11 สิงหาคม 2551 21:07 น.

เหนือพยาบาท

สะพั่งสะท้านไมภพ

หนังสือสีม่วงเล่มนั้นเอง ที่เจ้าของที่เป็นผู้หญิงอายุ ยี่สิบห้าปี กล่าวว่าจะไม่ยอมให้ใครดูเป็นอันขาด เธอได้กล่าวให้สะพั่งสะท้านไมภพฟัง
   สะพั่งสะท้านไมภพ มองเธอแล้วก็คิดในใจว่า ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ และจะต้องได้ดูหนังสือสีม่วงนั้นอย่างที่เธอต้องยินยอมเอง
   เธอคนนั้นก็มีใบหน้าอย่างชาวบ้านแถบอีสานหน้าอกใหญ่ กินเหล้าเก่ง และมีเสน่ห์ ผมสะพั่งสะท้านไมภพ มีก็แต่ความใจถึง หน้าตาบ้างครั้งก็ดูหล่อบางครั้งก็ดูขี้เหล่ แต่จากการมีเป้าประสงค์ที่เร้นลับ สะพั่งจึงใช้เธอเพื่อเป็นเครื่องมือในการปฏิบัติงานต่อไป
   ด้วยมาดสุดเท่ห์ของสะพั่งก็ทำให้มีหญิงสาวหลายๆรายที่ต้องการจะเข้ามาร่วมมือกับชีวิตของสะพั่ง แต่สะพั่งไม่ได้มีความรัก สะพั่งได้มอบความรักทั้งหมดให้กับเมียสุดที่รักไปหมดแล้ว และเมียสุดที่รักสั่งมาว่ายุ่งได้แต่ห้ามเลี้ยง สะพั่งท่องจำจนขึ้นใจ
   ในตอนนั้น ผมต้องไปที่ขอนแก่น ผมได้พาเธอไปด้วย ได้กินเหล้าเมายาและเต้นระบำ ช่างมีความสุขเสียเหลือเกิน
   ก่อนหน้านั้น ความใกล้ชิดทำให้อยากจะอยู่ใกล้ชิด และความขุ่นอกขุ่นใจจากทางบ้านที่ไม่ค่อยฟังข้อคิดเห็นของสะพั่ง ก็ทำให้สะพั่งเกิดความเบื่อหน่าย ใจจึงบิดและเบี่ยงเบน
   มีอยู่วันหนึ่งสะพั่ง กับสาวเจ้าของสมุดบันทึกสีม่วงเล่มนั้นได้ไปตักบาตรร่วมขันและทำบุญร่วมชาติ 
   วันนั้นสะพั่งถามเธอแล้วว่าจะอยู่กันอย่างพี่น้องหรืออยู่อย่างผัวเมีย
   ชีวิตแบบนั้น สะพั่งไม่เข้าใจว่า ต่างคนก็ต่างรัก แล้วทำไมจะอยู่ร่วมเรือนร่วมเตียงกันไม่ได้
   สะพั่งเจรจากับภรรยา 
   ภรรยาสะพั่งเป็นลมสลบไป 
   หลังจากออกจากโรงพยาบาล สะพั่งตั้งใจว่าจะดูแลภรรยาของเขาให้ดีที่สุดจะยอมรับความยากลำบากทั้งหลายแหล่ที่จะมาทับถม
   หากจะเปรียบเทียบกันแล้วสะพั่งย่อมรักภรรยามากที่สุด
   แม่ของสะพั่งได้ให้คำเตือนว่า ต้องใจแข็ง
   สะพั่งต้องใจแข็ง ในการที่จะตัดรักจากหญิงคนหนึ่งให้ได้
   จนถึงวันนี้ ก็หวังว่าความพยาบาทของหญิงคนนั้น จะมีสักวันหนึ่งที่ผมจะชดใช้ให้เธอได้จนหมดสิ้น
  ...ท้องฟ้ามิใช่มีแต่ดวงจันทร์เท่านั้น แต่จะต้องมีดวงดาวด้วย....				
8 สิงหาคม 2551 21:18 น.

