11 ตุลาคม 2547 21:28 น.

กระท่อมลั่นทม!

สาวบ้านนา



หลายวันมานี้
ฟ้าฝนดูมัวหม่นเทาทึมมาแทบทุกทิศทาง
และพระพิรุณก็โปรยปรายฉ่ำชื่นแทบทุกคืนค่ำ
ทำให้หัวใจสาวนาเลยพลอยเหงาเศร้า
หนาวๆในอกในใจอย่างไรก็ไม่รู้


สาวนา..คนขยันเลยรีบ
ทำงานในนาแต่วัน
และงานจิปาถะ
ให้แล้วเสร็จก่อนตะวันลา


และ
พอยามค่ำ
ก็จะได้มานอนฟังเสียงสายฝนรินร่ำ
ยามตะวันโพล้เพล้
อย่างแสนมีความสุข


ได้จุดตะเกียงอ่านหนังสือ
ธรรมะดีดีที่ยืมมาจากวัด

บางคืนก็ต้องตกใจ
ด้วยความกลัว
ว่ากระท่อมโย้เย้จะพังลงมาใส่หัว
และ
กลัวลมพายุจะมาพัดหอบปลิวไป
เพราะว่า
ลมพายุมาแรงมาก
จนจำปี..ลำดวน หางนกยูงต้นใหญ่
ตรงทางเข้ากระท่อมไหวโอนเอนๆ


ไหน
สาวนายังต้องรีบไปดูแลวัวในคอก
ไม่ให้หลุดออกไป
และยังจะมีงานอื่นๆอีกมากมาย
ที่ต้องระดมรับมือ
เช่นปีนขึ้นไปเปลี่ยนหลังคาจาก
ที่มุงไว้ให้วัวไม่ต้องเปียกฝนทนหนาว
ตามประสายาก


วันนี้สาวนาจัดกระท่อมใหม่
ทั้งๆที่ในกระท่อม
ก็ว่างโล่งแทบไม่มีสมบัติอะไรให้จัดแล้ว


สาวนาเพียงเก็บกวาดให้สะอาดสะอ้าน
ล้างโอ่งดินเผาที่มีมากมายหลายใบริมชายคา
ที่สำหรับเก็บน้ำไว้ใช้
ทั้งไว้ต้มดื่มกิน

และทั้งไว้ใช้ประกอบกิจสาระพัด
ที่สาวนาจะจัดแยกประเภทไป


โอ่งไหนไว้ทำกับข้าว
โอ่งไหนไว้ล้างหน้า
โอ่งไหนไว้ดื่มกิน..
โอ่งไหนไว้รับแขก


สำหรับโอ่งน้ำดื่มไว้รับแขกนั้น
เป็นโอ่งโบราณสีเขียวไข่กา
ที่วางไว้ริมชานกระท่อม


ทั้งนี้ทั้งนั้น
ก็เพราะสาวนาถูกอบรมมาแบบโบราณจากคุณยายว่า
ต้องมีน้ำดื่มไว้ให้แขกผู้ผ่านมาและกระหายหิวน้ำ
ตามคำที่ว่าใครมาถึงเรือนชานต้องต้อนรับ


สาวนาจัดแยกเก็บข้าวของตามประเภท
ไม่ให้ปะปนรกรุงรัง
เสื้อผ้า
ก็เช่นกันจะชุดนอนชุดไปเที่ยวไปวัด
ก็ต้องจัดแยกไว้ให้งาม
จัดพับอย่างสวยแล้วอบร่ำด้วยกลิ่นดอกไม้แห้ง
รายรอบกระท่อม


ที่สาวนาดัดแปลงทำเองแทนน้ำหอมน้ำอบ
เพราะชอบกลิ่นมากกว่า
หากทว่าก่อนจะเก็บต้องตากแห้งเสียก่อน
แล้ว


ค่อยๆห่อกับกระดาษสาซับเก็บไว้
แล้วถึงซุกไว้กลางกองผ้า
จะหอมหวนชวนดม
ด้วยกลิ่นดวงดอกไม้ไทยงามๆ
แยกหอมตามกลิ่นของดวงดอกไม้นั้นๆ
เช่นกลิ่นจำปี จำปา กระดังงา ลีลาวดี 
หรือลั่นทมพุดซ้อน
กลิ่นมะลิลา มะลิซ้อน ลำดวนดง


ที่สาวนามิต้องพะวง
ไปสิ้นเปลืองซื้อน้ำหอมแบบผสมสารเคมี
มาใส่มาอบร่ำ
ซึ่งบางทีก็ทำให้ร่างกายต้องรับสารพิษเป็นผื่นแพ้คัน
และก็จะได้หอมแผกมากกว่า
เป็นกลิ่นร่ำตามธรรมชาติไทยๆ


หัวใจสาวนานั้นรักการใช้ชีวิตแบบโบราณ
เพราะว่าไม่ว่ายุคสมัย
จะผ่านพ้นไปนานสักเท่าไร
ค่านิยมในความงามอย่างละเมียดละมุน
อย่างกุลสตรีไทย


ที่มีวิถีใจดวงงามอันรู้อ่อนหวานอ่อนโยน
ช่างปรนนิบัติเอาใจก็หาได้ตกยุคสมัยไม่
หากเราเรียนรู้จักนำมาสอดใส่ผสานผสม
ห่มหอมเพื่อเพิ่มเสน่ห์มัดใจ
แบบที่โบราณว่าไว้ให้มีน้ำสามเรือนสี่
จะดีแก่ตัวเองเป็นยิ่งนัก
ให้ใครๆที่มีโอกาสชิดใกล้
ได้ชื่นชมยิ่งหลงยิ่งรัก
ในน้ำใจแสนดีมีเมตตา


แม้นว่ากาลเวลาและโลกนี้
จะเปลี่ยนแปลงไป
และ
ผู้ชายสมัยนี้คงไม่เรียกร้องต้องการมากมายนัก
หากเราแค่เพียงยึดหลักความละมุนละม่อม
รู้ถนอมใจรู้กาละเทศะ
สร้างโลกครอบครัวโลกแห่งรักให้หอมกรุ่นอบอุ่นเข้าไว้


ร่ายมนตราแห่งความดีงามน่าเสน่หา
ก็ใช่ว่าเสียเวลาอะไร
แต่จริงๆบางครั้งสาวนาก็สับสน
ที่ไยอ้ายยังไปหลงแสงสีเนื้อหนังมังสาอวบอึ่ม
ของสาวชาวกรุง


ก็ช่างเถอะนะหัวใจกับส่วนแบ่งที่ไม่เป็นธรรม
สาวนาฟังเพลงนี้แล้วก็ปลงได้เลย
หากเขาไม่รักเราแล้วก็ช่างต้องปล่อยเขาไปปล่อยเขาไป



http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=495
ส่วนแบ่งที่ไม่เป็นธรรม 
 
ส่วน ของ หัวใจ
ที่คุณแบ่งให้
มัน น้อย เกิน ไป สำหรับใจฉัน
คุณ ให้ ไม่ ถึง เศษหนึ่งส่วนพัน
รัก เรา จึง สั้น สิ้นสุดกัน แค่นื้
สิ้นสุดกันที สิ้นสุดกันที
ส่วน ความ ช้ำ ชอก 
ที่คุณตอกย้ำ
มาก เกิน จด จำ ลึกล้ำเหลือดี
ย่อย ยับ แค่ ไหน ใยไม่ปราณี
หวัง เพียง ข-ยี้ ให้ฉันนี่ แดดิ้น
สิ้นสุดกันที สิ้นสุดกันที
วันนี้มันสาย เกินไป
สายเกินไปกว่า
จะมาเริ่มรักกันใหม่
ป่วยการหลอกกัน ต่อไป
มันจบเกมส์แล้ว จนใจ
สิ้นสุดไม่เหลือตั้งแต่เมื่อวาน
ส่วน ของ หัวใจ
ที่คุณแบ่งให้
เชิญ รับ คืน ไป ฉันไม่ต้องการ
คุณ ให้ ฉัน น้อย
น้อยเหลือประมาณ
รัก จึง ตาย ด้าน
สิ้นสุดกันแค่นี้ 
สิ้นสุดกันที สิ้นสุดกันที

วันนี้มันสาย เกินไป
สายเกินไปกว่า
จะมาเริ่มรักกันใหม่
ป่วยการหลอกกัน ต่อไป
มันจบเกมส์แล้ว จนใจ
สิ้นสุดไม่เหลือตั้งแต่เมื่อวาน
ส่วน ของ หัวใจ
ที่คุณแบ่งให้
เชิญ รับ คืน ไป ฉันไม่ต้องการ
คุณ ให้ ฉัน น้อย
น้อยเหลือประมาณ
รัก จึง ตาย ด้าน
สิ้นสุดกันแค่นี้ 
สิ้นสุดกันที สิ้นสุดกันที...
*******



สาวนาจะไม่เสียใจอะไรนาน
เพราะสาวนา
มีหัวใจดวงใสดวงธรรมล้ำค่า


ที่ทุกครั้ง
ที่ไปวัดได้ฟังธรรมที่หลวงพ่อเทศน์
กิเลสรักของสาวนา
ก็ลดลงจนแทบอยากปลงผมบวชชี
หนีทุกข์ทุกรักเข้าวัดเข้าวารักษาศีลภาวนาเสียมากกว่า


เพราะเบื่อชีวิตว่ายวนเหลือทน
เมื่อยิ่งหันมาพิจารณามรณานุสติ
ก็จะยิ่งเห็นชัด
กับวิบากเก่าวิบากรรมที่ย้ำรอยในทุกผู้คน
ที่หนีอย่างไรก็ไม่พ้นรอยกรรมราวรอยเกวียน
หากมิตั้งจิตอธิษฐานเพียรภาวนา
อย่างมิยอมท้อแท้แพ้พ่ายทางโลกย์เสียก่อน


และ
ไม่ว่าจะหันไปดูคู่ไหน
ไม่ช้านานรักที่แสนหวานก็พานขมปี๋
เหลือรักที่จะจีรัง
ก็คือคนพวกทีฉลาดล้ำ
แปรรักเนื้อหนังเสน่หา

มาเป็น
มิ่งมิตรสนิทแบบฉันท์เพื่อน
ไว้พึ่งพาพึ่งพิงยามชราแก่เฒ่า
ได้หามกันเข้าวัดหรือไม่ก็เข้าโรงพยาบาล
และไม่นานมานี้


สาวนา..ได้มีโอกาสรู้จัก....
พี่ชายคนดีที่ชื่อวิน
มิตรธรรมคนยาก
ที่พบกันแทบทุกครั้งที่วัด


พี่วิน
เป็นม่ายเพราะเมียตายด้วยโรคร้าย
เลยหาที่พึ่งทางใจ
และ
ด้วยอยากมาทำบุญ
สร้างกุศลทานผ่านไปให้ภรรยา
เลยเพียรมาวัดบ่อยๆ 


ทั้งๆที่ไม่รู้ดอกนะ
ว่าจะฝากกุศลผลบุญ
ส่งไปถึงหรือไม่
แต่พี่วินก็บอกว่า
แสนจะรู้สึกดีมีความสุขสงบ
รู้รำงับใจ
สบายใจอิ่มใจยังไงก็ไม่รู้


