20 กันยายน 2548 17:34 น.

ช่อดวงใจไสวพราวราวรวงเพชร..!

สาวบ้านนา


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song223.html
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song367.html
............



สาวนา...
ตื่นมาตอนตีห้า
เดือนแจ่มดวง ยังลอยเด่นคว้าง..
ค้างฟ้า*สีน้ำเงิน งามแปลกมาก*

เสียงเจ้าสายน้ำครางอยู่ในคอก
ราวมีเหลือบยุงริ้นไรไชชอน
 ร้องอ้อนรอเวลาให้สาวนา
พาลงไปอาบน้ำในคลองบึง...


สาวนาหลับตาซึ้งๆลง
พร้อมเพ้อพะวงหลงฝันหลงคิดถึงอ้าย
และ...
ราวกับ
จะให้ดาวประจำเมืองประดับฟ้า
ปลอบประโลมใจ...


ให้ใจดวงนี้
ที่แสนเหน็บหนาวร้าวร่าง
ด้วยละออละอองหยาดน้ำค้างน้ำฝน
ที่หล่นลาผ่านหลังคาจาก

ที่พากันพรายพร่างเต้นระบำบนลานดิน
ที่ระเริงระรินระริกราวดอกไม้ฟ้า...


ใจดวงเศร้าของสาวนา...
จึงเหว่ว้ามิรู้สิ้น
เมื่อแสนถวิลคิดถึงคะนึงครวญหวนหา

เมื่อคิดว่า...
ในยามนี้ หากมีอ้ายอยู่ 
หน้าที่ของอ้ายคือ
พาเจ้าสายน้ำออกจากคอก
เพื่อออกไปขัดสีฉวีวรรณให้มัน

เพราะ..
ทั้งคืนปล่อยให้นอนในปลักพักกันยุงจนรุ่งแจ้ง
 แล้วถึงจะพาไปลงทุ่ง
ให้จรุงหัวใจควายหนุ่มวัยกำดัดในยามเช้า


และ....
บางค่ำคืน..ในฤดูหนาว
ทั้งสาวนาและอ้าย
จะพากันไปจุดไฟไล่ยุงสุมคอกด้วยฟาง
ให้เจ้าลูกควายสายน้ำนอน
และ
รวมทั้งสองร่างที่ไม่มีผ้าห่มหนาพอ
จะมีก็..เพียงอ้อมอกอุ่น..ที่จะพลีให้แก่กันและกัน


ถึงกระนั้น...
 สำหรับสาวนา...โลกยากไร้ก็ราวสวรรค์สรวง
เมื่อย้อนดวงใจคิดไป
ในคืนฟ้าแจ่ม...
 ที่กองไฟ..ลุกโชนโหมให้มิสิ้นไร้ไฟรักไฟเสน่หา


ท่ามดาวเดือนทอทอดลอดไล้อาบสายหวาน
หว่านหยาดน้ำผึ้งจันทร์
เล้าโลมไปตามทุ่งหญ้าเรียวรวง
จนพาพวงพรายพร่างเป็นสีทองอะร้าอร่าม
งามมลังเมลืองเหลืองปลั่งไปหมด


และ...
ท่ามลอมฟาง..
ที่หอมข้าวใหม่อันแสนเคยคุ้นอุ่นไอ
กับ..อกละมุนกรุ่นละไมจากใจอ้าย
ที่ตระกองกอดสาวนาไว้อย่างแสนรักนักรักหนา


กับฟ้าสวยลมระรวยระริน
กับปวงกลิ่นดวงดอกไม้ป่า
กับน้ำค้างฟ้าพร่างพราวในยามดึก

ให้สองดวงใจ...
ตกอยู่หอมห้วงแห่งภวังค์ฝันอันดื่มด่ำล้ำลึก
ยามอ้ายเป่าขลุ่ยเพลง
*เดือนเพ็ญ*และ*ขวัญเรียม*

ให้โหยไห้โหยหา แสนหวานรานร้าวใจ
ไปทั้งบึ้งใจบึงนา ให้ทั้งโลกหล้าพากันคอยเงี่ยหูฟัง


และ...
อ้ายคนดี
จะพลีนิ้วพลิ้วพรายเล่นเพลงนี้แด่สาวนาเป็นพิเศษ
*ขวัญ เรียม*




http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song223.html
ขวัญ เรียม..ชรินทร์ นันทนาคร

เรียมเหลือทนแล้วนั่น ขวัญ ของเรียม
หวนคิดผิดแล้วขมขื่น ฝืน ใจเจียม 
เคยโลมเรียม เลียบฝั่ง มาแต่หลัง ยังจำ
คำ ที่ขวัญเคยพรอดเคยพร่ำ
ถ้วนทุกคำยังเรียกยังร่ำเร่าร้องก้องอยู่
แว่ว แว่ว แจ้ว หู ว่าขวัญชู้ เจ้ายังคอย
เรียมเหลือทนแล้วนั่น ขวัญ คงหงอย
หวนคิดคิดแล้วยิ่งเศร้า เหงา ใจคอย
อกเรียมพลอย นึกหน่าย คิดถึงสาย น้ำนอง
คลอง ที่เรียมเคยเที่ยวเคยท่อง 
เมื่อเราสองต่างว่ายต่างว่องล่องไล่ไม่เว้น
เช้า สาย บ่าย เย็น ขวัญลงเล่น กับเรียม

เรียมเหลือทนแล้วนั่น ขวัญ คงหงอย
หวนคิดคิดแล้วยิ่งเศร้า เหงา ใจคอย
อกเรียมพลอย นึกหน่าย คิดถึงสาย น้ำนอง
คลอง ที่เรียมเคยเที่ยวเคยท่อง 
เมื่อเราสองต่างว่ายต่างว่องล่องไล่ไม่เว้น
เช้า สาย บ่าย เย็น ขวัญลงเล่น กับเรียม.
...................




