15 กรกฎาคม 2547 09:22 น.

สวรรค์บันดาล

สุชาดา โมรา

ชีวิตในวัยเยาว์ของฉัน  ฉันเติบโตมาจากครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์มากนัก    ไม่เคยมีแม่และพ่อมาดูแล  เพราะท่านต่างก็มีภาระที่จะต้องทำ  แต่ฉันก็ยังจำได้ว่าทุก ๆ คนในบ้านรักฉันและดูแลฉันมาตลอด  ถึงแม้ว่าฉันจะดื้อและซนเพียงใดแต่ท่านก็เลี้ยงดูฉันมาด้วยความยากลำบาก  ไม่เคยแม้แต่จะบ่นว่าเหน็ดเหนื่อย  และไม่เคยคิดจะนำฉันไปปล่อยเหมือนหมูเหมือนหมาด้วย   
          โอละเห่เอยเจ้าเนื้ออ่อนเอย  อ้อนแม่จะกินนม  แม่จะอุ้มเจ้าออกชม  กินนมแล้วนอนเปลเอย  เสียงเพลงที่เยือกเย็นกล่อมฉันให้หลับไหลอยู่ทุกวันจนฉันจำได้ดีว่าใครหนอที่นั่งไกวเปลกล่อมฉัน  ฉันไม่เคยรู้สึกเลยว่าฉันขาดความอบอุ่น  เพราะฉันก็ยังมีย่าและอาอีกสองคนที่เปรียบเสมือนแม่ของฉัน  ท่านคอยดูแลเลี้ยงดู  อบรมสั่งสอนให้ฉันเป็นคนดี  ถึงแม้ว่าตอนนั้นฉันไม่เคยรู้เลยว่าใครกันแน่ที่เป็นแม่ของฉัน  ฉันจึงรักพวกท่านมาก
           ย่าเป็นคนชอบดูละครพื้นบ้านมากฉันจำได้ว่าตอนเป็นเด็กทุก ๆ วันเสาร์-อาทิตย์ฉันจะต้องตื่นมาแต่เช้าลุกขึ้นมาเปิดโทรทัศน์ช่อง  7 เพื่อดูละครเรื่องแก้วหน้าม้า  เหตุนี้แหละที่ทำให้ฉันมีความชื่นชอบวรรณคดีเป็นพิเศษ  ทำให้ฉันติดตามดูละครพื้นบ้านที่ออกอากาศทุกเรื่อง
            เมื่อฉันอายุสามขวบเริ่มเข้าโรงเรียนได้แล้ว  แม่ของฉันกลับมาหาฉัน  ฉันไม่เคยรู้มาก่อนว่านั่นคือแม่บังเกิดเกล้าของฉัน  ฉันรู้แต่ว่าใคร ๆ เขาก็ให้ฉันเรียกผู้หญิงคนนั้นว่า  อีเหว่า  ที่จริงคำนี้เมื่อฉันมารู้ตอนโตก็คือ  แม่ทิ้งฉันไปเพราะต้องกลับไปเรียนจึงปล่อยให้ฉันกลายเป็นภาระของย่าและอาทั้งสองคน  ภายหลังเมื่อฉันได้รู้ว่าท่านเป็นแม่ฉันก็รู้สึกพูดไม่ออก  ได้แต่ร้องไห้อยากจะไปอยู่กับแม่  แม่หนูอยากไปอยู่กับแม่  ให้หนูไปนะไม่เอาหนูจะอยู่กับแม่!!!  ตอนนั้นฉันโดนตีเกือบตาย  ก้านมะยมฟาดที่น่องอ่อน ๆ ของฉันจนแตกเป็นแนวยาวไปโรงเรียนไม่ได้  ฉันจำได้ว่าหลังจากวันนั้นเป็นต้นมาฉันก็ไม่เคยมีภาพความทรงจำเกี่ยวกับแม่อีกเลย
            จนกระทั่งฉันขึ้นชั้นประถมจึงได้มาอยู่กับแม่  ตอนนั้นฉันมีความสุขมากที่สุด  มีความสุขจนไม่รู้จะพูดอย่างไรดี  วางตัวไม่ถูกเพราะฉันไม่เคยอยู่กับแม่มาก่อน  แม่เคยบอกกับฉันว่า  เมื่อยามที่แม่ท้อง  แม่ต้องคอยระมัดระวังตัวเองอยู่เสมอ  อยากกินอะไรก็ไม่กล้ากินเพราะกลัวว่าจะเป็นอันตรายต่อลูกที่กำลังจะเกิดมา  ตอนนั้นฉันมีความรู้สึกว่ารักของแม่นั้นยิ่งใหญ่เหลือเกิน  เพราะกว่าแม่จะเลี้ยงดู  อบรมสั่งสอนจนลูกเติบใหญ่ได้นั้น  ท่านต้องเหนื่อยทั้งแรงใจแรงกาย  ต้องอดทนสู้ทุกอย่างเพื่อให้ลูกมีความสุข  อยู่ดีกินดี  ไม่เป็นภาระของสังคม
แม่คำนี้มีอานุภาพยิ่งใหญ่ในใจลูกทุกคน  จนยากที่จะเปรียบเทียบกับสรรพสิ่งในโลกได้ ดังคำขวัญที่สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถทรงพระราชดำรัสไว้ว่า  แม่เป็นพระอรหันต์ของลูก  คนที่เที่ยววิ่งหาพระเพื่อกราบไหว้พระอรหันต์นั้น  ต้องไม่ลืมว่าที่บ้านก็มีพระอรหันต์อยู่องค์หนึ่ง  เราจึงควรปฏิบัติต่อแม่อย่าให้บกพร่องได้  พระคุณของแม่อันประกอบไปด้วยความรักที่มีต่อลูกอย่างสุดหัวใจเช่นนี้ คงไม่ยากจนเกินไปนักหากเอ่ยคำว่ารักให้แม่ได้ชื่นใจบ้าง  เพราะเราอาจจะโชคดีกว่าหลาย ๆ คนที่ได้เพียงแต่รำลึกถึงพระคุณแม่ผ่านภาพ  และเงาที่ตราตรึงไว้ในความทรงจำเท่านั้นว่า ลูกรักแม่
               หลังจากที่ฉันได้ใช้ชีวิตที่มีความสุขอยู่กับแม่ได้ระยะเวลาหนึ่ง  แม่ก็ต้องจากฉันไปเพราะท่านแยกทางกัน  ตอนนั้นฉันมีความรู้สึกว่าฉันกำลังสูญเสียสิ่งที่ฉันถวิลหามาตลอดชีวิต  ฉันคร่ำครวญหาแม่จนไม่เป็นอันกินอันเรียน  เมื่อฉันได้อ่านเสภาขุนช้างขุนแผนตอนกำเนิดพลายงาม  ซึ่งตอนนี้เป็นตอนที่ท่านสุนทรภู่ได้แต่งไว้นั้นมีความว่า
เจ้าพลายงามความแสนสงสารแม่	ชำเลืองแลดูหน้าน้ำตาไหล
แล้วกราบกรานมารดาด้วยอาลัย	ลูกเติบใหญ่คงจะมาหาแม่คุณ
แต่ครั้งนี้มีกรรมจะจำจาก		ต้องพลัดพรากแม่ไปเพราะไอ้ขุน
เที่ยวหาพ่อขอให้ปะเดชะบุญ	ไม่ลืมคุณมารดาจะมาเยือน
แม่รักลูกลูกก็รู้อยู่ว่ารัก		คนอื่นสักหมื่นแสนไม่แม้นเหมือน
จะกินนอนวอนว่าเมตตาเตือน	จะจากเรือนร้างแม่ไปแต่ตัว
แม่วันทองของลูกจงกลับบ้าน	เขาจะพาลว้าวุ่นแม่ทูนหัว
จะก้มหน้าลาไปมิได้กลัว		แม่อย่ามัวหมองนักจงหักใจ
            เสภาบทนี้มีอิทธิพลต่อฉันเหลือเกิน  ฉันมีความรู้สึกถึงการที่แม่จากฉันไปโดยที่ฉันไม่รู้เลยว่าฉันจะมีโอกาสได้เจอแม่อีกหรือไม่  เวลาที่ฉันอ่านตอนนี้ทีไรทำให้ฉันต้องกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่สักที  ฉันมีความรู้สึกเหมือนตัวฉันเองเป็นพลายงามที่กำลังจะต้องจากแม่ไป  มันทำให้ฉันรู้สึกหดหู่  และเศร้าใจยิ่งนัก  ยิ่งฉันได้อ่านความต่อจากนั้นมันยิ่งทำให้ฉันรู้สึกปวดร้าวในใจอย่างที่สุด เพราะตลอดระยะเวลาที่ฉันอยู่กับแม่มาเพียงไม่กี่ปีฉันก็มีความผูกพันธ์กับแม่บ้าง  ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยมีความผูกพันธ์กันมากนัก  แต่ก็มีอยู่สิ่งหนึ่งที่ยังคงอยู่ในใจของฉันเสมอ  และฉันก็ยังไม่เคยพูดสักทีว่า  ฉันรักแม่มาก  
ฉันนึกถึงนางวันทองที่แสดงความรักต่อลูกในวรรณคดีอย่างเห็นได้ชัดคือตอนที่นางวันทองจัดของไปรับลูกที่วัด แล้วพาไปส่งที่ท่าเกวียน ให้พลายงามเดินทางไปหาย่าทองประศรี 
              ที่เมืองกาญจนบุรี เพราะลำพังนางวันทองเองคงไม่สามารถคุ้มครองลูกให้ปลอดภัยจากขุนช้างได้ สองแม่ลูกอำลากันอย่างเศร้าสร้อย   ตอนนี้แหละฉันรู้สึกว่าชีวิตของพลายงามมีอะไรที่คับคล้ายคับครากับชีวิตของฉันเหลือเกิน  จึงทำให้ฉันต้องหยิบยกบทเสภาตอนนี้ขึ้นมาด้วย  ความว่า