ตั้งแต่ได้ย่างกราย
มาชิดใกล้ชายผ้าเหลือง

ที่มีหลวงพ่อที่น่าเคารพศรัทธา 
ไม่หากินกับญาติโยม
ไม่หลอกให้เชื่อในทางที่ขัดกับพระธรรม
พยายามเพียรน้อมนำคำสอนมาสอนอย่างมีเหตุมีผล


ว่าคนเรานั้น
ชีวิตที่ดีต้องมีการพยายามรักษาศีลให้สะอาด
ให้ทานเพื่อสละออกอย่าให้ขาด
และที่สำคัญราวหัวใจศาสนาพุทธเลย
คือให้จิตจับกับปัจจุบันขณะ


ให้รู้เพียรภาวนาสมาธิจะได้
มีปัญญาพาพบทางแห่งความว่างสะอาดสงบ
ตลอดไปทุกภพชาติ


และนี่คือผู้ชายคนดีพี่ชายคนดี
ที่สาวนายอมพลีใจอีกครั้ง

ที่จะได้ทำความรู้จัก
เพื่อแลกความคิดทางจิตทางธรรม
เสมือนเพื่อนพึ่งพากันและกัน
อย่างกัลยาณมิตรเรื่อยมา


สาวนา
จึงมีความสุขมาก
กับชีวิตสงบสุขสมถะเรียบง่ายลำพังนี้
ที่แม้นจะดายเดียวสักเท่าไร

หากทว่าหัวใจก็ผ่องแผ้วราวไร้พันธนา
ไม่ต้องมีบ่วงห่วงรัก
ไม่พักต้องลากใคร
มาร่วมรับบ่วงห่วงโซ่กรรมร่วมกัน
จนกว่าจะตายกันไปข้างหนึ่ง


ทุกคืนค่ำสาวนา..ผู้มีศรัทธาแรงกล้า
จึงพยายามจัดเรือนลีลาวดีหรือเรือนลั่นทม
ที่ราวกับกระท่อมไพร
แสนหวานระทม
แสนงามเศร้า


ที่สาวนา
ปลูกแยกออกมาจากกระท่อมทับอาศัย
และแฝงในร่มเงาดงดวงดอกลั่นทม
หลากสีสรร
ทั้งขาว แดงชมพู เหลืองอมส้ม 
ที่มากมายหลายหลากพันธุ์
ถึงกว่าสามร้อยชนิด


ที่สาวนาแสนหลงใหล
แสนรักมานานนักหนาแล้ว

จนเร้าใจให้เพียรศึกษานำมาเพาะปลูก
จนเป็นดง
ให้ใครๆพากันมาหลงใหลชื่นชม
ในดวงดอกงามทุกยามเย็น
ที่นะบัดนี้กำลังบานสะพรั่ง
ส่งกลิ่นระรินร่ำอวดอกดกชูช่อ
พ้อสายฝนและลมเย็น

และ
บางวัน
ในยามตะวันลา
สาวนาจะมานอนเล่น
หรือไม่ก็มาร้อยมาลีมาลัยลีลาวดี
ไปพลีถวายเป็นพุทธบูชา
ยามนั่งสมาธิภาวนา
และ


และทุกยาม
ที่ดวงดอกงามเศร้า
ถึงเวลาร่วงโรยโปรยปลิด
ลงเกลื่อนพื้นพสุธา 
ยามนั้น
สาวนาจะมีความสุขมาก
ที่ได้นอนแหงนเงยดู
และ
แอบขนานให้นิยามลานฝันนั้นว่า
*ลานลั่นทม


และบัดนี้มีกระท่อมลั่นทม
เป็นดั่งเรือนใจเรือนภาวนาเรือนสมาธิ
ที่แสนดีแสนงาม
แสนสงบสุขสมถะ
ของสาวนาแล้ว



และ
ราตรีนี้
สาวนาก็เลยไปเด็ดดวงดอกกระดังงา
และร้อยมาลัยลีลาวดีมาลัยลั่นทม
มาถวายเพื่อเป็นพุทธพลีบูชา
หน้าพระพักตร์พระพุทธ 



และ
ยามที่สาวนาจุดเทียนทอง
แสงเทียนจะส่องพร่างพรายจะจับดวงดอกไม้
ราวพาให้สาวนาได้ระลึกตระหนักรู้ว่า


ความทุกข์ระทมนั้นมันอยู่ใกล้เรานี่เอง
หากเราเพียงไม่ยึดมั่นถือมั่น..แล้ววางมันไว้
ราวดวงดอกไม้นามลั่นทม



เราก็จะไม่ตรมไม่ตรอม
กลับให้หอมห่มในห้วงจิต
ได้สถิตเป็นดั่งรักนิรันดร์


เฉกเช่นเดียวกับไม้ทุกพรรณ
ที่ให้หอมงามกำนัลแด่โลกแล้วปลิดกลีบโรยรา
เหมือนชีวิตจิตทุกดวง
ที่รู้ว่ากาลเวลารอลอยลาร่วงลงสู่พื้นพสุธา
หาช้านานไม่ หาจีรังไม่..

*************




บนลานลั่นทม   

แดนดินใด ไม่แม้นแดนลานลั่นทม
ดุจดั่งสวรรค์แดนพรหม สวยสุดสมคำชมได้
ฮือฮือ ฮือ ฮือ ฮือฮือ ฮือ ฮือ ฮือ
ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ
ทิว เขียว ลิ่วไกล เพลินมองไป
เสียงลมไกวกิ่งไหวดังซู่
ทิ้ง ขั้ว หล่นปลิว ลั่นทมพริ้วโชยร่วงพรู
แม้น ดังพรม ลาดปู ดุจทางสู่
สุดสวรรค์ เทวัญ

ลมรำเพย ความหอมชวนดอมลั่นทม
สูดกลิ่นถวิลเชยชม แสนสุขสมอารมณ์มั่น
ฮือฮือ ฮือ ฮือ ฮือฮือ ฮือ ฮือ ฮือ
ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ
ใจ หวน ตื้นตัน เกินจำนรรจ์
เพ้อรำพันว่าหอมใดเท่า
หอม ชื่น ลั่นทม เมื่อลมพริ้วมาเบาเบา
ล้าง สิ่งตรม อกเรา ให้คลายเศร้า
ที่คอยเผา โทรมใจ...

 
  
 


http://www.lilavadee.com/download_p01.html
ลีลาวดี (Frangipani)

เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ใบมีสีเขียว โตและหนา มียางมาก ดอกมีสีขาว-เหลือง ขาว-แดง
ส่วนที่ใช้ ทั้งต้น เปลือกต้น ดอก เนื้อไม้ ยางจากต้น และเปลือกราก

สรรพคุณ 
ทั้งต้น ใช้ปรุงเป็นยารักษาโรคลำไส้พิการของม้า
ใบ เอาใบแห้งมาชงน้ำร้อนใช้รักษาโรคหอบหืด หรือนำใบสดมาลนไฟให้ร้อนแก้ปวดบวม
เปลือกราก ใช้เป็นยารักษาโรคหนองใน เป็นยาถ่าย แก้โรคไขข้ออักเสบ ขับลม
เปลือกต้น นำมาต้มเป็นยาถ่าย ขับฤดู แก้ไข้ แก้โรคโกโนเรีย หรือให้ผสมกับน้ำมันมะพร้าว ข้าวและมันเนย ซึ่งจะเป็นยาแก้ท้องเดิน ยาถ่าย ขับปัสสาวะ
ดอก ใช้ทำธูป แต่ถ้าใช้ผสมกับพลูเป็นยาแก้ไข้ แก้ไข้มาลาเรีย
เนื้อไม้ เป็นยาแก้ไอ ในประเทศเขมร ใช้เป็นยาถ่าย ขับพยาธิ
ยางจากต้น เป็นยาถ่าย รักษาโรคไขข้ออักเสบ ทำให้เกิดผื่นแดง ถ้าใช้ผสมกับไม้จันทร์และการบูรเป็นยาแก้คัน แก้ปวดฟัน
				
2 ตุลาคม 2547 20:55 น.

ตะวันลับฟ้าสาวนาหลงคอย!

สาวบ้านนา


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=4858
ตะวันลับฟ้า   

แสงสุริยาจวนลาเหลี่ยมโลก
ลมเย็นไผ่เอนไหวโยก
ลมโชยโบกพัดพริ้วลิ่วมา
จักจั่นเรไร หริ่งร้องก้องพนา
จวนสิ้นแสงสุริยา
ประหนึ่งว่าดนตรีสวรรค์
แสน
สุดเสียดายมองไปใจเต้น
ยามเมื่อตะวันเย็นๆ
เคยว่ายน้ำเล่นเคียงคู่ร่วมกัน
ตะวันลับฟ้าเสียงน้ำซัดซ่า
ไหลเซาะลำธาร
เคยเด็ดดอกบัวสาบาน
เห็นทุกวันแล้วเศร้าใจ
โอ พี่จ๋า พี่ เอย
ลืมง่าย จังเลย
เปลี่ยนคู่เชยโอ้ใจหนอใจ
ลืม สัญญาที่เคยว่าไว้
กอดหมอนนอนเดียวดาย
คิดถึงแทบตายน้ำตาไหลริน
เห็น หมู่นกกาถลาลมล่อง
จับคู่จู๋จี๋ประคอง
เหมือนพี่กับน้องเคยร่วมอยู่กิน
ตะวันลับฟ้า พี่จ๋าน้องเฝ้าถวิล
จะคอยจนชั่วชีวิน
ตราบชั่วฟ้าดินน้องลืมไม่ลง

โอ พี่จ๋า พี่ เอย
ลืมง่าย จังเลย
เปลี่ยนคู่เชยโอ้ใจหนอใจ
ลืม สัญญาที่เคยว่าไว้
กอดหมอนนอนเดียวดาย
คิดถึงแทบตายน้ำตาไหลริน
เห็น หมู่นกกาถลาลมล่อง
จับคู่จู๋จี๋ประคอง
เหมือนพี่กับน้องเคยร่วมอยู่กิน
ตะวันลับฟ้า พี่จ๋าน้องเฝ้าถวิล
จะคอยจนชั่วชีวิน
ตราบชั่วฟ้าดินน้องลืมไม่ลง...

