28 สิงหาคม 2553 22:22 น.

เด็กหญิงพลอยดาว

ฤทธิ์ ศรีดวง

๑.ม้าไม้นั้นยายนั่ง	
แกเอนหลังอ่านหนังสือ
นางฟ้าผู้ตาปรือ		
มาแอบนั่งฟังเรื่องราว
  ยายจึงปิดปกหน้า		
เหลือบสายตามองหลานสาว
สาวน้อยชื่อ พลอยดาว	
มาหนุนตักเพราะรักยาย  
  ขอฟังนิทานกล่อม                  
นางผมหอม, จอมวายร้าย
อื่นอื่นอีกมากมาย                   
ที่ยายเล่าก่อนเข้านอน
  ตักยายนิ่มกว่านุ่น                    
และอบอุ่นกว่าหนุนหมอน
ปวดหัวและตัวร้อน	                 
ยายจะพัดขจัดภัย
  ยายคอยลูบปอยผม                  
ที่พริ้วลมดุจพรมไหม
ตาพริ้มยิ้มละไม 		 
ตั้งสติฟังนิทาน

๒.เริ่มเรื่อง ณ เมือง	หนึ่ง	
ที่สวยซึ้งและไพศาล
แม่มดผู้สามานย์	
ได้แอบเฝ้ารักเจ้าชาย
  เจ้าชายสุริยัน		
มาถึงวันได้หมั้นหมาย
เจ้าหญิงดาราราย		
ผู้เลอโฉมดั่งโคมจันทร์
  งานเลี้ยงกลางเมืองหลวง	
อาทิตย์ดวงดังดับขันธ์
เมฆบังดวงตะวัน		
นางแม่มดปรากฏกาย
  คำรามด้วยความแค้น	
สาปคนแสนให้สูญหาย
เหลือนางกับเจ้าชาย	
และสุดาผู้ลาวัลย์
	
๓.แม่มดสบถถ้อย		
เจ้าหญิงน้อยเนื้อสมัน
เจ้าชายสุริยัน	
เป็นของข้าดาราราย
  สิ้นเสียงจึงสาปซ้ำ		
เป็นมนต์ดำเข้าทำร้าย
เจ้าหญิงกอดเจ้าชาย		
อิงอกอ้อมตายพร้อมกัน
  นางร้ายก็กรีดร้อง		
น่าขนพองสยองขวัญ
เห็นชัดอัศจรรย์		
คำสาปซ้ำไร้น้ำยา

๔.แรงรักอันศักดิ์สิทธิ์ 	
แรงกว่าอิทธิฤทธิ์กล้า
แม่มดก็โกรธา		
หน้าแดงเลือดอย่างเดือดดาล
  เจ้าชายสุริยัน		
ด้วยเชิงชั้นชาติทหาร
จะพ่ายหรือวายปราณ	
จะป้องนุชจนสุดใจ		
  มารเอ่ยอย่างเย้ยหยัน	
จะรักกันถึงวันไหน		
เอาซิ..พิสูจน์ไป		
ชั่วกัปกัลป์นิรันดร์กาล
  โอม..ผีและปีศาจ
ขออำนาจพญามาร
ฤทธาแห่งซาตาน
ประสิทธิ์ผลเสกมนตรา
  เจ้าชายจงกลายร่าง		
เป็นแสงสางสุริยา
เจ้าหญิงผู้โสภา	
เป็นหญ้าน้อยผู้ด้อยแรง
  รอคอยดวงตะวัน		
อย่างโศกศัลย์มาปันแสง
น้ำตาราคาแพง
เป็นน้ำค้างอยู่กลางไพร
   หากหญ้ายังกล้าแกร่ง
ที่แห้งแล้ง ณ แหล่งไหน
เหน็บหนาวยังพราวใบ
ถ้าอุทัยยังทาบทอ
  ข้าจะศิโรราบ
ถอนคำสาปทุกทุกข้อ
ถ้าเจ้านั้นเฉากอ
จะเป็นหญ้าชั่วฟ้าดิน
  เจ้าจะรู้ใจเจ้า
หนักแน่นเท่าภูเขาหิน
หรือสูงกว่ากาบิน
หรือรวยรินแค่กลิ่นจาง