นางกอดจูบลูบหลังแล้วสั่งสอน	อำนวยพรพลายน้อยละห้อยไห้
พ่อไปดีศรีสวัสดิ์กำจัดภัย		จนเติบใหญ่ยิ่งยวดได้บวชเรียน
ลูกผู้ชายลายมือนั้นคือยศ		เจ้าจงอุตส่าห์ทำสม่ำเสมียน
แล้วพาลูกออกมาข้างท่าเกวียน	จะจากเจียนใจขาดอนาถใจ
ลูกก็แลดูแม่แม่ดูลูก		ต่างพันผูกเพียงว่าเลือดตาไหล
สะอื้นร่ำอำลาด้วยอาลัย		แล้วแข็งใจจากนางตามทางมา
เหลียวหลังยังเห็นแม่แลเขม้น	แม่ก็เห็นลูกน้อยละห้อยหา
แต่เหลียวเหลียวเลี้ยวลับวับวิญญาณ์	โอ้เปล่าตาต่างสะอื้นยืนตะลึง
                เมื่อยามที่ฉันท้อแท้  คิดถึงแม่ขึ้นมาคราใดบทเสภาเรื่องขุนช้างขุนแผนตอนนี้มักจะเป็นเพื่อนในยามนี้ได้ทุกที  จนฉันรู้สึกว่าเสภาตอนนี้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตฉันไปแล้ว  ฉันไม่รู้ว่าเมื่อไรแม่จะกลับมาหาฉัน  และเมื่อไรที่ฉันกับน้องชายจะได้ใช้ชีวิตที่มีความสุขอยู่กับแม่สักทีฉันรอคอยวันนั้นมานานเหลือเกิน  
               แต่ ณ เวลานี้แม่ได้กลับมาหาฉันแล้ว  เราอยู่เป็นครอบครัวเดียวกันอีกครั้งถึงแม้ว่าจะไม่สมบูรณ์เท่าที่ฉันอยากจะให้มีก็ตามแต่ฉันก็มีความสุขมาก  เปรียบดั่งสวรรค์บันดาลให้แม่ต้องกลับมาดูแลลูก ๆ อีกครั้ง  ชั่วชีวิตนี้ฉันไม่ขออะไรมากไปกว่านี้อีกแล้ว  นอกจากจะขอให้ฉันได้อยู่กับแม่ตลอดไปฉันก็พอใจและมีความสุขที่สุดแล้ว				
14 กรกฎาคม 2547 20:52 น.