พบแล้ว

สะพั่งสะท้านไมภพ

ในยามค่ำคืน โรงแรมแห่งหนึ่ง ในจังหวัดฉะเชิงเทรา ผมนั่งทานน้ำเปล่าบนโต๊ะจีนซึ่งมีอาหารเต็มโต๊ะ ด้านหน้าเวทีประกอบด้วย เวทียกพื้นเตี้ยๆพอที่จะก้าวขึ้นได้ มีจอคอมพิวเตอร์เล็กแอบหลังอีเล็คโทน และนักดนตรีที่หัวผลุบโผล่ 
   เมื่อแขกตามโต๊ะต่างๆเดินมาคว้าไมค์ ก็ร้องเพลงสุนทราภรณ์ในจังหวะลีลาศต่างๆ ชายแก่เดินออกมานำหญิงแก่ออกมากลางเวที ชายกลางคนเดินจูงหญิงพ้นวัยสาวแต่ยังไม่แก่มากลางเวที หญิงพ้นวัยสาวนำหญิงพ้นวัยสาวออกมากลางเวที ลีลาของพ่อเจ้าประคุณรุนช่องชายบ่งบอกถึงความเป็นเท้าไฟในอดีต ท่าทางหน้าตาของผู้ชายดูเหมือนว่าจะเป็นผู้มีอันจะกิน และผู้หญิงก็ใส่แหวนเพชรต่างหูกันวูบวาบ ลีลาของแต่ละคน ก็พริ้วในฟลอร์แคบๆ สาวบางท่านก็ยักย้ายส่ายเอวน่าดูชม ผมนั่งมองหน้าตาท่าทางลวดลายของแต่ละคนและแต่ละคู่ก็ดูมีความสุขดี
   ข้างๆฟลอร์นั่นเอง มีผู้ชายราวหกคนนั่งทานข้าวอยู่มองๆไปแล้วก็รู้ว่าเป็นทหาร แต่ทั้งโต๊ะเชื่อไหมว่ามีแต่น้ำเปล่า และยังคุยเสียงดัง
   เด็กเสริฟรี่เข้ามาจับมือของผม เมื่อผมได้ยกมือจะขอน้ำ จับไปจับมา 
   สักพัก ผมก็เดินเข้าไปเข้าห้องน้ำ เดินสวนกับชายหนุ่มหน้าตาออกทางอีสาน เข้ามาในห้องน้ำ ผมคิดว่าเขาอาจจะเป็นพนักงานก็เป็นได้ สักพักแกก็เข้ามาในคาเฟ่ แล้วมานั่งที่โต๊ะสาม เมื่อบรรดาผีเสื้อราตรีพากันโบยบินอยู่บนฟลอร์ เสียงนักร้องก็หยิบไมค์ขึ้นมาแล้วประกาศเชิญโต๊ะสาม
   ไอ้หนุ่มผมม้าแต่งกายเหมือนคนงานหน้าตาแบบอีสาน เดินนวยนาดขึ้นบนเวที มีอาการเซไปเซมาเล็กน้อย แกก็เริ่มต้นร้องเพลง วณิพกพเนจร และก็ตามด้วยเพลงลูกทุ่งอีกหลายเพลง 
   ผมเห็นมีบางโต๊ะสั่งเช็คบิล แหว่งๆไปบ้าง และเห็นนักร้องผู้หญิงขึ้นมาช่วยร้องให้เสียงเพลงดูครึกครื้นขึ้น และในที่สุดโต๊ะสามก็ร้องจบ
   เมื่อจบหลายๆคนก็เข้ามายืนถือไมค์และโก่งคอร้องเพลงในจังหวะต่างๆต่อไป
   ...เราบรรเลง ชะ.ชะ.ชะ....
...เพลงจะพาร่าเริงใจ.....
   เสียงกลองเสียงเครื่องให้จังหวะสะบัดเคาะจนทำให้องคายพของร่างกายเช่นมือและเท้าขยับ 
    เอะผมกลับชอบแฮะ
    หรือว่านี่เราแก่แล้ว
    ว่าแล้วก็ขยับตัวมือไม้เท้าตามจัวหวะดนตรี กับโต๊ะ และกับพื้น ส่วนสายตาก็ชมลีลาเสต็ปการเต้นต่อไป
    ผมก็ชอบฟังเพลงทุกแบบ แต่ทว่าผมก็อดที่จะเหลือบไปมองที่โต๊ะสาม บ่อยๆไม่ได้ อย่างน้อยก็อยากให้กำลังใจให้แกสนุกๆสนานมันๆบันเทิงใจแบบผม และอีกอย่างก็ดูว่าจะถึงคิวแกอีกครั้งหรือยัง
   ...ค่ำคืนดังเพลงสวรรค์...
....ฯลฯ				
2 สิงหาคม 2551 17:45 น.

