1 กันยายน 2546 23:12 น.

ฉันเป็นคน ปากร้าย แต่ใจดี

พี่ดอกแก้ว

หลายเพลาที่ฟันฝ่าความทุกข์ยาก 
หลายเรื่องราวที่ลำบากใจหนักหนา 
หลายคืนวันที่มุ่งมั่นมอบวิชา 
หลายนาทีที่ทายท้าวิกฤตการณ์ 

เหนื่อยมากไหมที่ทำไปอยู่อย่างนี้ 
เหนื่อยมากไหมที่มุ่งพลีเพื่อศาสนา 
เหนื่อยมากไหมกับการสร้างดวงดารา 
เหนื่อยมากไหมกับการฝ่าพายุใจ 

ฉันเป็นเพียงคนดูอยู่ขอบข้าง 
ดูเธอสร้างดินเป็นดาวให้พราวใส 
ดูเธอเติมความสุขให้ใครๆ 
ดูเธอเติมใจให้ใครไปทั่วแดน 

ฉันเป็นเพียงคนมองด้วยสองตา 
เธอทำงานทุกเวลา..เหนื่อยบ้างไหม 
เธอสร้างดินให้เป็นดาวพราวพิไล 
เธอสร้างดาวให้สดใสยิ่งกว่าเดิม 

ฉันเป็นเพียงผู้ชมข้างเวที 
เห็นเธอนี้ทำแต่งานเพื่อสร้างเสริม 
แก่ส่วนรวมได้สมบูรณ์และพูนเพิ่ม 
ทั้งแต่งเติมคุณธรรมให้กำจาย 

ฉันมิได้หมายทำให้เธอทุกข์ 
มิได้พูดให้ความสุขเธอสลาย 
ฉันเพียงหวังให้เธอได้ผ่อนคลาย 
จากความเหินห่างหายที่ยังมี 

ฉันเพียงหวังฟังเสียงที่เริงร่า 
ฟังเสียงดุและบ่นว่าตัวฉันนี้ 
ฟังเสียงห้ามปนหัวเราะอารมณ์ดี 
ฉันหวังเพียงแค่นี้อยู่ในใจ 

ฉันรู้ว่าเธอมีค่าสำหรับฉัน 
มากเกินกว่าจะจำนรรจ์ออกมาได้ 
แล้วมีหรือที่ฉันจะตั้งใจ 
ทำร้ายให้เธอขื่นขมระทมทรวง 

สายตาฉันมีเธอนั้นเป็นแก้วตา 
คอยถนอมทุกเวลาและแหนหวง 
มิอยากให้ใครทำเธอช้ำทรวง 
ระวังภัยมิให้ล่วงทำร้ายเธอ 

แต่อาจเป็นเพราะว่าเราไม่เข้าใจ 
ฉันจึงทำอะไรไม่ถูกเสมอ 
ฉันคงต้องถอยออกไปไกลจากเธอ 
ก่อนที่เราจะพบเจอหนทางตัน 

ฉันเป็นคน ปากร้าย แต่ใจดี 
ฉันไม่มี เล่เหลี่ยม ไม่ใจร้าย 
ฉันเป็นคน อ่อนหวาน อยู่ข้างใน 
ฉันไม่มี พิษภัย ต่อใครเลย 

มาสิมา มาลอง ถ้าไม่เชื่อ 
ถ้าไม่เบื่อ มาลองดู ให้รู้เห็น 
มาสิมา มาลอง ถ้าอยากเป็น 
แล้วเธอจะเห็น และเธอจะเป็น คนต่อไป..ที่เข้าใจ! 
 
				
1 กันยายน 2546 18:28 น.

แสนเสียดาย..ความรู้สึก

พี่ดอกแก้ว

มองรอบกาย ไร้แสง ส่องสว่าง 
ช่างเคว้งคว้าง เดียวดาย ไร้ความหวัง 
ครุ่นคำนึง ถึงเรื่องราว ที่ประดัง 
อะไรคือ ความจริงจัง และจริงใจ 

แสนเสียดาย ความวางใจ ที่เคยมี 
มาหลอกลวง กันเช่นนี้ ช่างทำได้ 
เหน็ดเหนื่อยนัก ขอพักหลบ สงบใจ 
ให้หมดความ หมองไหม้ ในคำลวง 

อยู่มืดมิด เช่นนี้ คงดีแล้ว 
ไม่มีใคร เห็นแวว ตาชอกช้ำ 
ปล่อยให้กาล เวลา ลบความจำ 
ที่ระกำ เลวร้าย ให้สิ้นไป 

ตะวันรุ่ง พรุ่งนี้ เมื่อมีแสง 
คงจะมี เรี่ยวแรง ฟื้นขึ้นไหว 
ความเชื่อถือ ที่พลัดพราย กระจายไป 
จะกอบเก็บ รวมขึ้นใหม่ ให้ใจดี 
				
1 กันยายน 2546 18:19 น.

