18 สิงหาคม 2546 01:05 น.

บทสุดท้ายจากใจแม่

ลำน้ำน่าน

มะลิซ้อนขาวพร่างวางตรงหน้า
กราบมารดาพระคุณล้นพ้นห้วงน้ำ
จากลูกชายที่ห่างหายไปนับนาน
อยู่ไกลบ้านยิ่งไม่เคยได้เชยชม

เลือดในอกหอบดอกไม้มาให้แม่
พระคุณแท้หยดไหลหลั่งดั่งบุญถม
รดหัวลูกจนเติบโตโผล่จากตม
แม้นขื่นขมสุดตรอมยอมกัดฟัน

สารภาพผิดทั้งผองของลูกชาย
ทุกเรื่องร้ายแม่ยังมอบปลุกปลอบฝัน
แม้นทิ้งไปเสวยสุขทุกคืนวัน
ลูกจาบัลย์เมื่อข่าวคราวร้าวกลายมา

มารดาเจ้าป่วยหนักจักต้องพึ่ง
คิดคะนึงก่อนล่วงลบดินกลบหน้า
เพ้อพะวงหลงเรียกลูกทั้งน้ำตา
แต่ชะตาพาเลือดชั่วไม่กลัวกรรม

โอ้ลูกรักคืนย้อนมาครวญหาแม่
โธ่! อีแก่ยังไม่ตายหรอกหรือนั่น
สมบัติพ่อที่เหลือไว้อยู่ไหนกัน
ลูกจะเอาต้อนรับขวัญศรีภรรยา

แม่ได้ฟังดั่งดวงใจเปลวไฟเผา
จิตบางเบาเริ่มหน่วงหนักรักตรงหน้า
ใจสลายเหลวเหลกแล้วเจ้าแก้วตา
สิ้นอุราเพราะน้ำคำของลูกชาย

ดอกมะลิที่วางเรียงเพียงหน้าตัก
คือกลรักหลอกใจแม่ให้แพ้พ่าย
หวังลายเซ็นยกสินทรัพย์ก่อนดับตาย
แล้วทำลายขยี้ทิ้งไม่ยินดี

คือความจริงในสังคมถมตกต่ำ
จิตใจดำของมนุษย์ในยุคนี้
หลงงมงายกระแสโลกโฉดโลกีย์
ชังความดีเมินศักดิ์ศรีความเป็นคน

พระคุณแม่ยิ่งสิ่งใดในผืนหล้า
ยิ่งกว่าฟ้ามากกว่าทรายรายถนน
จดแผ่นดินสิ้นสมุทรสุดหยั่งยล
ลูกไม่พ้นต้องชดใช้ในรอยกรรม

บทเรียนร้ายด้วยตัวแม่แค่คนจน
พร่ำส่งลูกเป็นนายคนจนถลำ
หลงอำนาจขาดเจือจุนมาหนุนนำ
ใจระยำอกตัญญูผู้มีคุณ

จิตวิญญาณความยิ่งใหญ่ในใจแม่
ดุจเพชรแท้บูชาค่าอย่าให้สูญ
แม้นไม่ตายพรากจากไปให้อาดูร
ควรเทิดทูนไว้เหนือเกล้าเจ้าจงจำ

ณ  วันนี้แม่คงอยู่คู่เรือนร่าง
แต่หนทางพร้อมจะหยุดทรุดซบซ้ำ
เลือดในอกหลงซึ้งซาบในอธรรม
เหยียบแม่ต่ำชูเมียขวัญขึ้นทันคุณ

เพียงส่วนน้อยแม่กลั่นกลอนมาสอนจิต
เพียรพินิจก่อนกายาลาดับสูญ
หวังเห็นลูกชูสูงส่งวงศ์ตระกูล
สืบสานบุญคุณยิ่งใหญ่...ผู้ให้ชีวี