วิเคราะห์รามเกียรติ์

สุชาดา โมรา

-  ลักษณะนิสัยตัวละคร	
1. นางสีดา  เป็นผู้หญิงที่รักนวลสงวนตัว  รักเดียวใจเดียวมีความมั่นคงต่อพระราม  มีความกล้าหาญ  ยอมลุยไฟเพื่อพิสูจน์ความรักและความมั่นคงที่มีต่อพระราม
			เมื่อนั้น			นวลนางสีดามารศรี
		ได้ฟังดั่งต้องสายสุนี		มิรู้ที่จะทูลให้เห็นจริง
		จึ่งบังคมก้มพักตร์พจนารถ	อันข้าบาทยากเย็นเพราะเป็นหญิง
		จะว่าไปไม่มีที่อ้างอิง		ใครจะเล็งเห็นจริงที่ในใจ
		เว้นแต่กองเพลิงกาลถ่านอัคคี	จะเป็นที่พึ่งพาของข้าได้
		ขอพระองค์จงสั่งให้กองไฟ	ที่ในหน้าพลับพลาเวลานี้
		ข้าจะตั้งความสัตย์อธิษฐาน	สาบานต่อเบื้องบทศรี
		แล้วจะลุยเข้าไปในอัคคี		ถ้าแม้นชั่วชีวีจงวายปราณ
ฯ ๘ คำ ฯ
	นางสีดารู้สึกเสียใจที่พระรามไม่เชื่อว่าตนเองบริสุทธิ์จึงยอมลุยไฟเพื่อพิสูจน์ว่าตนเองนั้นไม่มีอะไรเกินเลยกับทศกัณฐ์อย่างแน่นอน
2. พระราม  เป็นผู้ชายที่มีรักมั่นคง  มีความเข้มแข็ง  อดทน  และมีอารมณ์อ่อนไหว  ดังจะเห็นได้จากตอนที่นางเบญจกายแปลงเป็นนางสีดาลอยน้ำมา
			ยอดเอยยอดมิ่ง		เป็นความในใจจริงทุกสิ่งสรรพ์
		หวังสวาทมาดหมายไม่วายวัน	จะรับขวัญนัยนามาธานี
		ที่ผูกใจจึงไปดลจิตเจ้า		ให้โฉมนงเยาว์มาถึงที่นี่
		ขอเชิญดวงดอกฟ้าสุมาลี		อยู่เป็นศรีนคเรศนิเวศน์วัง
		เจ้าจงดูปราสาทราชฐาน		ทั้งตึกกว้านมากมายหลายหลัง
		คลังเงินคลังทองสิบสองพระคลัง	ทรัพย์สินมั่งคั่งเรามากมี
		ขอเชิญโฉมเฉลาเป็นเจ้าของ	ครอบครองสารพัดสมบัติพี่
		จงผินผันพักตรามาข้างนี้		พูดจาพาทีกับพี่ยา
		ควรหรือทำสะเทินเมินเฉย	ไม่เห็นเลยว่ารักเจ้าหนักหนา
	มาหยุดอยู่นี่ไยไคลคลา		ไปนั่งแท่นแว่นฟ้าเถิดเทวี
ฯ ๑๐ คำ ฯ
พระรามมีความรู้สึกเสียใจ  พยายามให้นางสีดาแปลงนั้นฟื้นคืนสติขึ้นมาพูดคุยกับตนแต่ก็สุดปัญญา  ซึ่งทำให้ทราบถึงอารมณ์ที่พระรามมีต่อนางสีดาอย่างทราบซึ้ง  นอกจากนั้นยังสื่อให้เห็นภาพว่าพระรามประคองนางสีดามาแนบตักและพูดกับนางด้วยความเสียใจและอาลัยยิ่งนัก
3. พระลักษมณ์  เป็นน้องที่ดี  รักพี่  มีความเข้มแข็งและมีความเชื่อมั่นต่อพี่สะใภ้ว่าจะมั่นคงต่อพระรามแน่นอน
4. หนุมาน  เป็นทหารเอกที่รู้ใจพระรามที่สุด  ฉลาดรอบรู้  ค่อนข้างหัวดื้อ  เช่น  ตอนที่หักกิ่งไม้  ทำลายอุทยานของทศกัณฐ์  ตอนเผาเมืองลงกา  เป็นต้น  ซึ่งเป็นการทำนอกเหนือคำสั่ง  เจ้าเล่ห์เพทุบาย  มีกลอุบายมากมายซึ่งเอาไว้ใช้ในการศึก  รักนายและพลีชีพเพื่อนาย
5. องคต  มีความกตัญญูรู้คุณต่อพระราม  และนางมณโฑ  แต่เพื่อความถูกต้ององคตจึงทำในสิ่งที่ถูกต้อง
6. ท้าวมาลีวราช  เป็นผู้ที่มีความยุติธรรม  ให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่ายไม่คำนึงว่าหลานตนเป็นคนผิด  ( ไม่เข้าข้างคนผิด ) ดังตอนท้าวมาลีวราชว่าความ
			เมื่อนั้น			พระพงศ์พรหมบรมนาถา
		จึ่งว่ากูผู้พิจารณา			พิพากษาอาธรรม์หรือฉันใด
		ไม่ควรค้านพาลพาโลโกสีย์	รถของเขามีเขาก็ให้
		เมื่อสืบสวนสมอ้างทุกอย่างไป	ยังแก้ไขคดเคี้ยวเกี่ยวพัน
		เป็นของข้าวเล่าเถิดว่าตกหล่น	นี่เก็บคนได้ดูก็ขบขัน
		เอ็งพูดไม่มีจริงสักสิ่งอัน		แม่นมั่นมึงลักเมียพระราม
		จงควรคิดถอยหลังฟังกูว่า		อย่าฉันทาทำบาปหยาบหยาม
		เร่งคืนส่งองค์สีดางางาม		ให้พระรามผัวเขาอย่าเอาไว้
ฯ ๘ คำ ฯ
7.  พิเภก  เป็นผู้ที่รู้ผิดชอบชั่วดี  แนะแนวทางที่ดีและถูกต้องให้แก่พี่ชายแต่เมื่อพี่ชายไม่ฟังจึงถูกขับออกจากเมืองต้องมาอยู่กับพระราม  ก็รู้คุณและช่วยเหลือพระรามมาโดยตลอด
8. นางมณโฑ  มีความรักลูก  รักสามี  ไม่โกรธเคืองที่สามีหาผู้หญิงอื่นมาอยู่ด้วย
9. ทศกัณฐ์  รักลูก  รักพวกพ้อง  แต่ไม่คำนึงถึงความผิดถูก  พาพวกพ้องมาสู้รบในเรื่องไม่เป็นเรื่องจนกระทั่งวงศ์วารหมดสิ้น
-  ก่อให้เกิดจินตนาการณ์  อารมณ์
			เมื่อนั้น			ทศกัณฐ์เคืองขัดอัชฌาสัย
		ลุกขึ้นกระทืบบาทตวาดไป	เหม่ไอ้เจ้าเล่ห์เพทุบาย
		คิดว่าขี้ขลาดดั่งชาติเนื้อ		ได้สาบเสือตัวสั่นขวัญหาย
		เสียแรงกำเนิดเกิดเป็นชาย	ไม่มีอายไม่มีเจ็บเท่าเล็บมือ
		เมื่อข้าศึกมาชิดไม่คิดรบ		จะให้นบนอบมันกระนั้นหรือ
		หมายว่าน้องต้องปรึกษาหารือ	ชะเจ้าคนซื่อถือสัตย์ธรรม์
		จงไปหาลักษมณ์รามตามพิเภก	จะได้เสกให้ผ่านไอศวรรย์
		อันตัวกูสู้ตายวายชีวัน		มิขอพันผูกรักกับลักษมณ์ราม
ฯ ๘ คำ ฯ
-  ภาษาสามัญ
	( จากตัวอย่างข้างต้น )
-  ภาษาในเชิงเปรียบเทียบ
			เห็นนางหนึ่งงามแฉล้มแช่มช้อย	นั่งร้อยดอกดวงพวงบุปผา
		ทรงโฉมประโลมเลิศลักขณา	พักตราจิ้มลิ้มยิ้มแย้ม
		ผิวเนื้อนวลละอองเป็นสองสี	โอษฐ์นางอย่างลิ้นจี่จีนแต้ม
		ขอบขนงโก่งเหมือนดังเดือนแรม	ทั้งสองแก้มเพียงพระจันทร์วันเพ็ญ
		เอวบางร่างรัดกำดัดสวาท		ดูผุดผาดสารพัดอรัดเคร่ง
		เข้าแอบฉากแพรแสแลเล็ง	ยิ่งเพ่งยิ่งพิศยิ่งติดใจ
ฯ ๖ คำ ฯ
-  โวหารภาพพจน์
			เมื่อนั้น			คำแหงหนุมานชาญสมร
		รบรับจับประจัญฟันฟอน		หมายสังหารราญรอนอสุรา
		แล้วเข้าไปในปากกุมภัณฑ์	ออกทางข้างกรรณเบื้องขวา
		กลับเข้ากรรณซ้ายด้วยศักดา	ทะลุออกกระบอกตาอสุรี
		แล้วลงตามลำไส้ด้วยว่องไว	เอาตรีแตระแหวะท้องยักษี
		ลากไส้ออกมาจากนาภี		อสุรีล้มดิ้นสิ้นชีวา
ฯ ๖ คำ ฯ โอด
-  สัญลักษณ์
			เมื่อนั้น			องค์พระหริรักษ์เรืองศรี
		ครั้นสิ้นแสงสุริยาราตรี		สถิตที่แท่นทองห้องใน
		นิ่งนึกคะนึงถึงสีดา		ไม่รู้ว่ายากเย็นเป็นไฉน
		จำจะใช้ทหารชาญชัย		ไปสืบข่าวอรไทถึงลงกา
		พระนิ่งนึกตรึกไตรไปมา		จนสุริยาเยี่ยมยอดยุคันธร
ฯ ๖ คำ ฯ
	คำที่ทำตัวหนาแสดงสัญลักษณ์ถึงความเศร้าเมื่อพระอาทิตย์ได้ตกดินไปแล้ว
-  รสวรรณคดี  :  สิงคารรส  ตอนหนุมานเข้าห้องนางบุษมาลี
			สุดเอยสุดสวาท			แสนฉลาดลิ้นลมคมสัน
		ลวงล่อเลือกว่าสารพัน			ถ้าเช่นนั้นโฉมฉายสบายใจ