คนบาป

สะพั่งสะท้านไมภพ

ผมนั่งลงที่ขอบบ่อเล็ก เห็นปลาคราฟหลายๆตัว ลอยตัวอ้าปากบนผิวน้ำแต่ละตัวก็หันมามองผม ผมรู้สึกได้เลยว่า มันกำลังขออาหารจากผม ผมพิจารณาดูที่ทำการไปรษณีย์แห่งนั้นวันหยุดแค่สองโมงเช้าเอง คงจะยังไม่มีใครมา ผมลุกขึ้นและเดินไปหาขนมปังมาให้ปลาเหล่านั้นกิน 
   ผมเดินไปประมาณครึ่งกิโลจึงเห็นร้านสะดวกซื้อ เมื่อแวะเข้าไปก็ได้ขนมปังไส้ครีมก้อนเล็กๆพออิ่ม ก้อนละหกบาท ผมยิ้มเมื่อได้ดังใจแล้วก็เดินกลับ
   เมื่อบิขนมปังไปก้อนแรกไม่ใหญ่เท่าไหร่ พวกมันให้การตอบสนองกันอย่างดียิ่ง ผมก็กลัวเหมือนกันว่ากลัวมันกินแล้วตาย กลัวน้ำจะเน่า กลัวเจ้าของเขาจะด่า แต่ทว่าสิ่งที่ผมให้มันกิน มันกลับชอบครับ รวมทั้งครีมด้วย
   ไม่น่าเชื่อครับ ปลาในบ่อเล็กๆไม่กี่สิบตัวกลับตอดขนมปังผมจนหมดก้อน และพวกมันก็ว่ายน้ำใต้ผิวน้าส่ายไปส่ายมา ผมเชื่อว่าบางตัวมันคงอิ่มเพราะมันตอดและคาบชิ้นใหญ่ๆหลายครั้ง แต่บางตัวก็ยังคงหิวอยู่ บางตัวที่กล้าๆกลัวๆไม่กล้าลองผิดลองถูก จึงทำให้ช้าทั้งๆที่น่าจะเร็วกว่า แต่ในที่สุดก็ช้าเกินไป 
    เมื่อเห็นพวกมัน ผมกลับคิดถึงตนเอง ที่มัวแต่คิดพิจารณาในแต่ละกิจการหรือการกระทำ จนกระทั่งอาจจะช้าเกินไป หรือคิดถึงหลักเกณฑ์ของสังคม ที่รู้มากก็ต้องคิดพิจารณามากเกินไปก็ได้ คล้ายๆกับว่า ผมโดนหรอกมาตั้งแต่เกิด ตั้งแต่หนังในทีวีจอขาวดำ เรื่องที่เขาสอนว่าดีอย่างงี้หรือชั่วอย่างนี้ 
   คำตอบที่ยังคาใจและยังต้องถามไปเรื่อยๆว่า บุญ คืออะไร ที่ว่าทำแล้วได้บุญคืออะไร
   คนที่ทำบุญรู้ไหมว่าบุญที่ได้เป็นอย่างไร
