ดู
แล้วอาการก็ดีขึ้นกว่าอยู่ตึกนั้น แต่ว่าผลจากการฉีดยาของตึกเดิม 
ทำให้มีเลือดออกในช่องท้องเกิดอาการเลือดจับตัวเป็นก้อนแข็ง
เป็นไต และเจ็บปวดมากต้องให้มอร์ฟีน เราไม่รู้ว่า 5 วันที่ตึก
วชิราวุธเขาให้ยาอะไรบ้าง แพทย์ที่ตึกนี้ก็อีกอักเพราะอย่างไรก็รพ.
เดียวกันก็ต้องเข้าข้างกัน เขาบอกว่าก้อนเลือดจะสลายไปเองช่วงนี้
ต้องนอนรอให้แข็งแรงไม่มีอะไร อีก 2-3 วันคงกลับบ้านได้ แต่ผ่าน
ไป2 วันพ่อก็ยังเจ็บอยู่ เราจึงคุยกับแพทย์เวรใหม่ว่าหากเคลื่อน
ย้ายคนไข้ได้ขอย้าย รพ. เขาถามเหตุผล เราเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้น 
ณ ตึกวชิราวุธ และผลที่ปรากฎจากการรักษาคือความเจ็บปวดที่พ่อ
ได้รับอยู่ โดยที่สรุปไม่ได้ว่าเขาเป็นอะไรแน่ แพทย์ผู้นี้อีกอักอีกและบอกว่า อาการดีขึ้นแล้ว ย้ายไปรพ.อื่นก็เปลืองเงินเปล่า ๆ เรา
ปรึกษาพี่ ๆ แล้วจึงไปแจ้งหมอว่างั้นขอพาคนไข้กลับบ้าน หมอจึง
ยอม 
หลังจากนั้นเราและพี่ ๆ จึงพาพ่อไปเข้ารพ.เอกชนในทันที อยาก
ให้เมล์นี้ได้ส่งต่อ ๆ กันไป เพื่อให้ได้รับรู้ไว้ว่าระวังการเข้ารพ. อาจ
ทำให้ถึงตายได้โดยไม่รู้ตัว และผู้ที่คิดจะใช้ 30 บาท รักษาทุกโรค 
จงระวังเพราะนี้ขนาดเราจ่ายเงินแบบเต็ม ๆ ไม่ได้อยู่ในโครงการ 
ยังได้รับบริการแย่ขนาดนี้ และอย่าคิดว่ารพ.รัฐบาลถูก เพราะ
รักษาที่นี่ 8 วัน รวมเป็นเงิน สามหมื่นกว่าบาท (เฉพาะตึกวชิราวุธ
ก็เกีอบสามหมื่น) ถ้าคุณไม่ได้มีญาติเป็นหมอหรือพยาบาลหรือใหญ่
พอ อย่าคิดไปรักษาที่นี่เพราะไม่รู้ว่าจะหายหรือตายเร็วขึ้น บอก
ตรง ๆ ไม่เจอกับตัวไม่มีทางรู้ว่าในสังคมนี้จะมีเรื่องเลวร้าย แบบนี้
จริง ๆ				
comments powered by Disqus
  • ธนรัฐ สวัสดิชัย

    4 มีนาคม 2545 01:08 น. - comment id 2890

    อ่านจนจบเลยจ้า....
  • Jeminine

    4 มีนาคม 2545 12:51 น. - comment id 2891

    น่าเห็นใจน้องเสี้ยวนะคะ ขอให้คุณพ่อหายป่วยไวไวนะคะ  อ่านแล้วพี่ก็อดจะอึดอัดใจ และโมโหแทนน้องเสี้ยวไม่ได้เลย พวกชอบโกงคนอื่น กับพวกที่ไม่มีจรรยาบรรณในหน้าทีการงาน คนพวกนี้ ไม่น่าเรียกว่า คนเลย
    