บางทีสาวนา..ก็น้ำตาซึมแสนซึ้งใจ
เมื่ออ้ายค่อยๆแกะมันเทศ
ที่เผาไฟหอมกรุ่นละมุนลิ้นยามลิ้มลอง
ให้
สาวนาได้กินแบบอุ่นอิ่มในท้อง
ได้สัมผัสรสอันแสนหวานหอมธรรมชาติ
แม้นจะเป็นเพียงอาหารดาดๆมิใช่ดีดี

แล้ว...
ไหนจะยังมีเม็ดมะขามคั่วตามมีตามยาก
ที่ฝังฝากความทรงจำ
อันแสนวิจิตรล้ำในวิถีคนยากคนลำบาก
หากทว่าแสนให้ความสุขสงบใจ


ไหนจะ...
ยามฝนหลั่งสะพรั่งเม็ดพราวราวช่อน้ำฟ้า
ที่รอร่วงลงมาหยาดหล้าประโลมดิน

ที่สมัยนั้น
สาวนาและอ้ายยังไม่ได้ทำนาปรัง
มีแต่ทำนาปี...ที่ปีนึงทำได้แค่ครั้งเดียว



อ้ายคนดีจะชอบหาปลา
ทั้งๆที่กลัวบาปนักหนา
แต่ก็จำเป็น..เพื่อแค่ยังชีพชอบ
มาประกอบการกินให้มิสิ้นแรง

ได้ไปหว่านข้าวรอคมเคียวเกี่ยวเก็บ
พาให้คนไทยอิ่มท้อง...มิต้องอดอยากทุกข์ทน


ปลา..
จะลอยล่องท่องสายน้ำมามากมายมาว่ายวน
ปลาหมอ...ปลาช่อน...ปลาดุก
และ...
ปลาตะเพียน
ที่ซุกซนมารอยามข้าวแตกกอ
มารอว่ายเวียนวน
มากินข้าวพราวหล่นร่วงจากรวงพราว



และ....
ก่อนไปปักเบ็ด
อ้ายจะจำวิธีที่พ่อคนดีพลีสอนให้
รู้จักการสานตะข้อง
และ..
ทำคันเบ็ด เหลา ผูกเอง
ที่อ้ายเรียนรู้แบบภูมิปัญญาชาวบ้าน
ในทุกวิถีทางแห่งความเรียบง่าย
และ...
ได้ยังประโยชน์ให้เกิดโภคผลสืบทอดมา


และ...
ไหนจะมีประเพณีนานาของชาวนา
อย่างยามเวลา...
ข้าวตั้งท้อง..
ก็จักต้องจะเอาชะลอมเล็กๆมาทำ*ขวัญข้าว*

ข้างใน...
มี กล้วย อ้อย ส้ม
มีหวี  น้ำมันใส่ผม ให้แม่โพสพ
พิธีกรรมแสนศักดิ์สิทธิ์ ที่บอกวิถีชีวิตวิถีวัฒนธรรม
วิถีชนบทอันแสนงดงาม
อย่างช่างแสนน่าภาคภูมิปิติใจ...



หลายเรื่องราว..
ที่ผ่านมากับกาลเวลา
แห่งความรักแบบอดออมทะนุถนอมใจร่าง..พลีสู้ทน
ของ..*คนหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน*
จะเหนื่อยมิสิ้นเพียงไหน...ก็มิเคยปริปากบ่น..


ที่คิดคราใด
กมลละไมหัวใจสาวนา...ก็แสนเหว่ว้าละมุน
จนน้ำตาจะหยาดริน..มิสิ้นสาย..


ยามที่ไม่มีเงิน..
จะแลกซื้อของกินของใช้จำเป็น
แม้เพียงนิดหน่อยบางชนิด
สาวนาและอ้าย
ต้องหันมาปลูกผักพื้นบ้านและหาปลาเอาเอง



และหากวันไหนโชคดี...
อ้ายจะลงลุยน้ำลึกไปหาไข่เป็ดในคลอง
เพราะ...
เป็ดจะไข่ตามกอหญ้าแฝกให้แหวกกอรอพบ
ก่อนวันจบจะได้มาเป็นสิบใบบางวันก็อด
 เมื่อเพื่อนบ้านเอาไปกินเสียก่อน



และ..
แสนมีกติกาว่า
ห้ามบอกว่าไปได้ไข่ที่ไหนมา
เพราะแต่ละบ้านจะเลี้ยงบ้านละ ห้า ถึงสิบตัว
ไม่รู้ของใครเป็นของใคร 
หากหัวใจยังมีจิตใสใจเอื้อเฟื้ออารี
พลีแบ่งปันกันตามประสายาก



สิ่งที่...ทำให้น้ำตาสาวนาไหลพรากเมื่อ
วันหนึ่ง...
อ้ายลงบึงลงท้องร่องหาผักแต่เช้า
เฝ้าตัดและติดต่อร้านในตลาด
ว่าจะเอาผักไปส่ง...