   ผมนั่งพิจารณาถึงพงศาวดารจีน ที่เขียน กับ ที่ฮ่องกง สร้าง หรือ เรื่องพระนเรศวรที่ท่านมุ้ยสร้าง กับเรื่องที่เขียนในพงศาวดารไทย แปลกไหมที่ไม่เหมือนกัน
   ผมนั่งอ่านเว็บของฝ่ายต่างๆหลายๆฝ่าย และนั่งมองเข้าไปถึงความประสงค์ที่เร้นลับแท้จริง ที่แท้เพียงแค่อำนาจวาสนาบารมีและทรัพย์
   ผมเข้าใจ ผมเคยหลงใหลในฐานะตำแหน่งอำนาจวาสนาบารมีและสินทรัพย์ และก็มั่นใจว่าจะหลงอีกหากได้เข้าไกล้ 
   และก็เห็นหลายๆคนเล่นละครหลอกลวงคนไปวันๆ ให้คนอื่นต้องเสียสละ ให้คนอื่นต้องอดทน ให้คนอื่นต้องอย่างโน้นอย่างนี้ แต่ทว่าลับหลังหรือไม่มีใครรู้จัก หรือเห็น ตัวคนพูดนั้นแหละมักทำเสียเอง
   ผมได้ไปอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง ที่ตัวละครหนึ่งเก่ง แต่ก็ต้องต้องตายไม่ยอมที่จะตั้งตนเป็นใหญ่
   เมื่อก่อนผมอ่านแล้วไม่ได้พิจารณาเนื่องจากวัยเด็ก 
   แต่ปัจจุบันเมื่อได้อ่านอีกครั้งหนึ่ง มันเป็นเรื่องที่แปลแล้วออกมาเป็นภาษาไทย 
   ผมหัวเราะให้กับตนเอง
   อะไรก็ตามที่แปลเป็นภาษาไทยแล้วเนี่ยไม่ค่อยมีความตรงไปตรงมาสักอย่าง
   การเลี้ยงปลา การให้อาหารปลา มันก็เพียงการให้ความสุขแก่ตนเอง เพียงแค่กิจกรรมสนองความต้องการหรือความอยากเล็กๆและกระทำได้สำเร็จแล้ว ก็เกิดความพอใจเท่านี้ 
   มันไม่ได้แตกต่างมากไปกว่าคนที่ใช้เงินมากๆหรือลงทุนลงแรงไปมากๆ เพื่อตอบสนองความอยากหรือความต้องการเองเลยไม่ว่าจะเรื่องใดๆ
   คงอีกนานกว่าจะลบความเคยชินให้ออกไปจากสมองได้
   มีแต่คนโง่เท่านั้นที่เป็นเหยื่อของคนฉลาดแกมโกง
   มีแต่แข็งแรงกว่าเท่านั้นที่จะอยู่รอด
   มิน่าเล่า ปลาในบ่อบางตัวจึงอ้วน ใหญ่ เล็ก ต่างกัน				
26 กรกฎาคม 2551 05:24 น.