หลายครั้งที่ลำน้ำน่านเห็นผู้หญิงเพศแม่ที่ต้องทุนทุกข์ทรมาน 
ที่เลือดในอกกล้ากระทำได้ถึงเพียงนี้.......
เขียนบทกวีนี้แทนใจแม่ที่รานร้าวในวันนี้ ฝากคำไปให้ลูกได้รับรู้  
ด้วยสำนึกและอยากจะกอดปลอบฝัน มอบอุ่นไอมนุษย์ให้ ด้วยหัวใจที่รักแม่ 
รักเพศผู้ให้อย่างที่สุดหาประมาณไม่พบไม่เจออีกแล้วในชีวิตหนึ่งนี้  

แรงบันดาลใจอย่างยิ่งยวด ที่ได้อ่านหนังสือถึงเรื่องราวของหญิงผู้อุทิศตน 
นักบวชในคริตศาสนาผู้หนึ่ง ครอบครองรางวัลอันทรงเกียรติมากมาย
ที่วันหนึ่งเธอเดินไปตามทางถนนสายเดียวดายในประเทศอินเดีย 
ระหว่างเส้นทางอันเปลี่ยวเหงานี้ เธอพบกับหญิงชราขอทาน คนหนึ่ง ..
นั่งสั่นเทาอยู่ริมทาง เธอเข้าไปไต่ถามด้วยแววตาที่อ่อนโยนและอาทรว่า  
นานแค่ไหนแล้วที่เจ้าไม่ได้รับไออุ่นจากร่างมนุษย์  หญิงชราผู้นั้นตอบว่า 
นานมาก นานจนข้าจำไม่ได้ ตั้งแต่ลูกทิ้งไป  หญิงนักบวชหลั่งน้ำตาสังเวย
โอบมืออันบริสุทธิ์ประคองกอดหญิงขอทานผู้นั้นไว้ในอ้อมอก.....
นานแสนนาน ไม่มีคำตอบ ไม่มีคำอธิบายใดใด  นอกจากใบหน้าที่ชื่นไหว
และดวงตาที่ถั่งท้นด้วยธารน้ำตา ของหญิงชราผู้นั้น ราวกับไออุ่นบันดาล.......
ข้างๆ ทางรายลอบด้วยนักบุญผู้แผ่เมตตาประทานพร.....สรรเสริญคุณมารดา
ด้วยรักและบูชาแม่ ผู้ให้ชีวิต ที่แม้ชีวีก็ยอมมอบให้ด้วยใจภักดิ์ อย่างที่สุดหัวใจ
และคงไม่สายไปที่จะกำนัลทุกดวงใจ ที่ปรารถนาให้ทุกทุกวันเป็นวันแม่...

http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=2865

สองมือที่ดูนิ่มนวลอ่อนโยน
สองมือที่ดูช่างบอบบางอย่างนั้น
สองมือที่ดูไม่มีความสำคัญ
คือสองมือที่ทำ ให้โลกหมุนไป
แม้เพียงร่างกายนั้นเกิดเป็นหญิง
แท้จริงหัวใจนั้นแกร่งยิ่งกว่าชาย
ขอเพียงให้เป็นได้ดังที่ตั้งใจ
จะทุกข์ทนเดียวดายไม่มีความสำคัญ
บันดาลโลกหมุนเวียนวนไปตามจิตใจ
นำพาให้เป็นไปตามต้องการ
ทุกสิ่งเปลี่ยนแปร
ไปด้วยมือเธอเสกสรร
ดังถ้อยคำประพันธ์
เปรียบเปรยพรรณนา
ถึงชายได้กวัดแกว่งแผลงจากอาสน์
ซึ่งอำนาจกำแหงแรงยิ่งกว่า
อันมือไกวเปลไซร้ แต่ไรมา
คือหัตถาครองพิภพจบสากล

บันดาล
โลกหมุนเวียนวนไปตามจิตใจ
นำพาให้เป็นไปตามต้องการ
ทุกสิ่งเปลี่ยนแปร
ไปด้วยมือเธอเสกสรร
ดังถ้อยคำประพันธ์
เปรียบเปรยพรรณนา
ถึงชายได้กวัดแกว่งแผลงจากอาสน์
ซึ่งอำนาจกำแหงแรงยิ่งกว่า
อันมือไกวเปลไซร้ แต่ไรมา
คือหัตถาครองพิภพจบสากล...
				