 
 
ฝนกำลังโปรยสายภายนอกกระท่อม
ได้กลิ่นดอกพะยอมหอมอวลมากับสามลมยามค่ำ

สาวนา..จุดตะเกียงให้แสงริบหรี่เป็นเพื่อนใจ
สาวนาไม่สบายมาหลายวันแล้ว
นอนระทมใจจับไข้
ใจเหน็บหนาวแบบไม่เคยเป็นมาก่อน

วันนี้..สาวนาจำต้องพาตัวเองตากฝนจนลืมห่วงตัวเอง
มัวห่วงวัวแก่ชราคู่ทุกข์คู่ยาก
ที่หลังคาคอกมุงด้วยจาก..ใต้ร่มไผ่มันผุเต็มที
สาวนาจึงต้องกระวีกระวาดไปเปลี่ยนเอง
สาวนายืนน้ำตาริน
พร้อมกับสายฝนพรำ
กับวัวแก่ที่ดวงตาพร่าเลือน
เสมือนมีหยาดน้ำตารับรู้ความอาดูรเดียวดายของสาวนา

สาวนาปล่อยให้สายฝนพรูพร่าง
กระหน่ำร่างรานใจร้าวของสาวนา..
ให้ยิ่งหนาวเหน็บ
ให้ใจที่เจ็บเจียนตายได้คลายระบม
ให้น้ำตาฝนน้ำตาฟ้าน้ำตาสาวนาละหลั่งรินไปพร้อมกัน



สาวนาทรุดตัวลงนั่งพิงคอกวัวด้วยใจดวงสลัวเศร้า
แล้วสะอื้นร่ำไห้อย่างไม่อายฟ้าดิน
ให้สายน้ำตาระรินไหลไปพร้อมกับสายฝนพรำ
ที่ย้ำให้ใจดวงตรมยิ่งระทมเหน็บหนาว

มีเพียงเจ้าวัวแก่เพื่อนยาก
ยืนนิ่งงันราวรับรู้นิ่งมองดูสาวนา
ผู้ดายเดียวรานร้าวราวเข้าใจ

จนทำให้ดวงใจสาวนาผู้ละมุนต้องลุกขึ้นยืน
และไปโอบกอดประคองพร้อม
ซบหน้าร่ำไห้หนักขึ้น
ให้น้ำตาระรินรดหยดต้องเจ้าวัวเพื่อนยาก


สาวนา..นอนน้ำตารินมาหลายคืนแล้วด้วยเป็นไข้
ไร้ผู้ใดแลเหลียว
มีหลายสิ่งที่ผ่านมาทำให้หัวใจสาวนาท้อแท้
ฟ้าดินทอดทิ้งสาวนา
สวรรค์สิ้นไร้ดวงตาที่จะมาปลอบประโลม


พายุจริงพายุใจพากันโหมกระหน่ำหนัก
ให้สาวนาราวสิ้นไร้พลังใจ

ใครจะรู้บ้างไหม...
 ว่าหัวใจสาวนา สาวบ้านป่าบ้านไพร
ที่ตั้งใจใช้แรงกายเหนื่อยยาก
หว่านกล้าดำไถ ด้วยดวงใจ ที่กล้าแกร่ง
แฝงความอดทน
ด้วยดวงกมลใสยึดคำ..
*สมองสองมือเท่านั้นที่สร้างโลก*


ไยจะยอมท้อแท้แพ้พ่าย 
หากทว่า..ใครไม่เป็นสาวนาคงไม่รู้ดอกนะว่า
สาวนา พบอะไรบ้างในชีวิตที่ติดดินเรียบง่าย
เคียงกายไร้ ใครปกป้องคุ้มครอง
จนต้องรับกรรมให้มีผู้มากลั่นแกล้ง



สาวนาลงแรงแบ่งพื้นที่ติดเชิงเขาปลูกยาง
ตั้งแต่เดือนสาม เดือนสี่ปีที่แล้วมา
พร้อมกับที่ตะแบกบานไสว
ให้เสร็จก่อนต้นฤดูฝน และทุ่มเทใจ
เฝ้าทะนุถนอมใช้ หญ้าแห้ง ฟางข้าว เศษวัชพืช
คลุมโคนต้นยางเพื่อรักษาความชื้นของดิน 

ทุกวัน..
สาวนาจะแย้มยิ้มเอมอิ่มด้วยปิติใจ
ที่เห็นยอดยางแสนรัก
แตกกิ่งก้านไสวใบชูช่อรอสายวสันต์หลั่งริน


สาวนาเฝ้าตัดแต่งกิ่งแขนงและเพียรพยายามศึกษา
ขอคำแนะนำจากมูลนิธิหมู่บ้าน จากกำนัน
และจากวิทยากร
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร 
ที่พร้อมจะให้ความช่วยเหลือเจือจุน

ว่าหากจะตัดกิ่งนั้นควรทำในฤดูฝนเท่านั้น 
ไม่ควรตัดในฤดูแล้ง และการตัดแต่งกิ่ง
อย่าโน้มต้นยางลงมาตัด
เพราะจะทำให้ส่วนของลำต้นเสียหาย 



สาวนา..แสนชื่นใจคิดในใจว่า
เมื่อปลูกยางจนเติบงามครบ 5ปีแล้ว
คงพอจะทำรายได้ให้บ้างไม่มากก็น้อย
หลังจากหลงเฝ้าคอยดูแลทะนุถนอมมาอย่างดี
ดูแลไม่ให้วัชชพืชขึ้นปกคลุม
และระวังไม่ให้เกิดโรคต่างๆมากมาย

สาวนาหวังเพียงว่า
จะได้มีรายได้มาเจือจุนอีกทางให้สมกับคำที่ว่า
*จะไม่มีความยากจนในหมู่คนขยัน


และสาเหตุที่สาวนาหันมาปลูกยางพารานั้น
เพราะได้ไปรับฟังการบรรยาย
ที่เล่าเรื่องยางพาราอย่างน่าสนใจว่า
*ยางพารา
เป็นยางที่ได้มาจากต้นไม้ชนิดหนึ่ง
เรียกว่า ต้นยางพารา
 (เรียกตามภาษาพฤกษศาสตร์ว่า Hevea brasiliensis) 

สามัญชนทั่วไป เรียกว่า ยางพารา 
หรือ ต้นยางพารา (para rubber)
ทั้งนี้เพราะว่าเมื่อประมาณ 100 ปี มาแล้ว 
ยางชนิดที่กล่าวนี้ซื้อขายกันที่เมืองพารา 
ประเทศบราซิล 
ทวีปอเมริกาใต้เพียงแห่งเดียวเท่านั้น 

เพื่อสะดวกแก่การซื้อขายกัน
ในครั้งนั้นจึงเรียกยางชนิดนี้ว่า ยางพารา 

ในระยะนั้นมียางที่ได้จากต้นไม้อยู่หลายชนิด 
เช่น ยางแคสติลลาในอเมริกันกลาง 
ยางพันทุเมียจากแอฟริกา 
และยางอินเดียรับเบอร์
ในเอเชียตอนใต้ 

ถิ่นเดิมของต้นยางพาราอยู่ในทวีปอเมริกาใต้ 
ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศบราซิล 

ต้นยางพาราเป็น ไม้ป่า
ขึ้นกระจัดกระจายอยู่ห่าง ๆ กัน 
ทั้งในที่ดอนและที่ลุ่มของแม่น้ำอะเมซอน 
จนถึงประเทศเปรูชาวพื้นเมือง

คือ ชาวอินเดียนแดงในอเมริกาใต้และอเมริกากลาง
รู้จักยางมานานแล้ว 
และได้นำเอามาใช้ทำประโยชน์มาหลายร้อยปี 

ก่อนที่ชาวยุโรปจะไปพบโลกใหม่หรือทวีปอเมริกา 
ซึ่งเป็นถิ่นเดิมของต้นยางพารา 

ชาวอินเดียนแดง
ได้ใช้ยางทำลูกบอล 
ทำผ้ากันฝนและทำถุงเก็บน้ำปากแคบเป็นต้น 
**********


สาวนา..ผู้ที่ใครๆชอบให้สมญานามว่างามราวเทพีไพร
จึงสวมหัวใจสิงห์ตั้งใจที่จะลองสู้ ดูสักหน
ลองค้นคว้าหาข้อมูล
ค้นหาความรู้ทุกทาง 
เพื่อใช้แรงกายแรงใจเททุ่ม
หวังผลผลิตจากน้ำยางแห่งรักจาก
พลังจากทุกหยดหยาดเหงื่อแรงกายแรงใจ
จากใจดวงมิท้อมีเคยหวังรอโชคจากชะตาฟ้าดิน


และ
ทุกวัน หมดเรื่องนา 
สาวนาจะพาตัวเองไปถอนหญ้าวัชชพืช
อย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย
บางครั้งเมื่อร่างงามเมื่อยล้ามากๆเข้า

สาวนา จะนอนมองท้องฟ้าแล้วก็หลับตา
ปล่อยใจให้ฝันฝันฝัน บรรเจิด
ฝันแสนพราวเพริศว่าเห็นตัวเอง
กำลังกรีดยางในยามอุษาฟ้าสาง
กับดาวเดือนระดะดวงเต็มอ้อมฟ้าอ้อมฝัน
เห็นน้ำยางค่อยๆละหลั่งรินลงสู่ถ้วยรองน้ำยาง
อย่างช้าๆ ช้าๆ



สาวนานอนคิดถึงอ้าย..ด้วยความดายเดียว
เมื่อยามตะวันลาลับฟ้าด้วยน้ำตาซึม

สาวนาคิดว่าอ้ายจะรู้บ้างไหมละหนอ
ว่าสาวนาคนยากลำบากตรากตรำจำทนสู้
ไร้คู่คิดเคียงใจให้หัวใจสาวนานั้น
แสนเหว่ว้าเสียเป็นยิ่งนักแล้วนะอ้าย


และเมื่องานวัดวันก่อนเจ้าจอมลูกกำนัน
ที่มันคอยจะตามแทะเล็มสาวนา
มันแกล้งเย้ยให้สาวนาเจ็บช้ำว่า

อย่ามัวหลงรอท่าอ้ายอยู่เลย
ป่านนี้อ้ายคงไปเชยชมสาวกรุง..จนสิ้นแรงแล้ว
มันบอกว่า..มาเป็นเมียมันดีกว่า
มีทองหนักกว่ากิโลเป็นสินสอด



สาวนา..ได้แต่คิดอยากตอกกลับไปว่า
ให้เอาทองมากองท่วมหัวอีกก็อย่าหวังเลยชาตินี้
เพราะหัวใจรักหนักแน่นนี้ใช่ของซื้อของขาย
สาวนา..ไม่หวังให้อ้ายคืนหลังกลับมา
แต่สาวนารู้ว่าทั้งจิตวิญญาณรักและร่างสาวนานั้น
ได้มอบให้อ้ายไปเพียงคนเดียว

และสาวนาไม่เคยหวังจะแลเหลียวชายใด
เพราะสาวนาซึ้งในคำว่ารักคือทุกข์หนัก
ที่ช่างหนักหนาสาหัสและเพียงรักเดียว
แค่อ้ายก็ช้ำใจเกินพอแล้ว




สาวนาหารู้ไม่ว่าคนเรา
นี่หนาไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกล
และจิตคนเรายากหยั่งถึง
จนได้ซึ้งด้วยระทมทับแทบดับดวงใจ
ในวันนี้อย่างไรกันเล่า...

