11 กันยายน 2546 06:11 น.

หวังความฝันอันสูงค่า

พี่ดอกแก้ว

จักโบยบินค้นถิ่นไปไถ่ถาม 
สร้างนิยามชีวีมีความหมาย 
ปลุกปลอบชนผู้ยากลำบากกาย 
ซับน้ำตาเรียงรายที่หยาดริน 

แม้นมีเพียงสองมือถือความฝัน 
จะมุ่งมั่นทอหวังดั่งถวิล 
ถึงล้มลุกคลุกคลานเป็นอาจิณ 
ก็มิสิ้นการยืนบนผืนธรรม 

แต่ละก้าวสาวไปด้วยใจภักดิ์ 
หมายปักหลักชีวีที่งามล้ำ 
ให้แก่ผู้เหนื่อยล้าบอบระกำ 
ถึงสิ้นชีพก็จะทำด้วยเต็มใจ 

คือความหวังความฝันอันสูงค่า 
จะเหิรสู่ฟากฟ้าอย่างแจ่มใส 
แม้นปีกหักเพราะฝ่าวาตภัย 
ก็จะไปตามฝันคำสัญญา 

คงสักวันฝันมีที่ปรากฏ 
ล้างกำสรดเริ่มสรวลชวนหรรษา 
ให้กับผู้ขื่นขมตรมน้ำตา 
ถึงเวลาปลดแอกแยกโซ่ตรวน 				
10 กันยายน 2546 16:42 น.

...เรือเล็กทะเลใหญ่...

พี่ดอกแก้ว

ซัดสาดซ่านซ่ามาแต่ไกล 
เห็นไหม..เห็นไหม...คลื่นใหญ่นั่น 
จะหลบหลีกไปอย่างไรกัน 
คลื่นนั้นโหมติดหลายทิศทาง 

นาวาลำน้อยคอยโต้คลื่น 
กัดฟันทนฝืนไม่รู้ร้าง 
ไม่กลัวเรือล่มอัปปาง 
ลอยห่างจากฝั่งไม่ยั้งใจ 

คลื่นแรงแฝงเล่ห์มาเห่กล่อม 
เคลิบเคลิ้มยินยอมเข้าไปใกล้ 
โหมซัดเรือแตกในทันใด 
นาวาสิ้นไปกลายเป็นแพ 

 ทะเลชีวิตลิขิตกรรม 
คลื่นโครมโหมกระหน่ำให้ย่ำแย่ 
มุ่งสู่สำเภาทองปองดวงแด 
นาวารักแท้พุทธคุณ				
10 กันยายน 2546 16:32 น.

มันเจ็บเข้าใจไหม?

พี่ดอกแก้ว

เพียรสลักรอยใจให้งามงด 
บริสุทธิ์หมดจดดุจสีขาว 
เติมแต้มฝันเพิ่มสีสวยด้วยแสงดาว 
จนเธอพราวพร่างฟ้าน่าชื่นชม 

จะเหนื่อยสักเพียงไหนไม่เอ่ยถ้อย 
แม้เพียงคำเล็กน้อยที่ขื่นขม 
ก็เก็บไว้ในใจไม่ปรารมภ์ 
หวังเธอได้สุขสมสง่างาม 

แม้นลำบากยากแค้นถึงแสนเข็ญ 
หวังเพียงเป็นผู้ขจัดปัดขวากหนาม 
แปรเปลี่ยนสิ่งเลวร้ายให้สวยงาม 
อยู่ด้านหลังทุกยามคอยดูแล 

วันนี้เธอเป็นดาราสง่าศักดิ์ 
ฉันมองดูอย่างจงรักภักดีแท้ 
เธอกลับเมินหมางไปไม่เหลือบแล 
ไม่มีค่าให้แยแสไม่เป็นไร 

ใจดวงนี้ไม่มีคำรำพัน 
ให้เธอหวนคืนวันกลับมาใหม่ 
ขอเพียงเธออย่าแล้งในน้ำใจ 
เชือดเฉือนฉันให้หมองไหม้ด้วยวาจา 

ไม่ขอบคุณก็ไม่เป็นไรหรอก 
แต่อย่ายอกย้อนกันฉันถือสา 
ที่เธอเคยช่วยฉันแต่ก่อนมา 
ไม่อาจเทียบคุณค่าที่ให้เธอ 

เธอโอ่อ่าอวดองค์ทรงยศศักดิ์ 
บนเวทีที่เจนจัดอยู่เสมอ 
ฉันมิใช่ดาราเฉกเช่นเธอ 
ทำหน้าเซ่อหน้าเศร้าเอาคะแนน 

น้ำตาฉันรินไหลเพราะใจราน 
ได้มาพบคนพาลใจร้ายแสน 
ไม่เห็นค่าคุณใครให้ตอบแทน 
กลับโลดแล่นทำร้ายใจให้พังภินท์ 

เพียรสลักรอยใจให้งามงด 
เพิ่งรู้ว่าได้จรดบนแผ่นหิน 
ไม่อาจจารจารึกใจให้เธอชิน 
กับรสกลิ่นของความดีที่ฉันปอง 
				
10 กันยายน 2546 16:09 น.

เหนื่อยล้า

พี่ดอกแก้ว

.แดดอ่อน ลมเอื่อย เหนื่อยล้า 
พักตา เอนกาย หลับฝัน 
หลีกหนี เรื่องราว ร้อยพัน 
แค่ฝัน หนึ่งนาที ก็ดีใจ.. 
				
10 กันยายน 2546 16:01 น.

บ่มแค้น

พี่ดอกแก้ว

...ในวันนี้มีจิตติดเศร้าหมอง 
มิอาจจะประคองใจได้ดังฝัน 
โยงสายใยเชื่อมไว้ให้เกี่ยวพัน 
ถูกตัดขาดจากกันฝันมลาย 

มีอดีตกรีดไว้ให้เจ็บช้ำ 
ยังถูกย่ำซ้ำเสริมเติมด้วยหวาย 
โบยกระหน่ำย้ำให้ใจวอดวาย 
จะให้ตายคามือหรืออย่างไร 

คงสุขสมอารมณ์ที่บ่มแค้น 
จึงโลดแล่นรอนแรมอย่างแจ่มใส 
เสมือนว่าเป็นวิหคผกผินไป 
มิเคยเห็นจิตใจใครบ้างเลย 

เฝ้าคร่ำครวญชวนใครใครให้สงสาร 
ทุกที่ผ่านจารออกบอกเฉลย 
คงอยากได้เพื่อนใหม่ไว้ชมเชย 
พิโธ่เอ๋ย!! แล้วไม่เอ่ยเผยความมา 				
Calendar
Lovers  1 คน เลิฟพี่ดอกแก้ว
Lovings  พี่ดอกแก้ว เลิฟ 1 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพี่ดอกแก้ว
Lovings  พี่ดอกแก้ว เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟพี่ดอกแก้ว
Lovings  พี่ดอกแก้ว เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงพี่ดอกแก้ว