เจ็บปวดรวดร้าวกับรัก

สะพั่งสะท้านไมภพ

ผมไม่ทราบว่าทำไมเธอถึงไม่ยอมรับสายโทรศัพท์ของผม ทำไมน้องชายของเธอจึงบอกให้ผมอย่าโทรมาอีก เพียงแค่ผมแกล้งเอาจดหมายที่เขียนถึงคนอื่นใส่เข้าไปในซองจดหมายถึงเธอ ...ก็แค่นั้นเอง...
   เวลาผ่านไปรวดเร็วยิ่ง.....คำตอบอยู่ในใจ....สะพั่ง สะท้านไมภพ...หัวเราะเคี๊ยกๆๆๆๆ แล้วก็ชื่นชมตัวเองว่าบ้าคิดได้ยังไงอย่างนี้
   ในท่ามกลางเสียงเพลงลูกกรุงย้อนไปในอดีต สะพั่ง นั่งฟังเพลงแล้วนึกถึงวันหนึ่งที่สะพั่งอกหัก
   วงชาตรี ได้ร้องเพลงฮิตมาท่อนหนึ่งว่า....อกหักดีกว่ารักไม่เป็น.....บ๊ะ นราธิป..สุดยอด 
   ที่ประตูน้ำ....ร้านบอนนี่เอ็มคาเฟ.....ผมสะพั่ง พร้อมสหายปีศาจสุราอีกสามท่าน.....พกเหล้าแม่โขงแบนเหน็บหลังเข้าไปสองแบน...จ่ายตังค์คนละห้าสิบ...สั่งแม่โขงในนั้นหนึ่งแบน จำไม่ได้แล้วว่าเข้าไปกินเหล้าและทำอะไรอีก 
   ที่ไลน์ไล้คาเฟ.......อินทรา.......ในคาเฟนั้นได้เจอสาวๆมากมายและจีบจีบ....ก็เป็นไปตามเพลง.....
   และที่ไนท์คลับ .....เพื่อนมันบอกจะพามาเที่ยว....ปรากฏว่ามันมานั่งกินเหล้าที่หน้าไนท์คลับไม่ใช่ในไนท์คลับ........
   ผมเมาผมก็เดินเซไปเซมาเข้าไปตามที่ต่างๆ
   บ้างก็อยู่ในอ้อมกอด
   บ้างก็ติดตามดูความพิสดารของชีวิตตนเองว่าจะได้สักกี่น้ำ
   บ้างก็เจอกับความหลอกลวง
   บ้างก็เจอแต่ไร้ซึ่งความจริงใจ
   สะพั่ง สะท้านไมภพ พริ้มตาหลับลงแล้วปล่อยความคิด
   ....ถ้าเป็นเขา ผมก็คงต้องทำอย่างนั้น....
   สะพั่ง สะท้านไมภพ จีบคนหนึ่งเพื่อจีบอีกคนหนึ่ง
    หลอกลวงหญิงสาวโดยใช้หมอดูบังหน้า
   ล้วงและควักพาตท์เนอร์อย่างบ้าตัญหา
   โดนนักร้องหิ้วไปโดยเสน่หา
   โดนเด็กเสริฟหิ้วไปเพราะรักในความบ้า
   โดนแม่หม้ายบอกรัก
   สะพั่ง บางอย่างก็ไม่อยากจะคิดได้ขึ้นมาอีก
   เรื่องราวของความสดชื่นหอมหวานของความรัก ได้ผ่านไปแล้ว
   ในตอนหลังๆของทุกเรื่องราวทำไมจึงแปลกแยกแตกต่าง 
   บ้างก็ดี บ้างก็ไม่ดี
   จากเสียงหวานๆ ค๊ะ ขา กลายมาเป็นเสียงแหบ ทุ้ม และเกรี้ยวกราด
   สะพั่งนั่งคิดเตลิดไปเรื่อยๆว่า มันจริงๆแล้วเป็นอย่างนี้แล้วทำไม
   ธรรมชาติ
   มีสักกี่คนที่จะต้านทานพลังอำนาจของธรรมชาติได้
   มีแต่เพียงพวกอวดอ้างต่อหน้าสาธารณชนว่าตนเองประเสริฐพวกเดียวแหละที่ทำลงคอไปได้
   แต่ผมสะพั่ง สะท้านไมภพไม่ใช่
   ผมจำความอบอุ่นของความรักในอดีตได้
   เพราะมันอบอุ่นในหัวใจจากตอนนั้นมาถึงตอนนี้
   แม้ว่าจะเลิกร้างห่างไกลหรือตายจาก
  สะพั่ง สะท้านไมภพ จะไม่มีวันลืมสิ่งดีดีที่เข้ามาในชีวิต แต่ทว่ามันกลับจดจำได้ยากยิ่ง
ส่วนสิ่งไม่ดีนั้น แม้จะพยายามลืม แต่ก็ลืมไม่ลง
.................................................................................				
20 กรกฎาคม 2551 05:59 น.

