21 กุมภาพันธ์ 2553 10:29 น.

ตากระต่าย

ฤทธิ์ ศรีดวง

เช้าวันนั้น ท้องฟ้าแจ่มใสหลังจากฝนตกหนักเมื่อคืน บ้านเรือนไม้หลังเล็กกลับดูเงียบเหงา
 เด็กผู้หญิงตัวเล็กยืนร้องไห้อยู่หน้าบ้าน หญิงชราผมสีขาวท่าทางใจดี และยังดูแข็งแรงเดินมาด้านหน้า
และทรุดตัวนั่งลงยกมือเช็ดน้ำตาให้
พลอยเอ้ย...พ่อกับแม่ของหลานไปไม่นานหรอก หลานมาอยู่เป็นเพื่อนยายก่อนก็แล้วกัน 
ที่บ้านยายของเล่นเยอะแยะ มีลูกกระต่ายด้วย กำลังน่ารักเชียวอยากดูไหมล่ะ 
ยายพยายามปลอบใจหลานด้วยวิธีที่แกพอคิดได้

 รถคันนั้น คันที่พาพ่อแม่ของเธอไป แล่นฝ่าถนนลูกรังที่มีแต่คราบน้ำฝนหายไปจนลับตา
 ยายไม่รู้ว่าพ่อแม่ของหลานตัวน้อยของแกจะได้กลับมาหรือเปล่า คดีค้ายาบ้านั้นโทษหนักนัก
บางทีทั้งคู่อาจไม่ได้กลับมาชั่วชีวิตเลยก็ได้ ถ้าหากลูกสาวของแกจะเป็นอะไรไป แกอาจทำใจได้ในไม่ช้า
 แต่พลอยล่ะ..เธอยังเล็กเหลือเกิน   แกหันมองรถตำรวจที่เห็นเพียงจุดเล็กๆสุดปลายถนน
 เบือนหน้าหลบหลานซับน้ำตาเรื่อๆที่ขังอยู่ในริ้วรอยใต้ตา

  ที่บ้านยายส่วน
  บ้านยายอยู่ริมน้ำ เป็นบ้านสองชั้นยกพื้นสูง ชั้นล่างเป็นพื้นดินอัดแน่น เดินจนผิวดินเป็นมัน
 มีร้านหรือแคร่ไม้ขนาดใหญ่ใต้ถุน ยายมักจะมานอนมานั่งบนแคร่เป็นประจำ มานั่งรับลมเย็นๆ มาเคี้ยวหมากบ้าง
นั่งกินข้าวบ้าง หน้าบ้านเป็นคลองชลประทานน้ำใสสะอาด ที่ริมคลองมียอหลังใหญ่ ยายจะยกยอทุกวันเพื่อเอาปลามา
ทำกับข้าว ยายมีรายได้เล็กๆจากการขายผลไม้ในสวน ก็แค่พอเลี้ยงตัวได้เท่านั้น 

