31 ธันวาคม 2552 10:20 น.
				
												
				
								อนงค์นาง
		
					
				
พรใดที่ประเสริฐเลิศสุขศรี
ขอจงมีแด่เพื่อนไม่เลือนหาย 
คิดสิ่งใดสมหวังทั้งใจกาย 
โรคภัยหายปลอดภัยไร้โรคา
ขอให้มีความรักที่สดใส 
อบอุ่นใจทุกวันฝันสุขหนา 
ทำการงานรุ่งเรืองปราดเปรื่องนา
สุขถ้วนหน้าทำบุญหนุนศีลธรรม
				
			 
			
				20 ธันวาคม 2552 09:20 น.
				
												
				
								อนงค์นาง
		
					
				
้
เหมือนเรือน้อยลอยคว้างกลางสมุทร 
พายไม่หยุดแม้คลื่นฟ้าครืนหา 
สองมือตนจับพายส่ายไปมา 
ลมแรงกล้าฝ่าฝนเปียกปนกาย 
แม้หนาวสั่นหวั่นไหวไม่ยอมแพ้ 
สายตาแลรอบข้างอ้างว้างหาย 
เพื่อนบ้านกลอนสอนใจให้มากมาย 
อบอุ่นคล้ายมิตรแท้เผื่อแผ่กัน 
มีเธอพายเรือช่วยด้วยความรัก 
อาทิตย์จักส่องจ้าท้าทายฝัน
พายุฝนหม่นหมองใจคล้องพัน 
สายลมนั้นเย็นพลิ้วลอยลิ่วลา 
ยังรอคอยความหวังที่ฝังจิต 
เฝ้าครวญคิดด้วยใจใช่เพ้อหา 
ไม่เคยลืมยังจำคำสัญญา 
วอนผ่านฟ้ารักแท้อย่าแพ้ใจ				
			 
			
				8 ธันวาคม 2552 16:53 น.
				
												
				
								อนงค์นาง
		
					
				
 ขอบูชาองค์สัมมาพระพุทธเจ้า 
ร่ายรำเข้าท่าทางเยื้องย่างสง่า 
ถือประทีปส่องธรรมช่วยนำพา 
ศีลทั้งห้ารักษาศรัทธาแรง
 
ศิลปการรำงามล้ำค่า 
ชวนรักษาคงไว้อีกแขนง 
ฝึกฝนเรียนวิชาก่อนแสดง 
ยามค่ำแลงบูชามาขอพร
คุณครูกั้บฝึกรำจดจำท่า 
ศิษย์ขอมาเรียนด้วยช่วยสั่งสอน 
วัดไทยเป็นศูนย์กลางทางสัญจร 
ขอไหว้วอนทำบุญหนุนวิชา 
ฟ้อนผางประทีป เป็นศิลปะการฟ้อนที่มีมาแต่โบราณ เป็นการฟ้อนเพื่อบูชาองค์สัมมาสัมพุทธเจ้า ลีลาการฟ้อนดำเนินไปตามจังหวะของการตีกลองสะบัดชัย มือทั้งสองจะถือประทีปหรือผางผะตี้บ แต่เดิมใช้ผู้ชายแสดง ต่อมานายเจริญ จันทร์เพื่อน ผู้อำนวยการวิทยาลัยนาฏศิลปเชียงใหม่ ดำริให้คณะครูอาจารย์หมวดวิชานาฏศิลป์พื้นเมืองเป็นผู้ประดิษฐ์ท่ารำให้ เหมาะสมกับผู้หญิงแสดง โดยได้รับความอนุเคราะห์จากนายมานพ ยาระณะ ศิลปินพื้นบ้านเป็นผู้ถ่ายทอดท่าฟ้อนและให้คำแนะนำเกี่ยวกับท่ารำโดยมีนาย ปรีชา งามระเบียบอาจารย์ 2 ระดับ 7รักษาการในตำแหน่งผู้ช่วยผู้อำนวยการวิทยาลัยนาฏศิลปเชียงใหม่(ฝ่ายกิจกรรม ) เป็นผู้ควบคุมการประดิษฐ์ท่ารำ
การแต่งกายและทำนองเพลง
ลักษณะ การแต่งกายแต่งแบบชาวไทยลื้อ สวมเสื้อป้ายทับข้าง เรียกว่า “เสื้อปั๊ด” หรือ “เสื้อปั๊ดข้าง” ขลิบริมด้วยผ้าหลากสีเป็นริ้ว นุ่งผ้าซิ่นเป็นริ้วลายขวาง ประดับด้วยแผ่นเงิน รัดเข็มขัดเงินเส้นใหญ่ ติดพู่แผงเงิน ใส่ต่างหูเงินและสวมกำไลข้อมือเงิน
สำหรับทำนองเพลงที่ใช้ ประกอบการแสดงชุดฟ้อนผางให้ชื่อว่า “เพลงฟ้อนผาง” แต่งโดยนายรักเกียรติ ปัญญายศ อาจารย์ 3 ระดับ 8 หมวดวิชาเครื่องสายไทย
วิทยาลัยนาฏศิลปเชียงใหม่
พระ
ขอบูชาองค์สัมมาพระพุทธเจ้า 
ร่ายรำเข้าท่าทางเยื้องย่างสง่า 
ถือประทีปส่องธรรมช่วยนำพา 
ศีลทั้งห้ารักษาศรัทธาแรง
 