14 สิงหาคม 2546 01:50 น.

....ต้นไม้ที่ตายแล้ว....

ลำน้ำน่าน

พิรุณโรยโปรยพราวทั่วราวป่า
ใต้ฟากฟ้าค่ำคืนเหงาเงาเมฆร้าย
ตกกระหน่ำซ้ำซัดให้ดับตาย
นอนซบกายรอฝนฟ้ายื่นปราณี

ใบไม้เหลืองเดียวดายร่วงรายรอบ
ทั้งเขตขอบฟ้าร้าวรอยก้าวหนี
ซอนซ่อนซุกฝนนรกอเวจี
ที่ตกตีความภักดิ์แตกหักลง

ทิ้งบ่วงใบหนีลมตรมหัวอก
ดั่งปีกนกอ่อนแรงลมแล้งหลง
ไม่อาจเกี่ยวเรียวรังฝันดั่งจำนงค์
รอร่วงลงคลุกธุลีพลีชะตา

และคือฉันเปรียบต้นไม้ที่ตายจาก
ทั้งเหง้ารากกิ่งก้านตระหง่านฟ้า
เหลือเพียงเศษผุพังรั้งคาตา
สิ้นเรี่ยวแรงไต่ขึ้นฟ้าระบัดใบ

วันพรุ่งนี้ริ้วลมหนาวจากราวป่า
จะพัดพาดอกขมขื่นมายื่นให้
ถอนใจรับดับความฝันกลางหัวใจ
ขอเป็นไม้ที่เหลือซากฝากคำเคลือ

ว่าเคยงามสล้างป่าพนาทิศ
ชุบชีวิตคนจนเศร้าสุดร้าวเหลือ
ละมุนละไมแผ่บุญอาบจุนเจือ
มีฝันเผื่อมีแรงร้อยถ้อยรจนา

พรุ่งนี้แล้วจะทรุดลงเป็นผงดิน
ซากหายสิ้นเหลือเพียงคำรำพันหา
จดจำไว้ว่าวันหนึ่งซึ่งผ่านมา
โลกอิ่มงามเต็มคุณค่าลดาวัลย์

นี่คือฉันเปรียบต้นไม้ที่ตายแล้ว
ไร้วี่แววจะแตกตาตามหาฝัน
ภาวนาหากชาติหน้าเกิดมาทัน
อย่าได้มีพระพรหมกั้นจัดสรรใคร

.......................
เสียงนาฬิกาตีบอกเวลาเที่ยงคืนของค่ำคืนนี้...
ฉันนอนไม่หลับ ทั้งๆ ที่คืนนี้ฝนปลายฤดูกำลังพิโรธตกพรูพราวข้างนอก
บรรยากาศชวนให้นอนซุกกายใต้ผ้าห่มลายใบไม้ร่วง...พาให้หัวใจรานร้าว
ปีศาจวสันต์หลอนหลอกดวงใจ..กระหน่ำให้พังยับลงกับตาในทันทีทันใดนั้น...
พายุในหัวใจโหมซัดซ้ำ..จนแหลกสลายลง..เหลือเพียงความเมินชัง
น้ำฝนหนาวราวกับน้ำคำที่ได้ยิน..หัวใจพังครืนเหลกเหลวหมดชิ้นดี
ในค่ำคืนเดียวดายนี้นี่เอง...เจ็บ เจ็บ และเจ็บ เหลือประมาณ
และนี้ก็คือความจริงที่ต้องจำนนท์...
ฉันดั่งต้นไม้ที่ตายแล้ว ตายทั้งยืน เพียงรอวันเวลาทิ้งกิ่งก้านลง
อย่างหมดคุณค่า หมดความหมายในทุกๆ อณูใจ.....
จะโทษใครหากไม่ใช่พระพรหม...
				