  หลายวันแล้วที่พลอยเข้ามาอยู่บ้านยาย เธอคลายความโศกเศร้าไปบ้างแล้วมีเพื่อนอย่าง เจ้าหมี..สุนัขพันธุ์ไทย
ขนสีน้ำตาล ร่างลำสัน ที่ชอบเล่นกับเธอทุกวัน และเธอก็ยังลูกแก้วเกือบร้อยลูกที่พ่อชอบผ่ากระป๋องสีสเปรย์
ตามกองขยะมาให้  เธอชอบมันมาก มันดูใสสะอาดดี ปีหน้าพลอยจะต้องเข้าโรงเรียน ยายไม่มั่นใจว่าจะหาเงินได้ทัน 
แกมองหลานอย่างสงสารจับใจ ยายอยากให้เธอเข้าโรงเรียน อย่างน้อยก็จะได้มีเพื่อนเล่นบ้าง
ไม่ใช่เล่นแต่ลูกแก้วทั้งวันแบบนี้
  ยายจ๋า หนูอยากดูกระต่าย เด็กหญิงพลอยเดินมากอดหลังคุณยายที่กำลังตะบันหมาก 
  ยายหยุดทุกอย่างที่ทำอยู่แล้วเดินจูงหลานสาวไปที่โรงเก็บระหัด 
  ระหัดวิดน้ำไม่ได้ใช้แล้วตั้งแต่ตาจากไป ยายพยายามจะใช้ประโยชน์จากมัน  แกพาหลานมาถึง
แล้วชี้มือไปที่คอกเล็กๆข้างหน้าต่าง 
 โน่นไง ตัวยังเล็กอยู่เลย ยายได้มาแค่ตัวเดียว ฉี่มันเหม็น ยายเลยไม่อยากเลี้ยงไว้ใต้เรือน
  เด็กหญิงเดินเข้าไปจ้องดู ลูกกระต่ายดูตื่นๆกับคนแปลกหน้า  
  มันกินอะไรคะ ยาย เธอถามยายทั้งที่ตาจ้องไปที่กระต่ายตัวนั้น
  กินหญ้าขน..หญ้าขนที่ริมคลองเยอะ ไม่ต้องกลัวมันอด
   ดวงตากระต่ายเป็นสีแดงใส สวยมาก จนเธอจ้องมองไม่เลิก
  ยายๆ หนูอยากได้ ตากระต่าย มันเป็นลูกแก้วใช่ไหมยาย มีเครื่องหมายคำถามในแววตาของเธอ
  ใช่จ๊ะ.. มันกลมๆและก็สีแดงใส หนูคงชอบ
  ทำไงถึงจะได้ตากระต่ายล่ะยาย
  ถ้าหนูอยากได้ต้องรอมันตายก่อน
  เมื่อไหร่มันจะตายคะ
  ต้องเลี้ยงให้ตัวโตๆ แล้วมันก็จะตาย
  งั้นหนูจะเลี้ยงมันนะคะคุณยาย
  ยายพยักหน้า แล้วจูงหลานกลับ
รุ่งเช้าวันต่อมา หนูพลอยตื่นแต่เช้าเธอถือมีดเล่มน้อยไปตัดหญ้าขนริมคลอง ได้ต้นหญ้ามาไม่กี่ต้น
 เท่าที่มือน้อยๆของเธอจะถือไหว เธอวิ่งตรงไปที่โรงเก็บระหัด 
หวัดดีตอนเช้า ฉันมีของมาฝาก เธอวางหญ้าขนลงในกรงไม้ เจ้ากระต่ายยังตระหนกกับผู้มาเยือน
 มันนั่งตัวสั่นอยู่มุมกรงใต้ไม้กระดานแผ่นเล็ก แกไม่ชอบเหรอ ยายบอกว่าแกชอบกินหญ้าขน ฉันเลยตัดมาให้
 หรือแกยังไม่หิว เธอพยายามชวนคุย ทั้งที่รู้ว่าไม่เกิดประโยชน์อะไร 
ชวนคุยจนเหนื่อย เมื่อไม่มีการตอบรับเธอจึงออกมาจากโรงระหัด ปิดประตูแล้วมาแอบดูอยู่ด้านนอก 
กระต่ายตัวนั้นค่อยๆโผล่ออกมาจากที่ซ่อนใต้ไม้กระดาน ตรงเข้าไปกินหญ้าอย่างเอร็ดอร่อยโดย
ไม่รู้ว่ามีสายตาเล็กๆคู่หนึ่งแอบดูอย่างภูมิใจ

วันรุ่งขึ้นเหตุการณ์ยังคงเป็นไปเหมือนเดิม แต่วันนี้เจ้ากระต่ายไม่ได้มุดซ่อนใต้แผ่นไม้ตอนที่เธอวางต้นหญ้าให้มัน
และอีกสามวันต่อมา เจ้ากระต่ายตั้งตารอกินหญ้าสดๆทันทีที่เธอวางลงในกรง