ผัก ชะอม มะเขือเทศ  ถั่วฝักยาว
ฟักแฟงแตงร้าน แตงไทย 
เพราะ..
เหตุอะไรนะหรือ

เพราะอ้ายคนซื่อ..
หวังอยากให้สาวนามีผ้าถุงนุ่งสวยผืนใหม่
ใส่ไปวัดในวันปีใหม่สงกรานต์  งานบุญใหญ่


และ...
น่าสงสารเมื่อ อ้ายกลับกระท่อมมา
พร้อมกับตะกร้าที่ยังเต็มไปด้วยผักๆๆๆ
เพราะ...แม่ค้าไม่รับซื้อ



และ...
นั่นคือน้ำใจอ้ายคนดี
ที่สาวนาต้องพลีหยาดน้ำตาผวาไปรับขวัญ
พร้อมกระซิบรำพัน..
ย้ำคำว่าสาวนานั้น...ไม่เป็นไร

ในเมื่อจะนุ่งอะไร ...หัวใจและร่างสาวนาก็ยังงาม
ยังรักอ้ายเหมือนเดิมและจะยิ่งเพิ่มรักตามกาลเวลา
หาเกี่ยวกับผ้าฤาว่าวัตถุภายนอกไม่...ที่ไม่เห็นจำเป็นเลย


ขอ..เพียงเราสอง..ครองรักด้วยความเข้าใจอภัยเมตตา
ชวนกันอธิษฐานภาวนาแตกช่อกอบุญ
สร้างกุศลจิต 
ให้หอมกรุ่นหอมงามด้วยยอดพระรัตนตรัย

นำทางชีวิต 
ไปพบน้ำพระทัยจากหยาดน้ำพระธรรม
อันคือน้ำอมฤตอันล้ำเลอค่า
ที่จะหยาดเย็น ดับกิเลส..ได้
ให้กลายเป็นนิรันดร์ว่างนิรันดร์รัก



บางครา...
สาวนา...ต้องหลั่งน้ำตาซ้ำแล้วเล่า
เมื่อเฝ้าฟังชีวิตหนหลังของอ้าย
ที่ไร้พ่อ มีเพียงแม่และคุณตาคุณยาย

เพราะ...
พ่อออกจากบ้านไปแปดปี
ด้วยเหตุที่คุณตาไม่ยอมให้เข้าบ้าน

จึงไปพลีชีพเป็นพระภิกษุสงฆ์
ในร่มเงางามแห่งพระพุทธศาสนา
และ...
ภายหลังได้เป็นเจ้าอาวาส..


และ..
ด้วยเพราะเหตุนี้
ด้วยความไม่มีพ่อ

อ้าย...จึงก่อเกิดมาด้วยความเข้มแข็งอดทน
หนักเอาเบาสู้...

รู้แม้ทำกับข้าวเพราะความเป็น ชาวไร่ชาวนา
รู้ทำอาหารแบบไม่ต้องวิลิศมาหราแบบบ้านนอกๆ


เช่น...
ปล้าร้าสับกับหัวปลี  แกงส้ม ตำน้ำพริกสด ..ต้มยำ...
ที่ยามอ้ายลงครัวกระท่อม  จะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
และ
ให้สาวนานี้คอยเป็นลูกมือ
สาวนาเห็นอ้ายแค่หยิบๆๆใส่
แสนแซ่บส์อร่อยล้ำ...จนกระทั่งแม้เชส์ลไม่ต้องมาชิมเลย

ไม่ว่า...
ชะอมชุบไข่
ผักบุ้งผัดน้ำมัน ดอกสลิดดอกโสน



และ..
ด้วยความยากลำบาก
ผลไม้ก็เก็บกินตามมีตามยาก
ฝากท้องไว้กับผลไม้ป่า 
ลูกหว้า ..เล็บเหยี่ยว..พุดทราน้อยหน่าดง

ที่อ้ายเคยเล่าให้สาวนา...ฟังว่ามีที่มาที่ไป
ที่...ยายคนดีจะเก็บพุดทรา
มาตากแห้งเอามาเชื่อมน้ำตาล เก็บไว้


ไหนจะมะม่วงป่าลูกเล็กๆ
ที่เช้าๆเด็กๆจะรีบไปแย่งกันเก็บ
เอามาฝานแช่เกลือเอาไปตากแดดจนแห้งเก็บในไห
ยายคนใจงามก็จะทำไว้ให้...



และ..ยัง
มากมีมากมายเรื่องราว
ที่คิดทุกครา...พาให้สาวนาคนดีจำต้องน้ำตาซึม
เมื่อคะนึงถึงคำอ้าย...



คล้าย...อ่อนโยนหวานแว่วแผ่วมากับฟ้ากว้าง
สอนให้จิตใสใจสาวนา
มิทิ้งร้างห่างวัดห่างบุญ

ให้หัวใจสาวนาได้หอมกรุ่น
ด้วยกลิ่นกรุ่นแห่งธรรม...มาอบร่ำดวงใจ
ให้สวยใสพิไลพิลาสแสนสว่างสะอาดบริสุทธิ์ประดุจดังบัวในบึง



และมีตอนหนึ่ง..
อ้ายเล่าว่า...
เพราะคุณตายกที่ให้สร้างวัด
และ
เพราะ...
พระนิยมบวชกันมากในสมัยก่อน
ตอนอ้ายอายุราวสักเจ็ดแปดขวบ

อ้ายต้องไปช่วยพระหาบสำรับก็คือกับข้าว
หากทว่าอ้ายคนดีคนนี้แสนกลัวผีมาก
ไม่กล้าไปนอนวัด
จน...
พระต้องมาตามทุกเช้าจนคุ้นเคยกับวัดมาก



และ..
ตอนนั้น ไม่รู้ว่าที่ไหนคือบ้านคือวัด
เพราะอยู่ติดกับกุฏิพระ

จนกระทั่ง....
หัวใจอ้ายนั้นได้รับอิทธิพลใสงาม
อย่างพุทธศาสนิกชนที่ดีที่แสนมีศรัทธาปสาทะ 
ที่จะไม่ยอมหลงในวังวนแห่งอบายมุขเลย


จึงยามนี้...ในทุกครา
ที่สาวนามองเรียวรวงในนา
อันเหลืองพราวพรายในท่ามทุ่งงาม



*คำมั่นสัญญา..แห่งหน้าฝน*ก็พลันมาเตือน

ให้หัวใจสาวนา...
พลันผ่องผุดพิสุทธิ์ใส
ราวรวงทองคอยครองความดีพลีรออ้าย
ให้คืนหลังกลับมา กลับนา....!