๕.เริ่มจากทะเลทราย	
หลังฝนพรายลงพรูพร่าง
ต้นหญ้าผู้บอบบาง		
ก็เผยร่างขึ้นกลางทราย
  ฝนแล้งหญ้าแห้งผาก	
ถ้าฝนหลากหญ้าขยาย
จะตื่นจากความตาย		
รับตะวันนิรันดร
  แม่มดใช่หมดท่า		
จึงกล่าวว่า..  จงช้าก่อน
รอดตายจากทรายร้อน	
ใช่หมายข้าจะปราณี 
  เสกทรายให้หายแล้ง	
ยุคน้ำแข็งเข้าแทนที่
ทั่วพื้นปฐพี		
จึงเย็นเยือกถึงเปลือกฟ้า
  อุณหภูมิที่ผิวเนิน		
ติดลบเกินศูนย์องศา
แสนสัตว์สูญชีวา		
แม้หญ้ายอดก็วอดวาย

๖.กระทั่งสุรีย์ส่อง		
สาดแสงทองทอประกาย		
ตื่นเถิดดาราราย		
อย่ายอมแพ้แก่นางมาร
  เสียงสั่งนั้นดั่งปร่า		
เธอเหนื่อยล้าจากพร่าผลาญ
ขอหลับชั่วกัปกาล
ใต้แผ่นพื้นน้ำแข็งพราว
  สุสานธารน้ำแข็ง		
ลมพัดแรงและเหน็บหนาว
ฤดูกาลนานยาว		
ไร้ดวงแดดเดือนตะวัน
  สิ้นพายุน้ำแข็ง		
ก็เริ่มแสงแห่งคิมหันต์
หญ้าหยัดขึ้นกัดฟัน		
โผล่ยอดยืนจากพื้นเย็น

๗.  มารร้ายไม่คลายแค้น	
พ่ายกับแผนช่างแสนเข็ญ
หลอมโลกละลายเป็น	
ทะเลวนอันเวิ้งว้าง
  หญ้าล่มลงจมเร้น	
มองไม่เห็นแสงสว่าง
มืดดับเหมือนอับปาง	
ผู้หลงทางคงวางวาย
  คลื่นเคลื่อนสะเทือนลั่น	
น่าอกสั่นน่าขวัญหาย
แต่หญ้าดาราราย		
กลับรอดตายเพราะกลายพันธุ์
  อยู่แหล่งพอแสงสาด	
ธรรมชาติจึงคัดสรร
เห็นเดือนดวงตะวัน	
ท่ามกลางป่าปลาการ์ตูน

๘.นางร้ายร่ายคำสาป	
ให้เลราพณาสูร
โผล่หินแผ่นดินพูน		
แลเศษซากปะการัง
  พอพ้นจากมนต์มืด		
ก็พราวพืชน้ำจืดขัง
หญ้าจมในตมปรัง		
ชูต้นพริ้วพ้นผิวน้ำ
  นางร้ายยังไม่ท้อ		
เห็นต้นฝ่อหญ้ากอช้ำ
ใบบางกระด่างดำ		
เพราะกรำกร้านมานานปี
  ด้วยเดชแห่งเวทย์มนต์	
บันดาลดลด้วยฤทธี
คืนพื้นปฐพี		
เฉกเช่นตอนแต่ก่อนมา
  แดดเช้าจึงเข้าห่ม		
ระลอกลมระงมหญ้า
แม่มดเสกศิลา		
เป็นแผ่นกว้างทับกลางดิน
  หญ้าเขียวขจีแสน		
ถูกทับแบนด้วยแผ่นหิน
ชีพม้วยระรวยริน		
แล้วลุกลามสู่ความตาย
  ไม่สิ้นข้อพิสูจน์		
แม่มดพูดครั้งสุดท้าย
จะรับความอับอาย		
ถ้าพ่ายพลั้งอีกครั้งเดียว
  ไม่เชื่อว่าเวลา		
จะอัปราแก่หญ้าเขียว
รักมั่นดังขันเกลียว		
ยังหันเหเพราะเวลา