สองสัปดาห์ผ่านไป 
เช้าวันนี้พอเธอเปิดประตูเข้าไป เธอเห็นเจ้าของกรงชะเง้อรอเธออยู่ มันไม่หลบเธออีกแล้ว
เธอสังเกตว่าตัวมันใหญ่ขึ้นมาก  ลองอุ้มดู มันเชื่องพอที่จะให้อุ้มโดยไม่ดิ้นรน พลอยจึงถือโอกาส
ทำความสะอาดกรงให้ขนานใหญ่  ลูกแก้วสีแดงในดวงตาคู่นั้นยังคงใสแจ๋ว เมื่อไหร่หนอเธอจะได้เป็นเจ้าของมัน

ยายขา เด็กน้อยวิ่งเรียกยายเสียงหลงในเช้าวันหนึ่ง
ยายนั่งคุยกับคนแปลกหน้าอยู่บนแคร่ใต้ถุนเรือน แกหันมายิ้มให้หลานแล้วนั่งคุยธุระต่อไป 
 พลอยเห็นยายยุ่งอยู่ก็เลยไปเล่นกับเจ้าหมีที่หน้าบ้าน ที่จริงเธอไม่ชอบเล่นกับเจ้าหมีหรอก เพราะตัวมันใหญ่ 
เธอจับมันไม่อยู่ แรงมันเยอะกว่า บางทีเธอไม่กล้านอนกลางวันบนแคร่ใต้เรือนด้วยซ้ำ อุปทานคิดไปว่าเจ้าหมี
มันจะคาบเธอไปกินเป็นอาหารเย็น 

พลอยไล่หมายักษ์ออกไปพ้นตัวแล้ว หลังจากที่มันตะกายจนเธอเปื้อนไปด้วยฝุ่นกับขี้เลน แพ้มันอีกตามเคย
เด็กน้อยยืนแอบรอยายอยู่ข้างเสา เห็นคนแปลกหน้าหยิบธนบัตรสีแดง สีเทา ให้ยายปึกเล็กๆปึกหนึ่ง
 ก่อนจะเดินไปขึ้นรถที่จอดอยู่ลิบๆ เธอแอบเห็นดวงตายายเป็นประกายตอนหันมาสบตากับเธอ
ยายจ๋า เธอเรียกยายอีกครั้งพร้อมกับวิ่งไปกอดยาย 
ใครกันเหรอคะ พลอยถามด้วยความอยากรู้สายตาก็จ้องมองดูรถกระบะสองคัน ที่วิ่งเข้าไปในสวน
พวกพ่อค้าจ๊ะหลาน เขามาเหมาซื้อผลไม้ในสวน ยายหยิบเงินมาให้หลานดู
ปีนี้น้ำท่วม สวนที่อื่นเสียหายเยอะ ของเราโชคดีหน่อย น้ำขึ้นไม่ถึง ก็เลยได้ราคาดี
ยายยกมือลูบผมหลานสาวอย่างเอ็นดู  พลอยรู้ ไหมว่ายายดีใจแค่ไหน เปิดเทอมหน้ายายมีเงิน
ให้หลานเรียนหนังสือแล้ว น้ำเสียงยายสั่นเครือกอดศีรษะหลานสาวไว้แนบอก สักครู่แกจึงเช็ดน้ำตา
 แล้วจับแขนทั้งสองของหลานสาวถามขึ้นพร้อมรอยยิ้ม
ไหนๆ หนูมีอะไรหรือเปล่าเห็นเรียกยายตั้งนานแล้ว
พลอยเอาเจ้าปุยมาเลี้ยงข้างนอกได้ไหมคะยาย
ปุย..ปุยไหน?ยายเลิกคิ้ว
ก็กระต่ายในโรงระหัดน่ะซิยาย หนูตั้งชื่อว่าเจ้าปุย มันกำลังน่ารักเชียวค่ะ ขนทั้งขาวทั้งนุ่ม
อ้าวแล้วหลานไม่อยากได้ลูกตามันแล้วเรอะ
อยากได้ซิคะยาย ตามันสีแดงใส ใหญ่กว่าเก่าตั้งเยอะ หนูน้อยดวงตาเป็นประกาย
ยายขา ให้หนูเอาเจ้าปุยออกมาเล่นข้างนอกได้ไหม มันเชื่องมากๆเลยนะคะ เธอถามย้ำ
อย่าเลยหลานเดี๋ยวเจ้าหมีมันจะฟัดเอา ยายห้ามไว้
ว้า พลอยทำสีหน้าผิดหวัง เดินงอนจากไปที่โรงระหัด   