ฟ้ายังคงเป็นเช่นสีฟ้า
หากทว่าใจสาวนา
บางเวลา..ไย...!
ฟ้าถึงเป็นสีโศก...ราวโลกดายเดียว
เมื่อเหลียวไปไม่พบอ้ายอย่างเช่นเคย...!!!
...........................................




http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song367.html
เดือนเพ็ญ คาราบาว

เดือนเพ็ญ สวยเย็นเห็นอร่าม
นภาแจ่มนวลดูงาม เย็นชื่นหนอยามเมื่อลมพัดมา
แสงจันทร์นวล ชวนใจข้า คิดถึงถิ่นที่จากมา
คิดถึงท้องนา บ้านเรือนที่เคยเนาว์

กองไฟ สุมควายตามคอก
คงยังไม่มอดดับดอก จันทร์เอยช่วยบอก
ให้ลมช่วยเป่า
สุมไฟให้แรงเข้า พัดไล่ความเยือกเย็นหนาว
ให้พี่น้องเรา นอนหลับอุ่นสบาย

เรไร ร้องดังฟังว่า
เสียงที่เจ้าพร่ำครวญหา
ลมเอยช่วยพา กระซิบข้างกาย
ข้ายังคอย อยู่ไม่หน่าย
ไม่เลือนห่างจากเคลื่อนคลาย
คิดถึงไม่วาย เมื่อเราจากกัน
ลมเอย ช่วยเป็นสื่อให้
นำรักจากห้วงดวงใจ ของข้านี้ไป
บอกเขานั้นหนา
ให้เมืองไทยรู้ว่า ไม่นานลูกที่จากมา
จะไปซบหน้า กับอกแม่เอย

เรไร ร้องดังฟังว่า
เสียงที่เจ้าพร่ำครวญหา
ลมเอยช่วยพา กระซิบข้างกาย
ข้ายังคอย อยู่ไม่หน่าย
ไม่เลือนห่างจากเคลื่อนคลาย
คิดถึงไม่วาย เมื่อเราจากกัน
ลมเอย ช่วยเป็นสื่อให้
นำรักจากห้วงดวงใจ ของข้านี้ไป
บอกเขานั้นหนา
ให้เมืองไทยรู้ว่า ไม่นานลูกที่จากมา
จะไปซบหน้า กับอกแม่เอย
ให้เมืองไทยรู้ว่า ไม่นานลูกที่จากมา
จะไปซบหน้า กับอกแม่เอย...

				
14 กันยายน 2548 19:59 น.

ในผืนทุ่งงาม..!

สาวบ้านนา


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4721.html
(ข้าวคอยเคียว)
.................



ฝนพรำทั้งวันคืน
ให้หัวใจสาวนาเหว่ว้าเหลือดี
เพราะ..
สาวนาคนนี้...
มีกระท่อมไพรมุงหลังคาจาก
และ
แสนหนาวเยือกใจ
ยามเมื่อได้...
ฟังเสียงสายฝนหล่นลากระทบหลังคาทีไร
ให้ใจสาวหวิวหวิวหวั่นหวั่น 
ราวขวัญหายอย่างไรก็ไม่รู้


สาวนา...
นอนดูสายฝนพร่างลงกลางใบบัว...บึงบัว
ที่กำลังชูช่อสีขาวพร่างพรึบพราวนวลไปทั้งสระไสว
จากกระท่อมไพรของสาวนา

ที่มีชานเรือนเปิดโล่ง
ให้นอนแลละลิบ
ไปถึงทิวทิพย์ทุ่งนาป่าเขา
ที่ทอยทอดซ้อนซ่อนสลับ
สูงเสียดฟ้าท้าเฆมฝนอยู่รำไรรำไร


กระท่อมไพร...
ที่สาวนา
ใช้ต้นไม้ใหญ่แบบไม่เหลากลมเป็นเสาบ้าน
ให้ฝันงามโดดเด่นเป็นสง่า
โชว์ลีลาความเป็นไม้ธรรมชาติ
ราวต้นไม้จริงมาให้พิงพัก


ไม้ฟากที่ปูพื้นกระท่อมก็แผ่นโต 
เป็นเนื้อไม้ดิบเดิม
ไม่ทาสี...มีแต่ลวดลายไม้อันแสนงาม
ที่รู้ว่า...ผ่านกาลเวลาร้อนหนาวมายาวนาน


หลังคานั้น
สาวนามุงเลียนแบบบ้านชาวป่าอัฟริกา

และ...
มีชานแสนกว้างไว้โอบกอดบึงบัว
ให้ออกมายืนทอดทัศนายามฟ้าสลัวโพล้เพล้
และ...
ดูดาวเดือนเกลื่อนฟ้าไพรในยามค่ำ
ทุกอย่างสาวนาจำมาจากนิตยสารที่ผ่านตา
และ...
ฉลาดพอ
ที่จะนำมาดัดแปลงให้เป็นวิมานนาสำหรับสาวนา
ตามประสายาก


อย่างอ่างอาบน้ำสีฟ้าเทอร์ควอยซ์
ที่จำลองแบบมาแล้วหล่อด้วยปูน
ราวกับอ่าง..จากุชชี่..ที่ได้ยินช่างแอบเรียก