		ขึ้นอยู่สรวงสวรรค์ชั้นอินทร์พรหม	ใครจะตามไปชมเชยได้
		จะลวงกันให้เก้อเอออะไร		พอรู้เท่าเข้าใจอยู่ดอกน้อง
		ว่าพลางทางทำทอดสนิท			แนบชิดเชยชมสมสอง
		ระทวยทอดกอดเกี่ยวกรตระกอง		ตามทำนองเสน่หาประสาลิง
		ฟ้าลั่นคลั่นครื้นดังปืนยิง			พยุยิ่งฮือฮือกระพือพัด
		ประเดี๋ยวลงฝนตกลงซู่ซู่			ท่วมคูขอบวังทั้งจังหวัด
		ถ้อยทีภิรมย์โสมนัส			ตามกำหนัดเสน่หาอาวรณ์
ฯ ๖ คำ ฯ
2.  รูปแบบ
	2.1  ความเหมาะสมของเนื้อหา  เรื่องรามเกียรติ์เป็นเรื่องราวที่ถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับการรบ  มีการดำเนินเรื่องไปอย่างสมเหตุสมผล   
	2.2  ความงดงามทางฉันทลักษณ์ 
			รถเอยราชรถอินทร์	กงแก้วโกมินอลงกต
		สามงอนอ่อนสลวยชวยชด	เครือขดช่อตั้งกระจังราย
		ชั้นหนึ่งครุฑจับภุชงค์ผยอง	ชั้นสองเทพนมเฉิดฉาย
		ชั้นสามกินรีรำกราย		บุษบกแก้วลายอรชร
		เทียมด้วยสินธพเทพบุตร		ฤทธิรุทยิ่งพญาไกรสร
		พระลักษมณ์นั่งหน้าประนมกร	มาตุลีขับจรดั่งลมพัด
		ประดับด้วยอภิรุมชุมสาย		ธงริ้วทิวลายปลายสะบัด
		หมู่พหลพลแห่เยียดยัด		ขนัดกลองฆ้องทนอึงอล
		เสียงสินธารร้องก้องกึก		โห่ฮึกประสานกาหล
		ผงคลี่บดบังพระสุริยน		เร่งพลรีบเวไชยันต์ไปฯ
	จุดมุ่งหมายในการแต่งเพื่อใช้เป็นบทละครสำหรับเล่นละครใน  หรือที่เห็นกันในปัจจุบันนี้คือโขลน  เพื่อรวบรวมบทละครเรื่องรามเกียรติ์ที่บางส่วนที่สูญหายไปในช่วงศึกสงครามในสมัยพระเจ้าตากสินมหาราชและมาชำระใหม่เพื่อให้สมบูรณ์ที่สุด  เพื่อสมโภชกรุงเทพมหานคร  เพื่อปลุกใจประชาชนให้มีความรักชาติ  เข้มแข็ง  อดทน  ให้มีความกล้าหาญเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของคนในประเทศ  นอกจากนั้นยังเป็นการบันทึกเรื่องราวทางยุทธศาสตร์การรบ    ดังจะเห็นได้จากตอนที่ทศกัณฐ์ออกรบ  มีการแปลขบวนทัพเป็นรูปครุฑ  รูปนาค  ซึ่งในตำรายุทธพิชัยสงครามสมัยกรุงศรีอยุธยาได้กล่าวไว้ว่า  เมื่อครั้งพระเจ้ากรุงหงสาวดีทำศึกกับพระมหาธรรมราชา  ได้มีการแปลขบวนทัพเป็นรูปครุฑ  รูปนาค  ( พิมาน  แจ่มจรัส, 2527,159 )   เพราะสมัยนั้นอยู่ในช่วงศึกสงคราม  ถึงแม้ว่าบ้านเมืองเริ่มเป็นปึกแผ่นแล้วก็ตาม  อีกทั้งยังเป็นการประกาศพระเกียรติยศของพระองค์ไปด้วย  นอกจากนี้ยังจะเป็นการสนับสนุนนาฏศิลป์โดยการให้มีละครในซึ่งใช้เนื้อเรื่องรามเกียรติ์  ทำให้ทั้งเชื้อพระวงศ์  เจ้านายชั้นสูง  ข้าราชบริพารมีความสนุกสนานไม่ตึงเครียดกับการศึกมากนัก  เนื้อหาส่วนใหญ่กล่าวถึงการเดินทางและการรบซึ่งเกิดจากปมปัญหาเด่น  ที่สำคัญที่จะทำให้เรื่องมีความโดดเด่นและน่าสนใจมากขึ้น  ชวนให้ติดตาม  คือ  นางอันเป็นที่รักถูกลักพาตัวไป  การตามกวาง  เป็นต้น
3.  สารัตถะหรือแนวคิดของเรื่อง
	3.1  สภาพสังคมและวัฒนธรรมที่ปรากฏ  คือ  ในการดำเนินเรื่องนั้น  กวีจะสอดแทรกลักษณะความเป็นอยู่ของคนไทยที่ออกมาจากตัวละครและสิ่งแวดล้อม  อย่างเช่น  ตอนที่พระรามตามกวางนั้นเป็นการบอกถึงกีฬาอย่างหนึ่งของคนโบราณที่ต้องล่าหรือจับสัตว์  การสื่อให้เห็นถึงลักษณะของกษัตริย์ที่ต้องมีผู้ติดตามรับใช้ใกล้ชิด  เปรียบเหมือนหนุมานเป็นมหาดเล็กใกล้ชิดก็ว่าได้  สังคมในสมัยนั้นยังคงมีเรื่องของการมีเมียมากมายหลายคน  สื่อให้ให้ถึงคนในสมัยก่อนที่มักจะมีเมียเยอะแยะ  และเมียต้องเป็นช้างเท้าหลัง  เมื่อสามีสั่งอะไรเมียต้องทำตามและอยู่ในโอวาท  ต้องอยู่เย้าเฝ้าเรือน  เลี้ยงลูก  ต้องซื่อสัตย์ต่อสามี  ไม่มีการคุมกำเนิด  ดังจะเห็นได้จากนางมณโฑที่มีลูกเยอะแยะ  มีความกตัญญู  การเป็นผู้นำของครอบครัว  เป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดี  เป็นต้น
	3.2  ค่านิยมและโลกทัศน์  คือ  ค่านิยมเกี่ยวกับความรักที่นางสีดามีต่อพระราม  นางมณโฑมีต่อทศกัณฐ์  นอกจากนั้นยังสื่อให้เห็นว่าตัวละครตัวหนึ่งมีมุมมองที่ดีและสื่อออกมาเด่นชัดที่สุดว่าถ้าคืนตัวนางสีดาไปแล้วเผ่าพงศ์ยักษ์จะไม่เดือดร้อน  นั่นคือพิเภก  เป็นผู้ที่มองการณ์ไกลมีแนวคดีและมีสติอยู่ตลอดเวลา  นอกจากนี้ยังสื่อถึงวิธีการแต่งที่เกี่ยวกับค่านิยมอีกด้วย
	-   เกี่ยวกับความงาม  นางสีดางามที่สุด  จะหานางใดใน 3 โลกเปรียบไม่ได้  แสดงว่าสวยมาก  มีรูปร่างเอวอ่อนอ้อนแอ้นอรชร  มีความเป็นกุลสตรี
	-     ความงดงามของกวางทอง  ที่ทำให้พระรามต้องตามไป
	- ความงามของพระราม  และพระลักษมณ์ที่มีความงดงามทั้งทางรูปทรงและลักษณะ  กล่าวคือ  มีรูปร่างอ้อนแอ้น
	-    ผู้ร้าย  ซึ่งคือพวกยักษ์  ก็จะมีรูปร่างใหญ่โต  ดูน่าเกรงขาม  รูปร่างน่ากลัว
	-    ผู้ช่วยพระเอก  คือพวกลิง  ก็จะมีลักษณะตัวเล็ก ๆ คล่องแคล่วว่องไว  มีความงดงามในการแสดง  กล่าวคือ  เวลาที่ศิลปากรแสดงโขลน  บุคลิกที่ดูงดงามตัวหนึ่งคือพวกลิง  เวลาแสดงต้องผสมผสานความอ่อนช้อยและท่วงท่าที่แสดงออกถึงการไม่อยู่นิ่งของลิงทำให้ดูตลกและสนุกสนานยิ่งนัก  ซึ่งเป็นค่านิยมในการแต่งที่มักจะให้ผู้ช่วยพระเอกเป็นคนที่สนุกสนานจึงทำให้วรรณกรรมยุคปัจจุบัน ได้รับอิทธิพลในส่วนนี้นำไปแต่งเรื่องอื่น ๆ ต่อไป      
4.  บุคลิกภาพของกวี
	ในช่วงที่รัชการที่ 1 และ รัชการที่ 2 ทรงประพันธ์และชำระเรื่องรามเกียรติ์ขึ้น  ซึ่งในยุคสมัยนั้นเป็นช่วงที่ประเทศไทยเริ่มมีความเป็นปึกแผ่น  แต่บางส่วนยังมีสงครามอยู่  วรรณคดีเรื่องนี้จึงสะท้อนเรื่องราวของสงคราม  การต่อสู้  ความกล้าหาญของกษัตริย์  การปกครองคน  ปกครองเมือง  การรู้จักใช้คนซึ่งพระองค์ทรงแฝงบทบาทของกษัตริย์ไว้ในตัวละคร  คือ  พระราม  และทศกัณฐ์  ซึ่งจะมีความเป็นผู้นำ  รู้จักใช้คนสนิท  มีการพูดโน้มน้าวใจให้คนใกล้ตัวทำตาม				
14 กรกฎาคม 2547 20:32 น.