พั่งซังก๊ก

สะพั่งสะท้านไมภพ

ผมสะพั่ง สะท้านไมภพ รู้สึกเบื่อหน่ายกับการเมืองของประเทศเป็นอย่างมาก นี่มันไม่ได้คิดกันเพื่อให้บ้านเมืองเจริญขึ้นกันเลย เอาแต่ตั้งข้อหา และแก้ข้อกล่าวหาไปวันๆ ผมสะพั่งสะท้านไมภพได้เดินทางไปโคราช ไปกราบหลวงพ่อเกจิใหญ่แห่งอิสาน และท่านได้เป่าหัวและเขกหัวให้หลายโป๊ก ในท่ามกลางการเดินทางไปอีสานครั้งนี้เอง ผมเห็นความยากลำบากของคนที่ทำงานด้วยความตั้งใจจริง
   แม้ความซาบซึ้งตรึงใจในการอุทิศตนจะมีรู้สึกได้จนแทบจะควบคุมไม่อยู่ แต่พอนึกถึงการหลอกลวงเข้า ไอ้ที่จะซาบซึ้งนั้นก็พลันมอดมลายไป โดนหลอก สะพั่งสะบัดหัว ไม่ให้ตนอินไปกับการหลอกลวงหลอกใช้
   สะพั่งสะท้านไมภพ ตั้งใจว่าจะเป็นหัวหน้าพรรค เพื่อแก้ไขปัญหาของประเทศ เดิมพรรคเดิม มักใช้อิทธิพลของนักการเมือง มาข่มขู่ข้าราชการประจำ ให้ทำการปรับย้ายเด็กของตนเป็นอธิบดี เป็นตำแหน่งใหญ่ๆต่าง นี่มันถ้าจะบ้าไปหมดแล้วหรือไง โดยเฉพาะไอ้คนที่มันห่วงตำแหน่งหรือไปเฝ้าของอนง้อขอเขามาไอ้นี่ก็บ้าหนักไปใหญ่ เมื่อบ้าเจอบ้ามันก็ไปกันได้อย่างสะดวกโยธิน
   สะพั่งนั่งคิดบนม้าหินในสวนสาธารณะแห่งหนึ่งเขามองแล้วคิดไปว่า น่าจะให้ไอ้พวกที่เป็นนักการเมืองแล้วประเทศไม่เจริญเนี่ยเลิกเป็นนักการเมืองอย่างเด็ดขาดเสียที เอาคนใหม่ๆมาเป็นบ้าง หากไม่ได้เรื่องอีกก็หาคนใหม่มาเป็นบ้าง อย่างนี้จึงยังจะพอเจอคนดีๆได้บ้าง 
   ปัญหาคือ คนดีหน้าตาเป็นอย่างไร
   สะพั่งก็ได้มองตนเองในกระจกแล้วก็ส่ายหน้า ยืนยันได้ว่า ผมไม่ใช่คนดี แต่อาจจะเป็นตัวดี ในหลายๆเรื่องที่ชั่วๆ ได้อย่างแน่นอน
   สะพั่งอดขำไม่ได้ ในกระจก ดูหน้าตาท่าทางก็ฉลาดดี แต่การประพฤติ ยังคงให้ นศ.ขย่ม อยู่เลย ยังคงเสพยาเสพติด ยังคงขับรถฝ่าไฟเหลือง ยังคงไปใช้บริการกับหญิงขายค้าบริการอยู่เลย ยังคงอยากจะได้ยศฐาบรรดาศักดิ์ให้มากขึ้นกว่าเดิม ยังคงตีหน้าท่าทางว่าจงรักมากมายเกินอยู่เลย ยังคงรูดบัตรเครดิตแบบไม่ยั้งคิดบ่อยๆ ยังคงเบียดบังเบี้ยเลี้ยงพลทหารเอามาให้เมียน้อย เอามาล่อเด็ก เอามาใช้อีลุ่ยฉุยแฉกอยู่เลย ยังคงให้ตำแหน่งแก่พวกที่เสนอหน้าหรือใกล้ชิด หรือคนที่ให้ได้ทุกอย่างแก่ตนเองได้อยู่เลย ส่วนคนที่ทำงานตั้งใจทำงานก็แค่ผู้ใต้บังคับบัญชา แต่ไม่มีวันที่จะได้เป็นลูกน้อง โครงการที่มีก็เอาแค่ถ่ายรูปพิธีเปิดปิด ส่วนเรื่องราวเนื้อหาจะเป็นอย่างใดช่างหัวมัน บางครั้งก็เหิมเกริมขนาดหนักจนคิดว่าตนเป็นสิ่งที่สูงส่ง