๙.ร้อยปีก็ผ่านพ้น		
มีไม้ต้นขึ้นเต็มป่า
หินทับพสุธา		
ยังทับหญ้าอยู่อย่างนั้น
  ใจร้างของนางมาร		
คิดว่ากาลที่ผ่านผัน
ขยี้ชีพชีวัน		
ดับชีวาดาราราย
  จึงจับศิลาง้าง		
ตะแคงข้างแล้ววางหงาย
ดินราบระนาบทราย	
ก็ปรากฏแก่สายตา
  หญ้าย่อมถูกย่อยยุ่ย		
เป็นเศษปุ๋ยแก่พฤกษา
มารร้ายค่อยคลายล้า	
แล้วเพ้อพร่ำว่ากำชัย

๑๐.ดินปิดเมื่อถูกเปิด	
ย่อมกำเนิดชีวิตใหม่
สัมผัสแสงอุทัย		
กับความชื้นในพื้นดิน
  ยอดหญ้าศิลาทับ		
ก็คืนกลับจากดับดิ้น
เนื่องแน่นแสนชีวิน		
แย้มยอดเขียวกันเกรียวกราว
  กำชัยไฉนชวด		
ยิ่งเจ็บปวดยิ่งรวดร้าว
ล้างผลาญมานานยาว	
สุดท้ายข้าก็ปราชัย
  นางนึกถึงพฤกษา		
ที่ใบหนาและต้นใหญ่
โคนร่มและรำไร		
ไร้ยอดหญ้าแม้หย่อมเดียว
  หญ้าต้นไม่ต้องแสง		
จึงเหลืองแล้งและแห้งเหี่ยว
ซบกายลงทรายเซียว	
แค่ม่อยหลับใช่ดับลง
  ถ้าโค่นต้นไม้ใหญ่		
หญ้าย่อมได้อานิสงส์
แสงทอดไปทั่วพง		
เรียกหญ้าตื่นเป็นหมื่นตอ

๑๑.การแพ้ทำแม่มด	
เศร้าสลดรันทดท้อ
อวิชาอันบ้าบอ		
เป็นกรรมกั้นกำบังตา
  หล่นร่วงลงห้วงทุกข์	
แต่ผู้สุขคือต้นหญ้า
พ้นทุกข์เวทนา		
เพราะถือกฎความอดทน
  ยิ่งแค้นยิ่งแสนบาป		
ถอนคำสาปในบัดดล
ฝันร้ายได้คลายมนต์	
สองกษัตริย์อุบัติกาย
  ขอโทษองค์ราชันย์		
ขอรับทัณฑ์ในวันพ่าย
เจ้าหญิงและเจ้าชาย		
ต่างยกโทษไม่โกรธเคือง

๑๒.สาวน้อยหรือพลอยดาว	
ฟังเรื่องราวจนจบเรื่อง
ทั้งสองคงครองเมือง	
อยู่ร่วมกันนิรันดร
  พลอยดาวกล่าวตอนท้าย	
ว่าจบคล้ายเรื่องก่อนก่อน
ตาหน่วงเพราะง่วงนอน	
แล้วผล็อยหลับไปนับดาว
  ยายจูบลูบผมหลาน		
หลับนานนานนะหลานสาว
ใช่เรื่องทุกเรื่องราว		
ฉากสุดท้ายจะคล้ายกัน

๑๓.เมืองเกิดโรคระบาด	
โรคประหลาดน่าหวาดหวั่น
ชาวแคว้นนับแสนพัน	
ถูกไข้เข่นตายเป็นเบือ
  เจ้าหญิงและเจ้าชาย		
ก็ล้มตายลงไม่เหลือ
ฝากลูกคือเลือดเนื้อ		
กับมารแก่ผู้กลับใจ
  หนูน้อยนั้นน่ารัก		
น่าฟูมฟักเอาใจใส่
ตาเศร้าและเยาว์วัย		
ชื่อหนูน้อยคือ..พลอยดาว..

๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๓				
17 สิงหาคม 2553 22:18 น.

ปลดระวาง

ฤทธิ์ ศรีดวง

เรือลำเก่าซ้ำซ่อมจนซอมซ่อ
ถอนสมอกลางคลื่นในคืนเปลี่ยว
มีจันทร์ทองนำทางเพียงอย่างเดียว
ลอยโดดเดี่ยวลำพังกลางทะเล

บรรทุกปลาเต็มลำเกินน้ำหนัก
โกลนจะหักเรือเอียงกระเท่เร่
พอลมปั่นเลป่วนก็ซวนเซ
แทบจะเทข้าวของลงท้องน้ำ

โรยกำลังแรงเครื่องแหละเฟืองท้าย
หากลมร้ายพรายน้ำคำรามร่ำ
จะหันหัวเรือหาชะตากรรม
หรือหาถ้ำเข้าจอดเพื่อปลอดภัย

เขียนปูมเรือร้อยเล่มด้วยเข็มทิศ
ชั่วชีวิตนอกตลิ่งนั้นยิ่งใหญ่
ผ่านน่านน้ำกรำคลื่นเป็นหมื่นไมล์
จะกางใบจนหมดปลดระวาง

ฝ่าสลัดทมิฬหินโสโครก
พายุโยกเรือเอียงฟ้าเปรี้ยงปร้าง
กี่ครั้งหลบหลงออกนอกเส้นทาง
ผู้หันหางเสือกลับคือกัปตัน

จนรุ่งแจ้งแสงเรืองกลับเหลืองเรื่อ
ชาติชาวเรือเห็นเหตุดีเปรสชั่น
จะทะยานเข้าท่าอันดามัน
จึงเร่งหันเรือหลบไปกบดาน

เรือที่ล้ากำลังจะพังผุ
วิทยุเครื่องมือไม่สื่อสาร
ใช้มองฟ้าอากาศสัญชาตญาณ
จะถึงกาลถลำสู่ความตาย

จึงเบี่ยงหัวเรือเร่งอย่างเก้งก้าง
อาจเป็นการเดินทางครั้งสุดท้าย
จากฟ้าครามงามงดฟ้าจรดทราย
จะกลืนพรายฟองคลื่นอันรื่นรมย์

เห็นหุบผาไรไรยังไกลจัด
เร่งใบพัดถอยหลังเสียงดังขรม
ทะเลป่วนปรวนแปรกระแสลม
โถมถล่มเรือผุทะลุพรุน

ดีเปรสชั่นบ้าคลั่งกำลังต้อน
เป็นโซนร้อนก่อนไต่เป็นไต้ฝุ่น
คลื่นถล่มทะเลบ้าช่างทารุณ
แรงลมหมุนก้นหอยกว่าร้อยไมล์

ฟ้ามืดแปลบแลบปลาบเป็นวาบวับ
เรือหมุนกลับชนหินแผ่นดินไหว
โลกมนุษย์ฤๅมันจะบรรลัย
แต่หัวใจกัปตันยังมั่นคง

แม้ไม่อาจจะต้านการปะทะ
ก่อนเรือจะยับยุ่ยเป็นผุยผง
สละเรือเถิดผู้ทรนง
หรือจะลงจับปลาใต้บาดาล

ปิดปูมอันเหลือเชื่อเถิดเรือเฒ่า
จะโง่เขลาเบาปัญญาหรือกล้าหาญ
ย่อมอยู่ที่วิจารณญาณ
ปิดตำนานนาวาอย่างท้าทาย

แล้วโลกก็แต้มแต่งด้วยแสงเรื่อ
ส่องซากเรือรุ่ยแหลกแตกสลาย
กับซากนกน้ำกวาดขึ้นหาดทราย
ณ จุดหมายรองรับสำหรับเรือ..

๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๓				
4 สิงหาคม 2553 22:50 น.

จดหมายถึงแม่ ฉบับที่ ๒ : ดาวความหวัง

ฤทธิ์ ศรีดวง

๑.เขียนในห้องคร่ำคร่าใต้ผ้าห่ม
ใต้พัดลมเพดานกับม่านเก่า
เมื่อไหร่หนาพายุจะทุเลา
หรือพระเจ้าทรงโปรดความโหดร้าย

คืนนี้ที่กันสาดอพาร์ทเมนท์
สายฝนเย็นยังสาดไม่ขาดสาย
อาจเย็นถึงความเหงาอันเปล่าดาย
ที่วุ่นวายอ้างว้างของบางคน

แสงจากเสาไฟฟ้าดูพร่านัก
ฝนตกหนักจนนองท้องถนน
เถิดล้างคราบไคลกลิ่นผู้ดิ้นรน
ให้ไหลหล่นลงท่อระบายน้ำ


๒.แม่ครับ
แม่คงหลับตาพักแต่พลบค่ำ
ฟ้าบ้านเราคงหม่นและมืดดำ
ที่ขนำกลางนาคงจ้าดาว

ดาวที่แม่ให้นามว่า..ความหวัง
คงสุกปลั่งเปล่งแสงเหนือแปลงข้าว
คอยปลอบลูกคราวทุกข์อยู่ทุกคราว
และส่งข่าวของแม่เสมอมา

ว่าตะเกียงดวงน้อยแสงร่อยหรี่
หากคืนนี้ฟ้ารั่วจนทั่วฟ้า
คงรั่วลงรูพังของหลังคา
ที่สองตาพระเจ้าไม่เข้าใจ

คืนที่โชกชื้นฟ้าถึงผ้าห่ม
แม่จะข่มตาหลับลงได้ไหม
ดาวหลังฟ้าพร่าดำคงอำไพ
อาจสดใสยิ่งกว่าเคยจ้าดวง

ลูกยังแข็งแรงอยู่ยังสู้ไหว
โรคหอบไอภูมิแพ้ที่แม่ห่วง
ทุเลากว่าโลกกร่อนที่หลอนลวง
ที่คอยล้วงกัดกินถึงวิญญาณ

ฝนเริ่มซาหน้าต่างก็สร่างฝน
มีบางคนคอยนับวันกลับบ้าน
จะบอกดาวความหวังให้กังวาน
ให้ทอแสงตระการกว่าล้านดาว

จดหมายนี้แก้ไขอยู่หลายรอบ
ทั้งไอหอบในคืนที่ชื้นหนาว
เมืองนี้เห็นดาราเพียงพร่าพราว
แม้ฟ้าหาวเดือนเสี้ยวดวงเดียวกัน

ไม่นานหรอก.ดอกกระถินจะกลิ่นหอม
เงินเก็บออมพอเหลือเพื่อเรือนขวัญ
จะกลับมุงหลังคาไม่ช้าวัน
แหละนี่คือคำมั่น..ลูกสัญญา.

๓ สิงหาคม ๒๕๕๓				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟฤทธิ์ ศรีดวง
Lovings  ฤทธิ์ ศรีดวง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟฤทธิ์ ศรีดวง
Lovings  ฤทธิ์ ศรีดวง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟฤทธิ์ ศรีดวง
Lovings  ฤทธิ์ ศรีดวง เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงฤทธิ์ ศรีดวง