ช่างงามกระจ่างหล้าน่านอนอาบนัก
เพราะ...
ได้นอนพักใจบ้าง
แม้บางทีอย่างไรอย่างไรก็ยังชอบอาบน้ำ
ในบึงบัวในโอ่ง
หาก...
ยามฟ้าโล่งอยากแลดาว
สาวนาจึงจะเลือกไปใช้บริการ


ให้ได้เฝ้านอนดู
มวลหมู่ดารารายพรายพราวกระพริบระยิบระยับ
มาหลิ่วตาล้อ
มาพ้อพร่างอิจฉาสาวนา

ที่อย่างไรๆ
ก็ยังอายผีสางเทวดามิกล้าเปลือย
มิกล้าอาบน้ำแบบเย้ยฟ้าท้าดิน 

ยังมิสิ้นนวลใยแห่งอาย
ยังใช้ผ้าถุงให้วับแวมหวามไหวอยู่


สาวนา..
มีฝักบัวที่ทำจากลำรางไม้ไผ่
ที่แสนเก๋ไก๋และธรรมชาติดีจัง
และ...
ทุกสิ่งอัน 
สาวนาก็จำมาทำเอาเองทั้งนั้น... ให้ฝันเป็นจริง
ด้วยทุกสิ่งจากธรรมดาชีวิตรายรอบ 
พยายามมาประกอบกัน

ให้ชีวีชีวิตสาวนาสาวบ้านป่าบ้านไพร
ได้ไสวงาม ตามมีตามเกิด


หากที่แสนเลิศหรู โรแมนติก เสียยิ่งกว่าคฤหาสน์
ก็ตรงที่ฉลาดรู้อยู่ให้เป็น...
เน้นอิสราจากงามฟ้าดิน 

มาแต่งแต้ม
มาแกล้มใจให้มิสิ้นไหวหวาม
ให้งามได้ด้วยความดิบเดิม


และ
สาวนาชอบใช้ม่านมุ้งฟูกนอนสีขาว
ที่ดูสะอาดตาสบายใจ 
แสนสงบในท่าทีสมถะ
มีความเรียบง่ายแบบพอดีพอเพียง


และ
ในชีวาชีวิตสาวนา
ชอบนอนดูสายฝนหล่นลา
จากหลังคาจากยามพรากเม็ดหยดย้อย
ห้อยเป็นรวงรายพรายพริ้งทิ้งตัวลงมา

ดูราวหยาดน้ำค้างเพชรจากฟากฟ้ากว้าง
ช่างแสนสวยใสงามจับใจจับตานัก..


และ
ชอบนอนนิ่งแนบหน้านวล
แอบดู...
มวลภู่ผึ้งบินว่อนร่อนภิรมย์คลึงเคล้า
กลางกลีบเกสรอวลอรชร
ของมวลดวงดอกไม้รายรอบเรือนกระท่อม

ที่สาวนารักแสนรัก...
ได้พักใจ...
ไปกับ
สีแห่งเขียวไพลไสวรวงเรียวระย้าย้อย
ที่สุกห้อยเคลียไคล้ดิน
ที่แสนทำให้ใจสาวนารู้สึกชีวินแสนสงบสุข


และ
กับวิถีไพรวิถีนา..
ที่ไม่จำต้องพาร่าง
ให้เร่าร้อนรีบเร่งเคร่งเครียด
ได้สุขใจ
ไปกับความงามเงียบนิ่งงัน
กับการหาผักปลามาแค่ดำรงชีพชอบ
ได้ประกอบอาชีพสุจริต

เป็นสาวนา...
ที่ได้ปลูกข้าวทิพย์นิรมิตเลี้ยงท้อง...แด่ผองชนคนไทย
ไปทั้งผืนดินทอง แผ่นดินธรรมที่แสนงามล้ำนี้


และ...
กับชีวีที่ได้ฝึกสมาธิ
มีความสงบสงัด
มีวัดวาหลวงพ่อเป็นที่พึ่งทางจิต
มิพาชีวิตหลงผิดทาง..ธรรมทางทอง


และ..
นี่คือชีวิตที่..สาวนาพอใจแล้ว

เพียงสิ่งดียว...ที่บางครั้งคราว
หัวใจสาวนาคนดียังมีเลือดเนื้อ
ยังเหลือความรัก
สาวนา...ก็อดคิดถึงอ้ายไม่ได้ในบางครั้งครา
ตามประสาปุถุชนคนธรรมดา

ทั้งๆที่อ้ายตัดใจลา 
พรากสาวนาไปทำหน้าที่รักษาแผ่นดิน
แถวชายแดนโน่นแล้ว


สาวนา นอนคิดถึง...สงสารอ้าย 
จะดีร้ายอย่างไรก็ไม่รู้

นับวัน..
จะได้ข่าวแต่คนนั้นตายคนนี้หายไป
แล้ว...
อ้ายยิ่งไปเป็นทหารรับใช้แผ่นดิน
จะให้สาวนาปิดตาปิดใจมิยลยินอะไรได้อย่างไร

สาวนายังมีหัวใจดวงนวลนะ
ถึงแม้นว่าจะเกิดมากับทุ่งนาป่าเขา
ที่มีวิถีชีวิตให้ทนอดทนเอาในทุกสิ่ง

และ..
ทนนิ่งถ่อมตนเงียบงามอย่างรู้รักพอเพียงสมถะ


แต่มาวันนี้ ..
ใจดวงดีสาวนาชักทนไม่ไหวแล้ว
กับปัญหาบ้านเมือง 
ที่ฟังแล้วไม่ประเทืองประทับใจ

และ
แสนจะน่าห่วงใยเสียไม่มี
ทั้งภัยจากธรรมชาติ สึนามิจากไปไม่ทันไร
น้ำท่วมใหญ่ก็ตามมาหลายพื้นที่


ไหนจะผองภัยจากคนใจร้ายใจดำ
ที่คอยฆ่าฟันกันไปมา
ราวหนังจีนล้างแค้น ที่แสนจะน่าเวทนา

ที่หารู้ไม่ว่า..
ในที่สุด...
แผ่นดินที่ตัวเองเคยอาศัยข้าวสุกซุกหัวนอน
ก็ไม่มีจะอยู่ ....