หญ้าขนริมคลองใกล้หมดแล้ว หน่อใหม่ขึ้นไม่ทันกับการเขมือบของเจ้าปุย ซึ่งบัดนี้ตัวใหญ่แล้ว
 พลอยดูแลทำความสะอาดให้ทุกวัน เธอมักจะอุ้มมาอวดยายเสมอๆ  แต่เดี๋ยวนี้เธอไม่ค่อยได้อุ้มออกมาแล้ว
 ด้วยว่ามันตัวใหญ่และก็หนัก ไม่ใช่เหตุจากเจ้าหมีหรอก เพราะหลังจากที่ยายทำหลานสาวงอน
แกก็ไปผูกเชือกล่ามเจ้าหมีไว้ ทำให้หลานสาวเอาเจ้าปุยออกมาเล่นข้างนอกได้ทุกวัน
 ทุกครั้งที่เธออุ้มมันมาหายาย เธอจะเอาลูกแก้วเก่าๆของเธอมาให้ยายดู แล้วเปรียบเทียบให้ฟังถึงความสวย
ของตากระต่ายคู่นั้น ยายไม่เคยพูดอะไรนอกจากยิ้มๆ 

ทุกๆเช้าหลังจากที่ยายใส่บาตรแล้วก็จะมานั่งที่แคร่ใต้เรือน มองดูหลานสาวตัวเล็ก ปฏิบัติภารกิจหลักตัดหญ้าขน
 แกดีใจที่ดูเหมือนพลอยจะลืมเรื่องพ่อกับแม่ลงได้ อย่างน้อยก็มีเพื่อนเล่นที่ทำให้เธอตื่นเช้า ขยันขันแข็ง ร่าเริง
 และมีวินัยมากขึ้น 

หนังสือพิมพ์ที่ชาวบ้านเอามาฝากลงข่าวนักโทษรอประหารจากโทษค้ายาบ้า แกซุกไว้อย่างดี
 ถึงแม้วันนี้พลอยจะอ่านหนังสือไม่ออก แต่คงไม่นานหรอก ซึ่งถ้าวันนั้นมาถึงวุฒิภาวะของเธออาจจะมากพอที่รับรู้
ความจริงและกล้าเผชิญกับมัน

ฝนตั้งเค้ามาแต่ไกล นานแล้วที่ฝนไม่ได้ตก สองยายหลานเร่งเก็บเสื้อผ้าที่ตากไว้ วิ่งฝ่าลมหอบตะกร้าผ้าเข้ามาในบ้าน
เดี๋ยวยายขึ้นไปปิดหน้าต่างก่อน ยายรีบขึ้นเรือนไปปิดหน้าต่างไม้ที่กำลังถูกลมตีดังปึงปัง
เสียงฟ้าลั่นครืนๆ ฝนเริ่มโปรยมาละอองมาแล้ว พลอยนึกอะไรได้บางอย่างเธอรีบวิ่งไปที่โรงระหัด  
ยายเคยเล่าว่า กระต่ายเป็นสัตว์ใจเสาะ บางทีแค่เสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าก็อาจทำให้มันตกใจตายได้
เธอเปิดประตูแล้วจุดตะเกียง มองเห็นเจ้าปุยตัวสั่นไปนั่งแอบอยู่ที่มุมกรง เธอเอื้อมมือไปลูบขนเพื่อปลอบประโลม
โอ๋ๆ ไม่เป็นไรนะ แค่ฝนตก เดี๋ยวก็หาย ครู่ใหญ่เสียงฟ้าลั่นก็เงียบลง