ฅนสองเงา ( ตอน 3 )

สุชาดา โมรา

นี่เธอเป็นอะไรหรือเปล่า?  อึบ  ตัวหนักไม่ใช่เล่น
แม่และน้องของจิรมลเห็นเข้าจึงวิ่งเข้าไปที่ด้านหลังของเวที
ใครมียาดมบ้าง  ผมขอได้ไหม  อาสาฬห์ตะโกนด้วยความตกใจ
ครับ  ครับ  นี่ครับ  กอล์ฟส่งยาดมให้กับอาสาฬห์  
คุณโรมิโอ  ช่วยผมหน่อยนะครับ  ช่วยเอาพัดมาพัดให้เธอที  อาสาฬห์ขอร้องกอล์ฟให้ช่วยประถมพยาบาลจิรมลจนกระทั่งเธอฟื้น
คุณคะคุณช่วยพาฉันไปพบคุณพ่อทีได้ไหม  คือฉันไม่คุ้นเคยกับกรุงเทพฯ
บรื้น
อาสาฬห์ขับรถพาจิรมล  ณัฐพรและกอล์ฟไปโรงพยาบาลทันที  ส่วนแม่กับน้องของเธอก็ขับรถตามคุณอาสาฬห์ไป
ฮัลโหล  อ๋อเข้าใจแล้ว  กำลังขับรถ  เดี๋ยวจะไปถึงอีกไม่กี่นาทีนี้แหละ อาสาฬห์คุยโทรศัพท์กับพล
คุณพ่อ  จิรมลร้องเสียงดังขึ้นเพราะภาพที่เธอเห็นนั้นคือคนที่นอนอยู่บนเตียงนั้นมีผ้าสีขาวคลุมหน้า
คุณ  คุณ  ผิดห้องครับ  นั่นมันเลขกลับหัวนะ  ห้อง 609 อยู่ทางนี้ครับ  อาสาฬห์พูดขึ้นถึงกับทำให้จิรมลขวยเขินทีเดียว
หนูตกใจแทบแย่เลยค่ะ  คุณพ่อเป็นอะไรหรือเปล่าคะ  หนูขอโทษนะคะที่รบเร้าให้คุณพ่อมา  จิรมลพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วงเป็นใยและรู้สึกผิด
ไม่เป็นไรหรอกลูก พ่อตอบ เอ่อขอบคุณนะครับคุณ พ่อหันไปพูดกับคุณอาสาฬห์
อาสาฬห์ครับ  พลพูดขึ้น
เอ่อคุณเป็นเจ้าของบริษัทเดย์เดย์ดิเอกโปรโมชั่นหรือเปล่าเพราะผมรู้สึกคุ้น ๆ หน้าคุณเหมือนเคยเห็นในหนังสือพิมพ์เลย พ่อถามขึ้นอย่างสงสัย
ครับ  อาสาฬห์พูดด้วยน้ำเสียงนุ่ม ๆ
ตู๊ดตู๊ดตู๊ด  เสียงโทรศัพท์ของอาสาฬห์ดังขึ้น  อาสาฬห์เดินออกไปนอกห้องเพื่อรับโทรศัพท์
ฮัลโหล  อืมผมเจอแล้วคนที่เหมาะจะมาเล่นละครของเรา  เดี๋ยวผมจะให้คุณช่วยจัดการให้ผมหน่อยนะ  ฝากเป็นธุระด้วยนะ  เออแล้วที่กำลังตามมานี่รู้แล้วเหรอว่าอยู่ที่ไหน  อืม  อืมเข้าใจ  อืมงั้นก็แค่นี้นะ  รีบ ๆ มาล่ะ 
เอ่อผมติดธุระต้องไปก่อนนะครับ  ขอตัวครับ  ถ้ามีโอกาสเราจะได้เจอกันอีกนะจิรมล  อาสาฬห์พูดและหันมามองจิรมลด้วยสีหน้าที่ยิ้มกริ่ม
แม่คะหนูขอโทษนะคะที่ทำให้เสียเรื่อง จิรมลพูดด้วยน้ำเสียงที่หงอย ๆ 
ไม่ใช่ความผิดของหนูนี่จ๊ะ  แม่พูดและเอื้อมมือไปลูบหัวจิรมลเบา ๆ
เราไปหาอะไรทานก่อนดีไหมคะหิวจะแย่อยู่แล้ว  จิรมลพูดด้วยน้ำเสียงที่สดใส
"สวัสดีครับ  มาทันเวลาพอดี  จะไปทานข้าวเหรอครับผมขอไปด้วยนะครับ  คือผมจะมาติดต่อคุณเรื่องการแสดงน่ะครับ  ผมมาจากบริษัทเดดิเอกโปรโมชั่นครับ  ถ้าจะกรุณาผมขออนุญาตินั่งโต๊ะตัวนี้ด้วยคนนะครับ
คนของคุณอาสาฬเดินไปพูดไปจนถึงโต๊ะที่จิรมลจะนั่ง  จิรมลกับแม่ไม่ทันได้ฟังสักนิดว่าเขาพูดว่าอะไร  ชายคนนั้นนั่งทันที  แม่และจิรมลทำหน้าเลิกลัก  งงที่ชายคนนี้เข้ามานั่งโดยที่ไม่ได้รับเชิญ  เมื่อทานอาหารกันจนเสร็จชายคนนี้ก็พูดขึ้นทันที
"ผมมีธุระจะต้องคุยกับผู้ปกครองของคุณจิรมลและคุณจิรมล"
"แล้วหนูฟังด้วยได้หรือเปล่าคะ..."  น้องเมย์ถามเสียงใส  ชายคนนั้นยิ้มและพูดต่อ
"ผมมาจากบริษัทเดดิเอกโปรโมชั่นครับ  ผมได้ชมการแสดงของคุณมันทำให้ผมประทับใจมาก  ผมจึงอยากให้คุณไปเรียนที่โรงเรียนการแสดงกับพวกเราที่บริษัท"
"ฉันก็อยากให้ลูกไปนะคะ  แต่ติดที่แกเรียนอยู่  และคุณพ่อเธอก็ป่วย..."
"เอ่อ...ไม่เป็นไรครับ  คือที่ผมชวนนี่มันเป็นช่วงปิดเทอม  แล้วนี่นามบัตรผมครับ  เก็บไว้พิจารณาก่อนก็ยังดี"  ชายคนนั้นยิ้มละไมกับพวกเธอ  "น้อง ๆ เช็คบิลด้วย...!!!!"  ชายคนนั้นจ่ายเงินค่าอาหารจนทำให้จิรมลกับแม่งง
"เอ่อ...."  
"มื้อนี้ผมเลี้ยงครับ  หวังว่าเราคงได้เจอกันอีกที่บริษัทนะครับคุณมล  ถ้าคุณดังเมื่อไรแล้วค่อยมาเลี้ยงผมนะ...บาย..."  ชายคนนั้นยกมือให้แล้วก็ไป  ท่าทางเขามุ่งมั่นมาก ๆ ใบหน้าเหมือนลูกครึ่ง  แต่จิรมลกลับทำท่าสงสัยและคิดในใจว่าเคยเจอผู้ชายคนนี้ที่ไหนกันแน่

                      ทุกคนโล่งใจกันหมดเพราะคุณพ่อไม่เป็นอะไรมากนัก  แต่สิ่งที่หนักใจก็คือคุณอาสาฬห์ส่งคนมาหาจิรมลเพื่อที่จะให้ไปเป็นนักแสดงในโรงละครด้วย  เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อ  ผู้ชายคนนั้นจะพาจิรมลไปได้หรือไม่.......
                      ติดตามอ่านตอนต่อไป				
14 กรกฎาคม 2547 20:22 น.

ฅนสองเงา ( ตอน 2 )