แผ่นดินที่เป็นอู่ข้าวอู่น้ำ เรือกสวนผลไม้ไร่นา
มาพากันแล้งไร้ ..
ดั่งคล้ายตายดับไปกับความสิ้นคิด..


สาวนา..ไม่รู้ดอกว่าใครถูกผิด
เพราะ...ในชีวิต สาวนาคิดแค่ว่า
แผ่นดินไหนให้ร่มเงาอาศัยแด่เรา

แผ่นดินนั้น...
คือแผ่นดินแห่งกตัญญุตา
ที่จะรักษาไว้ด้วยหยาดเลือดสุดท้ายพลี
ที่ที่เรา..
จะได้ปิดเปลือกตา
พาร่างวางกลางพื้นพสุธาได้อย่างสมภาคภูมิใจ 
ไม่เสียที
ที่ได้อาศัยข้าวน้ำให้ลูกหลานอิ่มท้อง
อยู่อย่างปรองดองสามัคคีสงบสุขมานานวัน


ทำไม...!
เราต้องมาผลาญพร่ากัน..ด้วยความไม่เข้าใจ
และ...
แบ่งแยกศาสนาใดศาสนาเขา
ในเมื่อทุกศาสนา...ก็สอนให้เราเป็นคนดี มีเมตตา


ฤาว่า...
สอนให้ฆ่ากัน....
 อันนั้นคงมิใช่ศาสนาแล้ว
คงเป็นลัทธิของอมนุษย์ปีศาจ..
ที่ชอบความโหดร้ายทารุณ
ให้ตายๆกันไปไม่ได้ผุดเกิด

 เพราะ..
มนุษย์ประเสริฐใครเขาจะทำกัน..


มีก็แต่..พวกมาจากโลกันตร์อเวจีนรกเพียงนั้น
ที่มิจิตดำสกปรก
คิดแต่เรื่องรกไร้ 

คล้ายเห็นความตาย!
และ
มรณะแห่งชีวีผู้อื่นเป็นผักปลา

ไม่สงสารเด็กไร้เดียงสา หญิงไร้สามี 
ผู้ไม่มีทางสู้...ผู้บริสุทธิ์..
ต้องอยู่อย่างไร้ทิศทางหางเสือ
เมื่อมาขาดนาวานาวีแห่งชีวีชีวิต


คิดๆแล้วสาวนา
ก็ว่าแสนน่าสงสารจิตวิญญาณ
ผู้คนบนผืนโลกนี้...

ที่แสนหาเรื่องทุกข์เทวษมิรู้สิ้น
ขนาดดินฟ้ามาสอนสั่ง ก็ยังมิเคยสำนึก..

สาวนา..นึกนึกแล้ว
ต้องรีบใช้สติสมาธิมากำกับ กับวิบากกรรมนี้

ที่แสนที่จะทำให้โลกแห่งดวงใจผู้พิสุทธิ์
ต้องมาสะดุดโศกสะเทือน
ที่ทอดทับไปทุกหย่อมหญ้า 

ไหนจะน้ำฟ้าลงโทษ 
ไหนจะพิโรธจากพายุ
ไหนจะน้ำมันแพงแข่งกันให้คนบ้า..
หากไม่รู้ค่าการรู้รักความสมถะพอเพียง


สาวนา...
รักแสงตะเกียงมาตั้งนานแล้ว
และรู้ว่าอย่างไรๆ
จะมีไฟหรือไม่มี
สาวนาคนนี้ก็พอทำใจยอมรับได้

มิใช่...
เพราะจำใจ
หากเพราะ..ในดวงใจเคยชินมาแต่เด็ก
และ..
คนเราทุกวันนี้ คงต้องทำใจฝึกใจไว้
ให้รำลึกนึกกลัวว่า...
มิช้านาน 
คงถึงกาลที่โลกนี้จะไร้สิ้นทรัพยากร...แล้ว



วันนี้...
สาวนามาบ่นเพ้อละเมอหาทุกข์ใจจัง

ทั้งๆที่...
สาวนาแสนรักสายฝน
กมลสาวนาแสนสุขใจ

ยามได้ยินเสียง
ไพรพงแมกไม้กรายกิ่งไกวไหวรับ
หยาดละออละอองของพระพิรุณร่ำ
หยาดน้ำตานางฟ้า ที่พลีมาฝากจากดวงใจ
 

ไม่ให้ชาวนา
ไร้ฝน ทุกข์ทนเพราะแล้งน้ำ
ขอเพียงอย่าให้มากไป ไม่อย่างนั้น
ก็พลันเศร้าไปอีกแบบ

เพราะ
รวงเรียวเขียวไสว
จักจมไปกับสายน้ำ..อย่างน่าเสียใจเป็นยิ่งนัก

วอนขอพระพิรุณได้รับรู้ 
อย่าให้อู่ข้าวพังทลาย 
ให้แม่พระโพสพ
ต้องขวัญหายเลยนะหยาดสายธาราทอง
..........