วันที่สาวนาต้องหลั่งน้ำตาด้วยเศร้าใจสุดทน
อย่างดายเดียว

เมื่อเช้าวันหนึ่งเหลียวมา..ไม่เห็น
ต้นยางแห่งรักแม้เพียงสักต้นเดียว




ยางแห่งรักแห่งน้ำพักน้ำแรง
ที่กำลังผลิยอดงาม
ได้ถูกถอนหายเหี้ยนไม่มีเหลือร่องรอย
ให้สาวนาแทบหัวใจสลายคล้ายดั่งแก้วถูกเขาทุบทิ้งแตก
แหลกสลายไม่มีชิ้นดี
สาวนา..ไม่รู้ว่าฝืมือผีห่าซาตานตนใด
ที่ช่างใจดำใจร้าย 
ทำลายได้แม้กระทั่งลูกผู้หญิงชาวไพร

ผู้มีดวงใจแสนซื่อแสนดี 
ที่มีเพียงแรงใจแรงกายเหลือเพียงนิดน้อย
ไว้ค่อยประคับประคองชีวิตลำพัง
ยามเซซังถูกอ้ายทอดทิ้ง



อ้ายคนดี..
สาวนาร่ำไห้กลางสายฝนในวันนี้
ด้วยใจดวงร้าวกับร่างรานนี้ที่กำลังเสียใจ

หมดพลังใจหมดศรัทธาในผู้คนในคุณงามความดี
ที่สาวนาเพียรเพาะบ่มห่มหอมใจด้วยธรรมะมายาวยืน



สาวนา ไม่สบายไข้ขึ้นและ
ในท่ามกลางความเหว่ว้าสุดใจ
สาวนาเพียรพยายามให้อภัยเพื่อนมนุษย์
สาวนาได้แต่จุดเทียนต่อหน้าองค์พระปฎิมา

และก้มลงกราบกราน
ตรงหน้าเบื้องพระพักตร์พระพุทธผู้บริสุทธิคุณ
ให้ดวงใจดวงใสละมุนราวแก้ววิเศษของสาวนา
จงอย่าหมดสิ้นกำลังใจสิ้นเมตตาที่จะทำความดี

ให้ลูกนี้ได้พลีพร้อมจิตใสและมีเมตตา
ให้น้ำใจยังคงใสงาม
 แม้วิบากกรรมจะตามมาทดสอบ
ให้หัวใจแสนบอบช้ำสุดทน



อ้ายคนดี..
โลกเรานี้ ไยถึงมีแต่ความทุกข์
ราวกับจะสอนให้เราสำนึก
ถึงความไม่มีอะไรที่เที่ยงแท้แน่นอน
สอนให้เรารู้ที่จะเพียรสร้างกรรมดี

อย่าผัดผ่อน..
เพื่อหาทางหนีจากปลักตม
จากความหลงยึดมั่นถือมั่นงมงายจากความใจร้าย
หวังทำลายกันและกัน




แทนจะหยาดรินน้ำใจใสงาม
ในทุกยามแห่งชีวีชีวิตนี้ที่ช่างแสนสั้นเสียยิ่งนักแล้ว
ให้ดวงใจใสราวแก้ววะวับวาววะวับแวว
ด้วยดวงดอกธรรมดอกแห่งคำว่าคุณงามความดี
ให้สมกับที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์
ในร่มธรรมร่มทองร่มฉัตรอันงดงามยิ่งใหญ่
เหนือสิ่งใดทั้งปวง



อ้าย..คนดี
หวังแม้นชาตินี้ 
อ้ายและใครจะทำร้ายใจดวงนี้ให้ย่อยยับสักปานใด

ก็คงให้อภัยด้วยจิตดวงใสดวงงามนี้
ที่กล้าแกร่งราวเพชรพรหม
ที่ซ่อนห่มหอมในห้วงชีวิตสถิตทอดอยู่ในบ้านภายใน
ที่เป็นลิขิตจากฟ้าดิน
ที่หามีผู้ใดและสิ่งใดจะกรายกล้ำทำร้ายได้นานไม่..
ตราบจนกว่าร่างและใจดวงนี้จะหมดสิ้นลม..!!

				
21 กันยายน 2547 22:11 น.

สาวนาเก็บเห็ด!

สาวบ้านนา


urlhttp://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=1554
ความรักเหมือนเห็ดละโง้ก



คืนนี้....
ฝนพรำตลอดเวลา
ให้สาวนานอนดายเดียวเหว่ว้า
ดูม่านฝนในมุ้งขาว


กับ
ละอองไอฝนเย็นๆ
ที่ปล่อยให้พัดพรายผ่านเข้ามา
ให้ได้ความสดชื่น
ได้กลิ่นละอองเกสรดอกไม้ป่า
และดอกไม้ไทยนานาพรรณ
ใกล้ชายคา...


มะลิลามะลิซ้อนโมกอรชร
ดวงดอกมะลิวัลย์จันทร์กระพ้อ
กอราตรีระร่ำรสสดเศร้า
เคล้าคลอให้ยิ่งหนาวใจ


และกับกลิ่นหอมหอม
หวานหวานของดอกจำปีจำปา
มาตามพรายฝนพร่าง..
ในท่ามกลางแสงตะเกียงอันริบหรี่..


สาวนา
ชอบฤดูฝนแม้นจะไร้คนในฝัน
มานอนออดอ้อนให้ไออุ่นละมุนทรวง
มาฟังเสียงหยาดฝนร่วงกระทบรวงข้าว
และชายคาจาก
เปาะๆแปะๆไปด้วยกันก็ตามที
**********


สาวนา..คนซื่อ
จึงจำรำงับ
ดับความคิดถึงคะนึงหาอ้ายด้วยการ
หมุนหาเพลงไทยลุกทุ่งไพเราะๆฟัง
จะเข้าท่าเข้าทีจะดีกว่า
ที่จะนอนฝันดายเดียวเดียวดาย

********


http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=4567
ฝนเดือนหก รุ่งเพชร แหลมสิงห์ : : Key F 

โอ๊บ โอ๊บ ย่างเข้าเดือนหก
ฝนก็ตก พรำพรำ
กบมันก็ร้อง งึมงำ ระงมไปทั่ว ท้อง นา
ฝนตกทีไรคิดถึงขวัญใจ ของข้า
แม่ดอกโสน บ้านนา 
น้องเคยเรียกข้า พ่อดอกสะเดา
ย่างเข้าเดือนหก ฝนก็ตก โปรยโปรย
หัวใจพี่ร้อง โอยโอย คิดถึงแม่ดอก บานเช้า
ฝนตกลงมา คิดถึงขวัญตา น้องเจ้า
ไม่เจอะหน้าน้อง แม้เงา
หรือลืมรักเราเสียแล้วแก้วตา
ถามว่าฝนเอย ทำไมจึงตก
ตอบว่าฝนตกเพราะกบมันร้องเรียกฝนบนฟ้า
ถามว่าพี่เอยทำไมร้องไห้ และหลั่งน้ำตา
ตอบว่าหัวใจ ของข้า คิดถึงแก้วตา จึงร้องไห้
ย่างเข้าเดือนหก ฝนก็ตก ปรอยปรอย
พี่ยังมาหลง ยืนคอย น้องจนพี่ปวด หัว ใจ
ฝนตกพรำพรำ พี่ยิ่ง ระกำ หมองไหม้
พี่ต้องตากฝน ทนหนาวใจ
น้องจากพี่ไปเมื่อเดือนหกเอย

ถามว่าฝนเอย ทำไมจึงตก
ตอบว่าฝนตกเพราะกบมันร้องเรียกฝนบนฟ้า
ถามว่าพี่เอยทำไมร้องไห้และหลั่งน้ำตา
ตอบว่าหัวใจ ของข้า คิดถึงแก้วตา จึงร้องไห้
ย่างเข้าเดือนหก ฝนก็ตก ปรอยปรอย
พี่ยังมาหลง ยืนคอย น้องจนพี่ปวด หัว ใจ
ฝนตกพรำพรำ พี่ยิ่ง ระกำ หมองไหม้
พี่ต้องตากฝน ทนหนาวใจ
น้องจากพี่ไปเมื่อเดือนหกเอย...

********


ฟังเพลงแล้ว
สาวนาจึงไล้แสงตะเกียงเคียงหัวนอน
ให้โชนขึ้นเพื่อ
อ่านหนังสือ*ธรรม*และ
สวดมนต์ภาวนาแผ่เมตตา
ให้แก่ทุกสรรพสัตว์ในหล้าโลกนี้


ที่ได้ยินข่าวว่า
ยังมีการรบราฆ่าฟันกันอยู่ทุกหัวระแหง
มีแต่ความแรงร้อนไปทั่ว
กลั้วด้วยหยาดน้ำตาของผู้สูญเสีย
และ
หลวงพ่อเพียรเทศน์
ให้รู้เท่าทัน
ให้ระลึกรู้ว่า
ชีวิตคนเรานั้นแสนสั้นนัก
มิพักต้องรีบพากันตาย
ใช้วิธี
แบบโหดเหี้ยมใหดร้ายทารุณ


และ
ยิ่งทำให้โลกละมุนแล้งไร้ 
สิ้นไร้ความเมตตามากขึ้นๆ
มีแต่กิเลสตัณหาความอยาก
ที่จะช่วงชิงความเป็นใหญ่เป็นโต
จนพาโลกไปสู่สงครามสู่ความขัดแย้งทางการมือง


ที่ทำอย่างไรคิดอย่างไร
สาวนาก็คิดได้คิดดี
คิดตามอย่างที่หลวงพ่อสอนว่า

มนุษย์มนามากมาย
ช่างใช้ชีวิตเปล่าเปลืองเสียเวลาเสียนี่กระไร
น่าที่จะหันมาทำความเข้าใจกัน
หันหน้ามาใช้สติปัญญาแก้ปัญหา
รู้รักสามัคคีรักษาสิ่งแวดล้อมโลกจะเข้าท่าเข้าทีจะดีกว่า


เหมือน
อนาคตท่านผู้หญิงหมายเลขหนึ่ง
ของคนฝรั่งอเมริกา
ที่สาวนาได้ยินจาก
วิเคราะห์ข่าวเช้าวันหนึ่งทางวิทยุว่า
เธอ..ร่ำรวยมหาศาล 


หากยังขัดห้องน้ำเอง
และเป็นตัวของตัวเองทุกเรื่องราว
เท้าติดดิน 
ที่สำคัญเธอเป็นนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโลก
มิได้เสวยสุขทิ้งโศกไว้ให้คนจน
คนชั้นกลางนักวิชาการรับมือแก้ปัญหาไปลำพัง


สาวนาจึงหวังแบบลมๆแล้ง
แบบสาวบ้านป่าบ้านนอก
อยากบอกให้ชาวโลกได้รับรู้
ตามประสาชาวบ้านๆว่า
เลิกบ้าวัตถุที่กินไม่ได้เสียที


น่าที่จะหันมาพัฒนา
มาปลูกพืชพันธุ์แบ่งปันกันกินจะดีกว่า
มาถวิลคิดว่าโลกกำลังจะอดตาย
เด็กๆมากมายกำลังจะอดตาย
อย่างเด็กในแอฟริกาและบังคลาเทศ
เนื่องจากภัยพิบัติมากมายมากมี


และ
ไม่นานช้าโลกนี้อาจจะถึงกาลเวลา
น้ำท่วมฟ้าปลากินดาว
และอาจจะราวทะเลทรายเพราะ
สิ้นไร้วงจรดินน้ำลมไฟไม่ปรกติสุข