สุชาดา โมรา

ตึก  ตึก  ตึก  พ่อ  แม่  และน้องเมย์วิ่งกระหืดกระหอบเข้าไปที่โรงละคร
แม่  พ่อลืมซื้อดอกไม้ไว้ให้ลูก  เดี๋ยวพ่อมานะ
โธ่คุณ  แม่ร้องเสียงหลง  รีบๆมานะคะ  นี่ตั๋วค่ะ  แม่สอดตั๋วที่นั่งวีไอพีใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อสูทตัวนอก
ตึก  ตึก  ตึกแฮก  แฮก เหนื่อยจริงๆเลย  กว่าจะหาช่อดอกไม้ที่ถูกใจลูกนี่ยากจริงๆ  สงสัยคงเป็นเพราะวันนี้ใครๆเขาก็อยากให้ลูกหลานเขาได้หน้าเขาเลยเหมาไปหมด  เฮ้อ  แย่จริงๆ  จะไปทันไหมเนี่ย  พ่อพูดด้วยน้ำเสียงที่กระหืดกระหอบ
เอบัตรที่นั่งล่ะ  บัตรอยู่ไหนเนี่ย  เรานี่แย่จริงๆเลย  ทำไงดีนะ  หาทั่วแล้วนี่แต่ยังไม่เจอเลย  ทำหล่นที่ไหนหรือเปล่านะ  พ่อรุกรี้รุกรนหาตั๋วที่นั่งจนหอบและแน่นหน้าอก
ตี๊ดๆ  โทรศัพท์เครื่องนี้นี่น่าจะปาหัวหมาได้แล้วนะ  รำคาญจริงๆ  อาสาฬกำลังมีปัญหากับโทรศัพท์เพราะหาคลื่นสัญญาณไม่ได้  โอ๊ะ!!!  คุณ  คุณครับเป็นอะไรหรือเปล่า  อาสาฬหันไปเห็นพ่อของจิรมลกำลังเอามือกุมอกแน่นและล้มลงแนบพื้นจึงร้องเสียงหลงและเข้าไปช่วย
ฮัลโหล  พล  พล  นายมาที่หน้าวีคหน่อยได้ไหม  มีคนเจ็บต้องส่งโรงพยาบาล  อาสาฬโทรบอกพลให้มาช่วยเหลือ
เอ่อคุณครับอย่าเพิ่งเป็นไรนะครับเดี๋ยวรถพยาบาลก็จะมาถึงแล้ว
คุณครับ  ช่วยผมหน่อยได้ไหมครับ  ช่วยนำช่อนี้ไปให้ลูกสาวผมที  ผมไม่ไหวแล้ว  พ่อพูดด้วยน้ำเสียงที่เหนื่อยอ่อน
ครับๆ  ผมจะนำไปให้  เอ่อลูกสาวคุณ  
ลูกผมคือจิรมล  ที่จะแสดงบทจูเลียตครับ
อาสาฬห์นั่งอึ้งอยู่พักหนึ่งเพราะไม่คิดว่าเรื่องมันจะบังเอิญได้ขนาดนี้  จนกระทั่งพลมา  และรถพยาบาลก็มาพอดี  และเขาก็วิ่งเข้าไปในโรงละครทันที
แม่คะ  พี่มลกำลังจะแสดงแล้วค่ะ  แต่คุณพ่อ  คุณพ่อท่านยังไม่มาสักทีเลยค่ะ  น้องเมย์เอ่ยขึ้น
อืมนั่นน่ะสิ   แต่ข่างเถอะลูกเดี๋ยวคุณพ่อก็มา  เราดูพี่สาวเราดีกว่านะนั่นไงออกมาแล้วปรบมือเร็ว  แม่พูดและชี้ชวนให้น้องเมย์ปรบมือ  ผู้คนปรบมือกันอย่างสนั่นหวั่นแหวก  ทำให้แม่และน้องเมย์ยิ้มแก้มปลิทีเดียว
นี่ที่ช่อดอกไม้มีตั๋วที่นั่งนี่  วีไอพีซะด้วย  ใกล้กว่าของเราอีก  เปลี่ยนที่นั่งก็ดีเหมือนกัน  อาสาฬห์นึกและเดินเข้าไปที่ที่นั่งตัวที่ว่างอยู่  ขอโทษนะครับ  ขอโทษนะครับ  ตึก  ตึก  ตึก  อาสาฬห์ค่อยๆเดินเข้าไปนั่งอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้บังผู้อื่น
นี่นี่  พี่คะนี่มันที่นั่งของคุณพ่อหนูนะ  น้องเมย์เอื้อมมือไปดึงแขนเสื้อของอาสาฬห์และกระตุกช้า ๆ พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ
อาสาฬห์ทำท่าทางแบบไม่สนใจใคร  และนั่งชมการแสดงต่อ  อาสาฬห์ทำท่าอึ้งที่เห็นสาวน้อยจูเลียตบนเวทีทำท่าทางราวกับเป็นตัวตนของตัวเอง  ดูจริงจังสมกับบทที่เล่น
ขณะที่ทุกคนกำลังเพลิดเพลินกับละครเรื่องนี้อยู่นั้น  ปักโรมิโอเกิดสะดุดชายผ้าของจูเรียตล้ม  ทำให้ทุกคนตกตะลึงกันไปหมดรวมทั้งอาสาฬห์ด้วย
โอ๊ะ  อะไรเนี่ย!!  โรมิโอล้มลง  แล้วจะทำไงดีเนี่ย  อย่างนี้ก็เสียคะแนนหมดสิ  อาสาฬห์นึกและก็ทำท่าทางอย่างคนที่ช่วยลุ้น  เธอต้องทำไม่ได้แน่ ๆ
โอ้โรมิโอยอดรักของข้า  ลุกขึ้นเร็วเข้าเถอะคนดี  เราทั้งคู่จะโบยบินไปด้วยกัน  ข้ายินดีที่จะไปกับท่านแล้วละ  ข้าจะไม่ท้อต่ออุปสรรคใด ๆ ได้โปรดลุกขึ้นเถอะ  จิรมลแก้ไขสถานการณ์โดยการพูดและเอื้อมมือไปคว้าโรมิโอเพื่อให้ลุกขึ้นยืนอย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้น  ทำให้ทุกคนคิดว่าเป็นการจงใจที่จะทำให้ละครสมจริงที่สุด  แต่คนที่รู้ดีคือผู้ที่เคยอ่านเรื่องนี้เป็นอย่างดี
เธอพลิกสถานการณ์ได้เหรอไม่น่าเชื่อเลย  สมกับที่มีจิตวิญญาณของการเป็นนักแสดงที่ดี  คน ๆ นี้แหละที่เราอยากได้มาเป็นนักเล่นละครของเรา  อาสาฬห์นึกพร้อมกับยิ้มอย่างมีความหวัง
เมื่อการแสดงจบลงทีมนี้จึงเรียกคะแนนความสมจริง  และเสียงปรบมือที่ดังสนั่นไปทั่วโรงละคร  ทำให้จิรมลและเพื่อนเพื่อนยิ้มแก้มปลิด้วยความยินดี  พร้อมกับเดินจูงมือออกมาคำนับท่านผู้ชมอย่างช้า ๆ เมื่อเงยหน้าขึ้นมาเพื่อน ๆ ก็ได้รับช่อดอกไม้จากผู้ปกครองกันทั่วหน้ายกเว้นจิรมล
คุณพ่อ  จิรมลนึกพร้อมกับค่อย ๆ เดินถอยหลังไปเพื่อที่จะหลบเข้าฉากไป
เอ๊ะ!!!คุณ  คุณ  ห้ามบุคคลภายนอกขึ้นไปบนเวทีนะครับ  คุณ!!!  เสียงเจ้าหน้าที่ร้องเสียงหลงพร้อมกับวิ่งมาจับอาสาฬห์  แต่ไม่ทันจะถึงตัว
คุณจิรมล  นี่ใช่ไหมสิ่งที่คุณรอคอยอยู่  อาสาฬห์พูดขึ้นพร้อมกับส่งช่อดอกไม้ให้จิรมล
ดอกมหาหงส์  คุณ  คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันชอบดอกไม้ชนิดนี้  จิรมลพูดเสียงตะกุกตะกัก  และมองช่อดอกไม้ด้วยความแปลกใจ  แล้วค่อย ๆ เอื้อมมือไปรับช่อดอกไม้  และเงยหน้าขึ้นมองคนที่เอาช่อดอกไม้มามอบให้  คุณอาสาฬห์  ประชุมเดชา  จิรมลร้องเสียงหลง
ของฝากจากคุณพ่อของคุณ  
จากคุณพ่อ  จิรมลอึ้ง  ละ  แล้ว  คุณพ่อล่ะคะ  จิรมลทำหน้าแบบงง ๆ
พ่อเธอเป็นลมที่หน้าวิก  ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล  อาสาฬห์พูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ
คุณพ่อ  จิรมลพูดขึ้น  และหมดแรงค่อย ๆ ล้มลง
นี่เธอ!!!  เป็นอะไรไปน่ะ  จิรมล  จิรมล!!!  อาสาฬห์ร้องเสียงหลงและค่อย ๆ อุ้มจิรมลเข้าไปหลังฉาก  
นี่เธอเป็นอะไรหรือเปล่า?  อึบ  ตัวหนักไม่ใช่เล่น
แม่และน้องของจิรมลเห็นเข้าจึงวิ่งเข้าไปที่ด้านหลังของเวที
ใครมียาดมบ้าง  ผมขอได้ไหม  อาสาฬห์ตะโกนด้วยความตกใจ
ครับ  ครับ  นี่ครับ  กอล์ฟส่งยาดมให้กับอาสาฬห์  
คุณโรมิโอ  ช่วยผมหน่อยนะครับ  ช่วยเอาพัดมาพัดให้เธอที  อาสาฬห์ขอร้องกอล์ฟให้ช่วยประถมพยาบาลจิรมลจนกระทั่งเธอฟื้น
คุณคะคุณช่วยพาฉันไปพบคุณพ่อทีได้ไหม  คือฉันไม่คุ้นเคยกับกรุงเทพฯ
บรื้น
อาสาฬห์ขับรถพาจิรมล  ณัฐพรและกอล์ฟไปโรงพยาบาลทันที  ส่วนแม่กับน้องของเธอก็ขับรถตามคุณอาสาฬห์ไป
               เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป  คุณพ่อจะเป็นอย่างไรบ้าง...
               โปรดติดตามตอนต่อไป				
14 กรกฎาคม 2547 20:06 น.