13 สิงหาคม 2546 00:06 น.

....วิมานบัว.....

ลำน้ำน่าน

ริ้วแสงจันทร์พลันระวีที่ทรวงอก
หนาวสะทกจิตสะท้านพานเลือนหาย
กลิ่นราตรีอาบห่มฝันพรรณราย
ความในกายเริ่มแจ่มชัดลมพัดมา

เสียงขลุ่ยครวญอวลรักมากับลม
น้ำค้างพรมลมริ้วทิวยอดหญ้า
บ่มดอกรักประจักษ์ชัดกาลต่อมา
ก่อนอุษาจะรุ่งรางร้างจันทร์เลือน

เกสรบัวลอยล่องคลอคล้องใจ
กรุ่นกลิ่นใดจะเปรียบเทียบได้เหมือน
หอมสไบหอมน้ำปรุงคลุ้งทั่วเรือน
หากแชเชือนเห็นทีท่าจะลาเลย

ปรารถนาบัวปริ่มรักมาปักจิต
เพ่งพินิจพร่ำดอมดมชมเฉลย
เจ้าเอียงกลีบกลัวช้ำชอกดอกทรามเชย
ด้วยไม่เคยถูกเด็ดดวงจากบ่วงใด

กลีบสยายซ่อนใบบัวกลัวจันทร์เห็น
กลางเดือนเพ็ญอร่ามอ้าดอกพร่าไหว
เอื้อมมือกอดก้านยาวหนาวทรวงใน
ปลิดพรากไปใช่จะปล่อยให้ลอยลา...

จะเคียงกอดพรอดพร่ำลำนำรัก
กลีบใช่หักดอกใช่ช้ำดังปรารถนา
ตราบจนสิ้นแสงทองของจันทรา
แล้วอัญเชิญบุษบาขึ้นหิ้งใจ


........................
ดอกบัวเป็นสื่อแทนสัญลักษณ์มากมายในโลกใบนี้ แล้วแต่ดวงใจและหัวใจดวงไหนจะเด็ดดวงนำมาบันดาลหัวใจ สำหรับลำน้ำน่าน ปรารถนานักที่จะมองดอกบัวกลางแสงจันทร์แรม...อวลหอมเกสรพรายพร่า กลางเงาไม้สายชล...

				
2 สิงหาคม 2546 01:21 น.

....สีสันแห่งสายลม.....

ลำน้ำน่าน

สุดผืนหล้าจิตนาพาท่องสิ้น
ผืนแผ่นดินคือเส้นทางทุกย่างก้าว
จากนิมิตตำนานหิน....ใบไม้พราว
มีเรื่องราวแห่งชีวิตจิตวิญญาณ

ในความคิดคะนึงเพียงเยี่ยงมนุษย์
บริสุทธิ์ตามต้นแบบแนบผสาน
ปิดเปลือกตาซ่อนความนัยไว้นับนาน
ไม่ยอมผ่านกรายกล้าค้นหาใด

ถ้าลองก้าวล้ำผ่านทวารจิต
ชมชีวิตที่เบ่งบานตามแดนไหน
สัมผัสซึ้งความงดงามตามเนื้อใจ
กับพงไพรไม่เคยพบประสบพาน

สดับฟังเสียงโหยหวนคร่ำครวญหา
สุนัขป่ากล่อมบทเพลงวังเวงหวาน
ใต้แสงจันทร์ดาววาววับกับตำนาน
ปลุกวิญญาญนักล่าแห่งป่าไพร

เคยหรือไม่ที่ไต่ถามถึงพรานป่า
ติดตามล่าสรรพสัตว์ ณ ถิ่นไหน
ฟังขุนเขากู่สะท้อนก้องวังใจ
ลมลูบไล้ระบายสี...ฝีมือคน