โรค..ระบาดก็มิพลาดที่จะตามมา
ซึ่งเบื้องหลังนั้น
นักวิชาการ  
แพทย์ทั่วโลกต่างพากันแสนโศกใจ
เมื่อตามรับมือกับโรคใหม่ๆแทบไม่ทัน
อย่างที่สาวนาได้ยินได้ฟังจากข่าววิทยุ


และ
จากที่
หลวงพ่อนักพัฒนา
เพียรพยายาม
บอกชาวบ้าน
ถึงโครงการเรียบง่ายหากงดงาม

โครงการ*ป่ารักษ์น้ำ*
และทั้งห้ามและขอร้อง
ให้ช่วยกันเลิกทำลายป่าเสียที
ที่นะบัดนี้จะเหลือเพียงหยิบมือเดียวแล้ว
หากไม่ช่วยกันแลเหลียวและคิดว่าเป็นธุระของตัว


หลวงพ่อบอกว่าเราชาวป่าชาวบ้าน
ยังมีความคิดจิตใจ ดีกว่า
ข้าราชการหรือคนในเมืองบางคน
ที่วนหาแต่เรื่องวัตถุมาสะสมมาเครียด
และคิดแต่จะคอรัปชั่นโกงกินแผ่นดิน


เราถึงจะเป็นชาวนาชาวดิน
แต่ยังมีใจดวงใส
ดวงมิสิ้นคุณธรรม
มิห้ำหั่นราวไร้มโนธรรมเอารัดเอาเปรียบใคร

ไม่ทำลายผืนดินและทรัพยากรชาติ
และจงสร้างภาคภูมิใจก่อนจะตาย ดีกว่า
ว่าไม่เสียชาติเกิด


อย่าเอาแต่ได้ ไร้สำนึก..
จงระลึกรู้
ที่จะแสดงกตัญญุตาต่อผืนดินเถิด
ที่จะประเสริฐกว่า..การฆ่าฟันกัน
ทุกหย่อมหญ้าอย่างไร้เหตุผล
เพราะมัวเมาหลงอัตตา 
ความบ้าอำนาจที่จะแย่งชิงสิ่งที่มิใช่ของตัว


สาวนา..
คิดอะไรไกลตัวมากแล้ว
เลยพยายามนั่งสมาธิจะดีกว่า
ขอแค่คิดว่า
เพียงเราทุกคนทำหน้าที่ตัวเองอย่างดีที่สุด
อยู่ในโลกนี้อย่างมาโอบเอื้อแบ่งปันพึ่งพิงพึ่งพา
ก็น่าจะสมถะเพียงพอพอเพียงแล้ว


เหมือนสาวนา
ที่คืนนี้ขอนอนหลับเอาแรงพักผ่อน
ไว้ลุกขึ้นมาทำนาทำไร่
ให้ได้ผลพอเพียงเพียงพอที่จะหล่อเลี้ยงไปยังผู้อื่น
และ


หวังไว้แค่ว่า..
เช้ามาจะไปเก็บเห็ดในป่า
หาเลี้ยงชีพชอบประกอบกิจประกอบกิน


ที่หากยังมีสิ้นผืนดินมิสิ้นแรงสิ้นชีพ
อาจจะได้ประกอบกาย
ได้ปลูกข้าวเลี้ยงชีวิตชาวเมือง
แทนเปล่าเปลืองวัตถุ
ที่ได้แต่ถือแต่หามาไว้
ประเทืองประทับประดับบารมี
หากชีวีหากินได้ไม่..


สาวนาหัวใจสะออน
จึงขอนอนหลับไม่ฝัน
หากจะฝัน
ก็ขอแค่ให้ฝันเห็นแค่เห็ดเห็ดเห็ดและเห็ดเพียงนั้น


เพราะสองวันมานี้อากาศอ้าว
ฝนทิ้งช่วงมาสองสามวัน
เห็ดโคนอันแสนอร่อยราคาแพง
คงจะพากันแทงขึ้นมาจากรังปลวก
เต็มไปหมดแล้ว..


เห็ดโคนที่จะมีจะมาราวเดือน8ถึงเดือน11
และราคาเห็ดก็กิโลละตั้งหลายร้อยบาท
ว่าแล้วสาวนาก็จะพลาดได้อย่างไรกันเล่า


จำต้องพาร่างและหัวใจน้อยๆ
ราวลอยล่องท่องไปในทะลเห็ดเห็ดเห็ด
สีสวยสล้างนะกลางป่าเขียวไพล
พาใจนอนคิดคิดคิดไปจนเข้าสู่นิทรา.อย่างแสนสุข
........................


เช้าแล้ว
น้ำค้างแก้วหยาดสายระริน
แว่วๆ
เสียงไก่เถื่อนขันเทือนไปทั้งป่า
ฟ้าหลัวๆเริ่มรุ่งรางสว่างจ้ารำไรๆ


นกไพรร้องหาคู่
ดุเหว่ายังร้องเพลงหวานแว่วแผ่วเพลงเดิมเดิม
มาเติมต่อให้
หัวใจสาวนาอิ่มเอม
เริ่มบรรเลงงานกิจวัตรประจำวันจนแล้วเสร็จ..

สาวนา..
ค่อยๆพาตัวเองเดินไปตามเส้นทางสายเล็กๆ
ที่ทอดขึ้นไปสู่ภูอันแน่นทึบไปด้วย
ต้นไม้ใหญ่ๆที่ยังสานใบปกคลุมกัน


สาวนารู้ว่าภายใต้ป่าใหญ่ไพรกว้างอันรกเรื้อนั้น
ที่ยังมีเถาวัลย์หญ้ามอสเขียวครึ้ม


จะมีรังปลวกที่อพยพหนีทิ้งไป
ทิ้งรังไว้ให้เห็ดโคนเติบโตใต้ดินลึก
ที่มีใบไม้ทับถมห่มคลุมผืนดิน
ให้มีความชื้นพอเหมาะพอดี
ที่กะเปาะเห็ดจะแตกดอกระดะออกมา
และเพราะเหตุที่ว่า
กว่าจะหาพบต้องใช้ประสบการณ์สูง
อย่างสาวนา
ที่จะรู้ว่านะจุดไหนในดินที่จะมี


เช่นตามพื้นดิน 
หรือขอนไม้ผุในหน้าฝน 
ซึ่งเห็ดจะปนกันมากมาย
มีสีแตกต่างกัน เช่น สีแดง สีเหลือง สีดำ
และยังมากมายหลายพันธุ์ 


จนกระทั่งบางทีสาวนา
ก็ขอบคุณฟ้าดินเหมือนกัน
ที่ราวสวรรค์มีตา
พาให้ชาวบ้านป่าบ้านดอยได้ดำรงชีพชอบ
ด้วยการเก็บของป่าที่มากับฤดูกาล


แม้การเก็บเห็ดจะมีให้ปีละครั้ง
แต่ก็แสนคุ้มค่าเพราะราคาดี
แม้นจะมีดินคลุกปน
ต้องทนเอาไปทำความสะอาด
ก่อนจะปรุงอาหารให้มีรสชาติหวานหอม


และ
อาชีพหาของป่าหรือว่ามาเก็บเห็ดนี้
ใช่ฟ้าจะประทานมาให้ใครทำได้
เพราะเห็ดบางชนิดกินแล้วถึงตายได้
ต้องเลือกเก็บหรือกินเฉพาะเห็ดที่รู้จัก
และหากมีสีสดๆมักจะมีพิษ


บางทีต้องอาศัยความสังเกตคอยเฝ้าดู
ว่าแมลงสัตว์กินไหม
ถ้าสัตว์กินได้คนถึงจะกินได้
แต่ต้องมั่นใจเต็มร้อย
ต้องค่อยๆศึกษาดู


เพราะว่าอย่างนกกินได้
แล้วอาจจะไปกินอะไรอีกอย่างมาแก้กัน
ใช่จะกินตามไป
ไม่ดูตาม้าตาเรือ


และ
ต้องจดจำจากคนโบร่ำโบราณ
ที่ผ่านการหาของป่ามายาวนาน

ใช่ว่า..ผลไม้ของป่าทุกอย่างจะเก็บกินสุ่มสี่สุ่มห้าได้หมด


นี่คือเรื่องงามงดงดงามของชีวิตชาวนาชาวป่า
ที่เกิดมาต้องหาเพียรเสาะหาหาอาหารมากินเอง
ใช่จะกระเตงไปสั่งตามร้านได้ซะที่ไหนล่ะ


และ
นี่คือชีวิตคนไพรคนป่า
ที่เกิดมาต้องเพียรยังชีพ    
ด้วยน้ำพักน้ำแรงตัวเองตามมีตามเกิด
ที่ประเสริฐ
กว่าพวกนั่งโต๊ะในห้องแอร์เย็นๆ
ที่คอยแต่จะคดโกง


เป็นพรสวรรค์พรแสวงแขนงหนึ่ง
ที่ธรรมชาติให้มาแบบไม่เลือกที่รักมักที่ชัง
และ
ให้มนุษย์ได้สำนึกว่าอย่ามาเบียดเบียน 
ทำลายปล่อยให้ทุกอย่างโอบเอื้อ
ซึ่งกันและกัน


และกับวันนี้
สาวนา..แสนดีใจที่
เก็บเห็ดได้เต็มตะกร้า
พาให้หัวใจสาวนาอิ่มเอิบราวเห็ดโคนโดนฝนเลย


ในท่ามกลางสายลมแรง
กับละอองฝนโปรยปราย
ให้อากาศแสนเยียบเย็น
สาวนาค่อยๆเร้นร่างหลบหนาว
เข้าไปภายใต้ร่มไม้ใบบัง


และทำไมนะสาวนา
ถึงละหลั่งรินน้ำตา
เมื่อคิดไปว่า..


อ้ายคนดีคนที่ชอบเห็ด..
ป่านนี้ให้ใครเด็ดดวงใจไปครอบครองเสียแล้ว
ให้ไปทำอาหารเห็ดจานเด็ดจานอร่อย
ปรุงปรนป้อนปาก
จนลืมสาวนาคนยาก  ผู้สาว  ผู้จงรักภักดี.!!!

