4 กันยายน 2546 06:50 น.

ใบไม้ที่ร่วงหล่น

พี่ดอกแก้ว

น้ำตาลหม่นหล่นร่วงควงลงพื้น 
ความสดชื่นพรากผลัดใบไปจนสิ้น 
ผลิใบอ่อนย้อนวงจรเป็นอาจิณ 
แล้วหมดสิ้นความขจีที่ความตาย 

มีอะไรให้ไขว่คว้าคราชีวิต 
ระดมแรงเร่งผลิตแล้วเร่ขาย 
เก็บกอบโกยกำไรไว้มากมาย 
ฉากสุดท้ายในโลงแคบแนบกายา 

กระซิบแผ่วแว่วคำนี้ที่ริมหู 
ให้เธอได้รับรู้ฉันห่วงหา 
พักผ่อนบ้างนะคนดีที่ไกลตา 
เพื่อผลิใบแตกค่าปัญญาชน 
				
3 กันยายน 2546 20:29 น.

สำนึก.....ไทย

พี่ดอกแก้ว

มิ่งนครอมรรัตน์กษัตริย์สร้าง 
มิเคยร้างความยิ่งใหญ่ในคุณค่า 
นับแต่เบื้องก่อนกาลบุราณมา 
ยังรักษาความเป็นไทยให้คงทน 

บนผืนดินถิ่นรัฐสีมา 
พระศาสนายังเฟื่องฟูอยู่ทุกหน 
ภาษาไทยยังงดงามตามหมู่ชน 
ศิลปะงามล้นเยี่ยงโบราณ 

มาบัดนี้หลายร้อยปีที่สืบค่า 
ไร้ทายาทรักษาและสืบสาน 
ภาษาไทยลูกครึ่งตรึงประจาน 
ออกเสียงอ่านมาตราใหม่ไม่เคยมี 

ศิลปะงดงามตามแบบช่าง 
ก็ล้อมวังปิดไว้ไม่สืบที่ 
ปนประยุกต์รุกไปในดนตรี 
กลายจังหวะมโหรีเป็นเท้าไฟ 

พระศาสนาถึงคราต้องหม่นหมอง 
เพราะผู้ครองผืนผ้าไม่สดใส 
ไร้จิตธรรมค้ำกายาพร่าวินัย 
กาสาวพัตร์หม่นไหม้มีราคิน 

นับจากนี้คุณความดีคงเหลือน้อย 
ความเป็นไทยคงถอยไปจนสิ้น 
สื่อสำเนียงเสียง ก กา ที่ชาชิน 
อาจจะสิ้นภาษาถ้าไม่รักษ์ 
				
3 กันยายน 2546 20:25 น.

คำยกยอ

พี่ดอกแก้ว

เมื่อดำเนินเพลินใจในทางโลก 
ต้องพบโชคพบชั้นที่หรรษา 
พบสรรเสริญเจริญใจในศักดา 
พบสุขคลอพนอค่าว่ามั่นคง 

เมื่อสำเร็จเสร็จงานที่สานฝัน 
ทั้งบากบั่นรับผิดชอบกอปรประสงค์ 
และมีชัยในสิ่งที่จำนง 
หรือพลีทรัพย์ดำรงคงคุณงาม 

คำกล่าวขานหวานถ้อยจะคอยอยู่ 
และมีผู้อยากรู้คอยไถ่ถาม 
พร้อมสรรเสริญเยินยกพกใจความ 
ว่าต้องตามคุณสมบัติชัดคนดี 

อาจหลงเกียรติรักกรอบครอบจนหลง 
หรือพะวงยศใหม่ในศักดิ์ศรี 
กลายเป็นพันธนาการสานชีวี 
ให้ตรึงติดอยู่ที่คำยกยอ 

อาจลืมเหล่าเป้าหมายในที่สุด 
มุ่งยื้อยุดสรรเสริญจนเพลินศอ 
ทำเพื่อรักษ์คุณค่าคำพนอ 
หรือเพียงก่อกำบังคำชังตน				
3 กันยายน 2546 20:22 น.

คืนสังเวียน

พี่ดอกแก้ว

งามแดนดินถิ่นทองผ่องอรุณ 
แสงแดดอุ่นทาบทอกอไม้ไหว 
ความสดเขียวเรียวก้านสะท้านใบ 
ตามสายลมพรมไกวดอกไม้คลอน 

หยดน้ำค้างล้างใบให้สวยสด 
หยาดน้ำจรดปลายแววแพรวสะท้อน 
ความสดใสล้างฤดีที่อาวรณ์ 
และอาทรแสงเช้าที่พราวตา 

เริ่มความหวังครั้งใหม่ใจฮึกหาญ 
ดังแสงฉานสานชัยในแหล่งหล้า 
ดำเนินตามรอยต่างหว่างมรรคา 
อย่างรู้ค่าชีวิตและจิตใจ 

ทุกหนแห่งคือแหล่งสังเวียนสู้ 
ให้รับรู้ประสบการณ์ผ่านวิสัย 
เสริมทักษะชนะละปวงภัย 
ต้องมีใจอดทนบนความดี 
				
2 กันยายน 2546 14:00 น.

แลจันทร์

พี่ดอกแก้ว

เฝ้าคนึงถึงวันบุหลันฉาย 
กระจ่างพรายพร่างนภาราตรีสรวง 
ละมุนละไมไอรักอุ่นในทรวง 
ให้ลุล่วงดื่มด่ำฉ่ำอุรา  

เพียงสัมผัสรัศมีนิสากร 
ที่รุ่มร้อนก็สลายคลายโทสา 
ธรรมชาตินั้นงดงามอร่ามตา 
ประดุจต้องมนตราคราแลจันทร์ 

ลออตางามนักหนาคราพานพบ 
ความสงบในราตรีที่ราวฝัน 
ท้องนภาแจ้งกระจ่างสว่างครัน 
พระพายผันเมฆามาบางเบา  

ณ บัดนั้นจันทร์ทรงกลดดูสดศรี 
ฉายรัศมีผ่องนักสลักเสลา 
ย้อนอดีตเยือนไปในรอยเงา 
สองพันปีที่เราไม่รู้ความ  

เอกบุรุษพิสุทธิ์ศักดิ์ใจรักมั่น 
มอบชีวันฟันฝ่าห้วงขวากหนาม 
แม้นเลือดเนื้อเหือดหายในชั่วยาม 
ก็มิคร้ามเพราะใจเพชรเผด็จมาร 

จากยามต้นเคลื่อนไปในราตรี 
จันทร์สดศรีโคจรจากสถาน 
ยามสุดท้ายพระผู้ทรงปรีชาชาญ 
เผด็จมารสิ้นเชื้อไม่เหลือไฟ 

นิสากรดวงเดียวกันในวันนี้ 
ยังโคจรตามวิถีที่สดใส 
ต่างแต่คนแลจันทร์อันพิไล 
ยังมิไร้บ่วงมารที่สานกรรม				
Calendar
Lovers  1 คน เลิฟพี่ดอกแก้ว
Lovings  พี่ดอกแก้ว เลิฟ 1 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพี่ดอกแก้ว
Lovings  พี่ดอกแก้ว เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพี่ดอกแก้ว
Lovings  พี่ดอกแก้ว เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงพี่ดอกแก้ว