ฅนสองเงา

สุชาดา โมรา

โอ้โรมิโอ  โอ๊ะ  โรมิโอ  ยอดรักของข้า  ข้าคิดว่าท่านจะไม่มาหาข้าเสียแล้ว
	โอ้จูเรียตที่รักของข้า  ใยข้าจะไม่มาเล่าเจ้าหญิงของข้า  ข้าอยากจะมาหาเจ้าทุกวินาที  และอยากจะอยู่กับเจ้าทุกนาทีเพียงแต่ว่าข้าหาโอกาสมาพบเจ้ายากเหลือเกินข้าหมายจะขอเจ้าแค่เพียงเวลาเดียวเท่านั้นจะได้หรือไม่
	ใยจะไม่ได้เล่า  ท่านต้องการสิ่งใดข้าให้ท่านได้ทุกอย่าง  ทุกอย่างจริงๆ
	ชายหนุ่มในบทโรมิโอจึงคว้ามือหญิงสาวในบทจูเรียตหายเข้าไปในห้องนอนของหญิงสาวผู้นั้นม่านสีแดงก็ค่อยๆเลื่อนปิดฉากลงอย่างช้าๆ
	แป๊ะ  แป๊ะ  แป๊ะเสียงปรบมือดังสนั่นหอประชุม  แต่เสียงปรบมือที่ยังดังไม่หยุดนั้นคือเสียงปรบมือของอาจารย์ท่านหนึ่ง
แหมลูกศิษย์ของอาจารย์พิศเพลินนี่เก่งจริงๆนะคะเนี่ย  น่าเอ็นดูทีเดียว  อาจารย์ว่าวันประกวดวันพรุ่งนี้เด็กของเราจะชนะไหมเนี่ย  อาจารย์คนนี้ยิ้มละไมด้วยความภูมิใจในตัวลูกศิษย์
	ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าโรงเรียนอื่นเขาจะดีกว่าเราหรือเปล่า  เพราะเห็นเขาบอกกันว่าโรงเรียนดังๆที่กรุงเทพฯเขามีดีกรีเหนือกว่าเราเป็นไหนๆ  ไม่รู้ว่าเด็กของเราจะเข้ารอบบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้นะคะอาจารย์ประยูร
	อย่าถ่อมตัวไปเลยค่ะ  เราต้องมั่นใจในตัวเด็กของเรานะคะ  อาจารย์สองคนพากันหัวเราะชอบใจกันใหญ่
	ตึก  ตึก  ตึก  ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาในหอประชุมสวมชุดหนัง  ผมยาว  ถือซองเอกสาร  ชายคนนี้เดินมุ่งตรงมาหาอาจารย์ทั้งสองคน   ท่ามกลางผู้คนที่นั่งชมการซ้อมใหญ่
	สวัสดีครับ  คุณเป็นคนซ้อมบทให้เด็กพวกนี้ใช่ไหมครับ
	ค่ะ  อาจารย์พิศเพลินตอบด้วยท่าทางที่ไม่ไว้วางใจชายคนนั้น
	คือ  เอ่อ  เมื่อกี้ผมบังเอิญได้ดูการซ้อมใหญ่ก็เลยประทับใจมากๆ  อยากจะขอคุยกับนางเอกของเรื่องนี้หน่อยได้ไหมครับแบบว่าผมสนใจในตัวเด็กคนนี้มากเพราะเธอมีความมุ่งมั่นและตั้งใจจริงน่ะครับ  ขอร้องนะครับ  ชายคนนั้นพูดรบเร้า
	คุณเป็นใครคะ  เข้ามาที่นี่ได้ยังไงใครอนุญาติไม่ทราบ  แล้วจู่ๆคุณก็บอกว่าอยากพบลูกศิษย์ฉันนี่คุณมาทำอะไรกันนี่  อาจารย์พิศเพลินซักชายคนนั้น
	คือผมชื่ออาสาฬห์  ประชุมเดชาครับ  เป็นเจ้าของบริษัทเดย์ดิเอกโปรโมชั่น  ที่ทำเกี่ยวกับละครเวทีครับ  บังเอิญผมมาเที่ยวที่ลพบุรี  แล้วผมเห็นป้ายหน้าโรงเรียนติดอยู่ว่าจะมีการซ้อมใหญ่ผมจึงถือวิสาสะเข้ามาชมเล่นๆน่ะครับ  แล้วผมก็เกิดติดใจในตัวนางเอกของคุณ  ผมอยากให้เธอไปร่วมงานกับผมที่โรงซ้อมละครของบริษัทผม  เอ่อถ้าคุณไม่เชื่อก็นี่นามบัตรผมครับ  ชายคนนั้นยื่นนามบัตรให้อาจารย์พิศเพลินดู
เชิญคุณที่ห้องพักรับรองก่อนนะคะ  เดี๋ยวดิฉันจะไปตามเด็กมา  แล้วนี่น้ำค่ะ  
อาจารย์พิศเพลินหยิบน้ำมาวางให้แล้วก็เดินหายไปครู่หนึ่ง  และก็กลับเข้ามาพร้อมกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง
มาแล้วค่ะ  นี่จิรมล  คนที่เล่นเป็นจูเลียตเมื่อกี้นี้ค่ะ  แล้วถ้าไม่รังเกลียดดิฉันขออยู่ฟังเรื่องที่คุณจะพูดกับลูกศิษย์ของฉันนะคะ  เพราะถ้ามีปัญหาฉันจะได้ไปเคียรกับผู้ปกครองของเธอได้
เอ่อ  ไม่เป็นไรครับ  ผมไม่มีความลับอยู่แล้ว
	แอ๊ด  ปึก  เสียงประตูห้องพักรับรองปิด  จิรมลเด็กสาว  ม.6  เดินออกจากห้องนั้นพร้อมกับสีหน้าที่เบิกบาน  แล้วก็กลับเข้ามาที่หลังเวทีเพื่อที่จะเก็บข้าวของและกลับบ้าน
	ยายมล  จารย์เรียกไปทำไมอ่ะ  ณัฐพร  เพื่อนสาวของจิรมลถามด้วยอาการของเด็กช่างสงสัยและอยากรู้อยากเห็นไปเสียทุกเรื่อง
	เปล่า  ไม่มีอะไร  จิรมลตอบปฏิเสธ
	จริงอ่ะ  แน่นะ  ไม่จริงมั้งยายมล  เธอไม่อยากบอกเราละสิ  เออจำไว้ว่าเราน่ะไม่ใช่เพื่อน  ณัฐพรรู้ว่าวิธีนี้จะทำให้จิรมลตอบเธอ  เพราะเธอทำมาหลายครั้งแล้ว
	โอ๋  อย่างอนนะ  โอ๋  โอ๋  บอกก็ได้  อาจารย์ให้ไปพบคุณอาสาฬห์  อะไรเนี่ยแหละ  แล้วคุณอาสาฬห์เนี่ยเขาก็ชวนฉันให้ไปเล่นละครกับเขา  ที่บริษัทอะไรก็ไม่รู้แต่ฉันก็ยังไม่ได้ตอบตกลงนะเพราะว่าฉันต้องไปปรึกษาพ่อแม่ก่อน
	เออแม่ลูกกตัญญู  นี่ถ้าเป็นเรานะเราตอบตกลงไปแล้วละ  อิๆ  ณัฐพรพูดด้วยท่าทางที่ร่าเริง  และสีหน้าที่มีความหวัง
	ก็นั่นมันเธอนี่ยายณัฐ  นี่อย่ามัวพูดมากเลย  มาช่วยฉันเก็บของดีกว่าจะได้รีบกลับบ้าน
	จ่ะ  คุณนางเอ๊กนางเอก
	เด็กสองคนช่วยกันเก็บของจนเสร็จและก็เดินกลับบ้าน
	กลับมาแล้วค่ะ  คุณพ่อ  คุณแม่  เอเงียบจังเลยนะ  หายไปไหนกันหมดคะ  คุณพ่อ  คุณแม่  จิรมลตะโกนดังสุดเสียง  สงสัยจะไม่มีใครอยู่  แต่เอทำไมประตูบ้านเปิดล่ะ  อืม  เฮ้อ  อย่าคิดมากเลย  ท่านอาจจะไปซื้อของก็ได้นะเดี๋ยวเรากวาดเก็บบ้านแล้วก็รดน้ำต้นไม้  ทำกับข้าวไว้ให้ท่านทานดีกว่า  จิรมลกวาดเก็บบ้าน  รดน้ำต้นไม้  จากนั้นก็หุงข้าวทำกับข้าวอย่างคล่องแคล่ว