*********



ความรักเหมือนเห็ดละโง้ก 

ศิริพร อำไพพงษ์ : : Key C 

ความรักของผู้ชาย
คิดไปเหมือนเห็ดละโง้ก
ยามฝนตกเห็ดละโง้ก
ก็เริ่มจะบาน
เริ่มจะโตเป็นไข่
ใหญ่มาก็ตูมแล้วบาน
ใช้เวลาไม่นาน
ดอกที่บานก็เริ่มโรยรา
เหมือนรักพี่
แค่เพียงสบตา แล้วก็มา
สัญญาว่าจะรักมั่น
ครั้นผู้หญิงใจอ่อน
ใจอ่อนถอดตัวไม่ทัน
รักไม่เคยข้ามวัน
ใจพี่นั้นก็เริ่มเปลี่ยนแปร
ลำ
ใจชายแน่
หัวใจพลิกแผงมีแดงหรือบ่
ลืมไวกะด้อหน้ออ้ายซางเป็น
ใจน้องเต้นเห็นพี่ทำทรง
เลยตกลงฮักมักชายจริงแท้
เลยมาแพ้ชายแปรเป็นอื่น
วันคืนกะด้อใจก็เปลี่ยนผัน
ใจอ้ายนั่นมันมักลืมไว
ซางมาคือกันหลาย
วางเห็ดในโอ้ง
ฝนตกล่ะยังไม่ทันเท่าใด
ก็กลายเป็นไข่ขึ้นมา
แล้วก็จูมดังว่า
ต่อมาก็บานเป็นใบ
ต่อจากนั้น
เก็บมันก็แกงกินไป
เก็บไม่ทันเมื่อไหร่
ดอกใบร่วงหล่นลงดิน
ลำ
ถือขมิ้นตั๋วกินตั๋วเก่ง
ถือขมิ้นตั๋วกินตั๋วเก่ง
ยามมักกระเด่งเด่งเข้าไม่หาย
บาดห่าได้บ่เห็นไข่เห็นโต
กระลืมไวพะโล้หน่ายโตชายเด้
หวังเอาเท่คือเห็นในไข่
บัดว่าไข่แตกแล้วมีตั้งแต่หนอน
สาวเดือดฮ้อนย้อนได้พี่คือเห็ด
มาลืมไวใจเด็ด
ว่าแม่นเห็ดอยูในโคก
ว่าแม่นเห็ดอยู่ในโคก
ความรักดังเห็ดละโง้ก
ยามฝนตกกะโสกโหลกโสกเลก
บานแล้วเก็บไม่ทัน
เห็ดเหล่านั้น
ก็เนาตายเอดเลด
ความรักดังเห็ดละโง้ก
ยามฝนตกกะโสกโหลกโสกเลก
บานแล้วเก็บไม่ทัน
เห็ดเหล่านั้น
ก็เนาตายเอดเลด
ความรักดังเห็ดละโง้ก
ยามฝนตกกะโสกโหลกโสกเลก
บานแล้วเก็บไม่ทัน
เห็ดเหล่านั้น
ก็เนาตายเอดเลด...

**********

				
12 กันยายน 2547 08:32 น.

ช่อดอกข้าว!

สาวบ้านนา


url http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=219
เดือนต่ำดาวตก
******** 

ช่อดอกข้าว สาวบ้านนา บัวภักดีพลีบูชา


อุษาฟ้าใกล้สว่างแล้ว
สาวนาได้ยินเสียงไก่แก้วขันเอ๊กอีเอ๊ก  เอ๊กอีเอ๊ก  ๆ......
นกพากันร้องจุ๊บจิ๊บๆๆๆ
ดุเหว่าดงหลงทางอยู่ไหนละหนอละนี่
ถึงได้ร้องเพลงพ้อเสียงหวานเศร้า
ปลุกราวไพรราวละเมอหาคู่
พร้องแผ่วแว่วผ่านผสานผสมเสียงไผ่กอที่ซัดส่าย
มาตามสายลม..อ่อนๆบางเบาที่พัดผ่านมา



ใจสาวนาราวหยาดน้ำค้าง...ในยามเช้านี้
ค่อยๆคลี่ยิ้มหวาน...... 
รอรับเบิกบานของดวงดอกไม้และดวงตะวันอันอ่อนอุ่นอบอุ่น
ที่ค่อยๆหมุนละมุนมาเยื้อนแย้มโลกอีกครา และอีกครา



สาวนา..
นอนในมุ้งที่ตลบชายขึ้นไว้
ให้สายลมระรินพัดพากลิ่นหอมหวานจาก*ช่อดอกข้าว*
ที่ตั้งท่าผลิระแง้รวงเรียวรายร้อยห้อยย้อยรอแกระเกี่ยวเก็บ
รับเสียงจากรายรอบทุกสรรพสิ่ง
ที่ยังคงงามเงียบตามปกติสุข



สาวนา..หมุนหาคลื่นวิทยุ
ฟังบทเพลงแสนหวานจากเครื่องทรานซิสเตอร์แสนเก่า
จากนักจัดรายการเสียงแสนหล่อ..
ที่หัวเราะหัวใคร่กับผู้ฟังราวมานั่งคุยตรงหน้า
ยามแฟนๆขอเพลง..



http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=219
เดือนต่ำดาวตก ทูล ทองใจ : : Key Bb 

เดือนต่ำดาวตกเสียงนกละเมอ
เผลอร้องกลางดึก ดวงจิตระทึก
พี่นึกว่าเป็น เสียงเธอ
ผวา มองจ้องตามเพียงครู่
รู้ตัวว่าเก้อ ต้องกลับมาเพ้อ รำพึง
เงาไผ่หรุบหรู่แหงนดูเดือนต่ำ
น้ำค้างร่วงกราว 
ใจยิ่งปวดร้าว ยามไร้เธอเคียง คนึง
ความรักที่เคยชื่นทรวงใจซ่าน
หวานดังน้ำผึ้ง
แปรเปลี่ยนบึ้งตึงเหมือนเดือนเลือนลา
แม้ท้องฟ้าไร้
ทั้งดาวและเดือนก็เหมือนพี่นี้ 
ไร้คู่ชีวี นอนแนบนิทรา
เหมือนคนไม่มีหัวใจ ได้แต่ผวา
เสียงลมพริ้วมานึกว่าเสียงนาง
เดือนต่ำดาวตกเสียงนกละเมอ
เผลอร้องครั้งใด
พี่แทบคลั่งไคล้คิดถึงทรามวัย มิวาง
ผวากายหมายโลมเนื้อเกลี้ยง
พบเพียงหมอนข้าง
แทนที่แม่นางน้องเจ้าเคยนอน

แม้ท้องฟ้าไร้
ทั้งดาวและเดือนก็เหมือนพี่นี้ 
ไร้คู่ชีวีนอนแนบนิทรา
เหมือนคนไม่มีหัวใจ ได้แต่ผวา
เสียงลมพริ้วมานึกว่าเสียงนาง
เดือนต่ำดาวตกเสียงนกละเมอ
เผลอร้องครั้งใด
พี่แทบคลั่งไคล้คิดถึงทรามวัย มิวาง
ผวากายหมายโลมเนื้อเกลี้ยง
พบเพียงหมอนข้าง
แทนที่แม่นางน้องเจ้าเคยนอน...

**********



สาวนา..นอนฟังเพลงได้ไม่นาน
พานพาคิดขึ้นได้ว่าวันนี้จะไปวัด
ไปกราบหลวงพ่อ..ขอพร..
สาวนาหัวใจละอ่อน..จึงเตรียมทำกิจวัตรประจำวัน
เตรียมขันเงินงามพายเรือไปอาบน้ำในบึงบัว..
และตั้งใจว่า..
จะเด็ดดอกบัวหลวงสีสวยสลับไปผจงจัดกลีบมัดกำ
ไปใส่แจกันหน้าพระพักตร์พระพุทธ
ผู้แทนความพิสุทธิคุณการุณย์มากเมตตา
*พระประธานในโบสถ์คร่ำ*



สาวนา..
พายเรือไป..ร้องเพลงดังๆไป
หากใครเห็นภาพคงน่ารักนัก
กับฉากหลังคือ...
ภูเขาในเงื้อมเงาสูง
ที่ถูกคลี่คลุมด้วยม่านเมฆสายไหมสายหมอก
หยอกเย้าพราวพร่างราวภาพเมืองในฝัน

กับลำธารสายสวยใสแสนหวาน
ที่ค่อยๆไหลเลาะลัดผ่านละหานห้วยลำประโดง
โค้งคดเคี้ยวเข้ามาถึงริมนาสาวนา 
ที่นะบัดนี้
กลายมาเป็นบึงบัวกว้างสุดตา..เคียงฟ้าเคียงดิน
ให้สาวนา ได้ปลูกบัวสายถวิล 
บัวหลวงเต็มลำคลองงามน้ำใสแจ๋ว

สาวนา..แว่วคิดถึงเพลง บัวตูมบัวบานทุกครา
ค่าที่บทเพลงนี้ได้กลายเป็นบทเพลงอมตะแล้ว



http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=1504
บัวตูมบัวบาน ไก่แจ้ โต้ง อนุศักดิ์ : : Key Em 

ลงเรือน้อยลอยวน
ในสายชลห้วยละหาน
มีทั้งบัวตูมบัวบาน
ดอกใบไหวก้านงามตา
เมื่อลมพัดมาชื่นใจ
ผึ้งตอมหอมบินดมกลิ่นบัว
ซ่อนตัวรำพันฝันใฝ่
เหมือนดนตรีชะโลมกล่อมใจ
ฟังยิ่งฟังไป รุมเร้าฤทัยลำพอง
ปองจะเด็ดบัวบาน
ครวญคิดนานหวั่นเจ้าของ
ใจหมายดึงโน้มโลมรอง
หากบัวไม่มีเจ้าของ
จะชมทั้งสองปทุม
เอื้อมมือหมายดึงเพียงดอกบาน
ก็เกรงสะท้านถึงก้านดอกตูม
แสนเสียดายเหมือนชายหมดภูมิ
จะเด็ดดอกตูม
ยังนึกเสียดายดอกบาน
เรือเร็วไปหน่อยค่อยค่อยทวน
บัวหอมชวนอกสะท้าน
งามทั้งบัวตูมบัวบาน
เทพไททุกแดนพิมาน
ประทานสมดังตั้งใจ
เอื้อมมือหมายดึงดอกตูมก่อน
ดอกบานก็ค้อนแสนงอนไปใย
จะเด็ดดอกบาน
ดอกตูมก็สั่นแกว่งไกว
จะเด็ดดอกไหน
กันหนอบัวตูมบัวบาน
จะเด็ดทีเดียวเสียทั้งคู่
ครวญคิดดูอยู่ไม่นาน
พอดอกตูมแย้มตระการ
ดอกบานก็คงแห้งโหย
กลีบราร่วงโรยน่าชัง
ต้องลาแล้วหนอบัวช่องาม
บาปเคราะห์และกรรมประดัง
แล้วจ้ำเรือน้อยค่อยเข้าฝั่ง
ไม่ยอมกลับหลัง
หมดหวังทั้งตูมทั้งบาน

จะเด็ดทีเดียวเสียทั้งคู่
ครวญคิดดูอยู่ไม่นาน
พอดอกตูมแย้มตระการ
ดอกบานก็คงแห้งโหย
กลีบราร่วงโรยน่าชัง
ต้องลาแล้วหนอบัวช่องาม
บาปเคราะห์และกรรมประดัง
แล้วจ้ำเรือน้อยค่อยเข้าฝั่ง
ไม่ยอมกลับหลัง
หมดหวังทั้งตูมทั้งบาน...