 ยายถือร่มมารอที่หน้าโรงระหัด
หลานพลอย กลับไปกินข้าวกินปลาได้แล้ว ไปเถอะไป แกงส้มปลาช่อนกำลังร้อนๆ 
พลอยเดินตามยายออกมาอย่างว่าง่าย    คืนนั้นเธอนอนฟังเสียงฝนในอ้อมกอดยาย นานมากแล้วที่ฝนไม่ตก
ครั้งสุดท้ายที่จำได้ คืนวันก่อนที่แม่จะถูกคนพาตัวไปคืนนั้น ฝนตกหนักมาก เสียงฝนกระทบหลังคาสังกะสีดังกราว
 เสียงดังมาก แต่เธอกลับชอบเพราะว่าฟังเพลินดี ยิ่งตอนที่นอนใต้ผ้าห่มผืนเดียวกับแม่ เป็นความสุขที่เธอไม่เคยลืม
 
ยายหลับไปแล้ว แต่พลอยยังไม่หลับ ภาพบางอย่างผุดขึ้นมาในความทรงจำ ถึงเธอจะอ่านหนังสือไม่ออก
 แต่ภาพที่เธอเห็นจากหนังสือพิมพ์ที่ยายแอบไว้ ก็พอเดาเหตุการณ์ทุกอย่างได้  ยายคงไม่เคยรู้หรอกว่าหลายครั้ง
ที่เธอไปนั่งร้องไห้ที่กรงเจ้าปุย เพื่อนคนเดียวที่เธอมีอยู่ เพื่อนที่รับฟังทุกเรื่องของเธออย่างอดทน

 เช้าแล้ว..
น้ำในคลองหน้าบ้านเป็นสีดินทั้งคลอง ตลิ่งที่ไม่มีต้นไม้คลุมถูกน้ำเซาะเป็นร่องลึก
โคนเสาเรือนมีละอองดินจับสูงราวหนึ่งศอก พื้นดินเฉอะแฉะไปหมด แต่ต้นไม้ใบหญ้ากับดูสดใส 
พลอยตื่นแต่เช้าเหมือนทุกวัน สังเกตเห็นรอยเท้าสุนัขเป็นทางยาวไปสู่โรงระหัด เธอใจหายวาบ 
เมื่อเย็นวานเธอลืมปิดประตู เด็กน้อยรีบวิ่งไปดูเจ้าปุยทันที ประตูนั้นเปิดอยู่จริงๆด้วย
 ใจเธอเต้นระทึก ภาวนาขออย่าให้เกิดอะไรขึ้น

 ในโรงระหัดเงียบสนิท มีหยดเลือดเปื้อนที่ขอบกรง เจ้าปุยนอนเหยียดยาวมีบาดแผลฉกรรจ์ที่ลำคอ
 ดวงตาสีแดงที่เคยใสดุจลูกแก้วกลับดูขุ่นและมีคราบฝ้าสีขาวเคลือบอยู่ พลอยนั่งลงข้างๆกรง
 เป็นอีกครั้งที่เธอต้องพบกับคำว่าสูญเสีย 
ปุย ทิ้งพลอยอีกคนแล้วเหรอ พลอยไม่อยากได้ลูกตาปุยแล้วนะ พลอยอยากให้ปุยกลับมา
 กลับมาเล่นกับพลอยเหมือนเดิม 


ลมยามเช้าพัดเย็นสบาย เสียงนกบนต้นไม้ร้องเพลงอย่างเริงร่า แต่ถ้าตั้งใจฟังให้ดีจะได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆ
 ของเด็กหัวใจสลายคนหนึ่งลอยแทรกอยู่ในสายลม..

..				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟฤทธิ์ ศรีดวง
Lovings  ฤทธิ์ ศรีดวง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟฤทธิ์ ศรีดวง
Lovings  ฤทธิ์ ศรีดวง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟฤทธิ์ ศรีดวง
Lovings  ฤทธิ์ ศรีดวง เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงฤทธิ์ ศรีดวง