	ล้าลั่นล่าลันล้า   อืมเสร็จแล้วไม่รู้จะทานได้หรือเปล่าเนี่ย   คุณพ่อ  คุณแม่ก็ยังไม่มา  ไม่เป็นไรท่านคงติดธุระ  เดี๋ยวรออีกเดี๋ยวก็ได้  
จิรมลนั่งรอคุณพ่อ  คุณแม่ที่บันไดจนกระทั่งเวลาผ่านไป 2 ชั่วโมง  จิรมลจึงลุกขึ้นดูนาฬิกาและดูปฏิทิน
อืมวันนี้วันที่  25  ตุลาเหรอ  วันนี้วันเกิดน้องเมย์นี่  โอเราลืมไปเลยเหรอเนี่ย  เรานี่แย่จริงๆ  จิรมลนึก  และเธอก็เดินไปปิดประตูบ้าน  จากนั้นก็เดินไปอาบน้ำแต่งตัวและนั่งเย็บตุ๊กตาหมีให้น้องสาวต่างมารดาของเธออย่างตั้งอกตั้งใจ  เมื่อทำเสร็จเธอก็ห่อของขวัญเป็นรูปพี่ระมิดอย่างสวยงามเขียนการ์ดติดไว้  และนำมาวางไว้ที่หัวเตียงในห้องนอนของน้องเมย์
คุณพ่อ  คุณแม่คงพาน้องเมย์ไปทานอาหารนอกบ้านมั้ง  เฮ้อในเมื่ไม่มีใครอยู่  ไม่มีใครทานอาหารที่เราเตรียมไว้ก็เก็บซะเลยดีกว่านะ  ไม่กงไม่กินมันแล้ว  ไปอ่านหนังสือดีกว่า  จิรมลนึก  จากนั้นจึงเดินไปหยิบหนังสือมาอ่านจนกระทั่งหลับไป
ติ๊งต่อง  ติ๊งต่อง  เสียงออดดังขึ้นจิรมลจึงลุกขึ้นอย่างงัวเงียๆและเดินลงมาจากบนบ้านเพื่อมาเปิดประตูให้คุณพ่อ  คุณแม่
ขอโทษทีนะลูกที่พ่อไม่ได้บอกลูก  พ่อมีงานด่วนมาก  เอแล้วคุณแม่ล่ะมาหรือยัง  คุณพ่อพูดขึ้นพร้อมกลิ่นสุรา
อ้าว  ไม่ได้ไปด้วยกันหรือคะ
เปล่านี่  ก็แม่เขาพาน้องเมย์ไปหาคุณแม่ของเขา  ส่วนพ่อติดประชุมน่ะเลยไม่ได้ไปด้วย  แล้วเรากินข้าวหรือยัง
ยังค่ะ  แต่หนูไม่หิวค่ะไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ จิรมลตอบ  เนี่ยเหรอบอกว่าติดประชุมแต่ทำไมถึงมีกลิ่นเหล้าด้วยล่ะ  เฮ้อ  จิรมลนึก
บรื้น  รถคันเก๋งหนึ่งจอดหน้าบ้าน  ปึก  ปึก  เสียงประตูรถปิดสองครั้ง
คุณแม่  จิรมลร้องขึ้น
แม่ขอโทษจ่ะลูกที่ไม่ได้พาลูกไปด้วยแต่ถ้าลูกไปมันจะน่าเกลียดนะเพราะแม่ของน้องเมย์ เขามาหาลูกเขา  และนี่ก็วันเกิดน้องด้วย  อือลูกไปไปนอนได้แล้วนี่มันตี1แล้วเดี๋ยวจะตื่นสาย  ไม่ดีนะลูกเดี๋ยวพรุ่งนี้ไม่สวยนะ  พรุ่งนี้จะแสดงแล้วนี่  ใช่ไหม
ค่ะ  แต่คุณแม่คะใครมาส่งเหรอคะ  จิรมลถามอย่างสงสัย
ก็คุณน้ามาลีไงลูก  แม่ตอบ  
จิรมลเดินไปนอน  ด้วยความอ่อนเพลีย
พี่มล  พี่มล  น้องเมย์ตะโกนดังขึ้น
มีอะไรจ๊ะลูกอย่าไปกวนพี่เขาพี่เขาจะนอน  คุณแม่พูดขึ้น
พี่มลเขาทำตุ๊กตาหมีให้หนูค่ะ  หนูจำได้ว่าพี่เขาทำเพราะพี่เขามีฝีมือ  หนูเห็นผ้าผืนนี้ในห้องของพี่มลค่ะ  หนูอยากขอบคุณพี่มลค่ะ  น้องเมย์พูดขึ้น
เอาไว้พรุ่งนี้เราไปชมละครพี่เขาแล้วค่อยบอกพี่เขานะ  แม่พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน ไปปิดไฟนอนเร็วลูก  เดี๋ยวตื่นสายนะ
เร็วลูก  ตื่นหรือยังอาจารย์เขามารอหน้าบ้านแล้ว  แม่ตะโกนบอกให้จิรมลตื่นและรีบมาขึ้นรถแต่เช้ามืด
ตึก  ตึก  ตึกจิรมลวิ่งกระหืดกระหอบออกมาขึ้นรถของอาจารย์ที่มาจอดรอตั้งแต่เช้ามืด  ก่อนไปจิรมลหันกลับมามองบ้านและเห็นพ่อยืนยิ้มละไมอยู่  จิรมลจึงยิ้มอย่างมีความมุ่มมั่นและเดินขึ้นรถไป
เดี๋ยวแม่กับพ่อจะตามไปนะลูก  โชคดีนะ  แม่ยืนโบกมือให้ลูกจนรถคันนั้นลับสายตาไป
เร็วๆคุณ  เหยียบเร็วๆกว่านี้ได้ไหม  เดี๋ยวไปไม่ทัน  แม่เร่งให้พ่อขับรถเร็วกว่านี้
จ่ะๆ  ก็รถมันติดนี่  พ่อค้านเสียงหลง
ใกล้จะถึงเวลาแสดงของกลุ่มจิรมลแล้ว  จิรมลยืนกระวนกระวายใจทำอะไรไม่ถูก  ไหนจะความตื่นเต้นที่ประดังอยู่ในใจเพราะคู่แข่งแต่ละทีมนั้นฝีมือดี  และไหนจะต้องการกำลังใจจากพ่อและแม่อีก
คุณพ่อสัญญาแล้วนะว่าจะมาให้ทันเวลา  จิรมลนึกไปชะเง้อคอไปด้วยความกระวนกระวายใจ
ยายมล  ยายมล  ณัฐพรเรียกจนสุดเสียง  จิรมลสะดุ้งสุดตัวทีเดียว
มีอะไรเหรอ
อาจารย์ให้มาตามไปท่องบทน่ะ
ตึก  ตึก  ตึก  พ่อ  แม่  และน้องเมย์วิ่งกระหืดกระหอบเข้าไปที่โรงละคร
แม่  พ่อลืมซื้อดอกไม้ไว้ให้ลูก  เดี๋ยวพ่อมานะ
โธ่คุณ  แม่ร้องเสียงหลง  รีบๆมานะคะ  นี่ตั๋วค่ะ  แม่สอดตั๋วที่นั่งวีไอพีใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อสูทตัวนอก

                       คุณพ่อจะมาทันหรือไม่  จิรมลจะทำอย่างไร...
                       โปรดติดตามตอนต่อไปในคราวหน้า				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุชาดา โมรา
Lovings  สุชาดา โมรา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุชาดา โมรา
Lovings  สุชาดา โมรา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุชาดา โมรา
Lovings  สุชาดา โมรา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงสุชาดา โมรา