    เป็นกำลังใจให้น้องเสี้ยวนะค ะขอให้คุณพ่อหายไวๆ จ้ะ
  • mono

    4 มีนาคม 2545 20:04 น. - comment id 2896

    รู้สึกแย่มาก ๆ เลย....ขอบคุณเสี้ยวนะจ้ะ ที่มาเล่าให้ฟัง ถึงความเลวร้ายอย่างนี้...หลาย ๆ คนจะได้ระวังและหาทางป้องกันได้บ้าง
  • เสี้ยว

    5 มีนาคม 2545 00:21 น. - comment id 2906

    อ๋า........ไม่ใช่พ่อเสี้ยวค่า พี่เจทท์ ลืมบอกไปว่าเก็บมาจากเว็บบอร์ดแห่งหนึ่ง ขอให้กำลังใจพี่เจทท์ลอยไปถึงคนๆนี้ด้วยละกันค่ะ  ขอบคุณที่เป็นห่วงค่ะ
  • วฤก

    5 มีนาคม 2545 04:09 น. - comment id 2909

    อ่า ... มะกล้าออกความเห็นครับ ... 
    แหะ ๆๆ พอดีวฤกทำงานใน รพ. ที่มีชื่อเสียงพอสมควร
    เรื่องห้องพิเศษเป็นสิ่งที่หายากยิ่งกว่าทองคำ
    เพราะใคร ๆ ก็อยากมารักษา demand เลยมากกว่า supply อยู่ตลอดเวลา
    มีวันหนึ่งผมไม่สบาย ... ยังต้องไปนอนห้องรวมเลยครับ ...  :-(
  • ณธีร์

    5 มีนาคม 2545 12:17 น. - comment id 2923

    เรื่องทำนองนี้ได้รู้ได้ยินมามากพอสมควร เคยมีญาติใช้บริการโรงพยาบาลรัฐเหล่านี้บ้างเหมือนกัน แต่ไม่เคยเจอยอดแย่ขนาดเรื่องนี้ ไปแปะไว้หลายๆที่สิครับ ส่งไปให้สื่อมวลชนด้วย คนไทยเรามักกลัวไปซะทุกอย่าง เลยไม่กล้าปกป้องรักษาสิทธิของตัวเอง...
  • .

    8 มีนาคม 2545 20:21 น. - comment id 3001

    ไม่น่าเชื่อเลยว่าร.พ.ดังๆจะเป็นอย่างนี้
  • ...