มาเสาะหาสวนสนกลางพรมพฤกษ์
รสล้ำลึกพืชผลป่าพนาสนฑ์
ก้าวเลยผ่านสัมผัสค่ากว่าตัวตน
เจนจบจน...หมดคำถามความเป็นมา

ยลรุ้งงามกลางผืนน้ำอย่างเคียงคุ้น
รับไออุ่นจากอ้อมอกนกกระสา
สื่อสำเนียงโสตสนุกทุกเวลา
กลางพนาเสียงกู่ก้องไม่จรจาง

จะเอ่ยถามความเป็นไปใต้วงปีก
ถามถึงอีกซีกโลกใหญ่นอกไพรกว้าง
วอนอินทรีย์ที่บินว่อนรอนแรมทาง
เคยอ้างว้างกับถิ่นไหนที่ได้เยือน

ไม้มะเดื่อกิ่งสล้างทุกทางทิศ
ดั่งชีวิตเติบใหญ่เปรียบได้เหมือน
เผยคุณค่าแผ่ใบห่มดั่งร่มเรือน
เติบตามเตือนหยุดเร่งรัดตัดทำลาย

มานอนฟังเสียงร่ำไห้แห่งไพรกว้าง
รายริมทางจันทร์แวววับจับความหมาย
เห็นเนื้อแท้ความสัมพันธ์ฉันเพื่อนตาย
แล้วสลาย....บริสุทธิ์ดุจทองทัน

จะบรรเลงเพลงความรักกับขุนเขา
จนลมเบาเปล่งประกายฉายสีสัน
จะโอบโลกเคียงสนองปรองดองกัน
แต้มสายลมให้เป็นฝันทุกวันคืน....

.........................
หลายครั้งที่เราแสวงหาความสุขและความเปรมปรีด์มาประดับประดาชีวิต.....
เสาะแสวงหาสิ่งที่ไกลตัวและความล้ำหน้าทางเทคโนโลยีมาอิงแอบแนบ..
ราวกับเรากำเนิดเกิดมาเพื่อควบคู่กับสิ่งเหล่านั้นหรือ.....
ในวันนี้ที่ได้ดูหนังการ์ตูนเรื่อง  Pocahontat อีกครั้ง
เพลงประกอบละครเรื่องนี้งามล้ำและบรรเจิดหัวอย่างมากล้น
รู้สึกถึงความรื่นรมย์และสีสันแห่งธรรมชาติอย่างจับจิต
จนดวงใจดวงนี้อยากจะกลับไป แนบเนาว์เคล้าเคียงป่าใหญ่
กับภูมิลำเนาริมขุนเขา และไพรกว้างที่ได้แรมร้างมา.....
บางครั้งชะตาชีวิตเราไม่ได้ถูกกำหนดให้สมหวังในทุกๆ สิ่ง
แต่ถึงกระนั้นฉันก็หวังว่าจะเจอทางที่ดีกว่า....
และได้กลับไปทอดใจมองภูเขาเดียวดายอีกครั้ง.....
ด้วยใจดวงนี้....ที่รักขุนเขาและสีสันในสายลมจนล้นดวงใจ.......
บางครั้งในเรื่องบางเรื่องเราก็ต้องใช้ใจและจิตวิญญาณสัมผัส
จึงจะเห็นความงามอย่างถ่องแท้....


Colors of the Wind

Think you own whatever land you land on
Earth is just a dead thing you can claim
But I know every rock and tree and creature
Has a life, has a spirit, has a name

Think the only people who are people
Are the people who look and think like you
But if you walk the footsteps of a stranger
You learn things you never knew
You never knew

1-Have you ever heard the wolf cryto the blue corn moon?
or ask the grinning bobcat why he grinned
Can you sing with all the voices of the mountains?
Can you paint with all the colors of the wind?
Can you paint with all the colors of the wind?