*********


และ...
พอหันไปเห็นตาลเคียงนาเคียงน้ำเคียงหวานในหัวใจ
สาวนาจะต้องร้องเพลงใหม่เพลง*แม่น้ำตาลก้นแก้ว*
ราวกับคิดถึง อ้ายเสียเต็มประดา 
ราวกับอยากตัดพ้อว่า..ว่า
ไปหลงกลิ่นน้ำหอมสาวเมืองกรุงเรืองรุ่งอยู่หรือไร
นะที่ไหนนะหนไหน
ถึงได้ลืมแม่น้ำตาลไพร แม่น้ำตาลก้นแก้วเสียสนิทใจเลยทีเดียวเชียว



http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=4842
น้ำตาลก้นแก้ว ก้าน แก้วสุพรรณ : : Key Fm
แม่ น้ำตาลก้นแก้ว
เขาชิม เจ้าแล้ว
จึงตกถึงมือพี่
ถ้าหากเป็นแหวนก็เปรียบดังแม้น
เจ้าโดนสวมฟรี
เพชรที่งามหรือจะมี
ค่าสูงยิ่งกว่าดรรชนีของนาง
แม่ น้ำตาลก้นแก้ว
เขาชิม เบื่อแล้ว
จึงถูกเขาทิ้งขว้าง
สูญสิ้นความสาวแล้วเจ้าจึงรู้
ว่าเดินหลงทาง
พี่ไม่โกรธเจ้าหรอกนาง
ยังรักไม่จางรักนางเสมอ
ถึงพี่ เป็นสองรองคนอื่น
พี่ก็ยังยิ้มชื่น
ต้อนรับการกลับของเธอ
ตักพี่ยังว่าง อกพี่ยังอุ่นเสมอ
ตาลจ๋ากลับมาเถิดเธอ
พี่หลงละเมอเพ้อเฝ้าใฝ่ฝัน
แม่ น้ำตาลก้นแก้ว
เขาชิม เจ้าแล้ว
พี่ก็ขอรักมั่น
ถึงจะเหลือเดนเพราะผ่านคนชิม
มานานแสนนาน
พี่ก็ยังต้องการ
รอรับรสหวานน้ำตาลก้นแก้ว

ถึงพี่ เป็นสองรองคนอื่น
พี่ก็ยังยิ้มชื่น
ต้อนรับการกลับของเธอ
ตักพี่ยังว่าง อกพี่ยังอุ่นเสมอ
ตาลจ๋ากลับมาเถิดเธอ
พี่หลงละเมอเพ้อเฝ้าใฝ่ฝัน
แม่ น้ำตาลก้นแก้ว
เขาชิม เจ้าแล้ว
พี่ก็ขอรักมั่น
ถึงจะเหลือเดนเพราะผ่านคนชิม
มานานแสนนาน
พี่ก็ยังต้องการ
รอรับรสหวานน้ำตาลก้นแก้ว...
*******



สาวนาราพายแล้วค่อยๆถอดเสื้อออกช้าๆ
ในสายแสงแรกของดวงตะวันอันอ่อนอุ่น
ทีกำลังพรายพร่าง
ฉายสายแสงรัศมีสีทองอันอ่อนหวานโอบเอื้อ
ที่กำลังโลมไล้ร่างเนียนหนั่นแน่นละมุน
กรุ่นกลิ่นแดดละออธรรมธาติ
ให้งามราวนางไพร นางในฝัน



เธอ..ค่อยๆพาบัวถันอันงามกว่าบัวเถื่อน
ลอยกระเพื่อมคว้าง
เหนือบึงบัวงามหลากสีนานาพรรณ
อันยิ่งกว่าฉากฝันประโลมหล้า
ให้บทเพลงแห่งฟ้าดินได้ประโลมใจประโคมใจ



http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=182

นางฟ้าจำแลง  สุนทราภรณ์ : : Key F 

โฉมเอย โฉมงาม อร่ามแท้ แลตะลึง
ได้เจอ ครั้งหนึ่ง เสน่ห์ซึ้ง ตรึงใจ
ครั้งเดียว ได้ชม สมัครภิรมย์ รักใคร่
พัน ผูกใจ ไม่ร้าง รา 
น้ำคำ ลือเลื่อง ไปทั่วทั้งเมือง นานมา
ชมว่าวิไล งามตา ดังเทพธิดา องค์หนึ่ง
มาเห็น เต็มตา พลอยพา รำพึง
ติดตรึง ชวนให้คนึง อาจินต์

เห็นเพียง นิดเดียว ให้ซาบเสียว วิญญา
ได้ชม โฉมหน้า ดังหยาดฟ้า มาดิน
โสภา ท่าทาง ดูช่างสำอางค์ งามสิ้น
คำ ที่ยิน ยังน้อยไป
หรือว่า ชาติก่อน นางได้รับพร ของใคร
คงสร้างผลบุญ ยิ่งใหญ่ จึงได้วิไล งามตา
นางฟ้า องค์ใด แปลงกาย ลงมา
จึงงาม ดังเทพธิดา ลาวัณย์

เห็นเพียง นิดเดียว ให้ซาบเสียว วิญญา
ได้ชม โฉมหน้า ดังหยาดฟ้า มาดิน
โสภา ท่าทาง ดูช่างสำอางค์ งามสิ้น
คำ ที่ยิน ยังน้อยไป
หรือว่า ชาติก่อน นางได้รับพร ของใคร
คงสร้างผลบุญ ยิ่งใหญ่ จึงได้วิไล งามตา
นางฟ้า องค์ใด แปลงกาย ลงมา
จึงงาม ดังเทพธิดา ลาวัณย์..

*********.



สาวนาระริกร่างรับหนาวในสายน้ำ
ให้ซอนไซ้
ให้กายค่อยๆคลายปรับให้อุ่นอาบ...
ทะเลบัวงามฉาบ
ไปด้วยสายแสงสีทองเล้าโลม
ภู่ผึ้งตระโบมคลุกเกสรบัว
ที่ค่อยๆแหวกกลีบคา คลี่ให้หวาน..


สายน้ำระริน..ฉ่ำระร่ำรด
ไปทั้งนวลเนื้อนอกเนื้อใจสาวนา
ที่นะบัดนี้นอนลอยตัวเหว่ว้า
หลับตาประคองร่างประคองใจ
รับรินใสของทั้งสายน้ำและแสงฟ้า..ละมุน
กับกรุ่นกลิ่นหอมพร่างของเกสรบัวที่ยังงามพรายมิรู้เบื่อ..



สาวนา..
รู้แล้วว่า..ความรักใดหนา
จะปานเปรียบเทียบเท่ากับธรรมชาติไพร
ที่รายล้อมหอมห้วงแห่งดวงใจ อย่างไม่มีเก่าไปกับกาลเวลา

ไม่ว่าจะกี่รักร้าวกี่เศร้าหมอง
ที่พ้องผ่านพัดมากับพายุอารมณ์อ้าย
ที่ดีร้ายพรายพลัดพรากจากลาลืมเลือน..ไปไกลลิบโลก..
ก็หาโศกนานไม่ 



หากหัวใจดวงบริสุทธิ์ใสนี้
ยังมีน้ำมีนาให้ทำ
ยังมีวัดมีโบสถ์คร่ำให้ไปนั่งสมาธิภาวนา
ต่อหน้าพระพักตร์พระพุทธิ์องค์ใหญ่ที่มากเมตตา
ที่ทอดสายพระเนตรและแย้มโอษฐ์เอื้อราวปรานี
ยามที่จิตนี้ต้องการความสงบงาม..



และไหน
ยังจะมีหลวงพ่อคอยเทศนาสอนสั่งธรรม..
ให้รู้วางรู้ว่างรักษาจิต  ให้คิด ทำ พูดแต่สิ่งดีดีมีมงคล
ที่จะรักษาตนให้พ้นภัย 
ให้รู้ปลดปล่อยพันธนาการใจ
ปลดโซ่กรรม



แม้กับรักที่คิดว่ายิ่งใหญ่
ก็อย่าหลงไปยึดมั่นถือมั่นว่าจะจีรังยั่งยืน
ไม่ว่าเขาว่าใคร 
ในที่สุด...ก็ต้องหยุดก็ต้องอิ่มก็ต้องเบื่อ



เหลือก็เพียงความสงบงามรำงับอยากดับทุกสิ่ง
มิให้เหลือตามติดจิตไปชดใช้วิบากใหม่
ในภายภพหน้า
อย่างมิรู้สิ้นรู้จบทบวน..
เป็นวงกลมวงกรรม..ย้อนกระหน่ำกลับ..



สาวนา..เคยฟังหลวงพ่อเทศนาให้ฟังหลายครั้ง..
ถึงคำว่ามนุษย์เรานั้น
ควรจะข้ามฝั่งมหานทีสีทันดร
ข้ามบ่วงสิงขรแห่งความทุกข์ลวงห่วงหา
ให้ล่วงหลุดพ้น
ดั่งอุบลชาติเหนือน้ำ



ให้จิตนั้นราวอยู่เหนือห้วงมหรรณพ  
จบทั้งสุขโศกไปชั่วนิรันดร์
ให้รู้ทันรู้เท่า 
อย่าเป็นเช่นบัวใต้น้ำติดตมจมโคลนเกิเลส
เป็นอาหารให้เต่าปลา หาคุ้มกับชีวิตนี้ไม่
ที่ได้เกิดมาพบพระพุทธศาสนา

แปลกดีนะ
สาวนา..ในยามนี้แทนที่จะคิดถึงแต่อ้าย
กลับได้*ธรรมะ*จากหลวงพ่อ
มาแตกต่อยอดความคิด
ให้มีสติรู้ทันรู้เท่ารู้จับรู้ดับรู้หยุด
และพยายามให้จิตจับอยู่กับปัจจุบันขณะ..กับธรรมชาติงาม
สาวนา..จึงมิเดียวดายเหว่ว้านานกับทุกเรื่องราว



และสาวนา..
ค่อยๆพายพาเรือ
กลับกระท่อมปลายนา
ไปสัมผัสกับข้าวกล้าที่กำลังระบัดรวง
ไปหุงข้าวหอมใหม่ๆ
ไปเด็ดสมุนไพรข่าตะไคร้ใบมะกรูด
มาปรุงรสอาหารคาวสดให้รสดี



เป็นพลีพุทธบูชา
เพื่อถนอมรักษาร่างสงฆ์องค์งามให้มีแรง
ได้ใช้ได้ให้ธรรมทานแก่ผองชนคนชนบท
ให้ฝึกมีจิตงามงดให้จิตงามใส
ที่ใครๆพากันเรียกดอกดวงใจนี้ว่า
ดั่ง*ดอกข้าวใหม่*ไฉไลงามระคน

ที่ใครจะมาขโมยขุมทรัพย์
อันไสวพร่างกระจ่างกมลล้ำค่า
ดั่งอัญมณีไพร
นะกลางใจดวงงามไปมิได้เลย



สาวนา..จึง
จะจัดสำรับใส่ตะกร้าสานหวานสวย
ลายละเอียดละเมียดละมุน
จากเส้นสายลายดอกพิกุลงาม
จากการจักตอกลอกจากเรียวไผ่
ฝืมือตัวเอง...