   สะพั่ง หยิบโอเลี้ยงแก้วใหญ่ขึ้นมาดูดวาบแล้ววาบเล่า หยิบบุหรี่ชนิดที่ถูกที่สุดที่จะไม่น่าเกียจหากคนระดับเขาจะสูบขึ้นมาสูบ ไหงคิดไปคิดมาจะเริ่มไปในทางที่ชอบที่ชั่วแล้วหวา
   สะพั่งหัวเราะ นึกไปถึงความบ้า หากจิตวิญญานของคนมุ่งแต่เสพสุข เสพเมถุน ก็ไม่มีใดที่จะทำไม่ได้ นานมาแล้วมั้งที่พวกเราใฝ่ฝันความเป็นอิสระจนกระทั่งเอาโคตรแลเง่าแลกมา แต่ทว่าไอ้พวกที่ชอบตีฝีปากอวดฉลาดก็มาครอบครองอำนาจไว้ใส่ร้ายป้ายสีจนกระทั่งหลายๆคนต้องเบือนหน้าหนี
   สะพั่งได้อ่านพงศาวดารจีนมาหลายสิบเรื่องแล้ว และมั่นใจว่าเป็นยุคเสื่อม เหตุที่เกิดยุคเสื่อมมิใช่เนื่องมาจากการโคจรของดวงดาว แต่มันเกิดจากผู้นำ ความเหิมเกริมของผู้นำ ที่ไม่ได้คิดถึงความยากลำบากในการตั้งชาติ และความหลงของผู้นำ ที่ทำให้การตัดสินใจในเรื่องต่างๆผิดพลาดได้อย่างไม่น่าเชื่อจนวิบัติ
   สะพั่ง อยากจะไปสมัครเป็นผู้แทนนัก แต่แล้วก็ต้องคิดถึงลูกปืนที่จะต้องไปตุงอยู่ในหัวหรือในตัวเป็นกิโลกรัม ผู้แทนที่ดีคนรักมักจะอยู่ไม่ได้นาน แต่ผู้แทนที่เบื้องหลังชั่วร้ายมักได้รับการเลือก
   สะพั่งคิดถึงได้ตอนนี้ โอเลี้ยงก็หมดพอดี มองซ้ายมองขวาเห็นป้ายห้ามสูบบุหรี่ในสวนสาธารณะแล้วเสียววาบยิ่งกว่าจะเสียกรุงครั้งที่สาม อนาคตของพั่งซังก๊ก จึงต้องจอด เนื่องจากไม่รู้มีใครแจ้งตำรวจ สะพั่งจึงต้องแจวก่อน
    โครงการตั้งพรรคการเมืองของพั่งซังก๊กก็จบแค่นี้ สักวันเมื่อวาบขึ้นมาอีก ผมก็คงคิดได้ขึ้นมาอีกแล้วก็เป็นยังงี้อีก
    คงได้ทำแน่ๆ ชาติหน้า				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสะพั่งสะท้านไมภพ
Lovings  สะพั่งสะท้านไมภพ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสะพั่งสะท้านไมภพ
Lovings  สะพั่งสะท้านไมภพ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสะพั่งสะท้านไมภพ
Lovings  สะพั่งสะท้านไมภพ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงสะพั่งสะท้านไมภพ