Come run the hidden pine trails of the forest
Come taste the sun-sweet berries of the earth
Come roll in all the riches all around you
And for once never wonder what theyre worth

The rainstorm and the rivers are my brothers
And the heron and the otter are my friends
And we are all connected to each other
In a circle in a hoop that never ends
(rpt 1...or let the eagle tell you where hes been)
How high does the sycamore grow
If you cut it down, then youll never know

And youll never hear the wolf cry
To the blue corn moon
Or whether we are white or copper-skinned
We need to sing with all the voices of the mountains
To paint with all the colors of the wind
You can own the Earth and still all youll own is earth
Until you can paint with all the colors of the wind

				
31 กรกฎาคม 2546 22:03 น.

...คำมั่นสัญญา...

ลำน้ำน่าน

หลายคนด่าว่าฉันนั้นโง่เง่า
ตื่นแต่เช้าทนไถนาเป็นว่าเล่น
จะไปไหนต้องคอยจูงเดินไม่เป็น
อยู่ลำเค็ญถิ่นท้องนาป่าโคลนตม

รู้จักฉันดีแค่ไหนไอ้เพื่อนเกลอ
จึงเสนอให้ตัวฉันโดนทับถม
บ้างเปรียบเปรยอืดอาดเป็นทาสคน
ฉันนี่แหล่ะโคตรตัวตนแห่งข้าวปลา

หยาดเหงื่อแรงฉันหยดรดแผ่นดิน
ไถทำกินให้มนุษย์หว่านข้าวกล้า
ผลผลิตงามด้วยมูลฉันในท้องนา
ยามเหนื่อยล้าแค่ให้ฉันแช่ตมเลน

เอารูปฉันไปล้อเล่นเช่นไอ้ควาย
เอาฉันขายได้เงินมาใช้เล่น
ขี่หลังฉันแล้วสบายหายลำเค็ญ
เคยเห็นมั้ยว่าฉันนั้นน้ำตานอง

ถึงอย่างไรฉันเตรียมเจียมเนื้อตัว
ฉันมันชั่วอาจจะพานให้คนหมอง
อยากให้เธอคิดสงสารมาปรองดอง
อยากครอบครองตัวฉันมั่นในใจ

ฉันดีใจที่เธอรักและชอบฉัน
ในวันนั้นน้ำตาฉันพลันเอ่อไหล
รู้หรือเปล่าว่าซาบซึ้งกับน้ำใจ
ที่อยากได้รูปฉันก่อนร่ำลา

อย่าน้อยใจไปหากได้แค่รูปเดียว
ถ่ายภาพเดี่ยวก็พอแล้วที่ทุ่งท่า
อยากได้ภาพอีกมากมายให้กลับมา
คำสัญญาฉันมั่นไว้จะไม่แปร.....

....................
ตอนไปงานบวชเพื่อนที่จังหวัดสุรินทร์ในต้นวสันต์ของปีนี้ ตอนกลับได้พบควายน้อยตัวหนึ่งยืนเดียวดายอยู่ในท้องทุ่งเขียวขจี  ลำน้ำน่านกับเพื่อนอยากทำความรู้จักและก็ขอเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึก เลยบุกน้ำลุยโคลนลงไป เห็นแววตาหม่นเศร้า มีน้าตาไหลตลอดเวลา  เป็นภาพที่ตรึงอยู่ในหัวใจจนทุกวันนี้ เลยเก็บภาพมาไว้เค้าดีใจมาก และคิดว่าวันหนึ่งจะกลับไปเยี่ยมเค้าอีก..เค้าสัญญาว่าจะรอ...เพราะพวกของผมเป็นเพื่อนคนแรกในชีวิตของเค้า..
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟลำน้ำน่าน
Lovings  ลำน้ำน่าน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟลำน้ำน่าน
Lovings  ลำน้ำน่าน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟลำน้ำน่าน
Lovings  ลำน้ำน่าน เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงลำน้ำน่าน