สาวนา จะน้อมประคองดวงดอกไม้
ถวายพระหลายที่..หลายแจกัน

ข้างสวนครัวนั้น
ยังมีสวนดอกไม้พื้นบ้านงามบริสุทธิ์
มีชบา ส้ม ชมพู แดงพราวหลากสีริมรั้ว
พุทธรักษา..สีเหลืองทอง
แทนผ่องผุดใจที่บานไสวในคูเคียง



ดาวเรือง มิโรยราแทนใจดวงเหว่ว้าดายเดียว
ให้เรืองรุ่งระยับ
ดับด้วยดวงดอกไม้แห่งความดี

มะลิฉัตรมะลิลา
มาร้อยมาลัยแทนความศรัทธาความภักดี
สำนึกระลึกรู้พระคุณในชาติศาสนาพระมหากษัตริย์ไทย
ในแผ่นดินไทยแผ่นดินแม่ที่แผ่ไพศาล
แสนงามสงบสุขแสนยิ่งใหญ่
ที่ให้หยัดยืน
รู้ค่าคนค่าคำ*ความสมถะรู้พอเพียงเพียงพอ*



และ
แทนคำกตัญญูแม่พ่อผู้เสียสละ
แม่ที่ยอมสละหยาดน้ำนมราวหยาดเลือดรัก
ให้จักเติบใหญ่มาเข้าใจธรรมชาติชีวิต
ที่รู้รักษาจิตติดดินมิถวิลเพียงงามนอกหลอกใจหลอกใคร
มิทะยานอยากมากความฟุ้งเฟ้อ
เผลอไปตามกระแสคนเมืองบ้าวัตถุมิรู้จบรู้สิ้น



สาวนา..
ต้องลาแล้ว ขอพาจิตดวงแก้วดวงใสดวงงามไปวัด
ไปตามครรลองน้ำค้าง 
ไปตามเส้นทางรวงธรรมรวงทอง
เส้นทางผุดผ่องของรวงเรียว
กับข้าวเขียวกล้า
กับลมพาพัดล่องเลาะลัด
ไปให้แก้มนวลละออใส...ระ*ช่อดอกข้าวหนาวน้ำค้าง*
ที่เกาะตามใบข้าวใบหญ้าใบไม้
ได้ระเหยหายมาสัมผัสร่างละมุน
ให้พบแต่ความหอมกรุ่นงามเงียบสงบ
ทบทวีวันไปตราบนานเท่านาน...



จนกว่าจะถึงวัน....
ที่ต้องทิ้งทอดร่างกับผืนดิน
ฝากถวิลหวังเพียงให้พสุธากลบร่าง
เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติดินน้ำลมไฟ
ไปตราบชั่วกาลนานนิรันดร์



http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=234
กระท่อมไพรวัลย์   
สมยศ ทัศนพันธ์ : : Key F  
แดน นี้มี กระท่อมไพร 
สุข กว่า แดน ไหน ในพนาป่านี้ปานว่า
ดังจะเป็น กระท่อม รา ชา
ดี กว่าแดนไหนในหล้า ป่าเขาลำเนา ไพร
ฟัง เสียงพิณกอไผ่สี ดังหนึ่งมโหรี
เป็นดนตรีขับขานมาให้
เวียงวังทอง ก็รองกระท่อม ไพร
มี ป่าเป็นรั้วกว้างใหญ่ 
แดนไพรนี้เป็นประหนึ่งธานี
มี แต่เราเหงาใจดังว่า 
ชวน ฉัน น่า อนาถใจแสนทวี
ยัง ขาดนางเป็นราชินี 
ถ้า หาก แม้น มีกระท่อมไพรนี้สุขสมปอง
ทิว เขาปานดังม่าน บัง 
หริ่ง ต่าง แตร สังข์ 
ดังเวียงวังสวรรค์หอห้อง 
วังเวงพา ปักษา แว่ว ร้อง 
ชะนีกู่ เรียกหาคู่ครอง
ชวนให้ฉันปองกระท่อมไพรวัลย์...

*******

				
30 สิงหาคม 2547 12:00 น.

สาวชาวสวน!

สาวบ้านนา



 url http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=634
(สาวชาวสวน)
http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=4655
(ผู้ชายในฝัน)
************


สาวชาวสวนเด็ดลำดวนเสียบแซมผม
ไร้ใครดมเคลียแก้มแกมแก้มหอม
รักเร่เอ๋ยไยเฉยชาพาตรมตรอม
มะลิวัลย์อ้อนดงกระถินสิ้นไร้ใจ...

ดอกมังคุดผุดพราวช่อล้อใจภักดิ์
คุดสิ้นรักดอกคัดเค้าเจ้าพรากไหน
มะลิซ้อนซ่อนคำถามเจ้าจอมใจ
มาลาไปมาลัยลาพาเศร้านัก

นั่นทุเรียนทิ่มแทงใจใครละหนอ
ห้อยหวีรอกล้วยเก้อจำปีภักดิ์
แก้วตระการบานร่วงบานร่วงทวงถามรัก
ลั่นทมหักแหลกคาใจใครคนนี้

ดงตะไคร้ใคร่คลอรั้วดงขมิ้น
ราวถวิลรักใครคล้ายใจนี้
มะนาวเปรี้ยวปลิดลูกจำเจ็บชีวี
ว่าใช่มีเพียงตาลหวานบานคู่นา

ลางสาดห้อยย้อยพวงทวงถามอ้าย
สัญญาไว้ซื้อทองน้องรอท่า
มาหมั้นหมายในเดือนอ้ายฝากชีวา
วสันต์มาเนื้อห่มเนื้อเอื้ออุ่นไอ..

เงาะมาร่วงพวงดกยกเลิกแล้ว
ราวเจ้าแก้วมาลาลับดับหวามไหว
มะละกอห้อยโตงเตงคลอต้นใจ
พวงลำใยย้อยยวงรอร่วงลา..

นั่นลิ้นจี่จี๋จ๋ามาจำจาก
ยามรักมากฝากถ้อยร้อยเสน่หา
มาวันนี้ลิ้นหวานจี๋ขมพอยา
ให้พุทราโศกเศร้าร้าวดวงใจ


เห็นกระท้อนสะท้อนทรวงบ่วงแผลลึก
ฝากรอยลึกรอยร้าวสะเทือนไหว
ส้มสีทองหล่นท้องร่องสิ้นแรงใจ
ตัดระกำกอใหญ่ถอนรากโคน!..

**********


สาวนายังนุ่งผ้าถุงเก่าเหมือนเดิม
เห็นเพื่อนสาวชาวสวนเก็บดอกลำดวนแซมผม
ฟังบทเพลงนี้ด้วยกัน
ผู้ชายในฝัน
จึงมีอันบันดาลใจรจนาแทนใจ
เพื่อนสาวชาวสวนบ้านใกล้เรือนเคียง

มาทายทักพรายพ้อขอฝากกระซิบถาม
หนุ่นนาลาไพรลาสวน
ไฉนยังไม่ทันได้หอมลำดวนดงเลย
จึงเฉยชา
หรือว่าน้ำอบน้ำปรุงมิจรุงใจเท่ากลิ่นน้ำหอมแพงๆ
แก้มแดงๆด้วยสารเคมี..
สาวนาสาวชาวสวน
มีเพียงอวลเหงื่องาม
แกมหอมหอมราวดวงดอกการะเกด
ดวงดอกไม้ไพร
กลิ่นกายก็หอมพราวราวข้าวใหม่แย้มแต้มหอมรวงเรียวแค่นั้น
คงไม่ประเทืองประทับใจเท่าแม่สาวชาวกรุงดอกนะ!

***********


url=http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=634
สาวชาวสวน   
ลัดดาวัลย์ ประวัติวงค์ : : Key C  
โอ้ อก สาวชาวสวน
นอน หนาวใจรัญจวน
อยู่บ้านกลางสวน ทุเรียน
ลม หนาว พาพัดอยู่
ฤดูผลัดหมุนแปรเปลี่ยน
วัย สาวหมุนเวียน
มา สิบแปดหน้า ฝน
โอ้ อก สาวชาวสวน
ฟังเสียงเรไรครวญ
โศรกเศร้ากำศวร
เหลือ ทน
ยามแสงจันทร์นวลส่อง
ฉันตรอง ครุ่นคิดหมองหมุ่น
หากมี คู่รัก สักคน
คงจะพ้น หนาว ใจ
มองทุ่งมะลิวัลย์
เถาทอดเลื้อยพัน
รอบรั้วกระถิน
กลิ่นหอม ไกล
มะลิยังพรอด
กอดกระถินด้วยเหตุใด
แมลงแกล้งจูบดอกไม้
เหมือนมีใครแอบ จูบแก้มฉัน
โอ้ ดึก ดื่นคืนนี้
ในสวนยามราตรี
แจ่มจ้าด้วยสี แสงจันทร์
ยาม ฉันมีชายคู่
คิดดูวาบหวิวใจหวั่น
อยากให้เถา มะลิวัลย์
เป็นอ้อมแขนของ เธอ
  
โอ้ ดึก ดื่นคืนนี้
ในสวนยามราตรี
แจ่มจ้าด้วยสี แสงจันทร์
ยาม ฉันมีชายคู่
คิดดูวาบหวิวใจหวั่น
อยากให้เถา มะลิวัลย์
เป็นอ้อมแขนของ เธอ...

*********



http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=4655
ผู้ชายในฝัน   
พุ่มพวง ดวงจันทร์ : : Key F  
ตั้ง แต่ เป็นสาวเต็มกาย
หา ผู้ชาย ถูก ใจ ไม่มี
เมื่อ คืน ฝันดี น่าตบ
ฝันฝัน ว่าพบ ผู้ชาย ยอด ดี
พาไปเที่ยว ดู หนัง
พาไปนั่ง จู๋ จี๋
แล้ว พา ไปเที่ยว ชมสวน
เด็ด ดอก ลำดวน ส่ง ให้ ด้วยซี
เสียบ หู ให้ตั้ง หลายหน
เสียบ หล่น เสียบ หล่น ตั้งห้า หกที
ต๊ก ใจ ตื่น ตอน ตี สี่
แหม เสีย ดาย จัง เฮ่อ เสีย ดาย จัง

ตี ห้า ไม่ถึง ก็จวน
คิด ทบทวน เรื่อง ฝัน ชั้นดี
ผู้ ชาย อะไร น่าหยิก
กระซี้ กระซิก น่ารัก น่าตี
เพียรมาออด ออเซาะ
คำเสนาะ มากมี
ฝันว่า คิดอยู่ หวำหวาม
ถ้าถูก ลวนลาม จะทำไงดี
ความ คิด พอหยุด ลงปั๊บ
หมุบ หมับ หนุบ หนับ เขาจับ เขาจี๋
ต๊ก ใจ ตื่นมา เสียนี่
แหม เสีย ดาย จัง เฮ่อ เสีย ดาย จัง

ตี ห้า ไม่ถึง ก็จวน
คิดทบทวน เรื่อง ฝัน ชั้นดี
ผู้ ชาย อะไร น่าหยิก
กระซี้ กระซิก น่ารัก น่าตี
เพียรมาออด ออเซาะ
คำเสนาะ มากมี
ฝันว่า คิดอยู่ หวำหวาม
ถ้าถูก ลวนลาม จะทำไงดี
ความ คิด พอหยุด ลงปั๊บ
หมุบ หมับ หนุบ หนับ เขาจับ เขาจี๋
ต๊ก ใจ ตื่นมา เสียนี่
แหม เสีย ดาย จัง เฮ่อ เสีย ดาย จัง...

 
  


				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสาวบ้านนา
Lovings  สาวบ้านนา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสาวบ้านนา
Lovings  สาวบ้านนา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสาวบ้านนา
Lovings  สาวบ้านนา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงสาวบ้านนา