ศิลปการรำงามล้ำค่า 
ชวนรักษาคงไว้อีกแขนง 
ฝึกฝนเรียนวิชาก่อนแสดง 
ยามค่ำแลงบูชามาขอพร
คุณครูกั้บฝึกรำจดจำท่า 
ศิษย์ขอมาเรียนด้วยช่วยสั่งสอน 
วัดไทยเป็นศูนย์กลางทางสัญจร 
ขอไหว้วอนทำบุญหนุนวิชา 
ฟ้อนผางประทีป เป็นศิลปะการฟ้อนที่มีมาแต่โบราณ เป็นการฟ้อนเพื่อบูชาองค์สัมมาสัมพุทธเจ้า ลีลาการฟ้อนดำเนินไปตามจังหวะของการตีกลองสะบัดชัย มือทั้งสองจะถือประทีปหรือผางผะตี้บ แต่เดิมใช้ผู้ชายแสดง ต่อมานายเจริญ จันทร์เพื่อน ผู้อำนวยการวิทยาลัยนาฏศิลปเชียงใหม่ ดำริให้คณะครูอาจารย์หมวดวิชานาฏศิลป์พื้นเมืองเป็นผู้ประดิษฐ์ท่ารำให้ เหมาะสมกับผู้หญิงแสดง โดยได้รับความอนุเคราะห์จากนายมานพ ยาระณะ ศิลปินพื้นบ้านเป็นผู้ถ่ายทอดท่าฟ้อนและให้คำแนะนำเกี่ยวกับท่ารำโดยมีนาย ปรีชา งามระเบียบอาจารย์ 2 ระดับ 7รักษาการในตำแหน่งผู้ช่วยผู้อำนวยการวิทยาลัยนาฏศิลปเชียงใหม่(ฝ่ายกิจกรรม ) เป็นผู้ควบคุมการประดิษฐ์ท่ารำ
การแต่งกายและทำนองเพลง
ลักษณะ การแต่งกายแต่งแบบชาวไทยลื้อ สวมเสื้อป้ายทับข้าง เรียกว่า “เสื้อปั๊ด” หรือ “เสื้อปั๊ดข้าง” ขลิบริมด้วยผ้าหลากสีเป็นริ้ว นุ่งผ้าซิ่นเป็นริ้วลายขวาง ประดับด้วยแผ่นเงิน รัดเข็มขัดเงินเส้นใหญ่ ติดพู่แผงเงิน ใส่ต่างหูเงินและสวมกำไลข้อมือเงิน
สำหรับทำนองเพลงที่ใช้ ประกอบการแสดงชุดฟ้อนผางให้ชื่อว่า “เพลงฟ้อนผาง” แต่งโดยนายรักเกียรติ ปัญญายศ อาจารย์ 3 ระดับ 8 หมวดวิชาเครื่องสายไทย
วิทยาลัยนาฏศิลปเชียงใหม่
พระ				
			 
			
				8 ธันวาคม 2552 15:58 น.
				
												
				
								อนงค์นาง
		
					
				
อนาคตเยาวชนของคนไทย 
อยู่ที่ไหนตอบด้วยช่วยกันถาม 
แหล่งบันเทิงมากมายใจหายตาม 
ปัญหาลามทุกด้านสงสารจริง 
การจับคู่ชู้ชื่นสะอื้นจิต 
อารมณ์คิดวุ่นวายทั้งชายหญิง 
ชอบชิงสุกก่อนห่ามลุกลามยิ่ง 
แล้วปล่อยทิ้งกันไปไม่ใยดี 
ถึงเวลาบรรดาประชาราษฎร์ 
ช่วยเก็บกวาดบ้านเมืองประเทืองศรี 
เยาวชนคนไทยในปฐพี 
พ่อแม่ดีครูช่วยด้วยน้ำใจ
อยากให้สนใจเรียนพากเพียรอ่าน
ทำงานบ้านช่วยกันฝันสดใส 
ห้องสมุดควรสร้างไม่ห่างไกล 
วัดวาให้เข้ากันหมั่นทำดี 
อย่าไปในที่เล่นไม่เห็นเหมาะ 
ทิ้งเรียนเกาะกันเที่ยววิ่งเปรี้ยวหนี 
เข้าผับบาร์ท้ากันฟันแทงมี 
ตายไม่ดีหยุดทำมันลำเค็ญ 
อยู่หอพักรักเรียนไม่เพียรรัก 
คนน่ารักพักใจไม่ให้เห็น 
เรียนจบแล้วทำงานช่วยบ้านเป็น 
ใจควรเย็นไว้ก่อนอย่าร้อนไป 
จับมือกันสานฝันในวันนี้ 
ช่วยเด็กที่หลงเพลินให้เดินใหม่ 
ผู้ใหญ่อย่างเรานี้ขอพลีให้ 
เยาวชนไทยรุ่นใหม่ได้พัฒนา