    8 มีนาคม 2545 20:21 น. - comment id 3002

    ไม่น่าเชื่อเลยว่าร.พ.ดังๆจะเป็นอย่างนี้
  • someone effected from this email

    22 ตุลาคม 2550 21:29 น. - comment id 19193

    เรียน ท่านผอ.โรงพยาบาลจุฬาฯ
    เรื่อง กราบขออภัยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
    เนื่องด้วยเมื่อประมาณเดือนที่แล้ว ได้มีการตั้งกระทู้ขึ้นมาข้อความหนึ่ง โดยเนื้อหาของข้อความได้กล่าวหาถึงวิธีการบริการรักษาของทางรพ.กับคนไข้รายหนึ่ง ซึ่งก็คือคุณพ่อของดิฉันเอง ตลอดเวลาที่คุณพ่อได้รับการรักษาที่รพ.จุฬา ดิฉันกล้ายืนยันว่าไม่เคยรับการปฏิบัติที่ไม่สมควรจากเจ้าหน้าที่คนใดของทางรพ.เลย อาจจะมีเพียงบางครั้งและบางท่านเท่านั้นที่แสดงกิริยาไม่เหมาะสมออกมา แต่ทางเราก็เข้าใจถึงการทำงานของท่านเหล่านั้นว่าประสบกับอะไรมาบ้าง อารมณ์ของคนถือเป็นเรื่องปกติที่จะแสดงออกมา แต่คำพูดที่ไม่เหมาะสมที่ทางเราได้ยินมานั้น ไม่ได้เป็นคำพูดที่ออกจากปากของเจ้าหน้าที่พยาบาล คุณมาณี สื่อทรงธรรม เลย รวมไปถึงค่าใช้จ่ายที่ทางรพ.เรียกเก็บก่อนนั้น คุณมาณี ก็จะอธิบายทุกครั้งเมื่อเรามีข้อสงสัย และเข้าใจผิดไปเองว่าเป็นการเรียกเก็บเพื่อจองห้องพิเศษ ซึ่งโดยแท้จริงแล้วนั้นเงินที่เรียกเก็บล่วงหน้าเป็นการนำไปเบิกยามารักษาผู้ป่วย จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางรพ.เอง และทางคุณมาณี เอง ได้โทรติดต่อมาบอกให้ดิฉันทราบเรื่อง และได้มีการพูดคุยกันอย่างเข้าใจโดยตลอด ถึงสภาพแวดล้อมของตึกรพ. ที่มีแผนการณ์ที่จะปรับปรุงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเรื่องนี้ จำเป็นต้องใช้เวลาทำนานพอสมควร
    เหตุการณ์ทั้งหลายควรจบลงด้วยดี แต่ก็มีผู้ที่ประสงค์ร้าย กลับใช้วิธีเลวทรามนำข้อความกระทู้เมื่อเดือนที่แล้วไปลงตามเว็ปไซต์ต่าง ๆ ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวงกับทางรพ. และทำให้คุณมาณีและครอบครัว ได้รับผลกระทบอย่างแรงจากสิ่งที่ไม่ได้เป็นผู้กระทำ ทางดิฉันรู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่เรื่องราวการเจ็บป่วยของคุณพ่อ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อองค์กรที่ดีอย่างรพ.จุฬา และบุคคลากรที่ดีอย่างคุณมาณี สื่อทรงธรรม ที่ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง ความภาคภูมิใจ ในหน้าที่การงานและเกิดความมัวหมองทางสังคม
    ดิฉันในฐานะบุตรสาวของคนไข้ ต้องกราบ ขออภัยอย่างสูงกับทางรพ.จุฬา และกราบขออภัยอย่างสูงกับคุณมาณีและครอบครัว เหตุการณ์ที่เกิดนี้จะเป็นตราบาปที่ติดในใจดิฉันและครอบครัวไปตลอดกับสิ่งที่ทางเราไ ม่ได้เป็นผู้ก่อขึ้น แต่ทางเรายินดีที่จะรับผิดชอบและหวังเป็นอย่างยิ่งถึงสิ่งที่เราได้กระทำไปนี้จะช่วย อะไรได้บ้างไม่มากก็น้อย
    ท้ายที่สุดนี้ อยากกราบขอร้องผู้นำข้อความกระทู้เดือนที่แล้วที่ไปกระจายตามเว็ปไซต์ต่าง ๆ ได้โปรดนำข้อความเท็จจริงอันนี้ไปลงแก้ไขกับสิ่งที่ท่านได้กระทำไปด้วย ความสนุกสนานจากการกระทำของท่านได้ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวงกับหลาย ๆ คน โปรดอย่าได้นำสื่อที่สร้างมาเพื่อให้ผู้คนได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่มีประโยชน์ต่อ กันให้กลับกลายเป็นสื่อที่ใช้สำหรับกลั่นแกล้ง ทำลายล้างกันเลย.
    จากคุณ: บุตรสาวของคนไข้ วัน / เวลา: [15 มี.ค. 2545 / 01:07:23]

thaipoem ที่สุดกลอนดีๆ

thaipoem บ้านกลอนไทยที่ที่สร้างแรงบันดาลใจของทุกๆคน เป็นเพื่อนเมื่อยามเหงา คอยปลอบใจเมื่อยามร้องไห้ ที่ที่อยากให้ทุกๆคนรู้ว่าสิ่งดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน