11 กันยายน 2546 20:54 น.

ทุกข์สลายเพราะวจีมีปัญญา

พี่ดอกแก้ว

......นิทานดีมีคุณธรรมนำความสุข 
มุ่งปลอบปลุกถ้อยวจีมีความหมาย 
ไม่รานรุกบุกประชิดคิดทำลาย 
ทุกข์สลายเพราะวจีมีปัญญา 

.....นับว่าเป็นแง่ดีที่ควรมอง 
แต่จะต้องหยุดคิดสักนิดหนา 
ว่าผู้ฟังนั้นก็ต้องมีปัญญา 
จึงรู้ค่าของชีวิตไม่คิดเบียน 

...พูดกับพาลก็เหมือนไร้มิได้พูด 
ยิ่งถูกขูดแคะไค้ให้คลื่นเหียน 
แม้นชีวิตก็ยังคงถูกเบียดเบียน 
มิอาจเปลี่ยนใจพาลให้ปานทอง 

....อันพิษภัยมีมากมายในคำพูด 
บทพิสูจน์มีมากมายที่หม่นหมอง 
เพราะบทกรรมน้อมนำตามครรลอง 
ทุกสิ่งต้องเป็นไปในสายกรรม 

....ถึงพูดดีเจรจาดูน่ารัก 
แต่อาจถูกแช่งชักและเติมซ้ำ 
ว่าปากหวานก้นเปรี้ยวในน้ำคำ 
เป็นเพราะกรรมตามทันวันนั้นเอง 
				
11 กันยายน 2546 14:15 น.

แมกไม้ในร่มธรรม

พี่ดอกแก้ว

บนเนินเขียวขจี 
ดุจพรมสีผืนกว้างใหญ่ 
สีฟ้าบนฟ้าไกล 
คือฉากสวยด้วยเสรี 

เมฆขาวที่พราวพร่าง 
ระรินร่างบนฉากสี 
งามนักหนาผืนปฐพี 
กับฟ้านี้ช่างแสนงาม 

จึงร่างวางกรอบฝัน 
วาดสวรรค์กลางสนาม 
แต่งพฤกษ์ผนึกนาม 
มิ่งมงคลผลทวี 

ไม้ดอกบอกความงาม 
ปลูกไว้ตามตำแหน่งศรี 
ไม้ใบบังรวี 
ปลูกตามทิศปิดแสงแรง 

ไม้หอมไว้ดอมดม 
ปลูกเหนือลมให้กลิ่นแฝง 
เช้าสายกำจายแจง 
หอมระรื่นชื่นทั้งวัน 

ไม้เลื้อยเรื่อยตามซุ้ม 
งามเกาะกลุ่มเป็นช่วงชั้น 
สลับสีที่ค้างพัน 
ข้างซุ้มกอก่อทางเดิน 

สวนเล็กในโลกว้าง 
งามสล้างอยู่บนเนิน 
ล้อมใจให้เพลินเพลิน 
กับแมกไม้ในร่มธรรม
				
11 กันยายน 2546 06:24 น.

โลกนี้..ที่เป็นจริง

พี่ดอกแก้ว

สีน้ำตาลก้านแห้งแข็งกระด้าง 
ใบเขียวบางกลายกรอบรอบไร้สี 
กลีบดอกคล้ำกล้ำกลืนฝืนมาลี 
กลิ่นเคยมีหมดหอมให้ดอมดม 

เพียงเวลาผ่านมาไม่นานนัก 
ดอกไม้รัก....จากฤดีที่สุขสม 
ก็หมดสิ้นสีงามไม่น่าชม 
เหลือเพียงซากอารมณ์เคยสมใจ 

เกิดจากกาลเวลาพาเปลี่ยนแปลง 
จึงแสดงความจริงสิ่งควรไข 
เมื่อมีช่วงอ่อนหวานซ่านฤทัย 
ก็อาจมีช่วงใหม่ที่ขมทรวง 

จงตักตวงความดีนาทีทอง 
อย่านั่งมองทุกสิ่งอย่างแหนหวง 
ดุจมาลีมีค่าลดาดวง 
พริบตาร่วงหล่นสิ้นไร้อินทรีย์				
11 กันยายน 2546 06:20 น.

สัมพันธ์...แห่งชีวภาพ

พี่ดอกแก้ว

ยังคงมีสีเขียวที่เรียวใบ 
ยามลมไล้ยังระบัดพัดอ่อนหวาน 
ดอกยังพลิ้วปลิวแปลงแสดงการณ์ 
ที่ขับขานเพลงไพรในสายลม 

ใบกลีบบางพร่างลงตรงพื้นหล้า 
เป็นดั่งพรมบุษบาแสนงามสม 
ดุจภาพศิลป์จินต์กวีที่ชวนชม 
ยามหมองตรมกลับฟื้นตื่นชีวี 

ที่เบื้องหลังอาจยังความหม่นเศร้า 
จงผินเงาปรับใจไม่หมองศรี 
ในเส้นทางยังมีช่วงที่แสนดี 
แม้บางช่วงอาจมีความกันดาร 

เหมือนผืนฟ้าคราวันพลันเฉิดแสง 
ต้องสิ้นแรงราตรีคลี่สืบสาน 
มีช่วงต่อก่อสุขและทุกข์ราญ 
แล้วก็ผ่านพ้นไปไม่ไยดี 

เมื่อยังมีสีฟ้ามาปรากฏ 
จงอย่าหมดกำลังใจและถอยหนี 
เมื่อยังเห็นสีเขียวเรียวขจี 
จงอย่ามีความท้อต่อทุกข์ภัย 

ไพรยังชุ่มคลุมดินในถิ่นนี้ 
ดุจไมตรีรินอาบให้วาบไหว 
รอยยิ้มมิตรร่วมทางสู่เส้นชัย 
ซับน้ำตาที่ไหลระหว่างทาง 
				
11 กันยายน 2546 06:13 น.

...พเนจร...

พี่ดอกแก้ว

ไร้นิมิตทิศทางอย่างแน่ชัด 
หมุนไปตามวงวัฏฏสงสาร 
ตามกระแสบุญบาปอาบดวงมาน 
ปฏิสนธิวิญญาณไม่ถ้วนดวง 

พเนจรรอนแรมแซมตามภพ 
ไม่รู้จบชีวิตนี้ที่แหนหวง 
หอบกิเลสติดตามมาลามลวง 
เป็นแรงถ่วงจำจองดองนที 

เพียงพริบตาคลาคลาดปราศหายใจ 
ทอดร่างไว้ให้เห็นว่าเป็นผี 
มองโลกได้ไม่นานสักกี่ปี 
จรลีเข้าไฟในกองฟอน 

ต้องเตร็ดเตร่เร่ไปในอีกภพ 
ไม่รู้จบดับจิตนิมิตหลอน 
ปุถุชนคนใคร่ใฝ่นิวรณ์ 
พเนจรเรื่อยไปในภพภูมิ 
				
Calendar
Lovers  1 คน เลิฟพี่ดอกแก้ว
Lovings  พี่ดอกแก้ว เลิฟ 1 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพี่ดอกแก้ว
Lovings  พี่ดอกแก้ว เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพี่ดอกแก้ว
Lovings  พี่ดอกแก้ว เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงพี่ดอกแก้ว