และ..
ทุกคราที่ฝนมาฟ้าหม่น
ในกมลสาวนา...
จะจำได้...

ถึง..
คำอ้ายที่เคยให้คำมั่นกับสาวนาไว้ว่า...
จะพาสาวนาไปดู...
ความประหลาดของเมือง....*คำชะโนด*
หนึ่งในตำนานพญานาคราช


ดงชะโนด...
ที่อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของอำเภอบ้านดุง
พื้นที่ราว 20 ไร่ 
ซึ่งมีน้ำล้อมรอบคล้ายเกาะ

มีดงต้นปาล์มชนิดหนึ่ง
ลักษณะคล้ายต้นตาลผสมต้นมะพร้าวขึ้นอยู่
เรียกว่า..*ต้นชะโนด*


คนสมัยก่อนเรียกที่นี่ว่า....
*วังนาคินทรคำชะโนด*

เชื่อกันว่า..
บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่กลางดง
เป็นประตูไปสู่เมืองบาดาล
เป็นที่อยู่อาศัยของพญาสุทโธนาค

ที่แปลกคือ....
ในดงชะโนดมีน้ำน้ำซับน้ำซึมอยู่ตลอดเวลา 
แต่กลับไม่มีน้ำท่วมเลย...


และ....
จะพาไปไหว้พระอจนะ
ที่เมืองสุโขทัย...
ที่สาวนาอ่านมาจากหนังสือที่ยืมมาจากหลวงพ่อที่วัด

ไปดูความมหัศจรรย์อันยิ่งใหญ่ทางจิตวิญญาณ
ที่มีเรื่องเล่าขานเป็นตำนาน

ที่สาวนาแสนจำจดไว้ด้วยความงดงาม
ด้วยความเชื่อศรัทธา
และ
มากล้นค่า ในดวงใจสาวนานี้
ที่คิดดี คิดได้ คิดให้ คิดรัก
คิดเพียง...
อยากเดินไปตามรอยพระบาทแห่งองค์สมเด็จพระบรมศาสดา 
ที่....
สาวนาเชื่อว่า
คือเส้นทางสว่างสะอาดสงบที่สุดแล้ว


พระอจนะ ที่วัดศรีชุม 
หนึ่งในความพิศวงบนแดนดินมรดกโลก
และ..
แม้ลักษณะวิหารของวัดศรีชุม
จะเหลือเพียงองค์พระและผนังสี่ด้าน
แต่...
ความงดงาม
ก็ยังคงประจักษ์แก่สายตาคนรุ่นหลัง

องค์พระอจนะนั้นดูศักดิ์สิทธิ์เร้นลับ
หากดินผ่านช่องบันไดแคบๆไปยังผนังด้านข้าง
ที่...
ช่องหลีบนั้น
เมื่อเสียงใดถูกเปล่งออกมา
ผนวกกับความอลังการขององค์พระประธาน
คงเป็น..
ความอัศจรรย์หนึ่ง
ซึ่งสืบเนื่องถึงที่มาของความเชื่อว่า
*พระอจนะพูดได้*


และ...
สาวนาอยากไปดู..
ความงดงามแห่งเจดีย์ศิลปะสุโขทัยแท้
ที่อยู่ในวัดมหาธาตุ 
ภายในอุทยานประวัติศาสตร์

ที่เคยมีเจดีย์มากมายได้สำรวจพบถึง200องค์


ไหนจะโบราณสถานโบราณวัตถุอีกตั้ง215แห่ง 
ภายในอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย
แล้ว..
ยังมีวัดช้างล้อม วัดเจดีย์เจ็ดแถว
และ
วัดนางพญา

ไหนจะ..
มีเครื่องทองโบราณ ที่เมืองศรีสัชนาลัย
ที่มี..
เทคนิคสีสันการลงยาแปลกตากว่าที่อื่น
เช่นสีแดงสีเขียวและสีน้ำเงิน
และ..
ยังมีเครื่องประดับที่งดงามแบบทองโบราณ
ที่แสนตระการตาตระการใจ

ที่ชาตินี้ สาวนา คงไม่มีวาสนาได้ใส่
แต่ก็ยังดีแค่ได้ดูได้รู้ซึ้งค่า
หาได้ปรารถนายึดติดไม่


แต่อ้ายนั่นแหละสัญญา..
ไม่รู้กี่หน้าฝนแล้ว
ว่า...
ปีไหนฝนฟ้าดี ข้าวมีล้นฉาง
จะแบ่งเงินให้สาวนาซื้อทองใส่

สาวนาดีใจ ...
มิใช่ตรงจะได้ทอง
หากทุกสิ่งที่มาจากใจอ้ายของสาวนา
สาวนาซึ้งค่าทั้งนั้นแหละ


เพราะ...
คือความทรงจำความรัก
ไม่ว่า...สร้อยฤากำไลแห่งรักแห่งภักดิ์นั้น
จักจะเป็นเงินหรือเป็นเชือกถักธรรมดาๆ
เพราะ..
สำหรับสาวนามันมากล้นคุณค่าทางใจ 
ว่า..
อ้ายยังมีเยื่อไย 
ยังมีน้ำใจรักคิดถึงสาวนา
นั่นคงมีค่าเกินกว่าจะประเมินประมาณได้ละกระมัง..!