นักเดินทาง

พี่ดอกแก้ว

ละอองไอสีขาวราวม่านไหม 
ลอยอ้อยอิ่งเรื่อยไปทั้งผืนหล้า 
พรมทิวเขาเบาบางลออตา 
โอบพนาเพิงพักพำนักกาย 

จูงมือกันดั้นด้นบนภูผา 
เพื่อไปชมสุริยาสาดแสงฉาย 
แม้นเหน็บหนาวชำแรกแทรกผิวกาย 
ยังคงหมายเดินภูอยู่ด้วยกัน 

ถึงที่งามตามใจใฝ่อรุณ 
รับสายแดดอบอุ่นอย่างสุขสันต์ 
ลมหายใจเป็นไอและหมอกควัน 
ดูแปลกตากกว่าทุกวันที่เคยเป็น 


แสงสีทองส่องขอบฟ้าพร่าระยับ 
พร่างพรายจับบรรเจิดตาคราพบเห็น 
รัตติกาลค่อยลบเลือนและหลีกเร้น 
พุ่มพฤกษ์ไพรจึงโดดเด่นรับทิวา 

เที่ยวเดินชมแมกไม้ในยามเช้า 
หยุดฝีเท้าชมความงามของบุปผา 
ล้วนร่าเริงเคลียคลอล้อภุมรา 
ต่างเบิกบานหรรษาในมาลี 

เสียงแมลงแฝงกายทักทายกัน 
ชมสีสันพฤกษาหลายหลากสี 
อยู่บนภู...ดูโค้งฟ้าจรดปฐพี 
โลกใบนี้ช่างกว้างใหญ่ไร้ประมาณ 
				
1 กันยายน 2546 18:13 น.

เตรียมหัวใจไว้ก่อน

พี่ดอกแก้ว

....ความรักหรือจะมีแต่รื่นรมย์ 
ขื่นขมตามเศร้าเคล้าเสมอ 
วันเวลาแสนดีที่พบเจอ 
เพียงแค่เผลออาจกลายรายประดัง.... 

....เตรียมหัวใจไว้บ้างก็คงดี 
รักอาจมิได้มีอย่างที่หวัง 
วันที่เจ็บจะร้องไห้ให้ใครฟัง 
ถ้าไม่ใช่รินหลั่งรดใจตน 

........อย่าคาดหวังสิ่งใดนักความรัก 
จงรู้จักการให้ด้วยเหตุผล 
รักร่วมแบ่งปันทั้งสุขและทุกข์ทน 
คงถึงวันที่สองคนได้รวมใจ  				
1 กันยายน 2546 15:55 น.

โลกนั้นช่างน่ากลัว

พี่ดอกแก้ว

แว่วเสียงลมพรมใบไม้ในราวป่า 
เสียงพร่างพร่าคราใบไหวสะท้าน 
แว่วเสียงหริ่งเรไรในพงพาน 
เสียงระงมขับขานทำนองไพร 

พริ้มตาลงตรงหมู่ดาวที่พราวฟ้า 
สดับเสียงพนาที่สดใส 
ขับบรรเลงเพลงกล่อมย้อมหัวใจ 
ที่ทุกข์ทนหม่นไหม้เพราะเมืองกรุง 

คนมากมายหญิงชายร่วมชาติเชื้อ 
ไร้น้ำใจเอื้อเฟื้ออย่างเมืองทุ่ง 
มีเพียงตนเป็นใหญ่ใฝ่บำรุง 
ทุกชีวิตต่างหมายมุ่งเป็นหนึ่งกัน 

เสียสละ....ทิ้งขยะไปหมดแล้ว 
น้ำใจหรือ....หมดแก้วเทคว่ำขัน 
รับผิดชอบ...กอบฝังโลกโบกปูนพลัน 
สุจริต.....คือฝันไม่เป็นจริง 

ระทดท้อรอบุรุษขี่ม้าขาว 
มาสะสางเรื่องราวให้ดียิ่ง 
รอมานานหลายปีไม่ดีจริง 
จึงต้องนิ่งที่ตนค้นหาทาง
				
Calendar
Lovers  1 คน เลิฟพี่ดอกแก้ว
Lovings  พี่ดอกแก้ว เลิฟ 1 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพี่ดอกแก้ว
Lovings  พี่ดอกแก้ว เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพี่ดอกแก้ว
Lovings  พี่ดอกแก้ว เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงพี่ดอกแก้ว