สาวนา...
นอนหนาว...ดูฝนพรำ
พร้อมกับ..
ได้ยินเสียงอึ่งอ่างกบเขียดร้องกันลั่นบึง 
สาวนา...
แสนสงสารเจ้าลูกควายสายน้ำ
ที่ณ..บัดนี้เริ่มเป็นหนุ่มใหญ่วัยกำดัด
หากทว่า..
ยังไม่มีคู่จัดแต่งให้
จะได้ผลิตพลเมืองควายน้อยๆมาห้อยหน้าตามหลัง
ทั้งแม่ควายทั้งสาวนา...พาให้นึกเอ็นดู


สาวนา..
นอนดูสายฝน
 แล้วทนไม่ไหว...
เลยคว้าไม้กวาดไม้ไผ่ออกไปกวาด
ดวงดอกแก้วที่พร่างหล่นจนเต็มพื้นลาน

สาวนาดีใจ
ที่เห็นลั่นทมสราญดอก..ในหยาดน้ำฝน
และนั่น..
พรายพร่างพรมด้วยดวงดอก โมก มะลิ พุดซ้อน

ไหนจะยังบานชื่นอวด อรชรอ้อนหวานบานแฉ่ง
แย่งกันเริงรื่นชื่นฉ่ำใจไปกับสายวสันต์พร่างงาม


ดวงใจสาวนา...
จึงพร่างสด..ด้วยบทเพลงแห่งฝนฝันปันใจ
ให้แสนไหวหวาม ในยามนี้ 

ที่สาวนาคนดี...ยอมพลีร่างให้
รับหนาวดายเดียวได้ลำพัง ...
อย่างมิสิ้นหวังรอหวาน
ราว...
กลีบดอกไม้คลี่บาน
รอเพียงหยาดน้ำผึ้งรักจากอ้ายในวันที่กลับมา


และ...
ไม่ว่าจะ...
กี่ทิวาราตรี...กี่ฝนหนาว..กี่เศร้าฝัน
ใจสาวนาก็ยังซื่อสัตย์มั่นคง...

ยังคงรำลึก..นึกถึงบึงบัว
ยามฟ้าสลัวเข้าไต้เข้าไฟในอ้อมอกอ้าย

ที่อ้ายเคยพิร่ำพิไรรำพันว่า...
แม้นบัวนับหมื่นนับพัน...ไหนเลยจะงามสล้าง
เท่าบัวงามดอกหวาน..ของสาวนา


และ...
กับฟ้าครวญฝนคราง
กับ..
เสียงพร่างพรมเปาะแปะๆ
ของสายฝนยามหล่นร่วงลงบนหลังคาจาก
ในยามยาก...
ที่สาวนา..
ให้อ้ายนอนเอนอิงในอ้อมตักในกระท่อมไพร


และ...
ในท่ามแสงตะเกียงระริกระริกริบหรี่ไหว
กับ..
ใจและร่างราวหลอมละลาย
ไหวสะท้อนสะท้านสะทือนเลื่อนลอยราว
ตกในหอมห้วงแห่งสวรรค์สรวง..
จนดุเหว่าแว่วแผ่วมาในยามฟ้าสาง


กับ..
ร่างนวลสล้างของสาวนาในม่านมุ้ง
ที่อ้ายบอก..
สุดแสนซึ้งยามสาวนาหนุนนอนซบไหล่
ได้อยู่ในอ้อมใจกันและกัน
แล้วนิทราฝันดี..เมื่อพลีสิ้นรักแล้ว.....



ราตรีฝนราตรีฝัน...
สำหรับสาวนา
ในวันนี้...
ไม่มีร่างอ้าย

สาวนาได้แต่
ถวายมาลัยบัวบูชา
สวดมนต์ภาวนาวอนไหว้
หน้าพระพักตร์พระพุทธ
ให้ทุกฝ่ายหยุดเข่นฆ่ากัน
ให้อ้ายพลันได้คืนหลังกลับบ้าน
กลับมาสู่อ้อมตักแสนหวานของสาวนา





แต่ถึงไม่มีอ้าย..ในวันนี้
แค่หลับตาพลีฝันฝันฝัน

คำหวานคำมั่นสัญญา
ก็จักมาปรากฎพร่างแก่ดวงจิต..
เป็นสถิตรักนิรันดร์ไปตราบชั่วกาล......!!!!!

************************************





http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song4721.html
ข้าวคอยเคียว ผ่องศรี วรนุช

ได้ยินไหมพี่ เสียงนี้ คือสาวบ้านนา
พร่ำเพรียกเรียกหา ตั้งตานับเวลารอคอย
คอยเช้า คอยเย็น ไม่เห็นสักหน่อย
ปีเคลื่อนเดือนคล้อย
รักเอ๋ยจะลอยรักเอ๋ยจะลอยแรมไกล
อีกเมื่อไรรักจะคืนรื่นรมย์
ตะแบกบานแล้วร่วง สีม่วง ที่พี่ชื่นชม
หรีดหริ่งระงม พี่ปล่อยน้องให้ตรมคนเดียว
รวงเอ๋ยรวงทอง ต้องร้าง คนเกี่ยว
รวงข้าวคอยเคียว
น้องนี้คอยเหลียวคอยนับวันรอพี่มา
กลับเถิดหนาสาวบ้านนายังคอย

ตะแบกบานแล้วร่วง สีม่วง ที่พี่ชื่นชม
หรีดหริ่งระงม พี่ปล่อยน้องให้ตรมคนเดียว
รวงเอ๋ยรวงทอง ต้องร้าง คนเกี่ยว
รวงข้าวคอยเคียว
น้องนี้คอยเหลียวคอยนับวันรอพี่มา
กลับเถิดหนาสาวบ้านนายังคอย.

				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสาวบ้านนา
Lovings  สาวบ้านนา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสาวบ้านนา
Lovings  สาวบ้านนา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสาวบ้านนา
Lovings  สาวบ้านนา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงสาวบ้านนา